ยกตัวอย่าง เว็บผู้ให้บริการบล็อก มา 2 เว็บ

หากคุณอยากเริ่มต้นทำแบบไม่จริงจังมากนักอาจใช้ผู้ให้บริการสร้างเว็บ Blog แบบฟรีไปก่อน เช่น Blogger , WordPress.com

แต่ผมไม่แนะนำเลย!

ทำไม?

ข้อเสียของการสร้างเว็บ blog ฟรี

นี่คือเหตุผลที่ผมไม่แนะนำให้คุณสร้างเว็บบล็อกฟรี

1. โดเมนเว็บของคุณดูน่าเกลียดและจดจำได้ยาก

เช่น หากคุณสร้างเว็บโดยใช้ Blogger โดเมนเว็บคุณจะอยู่ในรูปแบบ: ชื่อเมนที่คุณตั้ง.blogspot.com

มันยาวและดูไม่ดีเลยใช่ไหมครับ?

ปัญหาสำคัญๆนอกจากความสวยงามแล้วเวลาคนจะค้นหาเว็บของคุณเขาจะพิมพ์ชื่อโดเมนเพื่อเข้าเว็บของคุณได้ยากมากเพราะมันยาวสุดๆทำให้ผู้คนจำไม่ได้นั่นเอง

2. การปรับแต่งที่จำกัด

หากคุณสร้างเว็บบล็อกแบบฟรีเช่นสร้างด้วย Blogger คุณจะสามารถปรับแต่งมันได้น้อยมากๆเช่น การปรับแต่ง layout ที่จำกัด , เครื่องมือในการออกสร้างหน้าเว็บที่น้อย , ไม่มี Plugin ที่เพิ่มความสามารถต่างๆได้มากมาย

3. คุณไม่ใช่เจ้าของเว็บ

ใช่ครับการที่เราไปสร้าง blog ในผู้ให้บริการฟรีต่างๆเหล่านี้คุณเปรียบเสมือนไปยืมบ้านเขาอยู่ครับเขาจะปิดเว็บของคุณตอนไหนก็ได้

4. มีโฆษณาในเว็บของคุณ

ของฟรีที่ดีไม่มีในโลกครับผู้ให้บริการบางเจ้าจะนำโฆษณาใส่ลงในเว็บของคุณเพื่อเป็นทางในการหารายได้ให้เขา (ไม่ได้แบ่งให้คุณ)

5. ต้องอัพเกรดเพื่อได้ความสามารถเพิ่ม

ยกตัวอย่างหากคุณสร้างเว็บบล็อกฟรีกับ wordpress.com คุณต้องเสียเงินสูงสุด 1500 บาทต่อเดือนเพื่อจะได้ใช้คุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นๆ

1 ราคา wordpress.com

การสร้างเว็บบล็อกแบบเสียเงิน

อันที่จริงคุณสามารถใช้เครื่องมือในการสร้าง Blog ที่ชื่อว่า WordPress.org ได้ฟรี ซึ่งมันเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในการสร้างเว็บไซต์ที่เปิดให้ทุกคนใช้ได้ฟรี

และรู้ไหมว่าเว็บไซต์กว่า 36.2 % สร้างโดยใช้ WordPress พูดง่ายๆคือคุณเปิดเว็บมา 3 เว็บ 1 ในนั้นจะสร้างด้วย WordPress

จำนวนผู้ใช้งาน WordPress

(อย่าสับสนกับ WordPress.com อันนั้นก็ใช้ฟรีแต่จำกัดการใช้งานเยอะสุดๆหากไม่จ่ายเงิน แต่ตัวนี้ใช้ฟรี 100% หากสงสัยไปอ่านบทความนี้ก่อน → wordpress คืออะไร)

ไหนบอกว่าใช้ฟรีแล้วทำไมทำต้องเสียเงิน ?

เพราะการสร้างเว็บไซต์ทุกชนิดเราต้องเสียเงินให้กับการจดโดเมน และการเช่าโฮสติ้ง สิ่ง 2 อย่างนี้จำเป็นต้องมีในการสร้างเว็บไซต์เสมอขาดไม่ได้

  • โดเมน คือ ที่อยู่เว็บของเราเช่น google.com นี่แหละคือโดเมน
  • โฮสติ้ง คือ บริการในการเก็บไฟล์ต่างๆของเว็บเราลงบนเครื่องเซิฟเวอร์ แล้วส่งไปให้ผู้เข้าชมดูเวลาที่พวกเขาเปิดหน้าเว็บต่างๆ

ทำไมควรสร้าง blog แบบเสียเงิน

ใช่แล้วมันไม่ฟรี แล้วทำไมเราควรใช้มันล่ะ ?

1. ตั้งชื่อโดเมนได้ตามใจ

คุณสามารถตั้งชื่อโดเมนได้ตามต้องการ สวยงาม และจดจำง่าย และคุณสามารถกำหนดนามสกุลโดเมนได้อีกด้วย เช่น .com .net .org .co.th และอื่นๆตามต้องการ

2. ปรับแต่งได้ดั่งใจ

คุณสามารถปรับแต่งทุกอย่างได้อย่างไม่จำกัด เช่น ปรับ layout , เปลี่ยนฟ้อนต์รูปแบบอักษร , เปลี่ยนโลโก้ , ปรับแต่งเมนูของเว็บ และอื่นๆอีกมากมาย

3. คุณคือเจ้าของเว็บ 100%

คุณเป็นเจ้าของเว็บแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยากทำอะไรกับเว็บของคุณก็ได้ ไม่มีกฎ ไม่มีข้อจำกัด ปรับแต่งออกแบบเขียน blog ได้ตามที่คุณต้องการทุกๆอย่าง

