เครื่องมือในการสร้าง infographic

เครื่องมือในการสร้าง infographic

7 ขั้นตอนการสร้างอินโฟกราฟิก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Infographic กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะ Infographic ทำให้ผู้อ่านสามารถรับรู้ข้อมูลได้รวดเร็ว และเข้าใจง่ายจากการแปลงข้อความมากมายให้ออกมาเป็นภาพ วันนี้จึงมาแนะนำ 7 ขั้นตอนในการทำ Infogaphic ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย สวยงาม และยังสามารถรับรู้ข้อมูลได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย

1.ทำความเข้าใจจุดประสงค์ในการทำ

ในการทำ Infographic เป็นสิ่งสำคัญมากที่ผู้จัดทำจะต้องเข้าใจจุดประสงค์ในการจัดทำ ซึ่งควรตอบคำถามนี้ให้ได้ว่า ทำไมต้องทำ ทำเพื่ออะไร และนำเสนอที่ไหน เพื่อเป็นการวางขอบเขตให้กับรูปแบบหรือหน้าตา Infographic ที่นำเสนอออกมา เช่น เพื่ออธิบายข้อมูลสถิติ เพื่ออธิบายสินค้าและบริการที่มีทั้งหมดในบริษัท เป็นต้น

2.วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย

การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การรับรู้เนื้อหาแตกต่างกันด้วย ดังนั้น ผู้จัดทำจึงต้องออกแบบหน้าตา Infographic ให้เหมาะสมกับการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนที่มาฟังเนื้อหาการสอน อาจจะต้องออกแบบให้มีสีสันที่ดึงดูดใจ ให้สายตาอยู่กับเนื้อหาได้นาน แต่ถ้าหากเป็นลูกค้า ซึ่งมีความเร่งรีบ ต้องการเข้าใจข้อมูลอย่างรวดเร็ว ก็จะต้องออกแบบให้เนื้อหาเข้าใจง่าย กระชับ เป็นต้น

3.กำหนดหัวข้อ และรวบรวมข้อมูล

เมื่อรู้ว่าเราทำไปทำไม เพื่อใคร และนำเสนอที่ไหนแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการกำหนดหัวข้อที่ต้องการจะนำเสนอ เราควรกำหนดหัวข้อที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนใดไม่เกี่ยวข้องไม่จำเป็นต้องนำมาแสดงด้วย เนื่องจากจะทำให้ผู้อ่านไม่เข้าใจว่าต้องการโฟกัสในส่วนใด แล้วจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมด

4.จัดลำดับข้อมูล

เมื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้แล้ว ลำดับต่อมาคือการนำข้อมูลมาจัดลำดับว่าข้อมูลใดควรนำเสนอ ก่อน-หลัง ข้อมูลใดสำคัญที่สุด และสำคัญรองลงมา หรือข้อมูลใดควรนำเสนอก่อน เพราะมีผลต่อการนำเสนอข้อมูลในส่วนถัดมา เป็นต้น เพื่อจัดลำดับการรับรู้ของผู้อ่านให้เข้าใจง่ายที่สุด

5.สร้างสตอรี่

อีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ และหลายๆ คนมักจะมองข้าม คือการค้นหาวิธีการเล่าเรื่อง การทำ Infographic ที่ดี จะต้องสร้างสตอรี่ หรือค้นหาวิธีการนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นให้เข้าใจง่าย และน่าสนใจ เช่น ต้องการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของบริษัท เราอาจจะนำเสนอเป็นแบบ Timeline เพราะเป็นการเล่าเรื่องที่ทำให้เห็นจุดเกิดของเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละข่วงเวลานั้นๆ เห็นภาพได้อย่างต่อเนื่อง และเข้าใจได้ง่าย หรือต้องการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่มีทั้งหมดของบริษัท อาจจะนำเสนอในรูปแบบ Flowchart แยกให้เห็นองค์ประกอบต่างๆ ของบริษัทได้ชัดเจน และรับรู้ได้อย่างรวดเร็วในภาพๆ เดียว

