รูปแบบการเชื่อมต่อแลนไร้สายแบบ peer to peer เป้นการเชื่อมต่อแบบโครงข่ายโดยตรงโดยเครื่องคอมพิวเตอร๋แต่ละเครื่องนั้นจะมีความเท่าเทียมกัน สามารถทำงานของตนเองมาขอใช้บริการของเครื่องอื่นได้จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้งานเพื่อจุดประสงค์ด้านความรวดเร็วหรือติดตั้งได้โดยง่าย เมื่อไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับ peer to peer เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็ก เหมาะกับหน่วยงานที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 10 เครื่อง ที่มา : http://th.jobsdb.com/ peer to peer คือ - ระบบที่อนุญาติให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันหรือใช้ทรัพยากรร่วมกันผ่านระบบเครือข่าย - ระบบการสื่อสารจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยตรง - ฯลฯ การแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยไม่ได้ร้องขอไฟล์จากแม่ข่ายเรียกว่า " P2P file sharing " โปรแกรมนี้มีมากมายหลายตัวด้วยกัน เช่น Emule, Kazaa ,Edonkey ฯลฯ หลักการทำงานคร่าว ๆ ของโปรแกรม 1. เชื่อมต่อเป็นแม่ข่ายเพื่อยืนยันตัวตนแส่งสารบัญไฟล์ที่เราแชร์ไว้ไปด้วย 2. หากเราต้องการหาไฟล์สักไฟล์หนึ่งเมื่อเราระบุ Keyword** โปรแกรมจะส่งคำร้องไปยังแม่ข่าย จากนั้นแม่ข่ายจะส่งรายชื่อไฟล์พร้อมข้อมูลตัวตนของคนที่มีไฟล์ที่ตรงกับ Keyword** ที่เราระบุกลับมา 3. เมื่อเราพบไฟล์ที่ต้องการแล้วตัวโปรแกรมจะใช้ข้อมูลที่ได้จากแม่ข่ายติดต่อไปยังคนนั้นๆ โดยตรงเมื่อร้องขอไฟล์ ที่มา : http://bbs.exp.in/thread-154-1-1.htm. Bit Torrent คือวิธีการแบ่งไฟล์กันและกัน ส่งให้เพื่อน รับจากเพื่อนในลักษณะของ P2P ( peer to peer ) คือไม่จำเป็นต้องมีไฟล์นอนอยุ่ที่ server เหมือนเมื่อก่อนที่ผู้ใช้สามารถแชร์กันได้โดยตรง * Seeder คือผู้ที่แจกไฟล์เป็นคนแรกเพื่อส่งต่อให้คนอื่นๆ โดยทำเป็น torrent * Leecher คือ ผู้ดูด ถ้าดูดครบ 100 % แล้วยังไม่ปิดก็จะเลือกฐานะกลายเป็น Seeder คนต่อไป ทันที * Torrent คือ ไฟล์ตัวเล็กๆ ที่บรรจุข้อมูล hash ของไฟล์ที่จะแชร์ * Peer คือ จำนวนผู้ที่มีการติดต่อกันในขณะนั้น *Swamp คือ จำนวน peer ทั้งหมดที่ดูด Torrent อยู่ในขณะนั้น *tracker คือตัวกลางที่ทำหน้าที่บอกว่าไฟล์อยู่ตรงไหน ดูดไปเท่าไหร่ ส่งออกไปเท่าไหร่ ทำหน้าที่เหมือน โอปะเรเตอร์คอยโทรศัพท์ *Passkey คือรหัสประจำตัว เวลาไปโหลด Torrent เราจะเห็นตรงแท็กเกอร์ (Tracker) เป็นอักษรยาวๆตัวนี้จะเป็นตัวบอกว่า ดูดเท่าไหร่ ปล่อยเท่าไหร่ เพื่อกำหนด Ratio ของเราป้องกันพวกดูเสร็จแล้วหนี ต้องรักษาไว้ให้ดี *Ratio คือ อัตราส่วนการปล่อย และการดูด ดูดมาเท่าไร ต้องปล่อยไปเท่านั้นในกรณีที่มีแต่ค่าอัพโหลด ไม่มีค่าดาวโหลด จะถือว่าค่าดาวโหลดมีค่า เท่ากับ 0 และเป็นผลทำให้ Ratio มีค่าเท่ากับ Inf Show ที่มา : http://merfo:biogspot.com/2009/07/p2p.htrp ประโยชน์ของระบบเครื่อข่าย Peer to Peer 1.ติดตั้งง่าย ค่าใช้จ่ายน้อย 2.ไม่จำเป็นต้องมีการดูแล หรือผู้ชำนาญการสูง 3.สามารถดูข้อมูล แลหเปลี่ยน และแชร์การใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกันได้ 4.