4. อัพเกรดความสามารถด้วย Plugin
2 wordpress plugin ตัวอย่าง

WordPress.org มีเครื่องมือที่เรียกว่า Plugin ที่ช่วยเพิ่มความสามารถต่างๆให้แก่เว็บไซต์ของเรามากมายหลายหมื่นรายการ

ซึ่งคุณสามารถใช้งานได้ฟรี!! โดยการไปดาวน์โหลดได้ที่ → wordpress.org/plugins

ตัวอย่างหากคุณอยากทำเว็บขายของออนไลน์ได้ก็แค่ติดตั้ง plugin woocommerce

หรืออยากจะให้เว็บมีปุ่มกดแชร์ก็แค่ติดตั้งปลั๊กอิน seed social

แนะนำอ่านเพิ่มเติม : แนะนำ 11 plugin wordpress ที่ต้องจำเป็นต้องมี , WordPress ทําอะไรได้บ้าง , ข้อดีข้อเสีย ของ WordPress

ดังนั้นผมก็จะสอนวิธีสร้างเว็บบล็อกด้วย WordPress.org กันนะครับด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ไปเรียนรู้กันเลย

วิธีสร้างเว็บบล็อก (Web Blog)

คุณสามารถดูเป็นคลิปสอนได้ด้านล่างนี้ (เนื้อหาในบทความนี้ละเอียดว่าในคลิปแนะนำดูคลิปเสร็จให้อ่านบทความต่อ)

ขั้นตอนที่ 1

1. จดโดเมน (Domain)

จดโดเมน Domains 2

โดเมน (Domain) คือที่อยู่เว็บไซต์ของเราใช้เพื่อให้ผู้คนสามารถค้นหาเว็บของเราเจอได้

คุณสามารถตั้งชื่อโดเมนว่าอะไรก็ได้ตามต้องการ จากนั้นคุณก็เลือกนามสกุลโดเมนตามที่ต้องการได้อีก

ตัวอย่างโดเมนที่คุณน่าจะรู้จักกันดี เช่น google.com ชื่อโดเมนก็คือ google นามสกุลโดเมนก็คือ .com

นึกภาพออกแล้วใช่ไหมครับ

การเลือกชื่อโดเมน

แม้ว่าเราจะตั้งชื่อโดเมนว่าอะไรก็ได้ตามต้องการ แต่นี่คือหลักการตั้งโดเมนที่ผมแนะนำ

  1. สั้นและจำจดง่าย : ชื่อสั้นๆช่วยให้ผู้คนจดจำโดเมนเว็บของคุณได้ง่ายขึ้น ทีนี้เวลาคนจะเข้าเว็บของคุณเขาก็จะค้นหาได้ง่ายนั่นเอง หากมันยาวหรือจำได้ยาก ผู้คนก็คงจะจำไม่ได้และไม่มีใครเข้าเว็บของคุณอีกต่อไป
  2. อย่าใช้ขีดคั่นกลางและตัวเลข : การใช้ (-) หรือตัวเลข (4) แบบนี้ จะทำให้ผู้คนเกิดความสับสนได้เวลาค้นหาชื่อโดเมนของคุณ
  3. ใช้นามสกุลโดเมนที่เป็นที่นิยม : นามสกุลโดเมน .com คือที่นิยมมากที่สุด หากคุณใช้นามสกุลโดมเมนอื่นมันก็ทำได้หมดแหละแต่มันก็จะจดจำได้ยากนั่นเอง
  4. เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณทำ : เช่นคุณจะทำเว็บไซต์เกี่ยวกับสุนัข ก็อาจใช้คำว่า dog ใส่ลงไปในโดเมนด้วย ผู้คนจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าเว็บของคุณทำเกี่ยวกับอะไรนั่นเอง

วิธีจดโดเมน

หากคุณพร้อมที่จะมีบล็อกแล้วก็ไปเรียนรู้ขั้นตอนแรกในการสร้างเว็บบล็อกกันเลยซึ่งผมได้เขียนบทความแยกสอนไว้แบบละเอียดแล้วกดไปดูกันได้เลย

ขั้นตอนที่ 2

2. เช่าโฮสติ้งและติดตั้ง wordpress

เช่าโฮสติ้ง Hosting 1

โฮสติ้ง (Hosting) คือสิ่งที่ใช้ในการเก็บไฟล์ต่างๆของเว็บของเรา เช่น รูปภาพ ตัวหนังสือ โดยเป็นการเก็บลงในคอมพิวเตอร์ชนิดพิเศษที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงที่เรียกว่า server เมื่อมีคนเข้าเว็บของเรามันก็จะส่งข้อมูลต่างๆบนหน้าเว็บของเราให้ผู้เข้าชมได้เห็น

และมันก็เป็นสถานที่ในการใช้ติดตั้ง WordPress ซึ่งเป็นซอฟแวร์ในการสร้างเว็บบล็อกให้เราแบบง่ายๆในไม่กี่คลิกอีกด้วย

วิธีเช่าโฮสติ้ง

ผมได้เขียนบทความสอนวิธีการเช่า hosting และติดตั้ง wordpress แบบละเอียดไว้แล้วสามารถกดดูได้ด้านล่างนี้เลย

