ไมค์โน๊ตบุ๊คใช้ไม่ได้ windows 10

Z7_3054ICK0KGTE30AQO5O3KA30U5

hp-support-head-portlet

ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า HP - ฐานความรู้

Z7_41I02JG0KOLGD0QK67BGRL1004

hp-contact-secondary-navigation-portlet

ฝ่ายบริการลูกค้า

เลือกรุ่นผลิตภัณฑ์ของคุณ

นโยบายความเป็นส่วนตัว © Copyright 2022 HP Development Company, L.P.

Z7_3054ICK0KGTE30AQO5O3KA3014

hp-share-print-widget-portlet

• ข้อมูล

  เรียนรู้วิธีอัปเกรดเป็น Windows 11

  คู่มือการอัปเกรด Windows 11

• ข้อเสนอแนะ

Z7_3054ICK0KGTE30AQO5O3KA30N0

hp-concentra-wrapper-portlet

หน้านี้ได้รับการแปลอัตโนมัติโดย Microsoft Translator

หากไมโครโฟนไม่ทำงาน เสียงเบาเกินไปหรือมีปัญหาอื่นๆ เกี่ยวกับระบบเสียง ให้แก้ไขปัญหาจนกว่าจะได้รับการแก้ไข

ตรวจสอบฟังก์ชันฮาร์ดแวร์ของไมโครโฟน

ตรวจสอบว่าไมโครโฟนมีไฟเลี้ยง เปิดใช้งาน และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้อง

1. หากไมโครโฟนทำงานโดยใช้แบตเตอรี่ ตรวจสอบว่าใส่แบตเตอรี่อย่างถูกต้อง และสามารถทำงานได้ตามปกติ หากไมโครโฟนใช้แหล่งจ่ายไฟต่อพ่วง ตรวจสอบว่าการเชื่อมแหล่งไฟแน่นดี และสายไฟต่ออยู่กับแหล่งจ่ายไฟ

2. หากไมโครโฟนมีระบบควบคุมเสียง ให้เปิดเสียงไว้ครึ่งหนึ่ง

3. ถอดไมโครโฟนออกจากคอมพิวเตอร์

   ข้อควรระวัง:

   ให้ทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ออกจากคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ USB บางอุปกรณ์จะต้องปิด และ/หรือนำออกก่อนถอดจากคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ USB อื่นๆ อาจรองรับคุณสมบัติ การถอดฮาร์ดแวร์ออกอย่างปลอดภัย ของ Windows

4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้วต่อไมโครโฟนรองรับการทำงานกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

   • ช่องเสียบ USB รองรับไมโครโฟน หูฟัง และชุดหูฟังพร้อมไมโครโฟน

   • ช่องเสียบแจ็ค ที่มี 4 Pin รองรับไมโครโฟน หูฟัง และชุดหูฟังพร้อมไมโครโฟน ช่องเสียบแจ็คที่มี 3 Pin มีไว้เฉพาะไมโครโฟนเท่านั้น

     

     หมายเหตุ:

     การใช้อะแดปเตอร์สำหรับช่องเสียบที่ไม่รองรับกับคอมพิวเตอร์ HP อาจส่งผลต่อคุณภาพของเสียง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมีปัญหาแต่อย่างใด

     

5. ค้นหาพอร์ตคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องสำหรับไมโครโฟนของคุณ

   หมายเหตุ:

   เครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป: ใช้พอร์ตที่ด้านหลังคอมพิวเตอร์ (พอร์ตที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเมนบอร์ด)

   เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก: ใช้พอร์ตที่ตัวโน้ตบุ๊กเอง (ห้ามใช้แท่นต่อพ่วง)

   • พอร์ต USB ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ USB 2.0 และ 3.0

   • พอร์ตช่องเสียบดิจิตอล จะแสดงไอคอนหูฟังพร้อมไมโครโฟน

     
     และรองรับหูฟัง ชุดหูฟัง และไมโครโฟน

     คอมพิวเตอร์รุ่นเก่าอาจมีพอร์ตเฉพาะสำหรับไมโครโฟน

     
     และหูฟัง
     
     ระบุพอร์ตโดยใช้ไอคอนที่ติดกัน

   • พอร์ตช่องเสียบแอนะล็อก ในคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปจะมีรหัสสี สีที่พบทั่วไปคือ สีชมพู (mic) สำหรับไมโครโฟน สีเขียว (out) สำหรับชุดหูฟังและ สีน้ำเงิน (in) สำหรับอุปกรณ์ผลิตเสียง เช่น เครื่องเล่น DVD

