SMEs (Small and Medium Enterprises) คือ ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงกลาง ที่ดำเนินการธุรกิจแบบเป็นรูปธรรม มักจะเป็นการให้บริการ หรือขายสินค้า ที่สามารถจับต้องได้ทั่วไป โดยมีไอเดียการสร้างสินค้าใหม่ๆ หรือการสร้างแบรนด์ที่เป็นนวัตกรรมมาส่งเสริมสินค้าและบริการเดิมที่มีอยู่ได้ Show Start-Up คือ ธุรกิจที่เริ่มต้นจากแนวคิด ไอเดียการทำธุรกิจ ที่เน้นการเติบโตที่รวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น มักจะเป็นธุรกิจที่สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน หรือเข้ามาช่วยแก้ปัญหา หรือ Pain Point ของกลุ่มเป้าหมายได้ เรียกได้ว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
SMEs และ Start-Up แตกต่างกันอย่างไร?แตกต่างที่ขนาดธุรกิจในขณะที่ SMEs มีขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลาง มีพนักงานแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับธุรกิจ แต่Start-Up จะมีขนาดเล็กมาก ถึงขั้นที่มีพนักงานในบริษัท ไม่ถึง 10 คน ไปจนถึง 100 คนแต่มีรายได้มหาศาล รูปแบบการทำธุรกิจที่แตกต่างกันSMEs เป็นสินค้าหรือบริการที่มีอยู่แล้วในท้องตลาด ปรับปรุง พัฒนาจากเทคโนโลยีเดิมที่มี และมีกระบวนการผลิตที่รวดเร็วตอบสนองต่อความต้องการที่มีอยู่แล้วในตลาด ในขณะที่ Start-Up เป็นสิ่งใหม่ๆที่ไม่ค่อยมีในตลาด ใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา และปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค ที่มาของเงินทุนแตกต่างกันSMEs มักจะเป็นการลงทุนธุรกิจที่มาจากเจ้าของกิจการ หรือการกู้ยืมจากธนาคาร แต่ Start-Up มักจะมาจากการลงทุนของนักลงทุน หรือผู้ที่สนใจในรูปแบบธุรกิจนั้นๆ เพื่อให้ผลประโยชน์ในอนาคต รูปแบบของทรัพย์สินที่แตกต่างกันSMEs เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ แต่ Start-Up เป็นทรัพย์สินทางปัญญา การเติบโตของธุรกิจที่แตกต่างกันSMEs มักจะมีรูปแบบคงที่ และมีต้นทุนคงที่จากการผลิตการดำเนินงาน และมีการผันแปรของต้นทุนต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มีการเติบโตช้า และยากในการเข้าถึงของผู้บริโภค แตกต่างกัน Start-Up สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ เพราะเป็นนวัตกรรมที่จะอยู่ที่ไหนก็สามารถใช้ได้ และแก้ปัญหาต่อการใช้ชีวิตของคนในวงกว้าง ตัวอย่างธุรกิจ SMEs และ Start-UpSMEs และ Start-Up แบบไหนดีกว่ากัน?ข้อดี ของธุรกิจ SMEs
ข้อดี ของธุรกิจ Start-Up
ข้อเสีย ของธุรกิจ SMEs
ข้อเสีย ของธุรกิจ Start-Up
ถึงแม้ SMEs และ Start-Up จะมีความแตกต่างกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ “การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า” และต้องรับมือให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงไปของพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะหากไม่มีการปรับตัว ก็อาจทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ธุรกิจในยุคนี้มีหลายรูปแบบ โดยเฉพาะแนวคิดการสร้างธุรกิจที่แตกต่างจากในอดีตมากมาย เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนมโหฬารในการสร้างธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องลงทุนในสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ธุรกิจใหม่จึงเกิดง่าย และเมื่อไหร่จับถูกจุด ก็สามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด เจ้าของธุรกิจหน้าใหม่ วัยน้อยลง เพราะเกิดขึ้นง่ายด้วยระบบและแนวคิดการทำธุรกิจอย่างคนรุ่นใหม่ ทั้ง ธุรกิจ sme และธุรกิจ Startup ที่มาแรงขึ้นทุกทีๆธุรกิจ sme คืออะไร SME นั้น เป็นคำย่อของ Small and Medium Enterprise หากจะแปลตรงตัวจึง “วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” แต่ก็ยังมีคำอธิบายเพื่อให้เห็นภาพธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อไปว่า เป็นกิจการที่มีคุณสมบัติดังนี้
นั่นคือ ขนาดของทรัพย์สินและปริมาณคนทำงานเป็นเครื่องบอกขนาดธุรกิจว่าเป็นประเภท SME หรือไม่ ส่วนประเภทของธุรกิจนั้นค่อนข้างครอบคลุม เพราะเป็นได้ทั้งผลิต จำหน่าย ค้าส่ง ปลีก รวมถึงบริการ ธุรกิจ Startup คืออะไร เป็นการรวมตัวของธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกันในแง่ของการนำความรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลกัน โดยมีจุดเริ่มต้นที่มารวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ทำการเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการสร้างคอนเน็กชั่น ในนิยามของคำว่า startup จะเน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ใช้เทคโนโลยีแบบชาญฉลาด บนพื้นที่แบบ co-working space ที่สำคัญ มีแผนรายได้ชัดเจน แต่กลับไม่สามารถกำหนดรายได้แบบตายตัว เรื่องการจ้างงานก็ไม่ตายตัวเช่นกัน เป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่ พร้อมเสี่ยงบนความไม่แน่นอน แต่มุ่งเติบโตแบบอัศจรรย์ ส่วนใหญ่จึงเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ IT ธุรกิจประเภทนี้ที่เด่นชัดเช่น facebook ที่โตแบบก้าวกระโดด ไม่หยุดยั้ง หรือธุรกิจประเภทเว็บตลาดขายของออนไลน์ ธุรกิจ startup และ sme แตกต่างกันอย่างไร1. เงินลงทุน ธุรกิจ startup ไม่เน้นเรื่องการลงทุนสูง ส่วนธุรกิจ sme เงินลงทุนต้องอยู่ในกรอบของนิยาม ไม่เช่นนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นธุรกิจขนาดอื่นๆ
|