หากทำขั้นตอนนี้เสร็จก็ไปดูขั้นตอนต่อไปกันเลย

ขั้นตอนที่ 3

3. เชื่อม Domain กับ Host

เชื่อมโดเมนกับโฮสติ้ง

โดเมนและโฮสติ้ง (domains และ hosting) จะทำงานแยกกันคนละส่วน แต่ก็ต้องทำงานร่วมกันจึงจะทำให้เว็บของเราทำงานได้ ซึ่งเราก็ต้องทำการเชื่อมมันเข้าด้วยกันนั่นเอง

วิธีเชื่อมโดเมนกับโฮสติ้ง

ผมได้ทำบทความสอนหัวข้อนี้แยกไว้เช่นกันครับ สามารถกดดูวิธีการแบบละเอียดได้ด้านล่างเลย

ขั้นตอนที่ 4

4. ติดตั้ง SSL

ติดตั้ง SSL ฟรี 1

SSL ย่อมาจาก Secure Sockets Layer เป็นการเข้ารหัสระหว่างเว็บเซิร์ฟเวอร์และเบราว์เซอร์ ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญต่างๆที่ถูกส่งระหว่างสองระบบจากการอ่านและแก้ไขข้อมูล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลทางการเงิน ชื่อ ที่อยู่ และอื่น ๆ

วิธีติดตั้ง SSL ฟรี

เราควรติดตั้ง SSL ให้เว็บเสมอเพราะช่วยเรื่องความปลอดภัยและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บ blog ของเราได้มาก ซึ่งคุณสามารถติดตั้งได้ฟรีผ่านทาง hosting ที่ผมสอนให้คุณเช่า (หากคุณเช่ากับเจ้าอื่นอาจต้องเสียเงินส่วนนี้เพิ่ม)

ดูขั้นตอนการทำได้เลยตามบทความนี้

ขั้นตอนที่ 5

5. ตั้งค่าเว็บไซต์

การตั้งค่าเว็บไซต์

หลังจากทำขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้เราก็ต้องทำการตั้งค่าเว็บไซต์ของเราเพื่อให้มันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีมากขึ้น

การตั้งค่าเว็บ blog ที่แนะนำ

นี่คือการตั้งค่าต่างๆที่ควรทำหลังจากที่คุณติดตั้งเว็บใหม่กดดูได้ทีละหัวข้อเลย

ขั้นตอนที่ 6

6. การสร้างบล็อก (Blog)

การสร้างเว็บ blog

นี่คือขั้นสำคัญก็คือการเริ่มต้นสร้างเว็บ blog ของเรา ซึ่งหัวข้อนี้จะสอนแบบละเอียดทุกอย่าง เช่น

  • การติดตั้งธีม wordpress
  • การเขียนบทความ
  • การใส่ข้อมูลผู้เขียน
  • การใส่หมวดหมู่และบทความล่าสุด
  • กานสร้างหน้าเกี่ยวกับเราและติดต่อเรา

ติดตั้งธีมให้เว็บบล็อก

เริ่มแรกเลยเราต้องติดตั้งธีมให้เว็บของเราก่อน

ไปที่เมนู รูปแบบเว็บ → ธีม → เพิ่มใหม่

1 เพิ่มธีมใหม่ให้ blog

ในช่องค้นหาพิมพ์คำว่า "generatepress"

จากนั้นก็ให้กด ติดตั้ง แล้วรอสักครู่จากนั้นกด Activate

2 ติดตั้งธีม genneratepress

ซึ่งนี่ก็คือเว็บบล็อกของเราหลังจากที่ติดตั้งธีมเสร็จ

มันก็ยังดูไม่สมบูรณ์เป็น blog เท่าไร ดังนั้นเราไปทำขั้นอื่นๆกันต่อดีกว่า

ตัวอย่างเว็บบล็อกหลังจากติดตี้งธีม genneratepress

การเขียนบทความลงบล็อก

1. การใส่หัวข้อและเนื้อหาของบทความ

หลังจากที่เราติดตั้งธีมเสร็จเราก็มาดูวิธีการเขียนบทความลงเว็บบล็อกของเรากันต่อเลย

ก่อนอื่นให้เราไปที่เมนู เรื่อง → แล้วเลือก เขียนเรื่องใหม่

1 ไปที่เมนูเขียนเรื่องใหม่

เราก็จะมาเจอกับหน้าที่ใช้ในการเขียนบทความลงบล็อกของเราแล้ว

  • ใส่ชื่อ : ใช้สำหรับเพิ่มหัวข้อหรือชื่อบทความของเรา
  • เริ่มการเขียน หรือพิมพ์เครื่องหมายทับ (/) เพื่อเลือกบล็อก : ใช้สำหรับใส่เนื้อหาของบทความ
2 การเพิ่มชื่อบทความและใส่เนื้อหาบทความ

โดยการเพิ่มเนื้อหาให้บทความของเรา เราสามารถใส่เนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบ เช่น รูปภาพ ย่อหน้า หัวข้อ รายชื่อ กลอน ตาราง และอื่นๆ

ซึ่งคุณสามารถกดเลือกรูปแบบเนื้อหาที่จะใส่ลงในบทความได้ที่เครื่องหมาย + ตรงมุมซ้ายบนตามภาพ

3 การเพิ่มเนื้อหาลงในบล็อก เช่น ภาพ หัวข้อ ย่อหน้า
2. การตั้งรูปภาพประจำเรื่อง

รูปภาพประจำเรื่องเป็นรูปภาพหลักของบทความเสมือนกับรูปภาพหน้านั่นเอง ซึ่งมันจะนำไปใช้งานต่างๆมากมาย เช่น นำไปแสดงไว้บนสุดของบทความของเรา, นำไปใช้เป็นรูปภาพหน้าปกในหน้ารวมบทความ, นำไปใช้เป็นภาพปกเวลาเราแชร์บทความลงใน social media