     

6. ต่อไมโครโฟนเข้ากับพอร์ตที่ถูกต้องบนคอมพิวเตอร์ จากนั้นทดลองใช้งาน สำหรับไมโครโฟน USB คุณสามารถลองเชื่อมต่อไมโครโฟนเข้ากับพอร์ต USB อื่นบนคอมพิวเตอร์

7. ต่อไมโครโฟนเข้ากับอุปกรณ์อื่น เช่น คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น จากนั้นทดลองใช้งาน

อัพเดตไดร์เวอร์เสียงใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

ไดรเวอร์เสียงรุ่นเก่าอาจทำให้อุปกรณ์ทำงานไม่ถูกต้อง ตรวจสอบและติดตั้งข้อมูลอัพเดตไดรเวอร์เสียง

1. เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

2. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

3. ดับเบิลคลิกที่ Sound, video and game controllers (ระบบควบคุมเสียง วิดีโอและเกม)

4. คลิกขวาที่ชื่อฮาร์ดแวร์เสียง และเลือก Update driver (อัพเดตไดรเวอร์)

   

5. เลือก Search automatically for updated driver software (ค้นหาซอฟต์แวร์ไดรเวอร์อัพเดตอัตโนมัติ) จากนั้นรอให้ Windows ค้นหา

   

6. หากมีข้อมูลอัพเดตซอฟต์แวร์ ให้ Windows ติดตั้ง

เรียกใช้ Windows Update:

การเรียกใช้ Windows Update จะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ และข้อมูลอัพเดตไดรเวอร์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ

เรียกใช้ Windows Update:

อัปเดตคอมพิวเตอร์ Windows 11 หรือ Windows 10 ของคุณโดยใช้ Windows Update

1. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Check for update (ตรวจหาข้อมูลอัปเดต)

   หากมีข้อมูลอัปเดตพร้อมใช้งาน การอัปเดตจะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติ

   หมายเหตุ:

   ดาวน์โหลดและติดตั้งข้อมูลอัพเดตเผื่อเลือกได้ตามคําแนะนําต่อไปนี้สําหรับระบบปฏิบัติการของคุณ:

   • ใน Windows 11 เลือกตัวเลือก ขั้นสูง > การปรับปรุงที่จะติดตั้งหรือไม่ก็ได้ เลือกโปรแกรมอัพเดตที่คุณต้องการติดตั้ง แล้วคลิก Download & install (ดาวน์โหลดและติดตั้ง)

   • จาก Windows 10 เลือก View all optional updates (ดูข้อมูลอัพเดตเผื่อเลือกทั้งหมด) เลือกข้อมูลอัพเดตที่ต้องการติดตั้ง จากนั้นคลิก Download and install (ดาวน์โหลดและติดตั้ง)

2. หลังจากติดตั้งข้อมูลอัปเดต ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เมื่อได้รับแจ้ง

เรียกใช้ Windows Update (Windows 8, 7)

อัพเดตคอมพิวเตอร์ Windows 8 หรือ 7 ของคุณโดยใช้ Windows Update

1. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Windows Update ขึ้นมา

2. คลิก ตรวจหาการปรับปรุง

3. เลือกอัพเดตที่จะติดตั้ง

   หมายเหตุ:

   HP แนะนำให้เลือกอัพเดตทั้ง Important (สำคัญ) และ Recommended (แนะนำ)

   • อัพเดต Important (สำคัญ) มีความสำคัญต่อสถานะของของคอมพิวเตอร์ ในการติดตั้งอัพเดตที่สำคัญเท่านั้น ให้คลิก Install Updates (ติดตั้งอัพเดต)

   • อัพเดต Optional (เสริม) ไม่จำเป็นแต่ ได้รับ การแนะนำ ในการเลือกจากอัพเดตที่มีทั้งหมด ให้คลิก optional updates are available (อัพเดตเสริมที่มี)

4. หลังจากติดตั้งข้อมูลอัพเดต ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เมื่อได้รับแจ้ง

ใช้ชุดเครื่องมือแก้ไขปัญหาเสียงของ Windows

เครื่องมือแก้ไขปัญหาเสียงของ Windows จะค้นหาและแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์หลายปัญหาได้

1. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Control Panel (แผงควบคุม)

2. เลือก Troubleshooting (การแก้ไขปัญหา)

3. จาก Hardware and Sound (ฮาร์ดแวร์และเสียง) เลือก Troubleshoot audio recording (แก้ไขปัญหาการบันทึกเสียง)

   หากมีหน้าต่างปรากฏขึ้นเพื่อแจ้งให้คุณสำหรับรหัสผ่านหรือการยืนยันผู้ดูแลระบบ ให้พิมพ์ข้อมูลล็อกอินที่ร้องขอ

   

4. Sound troubleshooter จะเปิดขึ้นมา คลิก Next (ถัดไป) ระบบแก้ไขปัญหาจะตรวจสอบสถานะระบบเสียง

   

5. เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการแก้ไขปัญหา จากนั้นคลิก Next (ถัดไป)

6. ทำตามคำนะนำบนหน้าจอ และปรับค่าตามที่ระบบแก้ไขปัญหาแนะนำ หลังจากเสร็จสิ้น ให้ปิดระบบแก้ไขปัญหา

การแก้ไขปัญหาไมโครโฟนขั้นสูง

หากไมโครโฟนของคุณยังไม่สามารถใช้งานได้หลังจากลองวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ให้ลองทำตามขั้นตอนขั้นสูงต่อไปนี้จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข

กำหนดค่าการตั้งค่าเสียง

ปรับการตั้งค่าเสียงของ Windows เพื่อให้คอมพิวเตอร์ตรวจพบและทำงานกับไมโครโฟน ทดสอบไมโครโฟนหลังจากการปรับแต่ละครั้งเพื่อดูว่าปัญหาสามารถแก้ไขได้หรือไม่

เปิดการตั้งค่าเสียงของ Windows เพื่อแก้ไขปัญหาอุปกรณ์บันทึกเสียง

เปิดการตั้งค่าเสียงของ Windows เพื่อแก้ไขปัญหาไมโครโฟนหรืออุปกรณ์เสียงอื่นๆ

1. ถอดอุปกรณ์เสียงทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ ยกเว้นอุปกรณ์ที่ต้องการแก้ไขปัญหา

2. ใน Windows ค้นหาและเปิด Control Panel และจากนั้นเลือก Sound (เสียง)

3. คลิกแท็บ การบันทึก จากหน้าต่าง เสียง

   

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์รู้จักไมโครโฟน

ปรับการตั้งค่าเสียงเพื่อให้คอมพิวเตอร์ตรวจพบและทำงานกับไมโครโฟน

1. จากแท็บการบันทึกเสียงในหน้าต่างเสียง คลิกขวาบนพื้นที่ว่างของหน้าต่าง จากนั้นคลิก Show Disabled Devices (แสดงอุปกรณ์ที่ปิดใช้งาน) และ Show Disconnected Devices (แสดงอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อ)

   

2. หากไมโครโฟนแสดงเป็น 'Currently unavailable' (ไม่พร้อมใช้งานในปัจจุบัน) หรือ 'Not plugged in' (ไม่ได้เสียบต่อ) ให้ปลดอุปกรณ์และเสียบเข้าที่พอร์ตใหม่อีกครั้ง

3. หากไมโครโฟนที่คุณต้องการใช้แสดงลูกศรลงในวงกลม

   
   หมายความว่าอุปกรณ์ถูกปิดใช้งาน เปิดใช้งานอุปกรณ์โดยคลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์ จากนั้นเลือก Enable (เปิดใช้งาน)

4. คลิก OK (ตกลง) จากนั้นทำการทดสอบไมโครโฟนโดยการพูด

   ตรวจสอบแถบสีเทาที่อยู่ถัดจากชื่ออุปกรณ์ แถบสีเขียวระบุว่าอุปกรณ์ทำงานอยู่ และสัญญาณเสียงกำลังผ่านเข้าพอร์ตไมโครโฟน

   

กำหนดอุปกรณ์เสียงเริ่มต้น

เมื่อแก้ไขปัญหา ให้ตั้งค่าไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์เสียงเริ่มต้น

1. จากแท็บการบันทึกเสียงในหน้าต่างเสียง เลือกไมโครโฟนที่ต้องการใช้ จากนั้นคลิก Set Default (ตั้งเป็นค่าเริ่มต้น) จากนั้นคลิก OK (ตกลง)