สามารถแชร์เครื่องพิมพ์ CD-ROM ร่วมกันได้ด้วย 5. ไม่จำเป็นต้องมี Server (คอมพิวเตอร์แม่) ที่มา : http://blog.eduzones.com/jazz/1153 Peer to Peer แบ่งได้ 3 แบบ คือ *Pure Peer to Peer มีลักษณะที่ตรงกันข้ามกับโมเดแบบศูนย์กลางตรงที่ทุกๆ เพียร์ สามารถติดต่อและแลกเปลี่ยนกันได้โดยตรง จุดเด่นของโมเดลนี้มีความสามารถขยายเครื่อข่าย ,ความคงทน,โดยท่ามีเพียร์เสียหรือออกไปจากระบบจะไม่ส่งผลกระทบโดยรวม *Hybrid Peer to Peer โมเดลนี้จะมีเครี่องเซริฟเวอร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมรายละเอียดของข้อมูลที่อยู่ภายในเครื่อข่าย การส่งข้อมูลเป็นแบบเดียวกับ Pure P2P โมเดลนี้ช่วยลดปัญหาเรื่องการจัดการข้อมูลที่ทำได้ยาก ในโมเดลแบบ Pure P2P *Super Peer เป็นโมเดลใหม่ที่เพิงจะเกิดขึ้นเป็นการเอาระบบแบบศูนย์กลาง ไปรวมอยู่ในระบบแบบกระจาย และจะช่วยลดปริมาณในการจัดการของเซริฟเวอร์ ช่วยเพิ่มความสามารถเรื่องการขยายขนาด P2P (Peer-to-peer) ระบบเครือข่ายหมายถึงเมื่ออุปกรณ์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปเชื่อมต่อกันเพื่อถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกันโดยไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์
เครือข่ายเพียร์ทูเพียร์เป็นหนึ่งในสาขาไอทีที่เติบโตเร็วที่สุด มีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สำคัญบางอย่างในวิธีที่เราสื่อสาร แชร์ไฟล์ และทำธุรกิจออนไลน์ เครือข่าย P2P ช่วยให้ผู้ที่มีความสนใจคล้ายกันสามารถเชื่อมต่อได้โดยตรงโดยไม่ต้องมีคนกลาง เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นๆ แอปพลิเคชั่นยอดนิยมที่ใช้การเชื่อมต่อประเภทนี้คือโปรโตคอล BitTorrent ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาจากกันและกันแทนที่จะดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ผู้คนได้ใช้เทคโนโลยีแบบเพียร์ทูเพียร์ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 เพื่อการแบ่งปันเพลง และมันได้เติบโตขึ้นเป็นปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ที่สัมผัสหลายแง่มุมของชีวิตประจำวัน บทความนี้สำรวจเครือข่าย p2p ว่ามันทำงานอย่างไร และเหตุใดจึงสำคัญ P2P ทำงานอย่างไรการประมวลผลหรือเครือข่ายแบบ Peer-to-peer (P2P) เป็นสถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันแบบกระจายที่แบ่งพาร์ติชันงานหรือปริมาณงานระหว่างเพียร์ เพื่อนร่วมงานมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ผู้เข้าร่วมเท่าเทียมกันในแอปพลิเคชัน มีการกล่าวกันว่าสร้างเครือข่ายโหนดแบบเพียร์ทูเพียร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอาจใช้หลายเพียร์ภายในเครือข่ายเสมือนบนระบบคอมพิวเตอร์ หลักการพื้นฐานเบื้องหลังการประมวลผลแบบเพียร์ทูเพียร์คือการลดการใช้ทรัพยากรร่วมกันบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ องค์กร บริษัท หรือทางอินเทอร์เน็ตสามารถใช้ประโยชน์จากการประมวลผลแบบเพียร์ทูเพียร์เพื่อแบ่งปันทรัพยากรและสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โมเดลเพียร์ทูเพียร์นั้นแตกต่างอย่างมากจากโมเดลไคลเอนต์ - เซิร์ฟเวอร์ที่การสื่อสารขึ้นอยู่กับฮับกลาง - ไม่มีฮับใด ๆ - ทุกโหนดสามารถสื่อสารกับโหนดอื่น ๆ ได้โดยตรงรวมถึงผ่านตัวกลาง โมเดลของการจัดเรียงเครือข่ายนี้แตกต่างจากโมเดลไคลเอ็นต์-เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งโดยปกติแล้วการสื่อสารไปและกลับจากเซิร์ฟเวอร์กลาง เครือข่ายที่ไม่มีโครงสร้างแบ่งปันการเชื่อมต่อโดยตรงสำหรับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเพื่อช่วยให้ไคลเอนต์เข้าร่วม P2P ใช้สำหรับอะไร?