ดังนั้นแล้วอย่าพลาดที่จะใส่รูปภาพประจำเรื่องเด็ดขาด

ตัวอย่างรูปภาพประจำเรื่อง

ซึ่งนี่คือตัวอย่างภาพประจำเรื่องที่แสดงในหน้าบทความของเรา

4 รูปภาพประจำเรื่องคืออะไร

และนี่คือตัวภาพประจำเรื่องที่แสดงเป็นภาพหน้าปกในหน้ารวมบทความของเรา

5 ตัวอย่างรูปประจำเรื่องในหน้ารวมบทความวิธีตั้งรูปภาพประจำเรื่อง

ง่ายๆเลยให้คุณไปที่เมนูด้านขวาก็จะเจอกับเมนู รูปประจำเรื่อง จากนั้นให้กดที่ กำหนดรูปประจำเรื่อง แล้วอัปโหลดรูปที่ต้องการได้เลย

6 วิธีเพิ่มรูปประจำเรื่องในเว็บบล็อก
3. การกำหนดหมวดหมู่ให้บทความ

เราสามารถกำหนดหมวดหมู่ให้แก่บทความของเรา เพื่อความเป็นระเบียบในการเขียนบทความ และสามารถนำหมวดหมู่นี้ไปให้ผู้ใช้งานกดเลือกอ่านตามหมวดหมู่ได้อีกด้วย แนะนำว่าควรตั้งหมวดหมู่ให้แก่บทความทุกครั้ง

เริ่มแรกให้คุณไปที่เมนู หมวดหมู่

แล้วพิมพ์หมวดหมู่ลงในช่อง ชื่อหมวดหมู่ใหม่

จากนั้นกด สร้างหมวดหมู่ใหม่

7 วิธีสร้างหมวดหมู่ให้บทความ

ต่อมาหากเราเขียนบทความใหม่ที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน เราก็มาติ้กถูกในช่องหมวดหมู่ที่เคยสร้างไว้แล้วก่อนหน้า หรือหากยังไม่มีหมวดหมู่ใดๆที่ตรงกับบทความใหม่ของเรา เราก็สร้างขึ้นมาใหม่นั่นเอง

8 หากเขียนบทความใหม่แล้วอยู่หใวดหมู่เดียวกัน

หลังจากที่เรา ตั้งชื่อบทความ → เขียนเนื้อหาของบทความ → ใส่รูปประจำเรื่อง → ใส่หมวดหมู่

ก็ถือได้ว่าเราทำทุกอย่างสำเร็จแล้วให้เรากด เผยแพร่ เพื่อนำบทความของเราไปแสดงให้ผู้อื่นได้อ่านกันเลย

9 กดปุ่มเผยแพร่บทความ

วิธีเพิ่มกล่องแสดงข้อมูลผู้เขียน

นี่คือตัวอย่างของกล่องแสดงข้อมูลของผู้เขียน โดยมันจะแสดงอยู่ใต้สุดของบทความของเรา

ข้อมูลที่จะแสดงได้แก่

  • ภาพผู้เขียน
  • ชื่อผู้เขียน
  • ข้อความประวัติของผู้เขียน
  • ช่องทาง social media ผู้เขียน (เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูป)

1 ตัวอย่างกล่องแสดงข้อมูลผู้เขียนบล็อก

เริ่มแรกเลยให้เราไปที่เมนู ปลั๊กอิน → เพิ่มปลั๊กอินใหม่

ในช่องค้นหาให้พิมพ์คำว่า simple author box

จากนั้นกด ติดตั้งตอนนี้ รอสักครู่แล้วกด Activate

2 ค้นหาปลั๊กอิน wordpress simple author box

จากนั้นให้กดที่เมนู Settings

3 กด setting

แล้วกดที่ Edit Author Profile

วิธีใส่ชื่อผู้เขียน

เริ่มแรกให้เลื่อนไปที่หัวข้อ ชื่อเล่น (ต้องการ) จากนั้นทำตามนี้

  1. ชื่อเล่น (ต้องการ) : ให้เรากรอกชื่อของผู้เขียนที่เราต้องการลงไป
  2. ชื่อที่แสดงให้คนทั่งไปเห็น : ให้เรากดเลือกที่ชื่อที่เรากรอกไปเมื่อกี้
5 เปลี่ยนชื่อผู้เขียน blog
วิธีใส่ประวัติผู้เขียน

เริ่มแรกให้เลื่อนไปที่หัวข้อ ข้อมูลชีวประวัติ จากนั้นกรอกข้อมูลประวัติของผู้เขียนที่เราต้องการลงในช่องได้เลยตามชอบ

6 ใส่ข้อมูลผู้เขียนบล็อก
วิธีใส่รูปผู้เขียน
  1. ให้ไปที่หัวข้อ Profile Image
  2. กด Uplode Image
  3. เลือกรูปของคุณได้เลยตามชอบ
7 วิธีเปลี่ยนรูปผู้เขียนบทความ

ไปที่หัวข้อ Social Media Links (Simple Author Box)

  1. กดที่ Add This แล้วเลือก social media ได้เลยตามที่คุณต้องการ เช่น facebook, twitter
  2. กรอก url ของ social ที่คุณเลือกลงในช่องว่างตามภาพ
  3. หากต้องการเพิ่ม social media อื่นๆอีกให้กด + Add new social platform
8 วิธีเพิ่ม social media ของผู้เขียนบทความ