   

2. ทดสอบไมโครโฟนโดยพูดใส่ไมโครโฟน

   ตรวจสอบแถบสีเทาที่อยู่ถัดจากชื่ออุปกรณ์ แถบสีเขียวระบุว่าอุปกรณ์ทำงานอยู่ และสัญญาณเสียงกำลังผ่านเข้าพอร์ตไมโครโฟน

ตรวจสอบค่าระดับเสียงไมโครโฟนและการปิดเสียง

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระดับเสียงไมโครโฟนเปิดอยู่และไม่ได้ปิดเสียงเมื่อแก้ไขปัญหา

1. จากแท็บการบันทึกเสียงในหน้าต่างเสียง เลือกไมโครโฟนที่คุณกำลังแก้ไขปัญหา จากนั้นคลิก Properties (คุณสมบัติ)

   

2. จากหน้าต่าง Properties (คุณสมบัติ) คลิกที่แท็บ Levels (ระดับ)

   

3. หากปุ่มปิดเสียง

   
   ปรากฏขึ้น ให้คลิกที่ไอคอนนี้เพื่อปิดเสียง ปุ่มปรับระดับเสียงควรจะแสดงเป็นไอคอนรูปลำโพงสีน้ำเงิน
   

4. ใช้แถบเลื่อนเพื่อเพิ่มระดับเสียงการบันทึกไมโครโฟนเป็นอย่างน้อย 75 และระดับ Microphone Boost (หากมี) เป็น +20.0dB

5. คลิก OK (ตกลง) เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ

6. ถอดและต่อไมโครโฟนใหม่ จากนั้นทดสอบระดับเสียงการบันทึกไมโครโฟน

   หากระดับเสียงการบันทึกไมโครโฟนต่ำเกินไป ให้ทวนซ้ำขั้นตอนในการแก้ไขระดับไมโครโฟนเป็น 100 และระดับ Microphone Boost (หากมี) เป็น +10.0dB

ปิดการปรับปรุงเสียง

ในบางครั้งการปิดการปรับปรุงประสิทธิภาพเสียงอาจแก้ไขปัญหาไมโครโฟน

1. จากแท็บการบันทึกเสียงในหน้าต่างเสียง เลือกไมโครโฟนที่คุณกำลังแก้ไขปัญหา จากนั้นคลิก Properties (คุณสมบัติ)

2. เปิดแท็บ Enhancements (การปรับปรุงประสิทธิภาพ) และเลือก Disable All Sound Effect (ปิดเอฟเฟกต์เสียงทั้งหมด)

3. คลิก OK (ตกลง) เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ

เปลี่ยนรูปแบบการบันทึกเสียง

การใช้รูปแบบเสียงเริ่มต้นอื่นอาจสามารถแก้ไขปัญหาไมโครโฟนได้

1. จากแท็บการบันทึกเสียงในหน้าต่างเสียง เลือกไมโครโฟนที่คุณกำลังแก้ไขปัญหา จากนั้นคลิก Properties (คุณสมบัติ)

2. จากแท็บ Advanced (ขั้นสูง) เลือกตัวเลือกหนึ่งใดจากตัวเลือก 16 บิตในรายการ

   

3. คลิก OK (ตกลง) เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ

แก้ไขปัญหาไมโครโฟนขณะเรียกใช้แอพมากกว่าหนึ่งตัว

ปัญหาของไมโครโฟนอาจเกิดขึ้นขณะใช้แอพพลิเคชั่นพร้อมกันมากกว่าหนึ่งตัว เช่น การพูดคุยผ่านชุดหูฟังขณะเล่นเกมออนไลน์

1. จากแท็บการบันทึกเสียงในหน้าต่างเสียง เลือกไมโครโฟนที่คุณกำลังแก้ไขปัญหา จากนั้นคลิก Properties (คุณสมบัติ)

2. เลือกแท็บ Advanced (ขั้นสูง) จากนั้นล้างกล่องกาเครื่องหมายที่อยู่ถัดจาก Allow applications to take exclusive control of this device (อนุญาตให้แอพพลิเคชั่นควบคุมเฉพาะกับอุปกรณ์นี้)

   