6.ออกแบบจัดทำ

เมื่อเราได้วิธีการเล่าเรื่องแล้ว ก็นำมาสู่ขั้นตอนในการออกแบบหน้าตาของ Infographic ซึ่งหัวใจของ Infographic คือการแปลงข้อมูลตัวอักษร ออกมาให้เป็นรูปภาพ ดังนั้น ในการออกแบบจึงจำเป็นจะต้องออกแบบภาพให้เข้าใจง่าย และสื่อความหมาย ไม่ควรใช้ภาพที่มีรายละเอียดมากจนเกินไป เนื่องจากจะทำให้ยากต่อการจดจำ ซึ่งรูปแบบภาพที่เป็นที่นิยม คือการใช้ไอคอน หรือภาพกราฟิกที่ไม่ซับซ้อน ในการสื่อความหมาย และใช้สีในการออกแบบไม่เยอะจนเกินไป ประมาณ 3-4 สี เท่านั้น

7.เผยแพร่

ในการเผยแพร่ Infographic ในปัจจุบันก็มักจะนำเสนอในรูปแบบออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเข้าถึงได้ง่าย สามารถ Like หรือ Share ข้อมูลไปได้อย่างรวดเร็วผ่านทาง Social Media ดังนั้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ควรมีการตั้ง Caption หรือคำโปรยภาพให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาดูเนื้อหานั่นเอง เพียงเท่านี้ข้อมูลมากมายของคุณ ก็จะกลายเป็น Infographic ที่น่าสนใจ ทำให้การนำเสนอข้อมูลไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

อินโฟกราฟิก (infographic) คือการแสดงข้อมูลและความรู้ต่างๆ ให้เห็นเป็นภาพโดยใช้ graphic ต่างๆ อย่างตาราง กราฟ ชาร์ต รูปภาพที่มีสีสันต่างๆ ฯลฯ ทำให้การรับทราบข้อมูลของผู้รับสารดียิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันในการนำเสนองานต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ออฟฟิศ หรือสถานที่ทำงานทั่วไปจึงมีการใช้อินโฟกราฟิกมากขึ้นตามลำดับ พนักงานหลายคนจึงถูกคาดหวังให้ทำอินโฟกราฟิกออกมาสวยๆ เพื่อที่จะได้นำไปเสนอต่อลูกค้า

หากแต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว การสร้างอินโฟกราฟิกสวยๆ ขึ้นมาเองทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่าย มันทั้งกินเวลาและเหนื่อยมาก โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีความสามารถทางด้าน graphic design เลยอย่างผมเป็นต้น หรือถ้าจะจ้างฟรีแลนซ์มาทำให้ก็จะแพงหูฉี่

โชคดีที่ในปัจจุบันมีหลายบริษัทที่สร้างโปรแกรมอินโฟกราฟิกจำนวนมากออกมาให้เราใช้ฟรี หรือเสียเงินซื้อในราคาที่ไม่แพงนัก เราจึงไม่ต้องปวดหัวกับการทำอินโฟกราฟิกอีกต่อไปครับ

เครื่องมือในการสร้าง infographic
ตัวอย่างการ present ข้อมูลโดยใช้ infographic By Stefan Leijon, Flickr, CC By ND 2.0

เราไปเริ่มดูกันเลยดีกว่าครับว่ามีโปรแกรมอะไรบ้าง

1. Canva

Canva เป็นโปรแกรม graphic design ที่เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์ ภายในโปรแกรมของ Canva จะมี infographic template มาให้คุณเลือกอยู่แล้ว คุณชอบแบบไหน คุณก็แค่นำไปเปลี่ยนข้อมูลเท่านั้นเอง โดยไม่ต้องพะวงเรื่องการออกแบบเลยแม้แต่น้อย