สุดท้ายหลังจากที่คุณใส่ข้อมูลผู้เขียนทุกอย่างตามข้างต้นแล้ว อย่าลืมกด อัปเดตข้อมูลส่วนตัว

วิธีเพิ่มบทความล่าสุดและหมวดหมู่บทความใน blog

นี่คือภาพตัวอย่างของ บทความล่าสุด และ หมวดหมู่บทความ

2 อย่างนี้มีประโยชน์อย่างมากเพราะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเลือกอ่านบทความอื่นๆของเราที่เพิ่มลงล่าสุดได้และสามารถกดเลือกอ่านบทความตามหมวดหมู่ที่ชอบได้ ช่วยให้ผู้คนอยู่บนเว็บของเรานานขึ้น และอ่านบทความอื่นๆของเราเยอะขึ้น

1 ตัวอย่างบทความล่าสุดและหมวดหมู่ของเว็บ

เริ่มแรกเลยให้คุณไปที่หน้าเว็บไหนก็ได้แล้วกดที่ ปรับแต่ง

2 กดที่ปรับแต่ง

สังเกตตรงด้านขวาจะมีรูปดินสอขึ้นมา ให้เรากดได้เลย

3 กดที่รูปดินสอ

จากนั้นลบอันที่เราไม่ได้ใช้ออกให้หมด

4 วิธีลบวิดเจ็ตออกจากเว็บ

ทีนี้กด เพิ่มวิดเจ็ต

5 กดเพิ่มวิดเจ็ต

แล้วค้นหาคำว่า หมวดหมู่ จากนั้น กดคลิกที่หมวดหมู่

6 เพิ่มหมวดหมู่

ในช่อง ชื่อ คุณสามารถพิมพ์ชื่อหัวข้อได้เลยตามที่อยากจะตั้ง

7 เพิ่มหัวข้อวิดเจ็ตตามต้องการบน wordpress

หลังจากนี้เราก็ไปใส่โลโก้ให้เว็บกันต่อ ทำต่อได้เลยจากขั้นตอนนี้

วิธีใส่โลโก้เว็บบล็อก

เริ่มแรกเลยสังเกตตรงมุมซ้ายบนจะเจอรูปดินสออยู่ที่โลโก้ปัจจุบันของเรา ให้เรากดคลิกที่รูปดินสอ

1 กดที่รูปดินสอเพื่ือเปลี่ยน logo

เราสามารถเพิ่มรูปโลโก้ให้เว็บของเราได้ 2 แบบคือ แบบเป็นตัวอักษร และแบบเป็นรูปภาพ

1. วิธีใส่โลโก้เป็นตัวอักษร

ตรงเมนูชื่อเว็บให้เรากรอก ชื่อเว็บของเรา ชื่อแบรนด์ ชื่อเรา หรืออะไรก็ได้ เพื่อนำมันไปใช้เป็นโลโก้ของเว็บ

2 ใส่โลโก้เว็บเป็นตัสหนังสือ
1. วิธีใส่โลโก้เป็นรูปภาพ

ก่อนอื่นกดติ้กถูกที่ช่อง Hide site title และ Hide site tagline ก่อน

จากนั้นกดที่ เลือกรูปโลโก้ แล้วอัปโหลดรูป logo ได้เลยตามต้องการ

3 ใส่โลโก้เว็บเป็นรูปภาพ

หากภาพ logo ใหญ่เกินไปก็สามารถไปที่เมนู Logo Width เพื่อลากปรับขนาดได้ตามชอบ

4 วิธีปรับขนาดรูปโลโก้เว็บ

วิธีสร้างหน้าติดต่อเราและหน้าเกี่ยวกับเรา

มีหน้าเว็บ 2 อย่างที่ผมแนะนำให้คุณสร้างที่จำเป็นสำหรับการเขียนเว็บบล็อกก็คือหน้า ติดต่อเรา และหน้า เกี่ยวกับเรา

  • หน้าติดต่อเรา : ช่วยให้ผู้อ่านสามารถติดต่อเราได้เช่นหากจ้างเราเขียนบทความหรืออาจจะอยากติดต่อเราเพื่อทำงานอื่นๆเช่นเขียนหนังสือ ขอลงโฆษณา ขอซื้อ backlink ขอให้รีวิวสินค้าลงเว็บ และอื่นๆอีกมากมาย หากเราไม่มีช่องทางการติดต่อไว้ก็จะพลาดรายได้เหล่านี้ไปมากมายหลายบาทเลย
  • หน้าเกี่ยวกับเรา : ช่วยให้ผู้อ่านรู้จักว่าเว็บของเราเกี่ยวกับอะไร ใครเป็นผู้เขียน ช่วยให้ข้อมูลต่างๆที่เราเขียนน่าเชื่อถือมากขึ้น และช่วยให้เราสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ได้อีกด้วย

โอเคทีนี้เราไปเรียนรู้วิธีการสร้างมันกันเลยครับ

เริ่มแรกเลยให้เราเอาเมาส์ไปชี้ที่รูปไมล์รถทางซ้ายบน แล้วกดที่หน้าควบคุม

1 กลับไปที่หน้าควบคุม wordpress

แล้วกดที่ หน้า

2 กดที่หน้า

จากนั้นทำการลบหน้าเว็บตัวอย่างที่ระบบสร้างมาให้ออกให้หมด

วิธีลบหน้าตัวอย่าง
  1. กดติ้กถูกในช่องสี่เหลี่ยมบนสุดตามภาพ
  2. กดเลือก ย้ายไปถังขยะ
  3. กด นำไปใช้
  4. กดที่ ถังขยะ
  5. กดติ้กกาถูกในช่องสี่เหลี่ยมบนสุดอีกครั้ง
  6. กดเลือก Delete permanently
  7. กด นำไปใช้
3 ลบหน้าเว็บบน wordpress4 ลบหน้าเว็บออกจากถังขยะบน wordpress
วิธีเพิ่มหน้าเกี่ยวกับเรา