3. คลิก OK (ตกลง) เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ

ไมโครโฟนหยุดทำงานหลังจากติดตั้งเว็บแคมหรือไมโครโฟน USB

เมื่อคุณติดตั้งอุปกรณ์ USB ใหม่ที่มีไมโครโฟน เช่น เว็บแคม อุปกรณ์ใหม่อาจเป็นอุปกรณ์บันทึกเสียงเริ่มต้น คุณสามารถเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์บันทึกเสียงเริ่มต้นใน Windows

1. ใน Windows ค้นหาและเปิด Control Panel และจากนั้นเลือก Sound (เสียง)

2. คลิกแท็บ Recording (การบันทึก) จากหน้าต่าง เสียง

3. เลือกไมโครโฟนที่คุณต้องการใช้ จากนั้นคลิก Set Default (ตั้งเป็นค่าเริ่มต้น) แล้วคลิก OK (ตกลง)

ไมโครโฟนไม่สามารถใช้งานได้กับ Skype และซอฟต์แวร์อินเทอร์เน็ตอื่น ๆ

หากไมโครโฟนไม่สามารถใช้งานได้กับ Skype ให้เปลี่ยนไมโครโฟนเริ่มต้นเพื่อแก้ไขปัญหา

1. ใน Windows ค้นหาและเปิด Control Panel และจากนั้นเลือก Sound (เสียง)

2. คลิกแท็บ Recording (การบันทึก) จากหน้าต่าง เสียง

3. เลือกไมโครโฟนที่คุณต้องการใช้ จากนั้นคลิก Set Default (ตั้งเป็นค่าเริ่มต้น) แล้วคลิก OK (ตกลง)

ไมโครโฟน Bang & Olufsen จะไม่บันทึกเสียงเว้นแต่คุณจะอยู่ด้านหน้าของ PC โดยตรง

สำหรับไมโครโฟน Bang & Olufsen การตรวจจำและบันทึกเสียงจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าผู้พูดจะอยู่ด้านหน้าของคอมพิวเตอร์พอดี เปลี่ยนการตั้งค่าอินพุตเพื่อแก้ไขปัญหา

1. เปิดแอพพลิเคชั่น Bang & Olufsen Audio จากนั้นเลือก Input (สัญญาณขาเข้า)

   

2. ลดเสียงพื้นหลังและปรับแต่งไมโครโฟนสำหรับเสียงหลายตำแหน่งโดยเลือก Multiple voices (เสียงหลายตำแหน่ง)

   ค่า Multiple voices (เสียงหลายตำแหน่ง) จะมีช่วงกว้างกว่าค่า Only my voice (เฉพาะเสียงของฉัน)

   

แก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อไมโครโฟน USB

หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่พบไมโครโฟน USB หรือไมโครโฟนทำงานไม่ถูกต้อง ให้แก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อ USB และพอร์ต USB บนคอมพิวเตอร์ ทดสอบไมโครโฟนทุกครั้งที่คุณทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

ก่อนการแก้ไขปัญหา ให้ตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์ ยกเว้นเมาส์และแป้นพิมพ์ USB (หากมีติดตั้งอยู่) ซึ่งรวมทั้งฮับ ธัมไดร์ฟ เครื่องพิมพ์และกล้อง

ข้อควรระวัง:

ให้ทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ออกจากคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ USB บางอุปกรณ์จะต้องปิด และ/หรือนำออกก่อนถอดจากคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ USB อื่นๆ อาจรองรับคุณสมบัติ การถอดฮาร์ดแวร์ออกอย่างปลอดภัย ของ Windows

• เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก: ใช้พอร์ต USB ที่ตัวโน้ตบุ๊กเอง อย่าใช้ตัวจำลองพอร์ต USB (เช่น ชุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ หรือฮับ USB )

• เครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป: ใช้พอร์ต USB ที่ด้านหลังคอมพิวเตอร์ (พอร์ตที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเมนบอร์ด)

ติดตั้งอุปกรณ์ USB จากผู้ผลิตซอฟต์แวร์

หากอุปกรณ์ USB มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ ให้ทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อทำการติดตั้ง

1. ปลดฮับ USB ออกจากคอมพิวเตอร์

2. ติดตั้งซอฟต์แวร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต

3. เชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ใหม่

แก้ไขปัญหาไมโครโฟน USB ด้วย (Device Manager)