การใช้งาน Canva จัดว่าง่ายมากๆ โดยประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ครับ (ทุกขั้นตอนฟรีหมดครับ เพราะฉะนั้นสบายใจได้)

ขั้นตอนแรก: เข้าเว็บไซต์ Canva แล้วพิมพ์คำว่า “Infographic” ในช่อง search หลังจากนั้น infographic template นับร้อยนับพันก็จะโผล่ขึ้นมาให้เลือก ซึ่ง template เหล่านี้มีทั้งฟรีและไม่ฟรีครับ สำหรับสายฟรีก็เลือกตัวที่มีคำว่าฟรีเท่านั้น

เครื่องมือในการสร้าง infographic
เลือก “Infographic” ใน Canva

จริงๆ คุณกดเลือกไปก่อนสักอันก็ได้ครับ เพราะเมื่อคุณกดคลิกเข้าไปแล้ว ในตัว Editor จะมี template ที่ถูกจัดหมวดหมู่ไว้อยู่แล้ว อย่างเช่น Education Infographic, Process Infographic, Business Infographic, Timeline Infographic ให้คุณเลือกอีกต่อหนึ่งครับ

infographic template เหล่านี้จะช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้น เพราะมันจะเหมาะกับสิ่งที่คุณจะนำเสนออยู่แล้ว อย่างเช่นแบบ Business Infographic ก็จะมีตัวเลขให้ดูเยอะๆ หรือว่าแบบ timeline ก็จะมีเส้นตรงที่แสดงถึงเวลานั่นเองครับ

เครื่องมือในการสร้าง infographic
เลือก Infographic ที่ถูกจัดหมวดหมู่ไว้แล้วจากด้านข้าง

หลังจากนั้นก็ขยายตัวอินโฟกราฟิกและ Edit ตัว template ครับ ในส่วนนี้คุณก็ใส่ข้อมูลทุกอย่างที่คุณต้องการลงไป นอกจากนี้ถ้าขาด element อะไรเช่นรูปภาพหรือ effect ต่างๆ Canva ก็มีให้ใช้มากมาย หรือว่าจะดาวน์โหลดของคุณเองก็ได้ครับ

เครื่องมือในการสร้าง infographic
การทำอินโฟกราฟิกโดยใช้ Canva

หลังจากที่ออกแบบเสร็จสิ้นแล้ว คุณจะมีตัวเลือกในการนำไฟล์ออกมาครับ นั่นคือ

  • Print Infographics – บริการพิมพ์อินโฟกราฟิกออกมาโดย Canva ราคาจะอยู่ที่ $22.50 หรือประมาณ 675 บาทต่อ 50 แผ่น แต่ถ้าซื้อมากกว่านี้ ราคาต่อแผ่นจะถูกลงครับ ส่วนค่าส่งจะส่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยจะไปถึงบ้านของคุณในเวลา 5-8 วันทำการ (ตัวเลือกนี้ผมไม่เคยลองครับ เลยไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่จากที่ศึกษาจากข้อกำหนดของ Canva แล้ว พบว่าส่งไปที่ไทยได้ในเวลาที่กำหนด)
  • Download – ดาวน์โหลดไฟล์อินโฟกราฟิกที่คุณออกแบบลงมาในเครื่องของคุณเพื่อนำไปใช้งานต่อไป โดยจะดาวน์โหลดในรูปแบบไฟล์ PNG, JPG, PDF Print, PDF Standard คุณสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี แต่จะติดเงื่อนไขต่างๆ เช่นแก้ไขขนาดไฟล์ไม่ได้, Compress file ไม่ได้เป็นต้น ถ้าอยากให้ทำได้จะต้องสมัคร Canva Pro ครับ

เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น คุณจะได้อินโฟกราฟิกสวยๆ มาครอบครองสมใจ โดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลด และลงโปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ต้องหัวหมุนไปนั่งเรียนโปรแกรมยากๆ ด้วยครับ