เริ่มแรกให้กดที่ เขียนหน้าใหม่

1 กดที่เขียนหน้าใหม่

แล้วทำต่อไปนี้

  1. ตั้งชื่อเป็น เกี่ยวกับเรา
  2. กดที่ + เพื่อเลือกเนื้อหาต่างๆที่ต้องการใส่เช่น รูปภาพ หัวข้อ ย่อหน้า
  3. กด เผยแพร่
2 วิธีสร้างหน้าเกี่ยวกับเรา
วิธีเพิ่มหน้าติดต่อเรา

ก่อนอื่นให้เรากลับไปที่หน้าก่อน โดยการกดไปที่รูป W ตามภาพ

1 กลับไปที่หน้า

แล้วกดที่ เขียนหน้าใหม่

2 เขียนหน้าใหม่

จากนั้นทำตามนี้

  1. ตั้งชื่อว่า ติดต่อเรา
  2. กด + เพื่อเลือกประเภทเนื้อหาที่ต้องการใส่ เช่น รูปภาพ หัวข้อ
  3. กดเผยแพร่

นี่คือตัวอย่างของผมซึ่งได้เพิ่ม ไลน์ id, facebook, email ลงในหน้าติดต่อเรา คุณไม่ต้องทำแบบผมก็ได้ สามารถใส่ข้อมูลอื่นๆและตกแต่งให้สวยงามกว่านี้ได้เลย

3 ตัวอย่างการสร้างหน้าเว็บติดต่อเรา

วิธีเพิ่มเมนูให้เว็บบล็อก

มีเมนู 3 อันที่ผมแนะนำให้คุณเพิ่มลงในเมนูของเว็บก็คือ หน้าแรก, หน้าเกี่ยวกับเรา, หน้าติดต่อเรา

เริ่มแรกให้คุณไปที่หน้าเว็บไหนก็ได้ของคุณจากนั้นกดที่ ปรับแต่ง

1 กดที่ปรับแต่ง 2

แล้วกดที่ เมนู

2 กดที่เมนู

แล้วกด สร้างเมนูใหม่

3 กดสร้างเมนูใหม่
  • ในช่องชื่อเมนู กรอกอะไรไปก็ได้ตามชอบ
  • ในช่อง Primary Menu ติ้กกาถูกไว้
  • แล้วกด ถัดไป
4 ตั้งชื่อเมนู
การเพิ่มหน้าติดต่อเราและหน้าเกี่ยวกับเราลงในเมนูเว็บ

ทีนี้กด + ติดต่อเรา และ กด + เกี่ยวกับเรา เพื่อนำหน้าเว็บนี้มาใช้เป็นเมนู

5 กดเพิ่มรายการและกด
การเพิ่มหน้าแรกลงในเมนูเว็บ
  1. ให้กดไปที่ปรับแต่งลิงก์
  2. URL : ใส่ /
  3. ลิงก์ข้อความ : กรอกคำว่า หน้าแรก
  4. สุดท้ายกด เพิ่มลงเมนู
6 เพิ่มหน้าแรกให้กับ blog
การสลับตำแหน่งเมนูของเว็บ

เราสามารถสลับตำแหน่งได้ว่าจะให้เมนูไหนขึ้นก่อนหลังโดยทำตามนี้

เริ่มแรกกดที่ เรียงใหม่

7 กดปุ่มเรียงใหม่

ก็จะเจอกับลูกศรกดขึ้นลงเพื่อสลับตำแหน่งเมนูเว็บได้เลยตามชอบ (แนะนำว่าเมนูหน้าแรกควรอยู่บนสุด)

8 สลับตำแหน่งเมนูของบล็อก

หลังจากปรับแต่งเมนูเสร็จให้กด เผยแพร่

9 กดเผยแพร่

จากนั้นกด X มุมซ้ายบน

10 กดปิด

เสร็จแล้ว!! นี่คือเมนูของเว็บหลังจากสร้างเสร็จ

11 ตัวอย่างเมนูเว็บ blog

ตัวอย่างเว็บบล็อกหลังสร้างเสร็จ

เรามาดูกันดีกว่าว่าเมื่อเราสร้างเสร็จเว็บของเราจะเป็นอย่างไรเพื่อให้ท่านเห็นภาพนั่นเอง

หน้าแรก
1 ตัวอย่างหน้าแรกของ blog

หน้าแรกที่เราได้จะเป็นหน้าในการรวมบทความทั้งหมดของเว็บเรา โดยจะเป็นการพรีวิวบทความคร่าวๆให้คนกดเข้าไปอ่านบทความละเอียดได้ด้านใน

ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่มีคร่าวๆ

  • ชื่อบทความ
  • วันที่เขียน
  • ชื่อผู้เขียน
  • ภาพประจำเรื่อง
  • ข้อความบางส่วนของบทความ
  • ปุ่ม read more
  • ปุ่มคอมเมนต์
  • หมวดหมู่บทความ
  • บทความล่าสุด
  • เลือกอ่านตามหมวดหมู่
ภายในบทความ (ด้านบน)
2 ตัวอย่างหน้าเว็บภายในบทความ