คุณอาจสามารถแก้ไขปัญหาไมโครโฟนได้โดยใช้ Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) คุณอาจต้องติดตั้งไดรเวอร์ใหม่อีกครั้งหรือทำการดำเนินการอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ไมโครโฟนของคุณปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) จากนั้นดับเบิลคลิกที่ Audio inputs and outputs (อินพุตและเอาต์พุตเสียง) เพื่อขยายรายการ ค้นหาไมโครโฟนของคุณในรายการอุปกรณ์เพื่อเริ่มการแก้ไขปัญหา

ไมโครโฟน USB ของคุณอาจปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ตามชื่ออุปกรณ์ เป็นอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก หรืออุปกรณ์อื่น นอกจากนี้ไมโครโฟนอาจไม่ปรากฏขึ้นเลย

หากชื่ออุปกรณ์ปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

หากอุปกรณ์ USB แสดงอยู่ใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ตามชื่ออุปกรณ์ พอร์ต USB และ Plug-and-Play เบื้องต้นทำงานอย่างถูกต้อง เกิดปัญหาด้านฮาร์ดแวร์กับอุปกรณ์ หรือไดรเวอร์ของอุปกรณ์มีปัญหา

รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

หากอุปกรณ์ USB ของคุณอยู่ใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ตามชื่อของอุปกรณ์ การรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์อาจสามารถแก้ไขปัญหาได้

1. ปลดฮับ USB ออกจากคอมพิวเตอร์

2. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ จากนั้นเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่

ถอนการติดตั้งและติดตั้งซอฟต์แวร์อุปกรณ์ HP ใหม่อีกครั้ง

หากอุปกรณ์ USB ของคุณอยู่ใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ตามชื่อของอุปกรณ์ การติดตั้งซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตอีกครั้งอาจสามารถแก้ไขปัญหาได้

1. ปลดฮับ USB ออกจากคอมพิวเตอร์

2. ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์อุปกรณ์

3. ติดตั้งซอฟต์แวร์อีกครั้งตามคำแนะนำของผู้ผลิต

ถอนการติดตั้งและติดตั้งไมโครโฟน USB ใหม่

หากอุปกรณ์ USB อยู่ใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ตามชื่อของอุปกรณ์ การถอนการติดตั้งและติดตั้งอุปกรณ์ใหม่อาจสามารถแก้ไขปัญหาได้

1. ต่ออุปกรณ์ USB เข้ากับคอมพิวเตอร์

2. จาก Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) คลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์ จากนั้นเลือก Uninstall (ถอนการติดตั้ง)

3. คลิก Uninstall (ถอนการติดตั้ง) บนหน้าต่างยืนยันที่เปิดขึ้นมา

   หาก Delete the driver software for this device (ลบซอฟต์แวร์ไดรเวอร์สำหรับอุปกรณ์นี้) ปรากฏขึ้น ให้ทำเครื่องหมายในช่องที่ติดกัน

4. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ จากนั้นติดตั้งอุปกรณ์อีกครั้งตามคำแนะนำจากผู้ผลิต

หากอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

หากอุปกรณ์ USB ของคุณแสดงอยู่ใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) เป็นอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก แสดงว่าไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์หรือตั้งค่าให้ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหา ให้ถอนการติดตั้งและติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ใหม่

1. จาก Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) คลิกขวา Unknown Device (อุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก) จากนั้นเลือก Uninstall (ถอนการติดตั้ง)

2. คลิก Uninstall (ถอนการติดตั้ง) บนหน้าต่างยืนยันที่เปิดขึ้นมา

   หาก Delete the driver software for this device (ลบซอฟต์แวร์ไดรเวอร์สำหรับอุปกรณ์นี้) ปรากฏขึ้น ให้ทำเครื่องหมายในช่องที่ติดกัน

3. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ จากนั้นติดตั้งอุปกรณ์อีกครั้งตามคำแนะนำจากผู้ผลิต

หากอุปกรณ์อื่นปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

หากอุปกรณ์ USB ที่อยู่ใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) เป็น อุปกรณ์อื่น พอร์ต USB กำลังทำงานอยู่แต่จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ หากต้องการแก้ไขปัญหา ให้ติดตั้งไดรเวอร์ USB