Canva Pro

จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียวให้กับ Canva เลยก็ได้ แต่ถ้าคุณต้องการทรัพยากรในการทำอินโฟกราฟิก หรือ graphic design รูปแบบอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น การใช้งาน Canva Pro ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ

เครื่องมือในการสร้าง infographic

สิ่งที่คุณจะได้จาก Canva Pro คือ

  • Template ในการดีไซน์มากกว่า 610,000 แบบ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้, อินโฟกราฟิก, โปสเตอร์, โบชัวร์ และกราฟิกอื่นๆ ได้อีกมากมาย
  • ทรัพยากรต่างๆ เช่น รูปภาพ วีดิโอ กราฟิกอื่นๆ รวมแล้วกว่า 100 ล้านชิ้น
  • Custom Dimensions – ทุกสิ่งที่คุณสร้างจะไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นขนาด คุณภาพไฟล์ ฯลฯ
  • แก้ไขขนาดงานกราฟิกทุกประเภทได้ในคลิกเดียว
  • ดาวน์โหลดงานในรูปแบบ transparent ในรูปแบบ background
  • ถ้าคุณทำงานเป็นทีม คุณสามารถสร้างระบบ approval ได้
  • อัพโหลดโลโก้และ font ของคุณลงในงานกราฟิกที่กำลังสร้างบนแพลตฟอร์มได้
  • Cloud Storage – เก็บงานของคุณไว้บน Cloud ได้ถึง 100GB ทำให้คุณสามารถพกงานของคุณไปได้ทุกที่ทุกแห่ง
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

สำหรับการสร้างอินโฟกราฟิก ถ้าเป็นแบบฟรี คุณจะมีจำนวน infographic template ให้เลือกค่อนข้างจำกัด นั่นคือประมาณ 100 แบบเท่านั้น ซึ่งถ้าคุณไม่ซีเรียสอะไรมาก จำนวนนี้ผมว่าพอแล้วสำหรับการพรีเซ้นต์หรือทำ content ใดๆ

อย่างไรก็ดีทุกวันนี้ผู้ใช้งานโปรแกรม Canva แบบฟรีมาสร้างอินโฟกราฟิกเยอะมากทั้งในและต่างประเทศ ด้วยความที่ infographic template แบบฟรีมีน้อย เพราะฉะนั้นหน้าตาของอินโฟกราฟิกจะซ้ำๆ กัน

ดังนั้นถ้าคุณต้องการความแตกต่างหรือความโดดเด่น คุณควรสมัครสมาชิกแบบ Pro ซึ่งราคาเริ่มต้นที่ 229 บาทต่อเดือนครับ จากที่ผมใช้ตัวโปรแกรมนี้มานานหลายปี ผมได้สังเกตเห็นว่าตัว Template ในคลังของ Canva Pro เพิ่มจำนวนมากขึ้นหลายเท่า เช่นเดียวกับทรัพยากรอื่นๆ ดังนั้นคุณสามารถเนรมิตอินโฟกราฟิกสวยๆ ในแบบที่คุณต้องการอย่างสบายๆ และไม่จำเจครับ

โดยรวมแล้วผมมองว่าถ้าคุณทำงานออฟฟิศและต้องทำงานพวกนี้บ่อย การสมัคร Canva Pro ไปก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ งานของคุณจะได้ออกมาสวย เป็นที่ประทับใจของบริษัทและลูกค้าครับ

ทั้งนี้ Canva ให้คุณใช้แบบ Pro ฟรีเป็นเวลา 30 วัน ถ้าคุณใช้แล้วไม่ชอบ หรือว่าไม่ได้ทำงานพวกนี้บ่อย คุณก็สามารถ cancel ได้ในทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