การคำนวณแบบกระจายเป็นแนวคิดที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์หลายเครื่องสำหรับงานเดียว ส่งผลให้กระบวนการเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประเภทของระบบที่ตั้งค่าไว้สำหรับสิ่งนี้มักจะเรียกว่า "peer-to-peer" (P2P) เนื่องจากแต่ละหน่วยมีผู้เข้าร่วมเท่าเทียมกันในการแลกเปลี่ยน อันที่จริง ระบบโอเพ่นซอร์สจำนวนมากได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงระบบประเภทนี้ ในกรณีส่วนใหญ่ เครือข่ายเพียร์ทูเพียร์เหล่านี้เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลตามบริการที่นำเสนอ เช่น การแชร์ไฟล์ระหว่างผู้เข้าร่วม เมื่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทำงานร่วมกันเพื่อทำงานที่ใหญ่กว่า จะเรียกว่าการคำนวณแบบกระจาย การคำนวณแบบกระจายกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการเล่นเกม เสิร์ชเอ็นจิ้นที่ผู้ใช้สร้างขึ้นให้พลังการประมวลผลภายในเครือข่ายท้องถิ่น เครือข่ายที่มีโครงสร้าง แบนด์วิดท์เครือข่าย เครือข่ายทางกายภาพ และเครือข่ายทั้งหมดสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต P2P คือวิธีการแชร์ไฟล์ที่ใช้ในการส่งและรับข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับ BitTorrent ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ P2P สามารถแชร์ไฟล์ระหว่างกันได้ p2p ยังพบเห็นได้ในระบบเครือข่ายหลายประเภท ไม่ได้จำกัดแค่ไฟล์เพลงและวิดีโอเท่านั้น ระบบประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับประเภทข้อมูลทุกประเภท เช่น ข้อความ เพลง วิดีโอ และแม้แต่เอกสารที่มีความละเอียดอ่อนสูงที่ใช้ในแอปพลิเคชันของรัฐบาลหรือองค์กร ประโยชน์ของการใช้ P2Pอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางสำหรับแชร์ไฟล์ต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ เพลง และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทำให้สามารถดาวน์โหลดข้อมูลจากผู้ใช้หลายรายพร้อมกันได้ ซึ่งเรียกว่าการแชร์ไฟล์แบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P) ประโยชน์ของการใช้ P2P ได้แก่: เพิ่มความเร็ว:ความเร็วที่คุณดาวน์โหลดไฟล์จากอินเทอร์เน็ตจะเร็วกว่ามากเมื่อใช้ P2P เนื่องจากไม่ได้อาศัยแหล่งเดียว นอกจากนี้ยังมีเซิร์ฟเวอร์เฉพาะที่จัดทำดัชนีไฟล์ P2P ต่างๆ ทำให้ค้นหาไฟล์บางประเภทได้ง่ายขึ้น ที่ราคาไม่แพงการถือกำเนิดของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ทำให้สามารถใช้ P2P เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ได้โดยไม่กระทบต่อขีดจำกัดการดาวน์โหลดในแผนอินเทอร์เน็ตของคุณ นี่เป็นเพราะ P2P ใช้ประโยชน์จาก "leechers" (เพื่อนร่วมงานที่ยังไม่มีไฟล์ที่สมบูรณ์) เพื่อเพิ่มความเร็วโดยรวมของการดาวน์โหลดไฟล์เดียว มีประสิทธิภาพมากกว่า:ไม่เหมือนกับวิธีอื่นๆ ที่คุณดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งเดียวซึ่งมักจะโอเวอร์โหลด P2P จะกระจายไฟล์ที่คุณกำลังดาวน์โหลดระหว่างผู้ใช้ต่างๆ ซึ่งหมายความว่าคอมพิวเตอร์ของคุณดาวน์โหลดข้อมูลแบบขนานซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการดาวน์โหลดในโหมดเดียว เสรีภาพในการแบ่งปัน:เครือข่าย P2P อนุญาตให้บุคคลแชร์ไฟล์โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากบุคคลที่สาม (เช่น ค่ายเพลงและผู้ผลิตภาพยนตร์) การแชร์ไฟล์ไม่ได้ถูกจำกัด และบุคคลทั่วไปสามารถแชร์ไฟล์ใดก็ได้ที่ต้องการ ความท้าทาย:ผู้ใช้ P2P ไม่ทราบที่มาของไฟล์ที่ดาวน์โหลดเสมอไป เนื่องจากผู้ใช้รายเดียวสามารถอัปโหลดไฟล์ต่างๆ ด้วยที่อยู่ IP แยกกันได้ ซึ่งหมายความว่าอาจเป็นไปได้ที่จะเผยแพร่เนื้อหาที่ผิดกฎหมายผ่านเครือข่าย P2P เช่น ภาพยนตร์และเพลงที่ดาวน์โหลดจากบุคคลที่สาม นอกจากนี้ โปรแกรมแชร์ไฟล์ P2P มักมีมัลแวร์ที่จะติดคอมพิวเตอร์ของคุณ เนื้อหาไม่เหมาะสม:หลายคนใช้เครือข่าย P2P เพื่อดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก หรือแม้แต่แบ่งปันเนื้อหาลามกอนาจารระหว่างเพื่อนและครอบครัวซึ่งไม่เหมาะสำหรับเด็กที่จะดู |