1. ถอดอุปกรณ์ USB ออกจากคอมพิวเตอร์ จากนั้นรอ 20 วินาที

2. ติดตั้งไดรเวอร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต

3. ต่ออุปกรณ์กับคอมพิวเตอร์ใหม่

หากอุปกรณ์ USB ไม่ปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

หากอุปกรณ์ USB ไม่ปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) หมายความว่า Windows ไม่สามารถตรวจพบได้ อาจมีปัญหากับพอร์ต USB หรือ USB Root Hub หากต้องการแก้ไขปัญหา ให้ลองใช้พอร์ต USB อื่นก่อน จากนั้น หากจำเป็นให้กำหนดค่าหรือถอนการติดตั้ง USB Root Hub

ลองใช้พอร์ต USB อื่น

หาก Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ไม่แสดงรายการอุปกรณ์ USB ของคุณ อาจมีปัญหากับพอร์ต USB เชื่อมต่ออุปกรณ์ USB เข้ากับพอร์ตอื่นของคอมพิวเตอร์

1. ถอดอุปกรณ์ออกจากพอร์ต USB บนคอมพิวเตอร์

2. เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับ USB พอร์ตอื่นของคอมพิวเตอร์

3. รอ 5 วินาทีจากนั้นตรวจสอบ Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) เพื่อดูว่าชื่ออุปกรณ์ปรากฏขึ้นหรือไม่

ตรวจสอบคุณสมบัติของ USB Root Hub

หากอุปกรณ์ USB ไม่ปรากฏขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) แสดงว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟ ตรวจสอบคุณสมบัติของ USB Root Hub

1. ถอดอุปกรณ์ออกจากคอมพิวเตอร์ จากนั้นรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

2. เชื่อมต่ออุปกรณ์แล้วรอ 5 วินาที หากไม่พบอุปกรณ์ ให้ถอดอุปกรณ์ออก

3. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) จากนั้นดับเบิลคลิกที่ Universal Serial Bus Controllers (ตัวควบคุม Universal Serial Bus) เพื่อขยายรายการ

   

4. ดับเบิลคลิก USB Root Hub คลิกแท็บ Power (พลังงาน) แล้วคลิก Power Properties (คุณสมบัติด้านพลังงาน) (หากมี) อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับฮับจะปรากฏ พร้อมกับพลังงานที่ต้องใช้

   หมายเหตุ:

   แท็บ Power (พลังงาน) ปรากฏขึ้นเฉพาะใน USB 2.0 ไม่มีแท็บ Power (พลังงาน) ใน USB 3.0

   

5. ตรวจสอบคุณสมบัติด้านพลังงานของ USB Root Hub แต่ละตัว หากค่าพลังงานรวมที่ต้องใช้สูงเกินพลังงานรวมที่มีให้สำหรับฮับนั้นๆ ให้ถอดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับฮับดังกล่าวออก เพื่อให้ค่าพลังงานที่ต้องใช้ลดลง

   หมายเหตุ:

   หากค่าพลังงานรวมต้องใช้เกิน 500 mA ให้ถอดอุปกรณ์แล้วใช้ฮับที่ใช้ไฟแยก

6. เชื่อมต่ออุปกรณ์ USB แล้วรอ 5 วินาที ตรวจสอบ Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) เพื่อดูว่าชื่ออุปกรณ์ปรากฏขึ้นหรือไม่

ถอนการติดตั้ง USB Root Hub

การถอนการติดตั้ง USB Root Hub จะทำให้คอมพิวเตอร์ทำการติดตั้งใหม่เมื่อคุณรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

1. ถอดอุปกรณ์ USB ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ออก ยกเว้นเมาส์และแป้นพิมพ์ USB (หากใช้งานอยู่) ซึ่งรวมทั้งฮับ ธัมไดร์ฟ เครื่องพิมพ์และกล้อง

2. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

3. ดับเบิลคลิก ตัวควบคุม Universal Serial Bus เพื่อขยายรายการ

   

4. คลิกขวาที่ USB Root Hub ตัวแรกที่แสดงในรายการ แล้วเลือก Uninstall (ถอนการติดตั้ง)

   

5. คลิก OK (ตกลง) เพื่อยืนยัน

6. ดำเนินถอนการติดตั้ง USB Root Hub ทั้งหมดในรายการต่อ

7. ปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) และรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

8. หากอุปกรณ์ USB มีซอฟต์แวร์มาให้และยังไม่ได้ติดตั้ง ให้ติดตั้งซอฟต์แวร์โดยทำตามคำแนะนำที่ผู้ผลิตระบุไว้