ลองใช้งาน Canva แบบฟรีและแบบ Pro สร้างอินโฟกราฟิกได้ด้วยการคลิกปุ่มด้านล่าง

2. Infograpia

Infograpia เป็นบริษัทที่สร้าง template ของอินโฟกราฟิกขึ้นมาขายโดยเฉพาะ ในแคตตาล็อกของ Infograpia มีอินโฟกราฟิกระดับพรีเมียมและมืออาชีพมากกว่า 1,500 แบบด้วยกันให้คุณเลือกสรร ซึ่งได้แยกออกมาเป็นหมวดหมู่แล้วอย่างเรียบร้อย

เครื่องมือในการสร้าง infographic
Infograpia

เนื่องจากอินโฟกราฟิกของบริษัทนี้มีหลายรูปแบบมากรวมไปถึง pptx หรือ key ทำให้คุณสามารถนำไปใช้งานใน powerpoint หรือโปรแกรมอื่นๆที่คุณใช้ทำสไลด์ได้อย่างรวดเร็วทันใจครับ

ข้อดีของ Infograpia คือคุณไม่ต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกรายเดือน เพราะบริษัทขายสมาชิกแบบตลอดชีพในราคา $98 หรือแบบ 5 หรือ 10 คนในราคา $298 หรือ $498 ตามลำดับ นอกจากนี้ถ้ามี template ใหม่เข้ามาในระบบ คุณจะได้รับมันทันทีโดยไม่เสียอะไรอีกแล้วครับ

3. Adobe Spark

Adobe Spark เป็นเครื่องมือที่ใช้ทำอินโฟกราฟิกแบบสำเร็จรูปอันยอดเยี่ยม เพราะว่ามี infographic template ให้เลือกมากมายมหาศาล แต่ละแบบยังดูสวยงามและดูเป็นมืออาชีพด้วยครับ

เครื่องมือในการสร้าง infographic
Adobe Spark มี infographic template ให้เลือกมากมาย

การสร้างจะใช้วิธีเดียวกับ Canva นั่นคือใช้ระบบ Drag and Drop ทำให้การสร้างอินโฟกราฟิกขึ้นมาสักอันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยครับ

แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ งานทุกอย่างของคุณจะถูกเก็บไว้ใน Cloud ดังนั้นคุณสามารถเข้าถึงงานของคุณได้ทุกที่ทุกแห่ง ขอแค่คุณมีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือ tablet ครับ

คุณสามารถใช้โปรแกรมนี้ทำอินโฟกราฟิกได้ฟรี แต่คุณไม่สามารถลบ Watermark ของ Adobe Spark ออกจากมุมขวาล่างของอินโฟกราฟิกได้ และแบบฟรีมี infographic template ให้เลือกแค่ 141 แบบเท่านั้น ขณะที่แบบ Pro มีมากกว่านั้นหลายเท่า สามารถทำงานแบบแทคทีมได้ และมีฟังก์ชันให้คุณได้เลือกตบแต่งงานของคุณได้อีกมากเลยครับ

แบบ Pro ในราคา 294-356 บาทต่อเดือน (แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกจ่ายแบบเดือนหรือแบบปี ถ้าแบบปีก็จะถูกกว่าครับ)

4. Easel.ly

Easel.ly เป็นอีกโปรแกรมที่ช่วยคุณทำอินโฟกราฟิกได้อย่างง่ายดายสุดๆ ข้อมูลและตัวเลขของคุณที่ผ่าน Easel.ly จะไม่ดูน่าเบื่ออีกต่อไปครับ

เครื่องมือในการสร้าง infographic
Easel.ly

คุณสามารถใช้ software นี้ในการสร้างอินโฟกราฟิกได้ฟรีในวิธีที่คล้ายกับ Canva และจัดว่าเป็นแบบฟรีที่มีแบบให้คุณเลือกมากที่สุดด้วย เพราะคุณสามารถเข้าถึง infographic template นับพันแบบที่มีผู้อนุญาตให้ใช้ได้ฟรี แค่เพียงคุณแก้ไขข้อมูลเพียงเล็กน้อย อินโฟกราฟิกอันสวยงามก็จะพร้อมใช้งานแล้วครับ