นี่คือภายในบทความของเราเมื่อคนกดเข้ามาอ่านก็จะเจอบทความแบบเต็มตามที่เราเขียนเนื้อหาไว้ทั้งหมด

ซึ่งสิ่งที่ได้คร่าวๆคือ

  • รูปประจำเรื่อง
  • ชื่อเรื่อง
  • วันที่เขียน
  • ชื่อผู้เขียน
  • เนื้อหาบทความแบบเต็ม
  • บทความล่าสุด
  • เลือกอ่านตามหมวดหมู่
ภายในบทความ (ด้านล่าง)
3 ตัวอย่างหน้าเว็บภายในบทความด้านล่างสุด

นี่คือภายในบทความด้านล่างจะมีกล่องผู้เขียนกับกล่องคอมเมนต์และอื่นๆ

ซึ่งนี่คือสิ่งที่มีคร่าวๆ

  • กล่องแสดงข้อมูลผู้เขียน
  • ชื่อผู้เขียน
  • ข้อความประวัติผู้เขียน
  • social media ของผู้เขียน
  • หมวดหมู่ของบทความที่อ่านอยู่ตอนนี้
  • เรื่องก่อนหน้า
  • ช่องคอมเมนต์
หน้าเกี่ยวกับเรา
4 ตัวอย่างหน้าเกี่ยวกับเรา

นี่คือตัวอย่างหน้าเกี่ยวกับเราซึ่งจะมีข้อมูลต่างๆที่คุณต้องการใส่ เช่น

  • คุณสร้างเว็บนี้มาทำไม
  • ใครเป็นคนสร้าง
  • ภาพของผู้สร้าง
  • บทความล่าสุด
  • หมวดหมู่บทความ

คุณสามารถใส่ข้อมูลและตกแต่งหน้าเว็บได้ตามชอบเลยนี่ผมแค่ทำเป็นตัวอย่างให้ดูเฉยๆ

หน้าติดต่อเรา
5 ตัวอย่างหน้าติดต่อเรา

นี่คือตัวอย่างหน้าติดต่อเราที่ใช้ในการใส่ช่องทางการติดต่อต่างๆของเรา เช่น LINE , Facebook , Email เพื่อให้ผู้คนติดต่อหาเราได้

และเช่นกันคุณสามารถตกแต่งและใส่รายละเอียดอื่นๆได้หมดตามชอบไม่ต้องทำตามผม

เมนูและโลโก้ของเว็บ
6 ตัวอย่างโลโก้และเมนูของเว็บ

นี่คือภาพตัวอย่างเมนูและโลโก้ของเว็บ

ขั้นตอนที่ 7

7. อัพเกรด Hosting

อัพเกรด hosting 1

เราต้องทำการอัพเกรด hosting เพื่อให้เว็บของเราทำงานต่อไปได้ เพราะเราสามารถทดลองใช้ได้ฟรีเพียง 3 วันเท่านั้นหากเราไม่อัพเกรดเว็บของเราก็จะใช้งานไม่ได้นั่นเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 300 บาท/เดือน

แต่พิเศษสุดๆหากคุณกรอกโค้ดส่วนลดตามที่ผมสอนไปในขั้นตอนที่ 2 คุณจะสามารถใช้ฟรีได้ถึง 3 เดือน (มูลค่า 900บาท)

วิธีอัพเกรด Hosting

1. กดอัพเกรด hosting

กดไปที่ UPGRADE MY ACCOUNT

21 1
2. กรอกข้อมูลบัตรเครดิต
  • เป็นบัตรเครดิต Visa หรือ Mastercard ก็ได้
  • บัตร ATM ที่มีเครื่องหมาย Visa หรือ Mastercard  ก็ใช้ได้
  • หากไม่มีบัตรสามารถสมัคร Truemoney wallet และ เปิดใช้งานบัตรผ่านแอพได้ (ลองหาวิธีดูใน Google)

Billing Details

  • กรอกที่อยู่เป็นภาษาไทยก็ได้
  • ตรง phone : ใส่ +66 ตามด้วยเบอร์มือถือของเราที่ตัดเลข0ด้านหน้าออก

จากนั้นกด AUTHORIZE

22 1
3. ได้โฮสติ้งฟรีเรียบร้อย

หากท่านใช้บัตรที่ไม่ใช่บัตรเครดิตท่านต้องมีเงินในบัตรอย่างน้อย 1 usd (31 บาท) เพราะระบบจะลองตัดเงินว่าบัตรของท่านใช้งานได้หรือไม่

23 1

ให้ลองไปที่เมนู Funds ท่านก็จะพบว่าเราได้รับเงินมาใช้งาน hosting ฟรีจำนวน 30 ดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว

free hosting 30 dollar
4. หลังจากครบใช้ฟรี 3 เดือนจะเป็นยังไง
  • หลังจากครบ 3 เดือน ท่านจะหมดโปรใช้ฟรีซึ่งต้องเสียเงินจำนวน 10 ดอลลาร์ต่อเดือน (310 บาทต่อเดือน) 
  • หากไม่มีเงินให้ระบบตัด hosting ของท่านจะถูกลบทิ้งและข้อมูลเว็บไซต์ต่างๆของท่านจะถูกลบทิ้ง เว็บของคุณก็จะเข้าไม่ได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเว็บบล็อก

สร้างเว็บบล็อกเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร

การสร้างเว็บบล็อกด้วย WordPress เราสามารถเริ่มต้นได้ฟรีแต่เราต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจดโดเมนราคา 280 บาทต่อปี และค่าเช่าโฮสติ้งราคา 300 บาทต่อเดือน หรือสรุปง่ายๆการสร้างเว็บบล็อกใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ 323 บาทต่อเดือน