อย่างไรก็ดีปัญหาสำคัญของแบบฟรีคือ คุณจะโหลดได้แต่ไฟล์คุณภาพต่ำเท่านั้น แต่ทรัพยากรใน software จะจำกัดมาก ดังนั้นงานที่ออกมาอาจจะไม่ดีเท่าไร ดังนั้นคุณอาจจะต้องเสียเงินซื้อสมาชิกแบบ Pro ซึ่งราคาอยู่ที่ $4 ต่อเดือนครับ (ถ้าคุณเป็นนักเรียนนักศึกษา ราคาจะอยู่ที่ $2 ต่อเดือน)

5. Piktochart

Piktochart เป็นโปรแกรมสำหรับทุกคนที่ทำ infographic ไม่ว่าคุณจะไม่เคยทำมาก่อนเลย หรือว่าทำมาจนเซียนแล้วก็ตาม วิธีการใช้ ผมบอกได้เลยว่าง่ายมาก ลองดูใน video ด้านล่างเลยครับ

อย่างไรก็ดีถ้าคุณใช้โปรแกรม Piktochart แบบฟรี infographic template ที่มีให้เลือกจะมีค่อนข้างน้อย นั่นคือประมาณ 40 แบบเท่านั้น และมีรูปแบบไฟล์ให้เลือกแค่ png และคุณภาพที่ดาวน์โหลดได้จะอยู่ในระดับกลาง ถ้าใครต้องการความเนี๊ยบ และความหลากหลายในการสร้างอินโฟกราฟิก คงต้องเลือกใช้แบบ pro ครับ

ราคาแบบ pro อยู่ที่ $24-$29 ต่อเดือน ซึ่งแพงว่า Canva เท่าตัว แต่ถ้าคุณเป็นครู อาจารย์ นักเรียนนักศึกษา หรือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ราคาจะเหลือแค่ $4 ต่อเดือนเท่านั้นครับ

6. Visme

Visme ถือเป็นหน้าใหม่ในวงการที่สามารถช่วยคุณสามารถสร้างอินโฟกราฟิกได้ภายในเวลาไม่กี่นาที วิธีการใช้งานจะเป็นระบบ Drag & Drop เหมือนตัวอื่นๆ ครับ

เครื่องมือในการสร้าง infographic
Visme

จากที่ผมลองใช้มาคร่าวๆ ผมว่า Visme เจ๋งมากตรงที่มีวีดิโอมาสอนคุณทั้งหมดว่าคุณจะสร้างอินโฟกราฟิกแบบไหนอย่างไร ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปลองผิดลองถูกเองเหมือนกับบางโปรแกรม นอกจากนี้คุณยังปรับเปลี่ยนข้อมูลในงานของคุณได้ภายในเสี้ยววินาทีด้วยครับ

นอกจากนี้ Visme ยังมีฟังก์ชันที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้ชมของคุณได้เช่น effect ต่างๆ มากมายที่ทำให้ตัวเลขของคุณสวยน่าอ่าน และคุณยังสามารถใส่ video ลงไปในงานของคุณได้ด้วยครับ

สิ่งที่ดีที่สุดคือ Visme ค่อนข้างใจดีมากกับผู้ใช้ฟรี เพราะคุณสามารถเข้าถึงรูปต่างๆ มากถึง 500,000 รูป, infographic template อีก 45 แบบ รวมไปถึง graphic อีกจำนวนมากมายที่ทางเว็บได้สร้างขึ้นไว้เสร็จสมบูรณ์แล้ว สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณประหยัดเวลาการทำอินโฟกราฟิกไปมากเลยครับ

อย่างไรก็ดี Visme จำกัดการสร้างผลงานของคุณอยู่แค่ 5 ชิ้นเท่านั้น ถ้าครบ 5 ชิ้นแล้วคุณจะต้องอัพเกรดเป็นแบบ Pro ซึ่งค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $14-$25 ต่อเดือน (แล้วแต่ plan ที่คุณเลือก ส่วนนักเรียนนักศึกษาจะจ่ายในราคา $30 ต่อเทอม) แต่คุณจะได้คลังอินโฟกราฟิกจำนวนมหาศาล และกราฟิกสวยๆ อีกมากเลยครับ

7. Venngage

Venngage เป็นบริษัทที่นำเสนอโปรแกรมให้กับผู้ที่ต้องการทำอินโฟกราฟิกทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือโปรก็สามารถใช้โปรแกรมนี้ได้อย่างสบายมือ infographic template และกราฟิกที่มีให้ก็มากมายจนคุณใช้ไม่ได้หมดอย่างแน่นอน เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่คุณต้องการในการสร้างอินโฟกราฟิกสวยๆ เลยครับ

อย่างไรก็ดีโปรแกรมแบบฟรีของ Venngage ไม่ให้คุณดาวน์โหลดออกมาจากเว็บไซต์ ทำให้ถ้าคุณคิดจะใช้งานจริงๆ คุณต้องสมัครสมาชิก ซึ่งอยู่ที่ $39-$49 ต่อเดือน (นักศึกษาลดเหลือ $8-$29 ต่อเดือน)

8. Infogram

Infogram เป็นโปรแกรมที่ให้ความสำคัญกับกราฟ ตัวเลข และการเก็บข้อมูลต่างๆ ดังนั้นถ้าอินโฟกราฟิกของคุณมีตัวเลขมากๆ ผมแนะนำให้ใช้โปรแกรมตัวนี้เลยครับ เพราะคุณสามารถทำให้ตัวเลขของคุณเป็นแบบ “interactive” ซึ่งจะเพิ่มความเข้าใจและความน่าอ่านได้อย่างมาก

เครื่องมือในการสร้าง infographic

อย่างไรก็ดี ผู้ใช้โปรแกรม Infogram ฟรีจะมีตัวเลือกที่จำกัดมาก เพราะ template ระดับสูงไม่มีเลย รวมๆแล้วมี template ให้เลือกเพียงสิบกว่าแบบเท่านั้นเอง ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังดาวน์โหลดไม่ได้อีก (ได้แค่แชร์เท่านั้น)

ถ้าจะดาวน์โหลดออกมา คุณจะต้องอัพเกรดเป็นแบบ Pro ด้วยราคา $19-$25 ต่อเดือนครับ

9. Adioma

Adioma น่าจะเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ล้ำยุคที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะคุณแค่เลือก infographic template ของคุณเท่านั้น หลังจากนั้นตัวโปรแกรมจะสร้างอินโฟกราฟิกให้กับคุณเองโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องไป Drag and Drop เองเหมือนกับโปรแกรมอื่นๆ! นั่นเท่ากับว่าโอกาสที่คุณจะวางมั่ว วางเละ วางไม่ตรง วางผิดเท่ากับ 0!

แน่นอนว่าถ้าคุณไม่พอใจในสิ่งที่โปรแกรมเรียงให้ คุณจะเรียงเองก็ทำได้เช่นกัน ลองดูของจริงตามคลิปด้านล่างเลยครับ

ข้อเสียคือ Adioma ไม่ให้ใช้ฟรี โดยมีแค่ free trial ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องสมัครสมาชิกซึ่งเริ่มต้นที่ $29 ต่อเดือนครับ

ข้อควรทราบในการใช้โปรแกรมทำอินโฟกราฟิก (Infographic)

จากโปรแกรมต่างๆ ที่ผมแนะนำไป คุณจะเห็นว่าโปรแกรมที่ใช้สร้างอินโฟกราฟิก (Infographic) มีเป็นจำนวนมาก ในส่วนนี้ผมมองว่าแล้วแต่บุคคลครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบ Canva มากที่สุดเพราะความง่ายของการใช้งาน เงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นมิตรกับผู้งานแบบฟรีมากที่สุด รวมไปถึงแพลนแบบ Pro ที่น่าคบหาด้วย