เว็บบล็อก (blog) คืออะไร

เว็บบล็อก (หรือเว็บ blog) คือเว็บไซต์ที่ใช้รวบรวมและเขียนบทความเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ซึ่งจะเรียงบทความตามลำดับเวลาโดยบทความล่าสุดจะปรากฏเป็นอันดับแรกและต่อด้วยบทความอื่นๆตามลำดับเวลาที่เขียน เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมของนักเขียนหรือกลุ่มนักเขียนที่ใช้ในการแบ่งปันข้อมูลและเนื้อหาในแต่ละเรื่อง

หาเงินจากเว็บบล็อกได้ยังไง

มีช่องทางในการหาเงินจากเว็บบล็อกมากมาย ตัวอย่างเช่น การรับรีวิวสินค้าลงเว็บบล็อก, การลงโฆษณาในเว็บบล็อก, การใส่ลิงก์ Affiliate ลงในเว็บบล็อก, การขายสินค้าหรือบริการต่างๆลงในเว็บบล็อก

คุณสามารถอ่านวิธีการหาเงินจากเว็บไซต์เพิ่มเติมได้ในบทความนี้ → 17 วิธีหาเงินจากเว็บไซต์

ใครใช้เว็บบล็อก

บล็อกได้รับความนิยมในหมู่นักเขียน นักรีวิว หรือแม้กระทั่งองค์กรต่างๆ ที่ต้องการแสดงความเชี่ยวชาญหรือสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์อ้างอิงข้อมูลจาก firstsiteguide ปัจจุบันมีเว็บบล็อกมากกว่า 570 ล้านบล็อกที่สร้างขึ้นทั่วโลก

เว็บบล็อกส่วนตัวคือ

เว็บบล็อกส่วนตัวคือเว็บส่วนตัวของบุคคลสำหรับการเขียนเนื้อหาต่างๆตามที่ตัวเองต้องการ ไม่ได้เป็นขององค์กรหรือของบริษัท

ซอฟต์แวร์เว็บบล็อกมีอะไรบ้าง

มีซอฟต์แวร์ต่างๆมากมายในการสร้างเว็บไซต์ประเภทเว็บบล็อกซึ่งนี่ก็คือตัวอย่างรายชื่อซอฟต์แวร์ต่างๆที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ได้แก่

ผู้ให้บริการบล็อกเจ้าไหนดีที่สุด

WordPress คือผู้ให้บริการในการสร้างเว็บบล็อกที่ได้รับ ความนิยม ดี และมีชื่อเสียง มากที่สุดในโลกในขณะนี้ โดยมีส่วนแบ่งทางตลาดประมาณ 39.5% จะให้เห็นภาพลองเทียบกับผู้ให้บริการอีกเจ้าคือ Wix ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 1.5% (อ้างอิงข้อมูลจาก websitetoolteste)

ทําเว็บบล็อกยังไงให้ประสบความสำเร็จ

จะสร้างเว็บบล็อกให้ประสบความสำเร็จได้ควรเริ่มจากการทำในสิ่งที่เราชอบ

อย่างเช่นหากท่านชื่นชอบการเล่นฟุตบอล ท่านก็สร้างเว็บบล็อกเกี่ยวกับการให้ความรู้ในการเล่นฟุตบอล

ซึ่งท่านก็สามารถทำมันได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมันเป็นเรื่องที่เราชอบและสนุกในการทำมัน ความต่อเนื่องนี่แหละ คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการสร้างเว็บบล็อก

ผมแนะนำให้คุณลองทำต่อเนื่องอย่างน้อยประมาณ 1 ปี เว็บของคุณก็จะมีจำนวนผู้เข้าชมที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตอนที่คุณเริ่มทำเว็บบล็อกเป็นครั้งแรกอาจไม่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณเลยในประมาณ 6 เดือนแรก

คุณไม่ต้องตกใจนั่นคือเรื่องปกติ ให้คุณเอาเวลาที่คิดมากว่าไม่มีคนอ่าน เอาไปสร้างเนื้อหาต่างๆลงในบล็อกของคุณดีกว่าผมรับรองได้เลยว่าหากคุณทำต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี คุณจะประสบความสำเร็จในการสร้างเว็บบล็อกแน่นอน

มีเว็บบล็อกที่น่าสนใจบ้าง

นี่คือรายชื่อเว็บบล็อกต่างๆของคนไทย ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม คุณสามารถเข้าลองไปอ่าน เพื่อเป็นไอเดียในการเริ่มต้นสร้างเว็บบล็อกของคุณได้

สรุป

ก็จบไปแล้วสำหรับวิธีการสร้างเว็บบล็อก หากคุณเป็นมือใหม่คุณก็คงได้รับคำตอบแล้วว่าจะทำเว็บบล็อกอย่างไร ขอเน้นหัวใจสำคัญในการสร้างเว็บบล็อกคือ ความต่อเนื่อง เนื้อหาที่ถูกต้องและมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน หากคุณทำตามนี้รับรองว่าเว็บของคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

สุดท้ายขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นสร้างเว็บบล็อก มีคนอ่านเยอะๆ หากมีคำถามอะไร ก็สามารถทัก LINE มาสอบถามได้ หรือสามารถคอมเมนต์ถามคำถามแสดงความคิดเห็นได้ในบทความนี้เลย หากชอบก็อย่าลืมกดแชร์ต่อไปให้เพื่อนๆได้อ่านด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