อย่างไรก็ดีสำหรับใครที่อยากจะสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม ผมแนะนำให้ใช้แบบฟรีก่อนทุกครั้ง และถ้าเป็นไปได้ คุณควรจะลองใช้หลายๆ โปรแกรมก่อนครับ เพราะอย่างที่ผมแสดงให้เห็นแล้ว โปรแกรมที่ใช้สร้างอินโฟกราฟิกมีเยอะมากจริงๆ ครับ

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าคุณจะทำอินโฟกราฟิกออกมาสวย แต่ถ้าคุณสะกดภาษาอังกฤษผิดหรือใช้ grammar ผิด อินโฟกราฟิกของคุณจะดูไม่เนี๊ยบ ไม่เป็นมืออาชีพทันที เพราะฉะนั้นคุณควรใช้โปรแกรมเหล่านี้ตรวจสอบก่อนที่จะไปนำเสนองานต่ออาจารย์หรือลูกค้าครับ

https://victorytale.com/about-victorytale/

ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

เครื่องมือในการสร้าง Infographic มีอะไรบ้าง

เครื่องมือในการทำ INFOGRAPHIC !!.
1. CANVA สุดยอดเครื่องมือออกแบบสารพัดประโยชน์ ... .
2. PIKTOCHART ทำอินโฟกราฟฟิกฟรี ใช้ง่าย ... .
3. VISME เครื่องมือทำอินโฟกราฟฟิกออนไลน์ ที่ทำแบนเนอร์ได้ด้วย.

ข้อใดเป็นเครื่องมือในการสร้าง Infographic แบบออฟไลน์

แนะนำ 5 เครื่องมือ สร้างคอนเทนต์ออนไลน์ อินโฟกราฟิก ใช้งานง่ายไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม.
CANVA เครื่องมือออกแบบกราฟิกที่คนไม่มีทักษะก็ใช้งานได้ง่าย ๆ.
Piktochart เครื่องมือออกแบบ อินโฟกราฟิก งานนำเสนอสร้างสรรค์ชิ้นงานได้หลากหลาย.
easelly สร้างสรรค์อินโฟกราฟฟิค แบบมืออาชีพ แสนง่ายแค่ปลายนิ้ว.

โปรแกรมใดสำหรับผลิตสื่อ Infographic

Contents hide.
โปรแกรมอินโฟกราฟฟิคแบบง่ายๆ ฟรีบนเว็บเบราเซอร์.
Canva. 2.1 ข้อสังเกต: 2.2 ราคา: ... .
Crello. 3.1 ข้อสังเกต: 3.2 ราคา: ... .
Snappa. 4.1 ข้อสังเกต: 4.2 ราคา: ... .
Venngage. 5.1 ข้อสังเกต: 5.2 ราคา: ... .
Piktochart. 6.1 ข้อสังเกต: 6.2 ราคา: ... .
easel.ly. 7.1 ข้อสังเกต: 7.2 ราคา: ... .
Visme. 8.1 ข้อสังเกต: 8.2 ราคา:.

ข้อใดควรทําในการออกแบบใน Infographic

การสร้าง Infographics ให้มีประสิทธิภาพ 1. เน้นที่หัวข้อหลักหัวข้อเดียว เมื่อกาหนดหัวข้อแล้วก็ควรเป็นข้อมูลของสิ่งนั้น มีข้อมูลอย่างชัดเจน จะช่วยให้ผู้ชมและผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายและ ไม่สับสน 2. ออกแบบให้เข้าใจง่าย ข้อมูลภายในต้องเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน หรืออัดแน่นจนเกินไป เพราะอาจทาให้เกิดการตีความที่ผิดพลาดได้ 3. ออกแบบให้ ...