คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ บท ที่ 7

    ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ การใช้ระบบปฏิบัติการ Windows หรือ Mac OS การใช้โปรแกรมประมวลผลคำเพื่อจัดทำเอกสารในงานอาชีพ การใช้โปรแกรมตารางทำการเพื่อคำนวณในอาชีพ การใช้โปรแกรมนำเสนอผลงาน หรือการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปอื่นๆ ตามลักษณะงานอาชีพ การใช้อินเทอร์เน็ตสืบค้นข้อมูลเพื่องานอาชีพและการสื่อสารข้อมูลสารสนเทศ ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบสารสนเทศและงานอาชีพ นำเสนอด้วยเนื้อหาที่ครบถ้วนตามหลักสูตร พร้อมตัวอย่างประกอบและแบบฝึกหัดสำหรับทบทวนความรู้ความเข้าใจ

คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ บท ที่ 7

แผนการจัดการเรยี นรูมงุ เนนสมรรถนะ ชื่อวชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ รหัสวชิ า 20001-2001 ทฤษฎี 1 ปฏบิ ัติ 2 หน วยกิต 2 หลักสูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ  หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี ชัน้ สูง ประเภทวชิ า..............เทคโนโลยีสารสนเทศ................สาขาวิชา..................เทคโนโลยีสารสนเทศ.................... สาขางาน....................เทคโนโลยสี ารสนเทศ........................... จัดทาํ โดย นายอนุสิทธ์ิ อารักษศ์ กั ด์ิ วิทยาลยั เทคนคิ สว่างแดนดนิ สาํ นักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ

2 แบบคําขออนุมตั ใิ ช้แผนการจัดการเรยี นรู้ มงุ่ เนน้ สมรรถนะอาชพี และบรูณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ของผู้สาํ เร็จการศึกษา รายวชิ า คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี รหัสวิชา 20001-2001 ลงชือ่ ..................................................... (นายอนุสทิ ธ์ิ อารักษศ์ ักด์ิ) ตาแหน่ง ครพู ิเศษสอน ผู้จดั ทา ความเห็นหวั หน้าแผนกวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ ความเหน็ หวั หนา้ งานพฒั นาหลักสตู รฯ ลงชอื่ ............................................... ลงช่อื ............................................... (นางสุกญั ญา ดนยั สวัสด์ิ) (นายคุมดวง พรมอินทร์) หวั หน้าแผนกวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ หวั หนา้ งานพฒั นาหลักสูตรการเรยี นการสอน ความเห็นรองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ ลงช่ือ……………………………………... (นายทินกร พรหมอนิ ทร์) รองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ □ อนุมตั ิ □ ไม่อนุมตั ิ ลงชอ่ื ............................................ (นางวรรณภา พว่ งกลุ ) ผู้อานวยการวิทยาลยั เทคนิคสวา่ งแดนดนิ

3 แผนจัดการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ ชอ่ื รายวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) จํานวน 2 หน่วยกติ จํานวนชั่วโมง รวม 51 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จุดประสงคร์ ายวชิ าเพือ่ ให้ 1. เข้าใจหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ การใช้ ระบบปฏิบัตกิ าร โปรแกรมสาเรจ็ รปู และอนิ เทอรเ์ น็ตเพ่อื งานอาชีพ 2. สามารถใช้ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสาเร็จรูปและเทคโนโลยีสารสนเทศตาม ลกั ษณะงานอาชีพ 3. มีคุณธรรม จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศในงาน อาชพี สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศ ระบบปฏิบตั กิ าร โปรแกรมสาเร็จรปู และอนิ เทอร์เน็ตเพอื่ งานอาชีพ 2. ใช้ระบบปฏบิ ตั กิ ารในการจัดสภาพแวดล้อมและจดั สรรทรัพยากรตา่ ง ๆ บนเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู ในงานอาชีพตามลกั ษณะงาน 4. สืบคน้ ข้อมูลสารสนเทศในงานอาชีพโดยใช้อนิ เทอร์เนต็ 5. ส่ือสารขอ้ มลู สารสนเทศโดยใช้อนิ เทอร์เนต็ คําอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ การใช้ ระบบปฏิบัติการ (Windows หรือ Mac OS) การใช้โปรแกรมประมวลผลคาเพื่อจัดทาเอกสารใน งานอาชีพ การใช้โปรแกรมตารางทาการเพื่อการคานวณในงานอาชีพ การใช้โปรแกรมการนาเสนอ ผลงาน หรือการใช้โปรแกรมสาเร็จรูปอืน่ ๆ ตามลกั ษณะงานอาชีพ การใชอ้ นิ เทอร์เน็ตเพื่อสบื ค้นและ ส่ือสารข้อมูลสารสนเทศในงานอาชีพ ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จริยธรรมและ ความรับผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และสารสนเทศในงานอาชีพ

4 สารบญั หนา้ เร่อื ง ตารางวิเคราะห์คาอธบิ ายรายวิชา ตารางวเิ คราะห์การประเมนิ ผลตามสภาพจริง แผนจดั การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ แผนจดั การเรยี นรู้ เรื่อง การใช้คอมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศ เฉลยแบบฝึกหดั หน่วยที่ 1 แผนจัดการเรียนรู้ เรอ่ื ง การใชร้ ะบบปฏิบัติการ เฉลยแบบฝึกหดั บทท่ี 2 แผนจัดการเรียนรู้ เรอ่ื ง การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาเพื่อจัดทาเอกสาร เฉลยแบบฝกึ หัด บทที่ 3 แผนจดั การเรียนรู้ เรื่อง การใช้โปรแกรมตาราง เฉลยแบบฝึกหัด หน่วยท่ี 4 แผนจดั การเรยี นรู้ เรื่อง การใช้สูตรคานวณ เฉลยแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5 แผนจดั การเรียนรู้ เร่อื ง การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน เฉลยแบบฝึกหดั หน่วยที่ 6 แผนจดั การเรยี นรู้ เรื่อง การประยกุ ต์โปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ เฉลยแบบฝกึ หัด หนว่ ยที่ 7 แผนจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง การใช้อนิ เทอร์เน็ตเพอ่ื สบื คน้ ขอ้ มูล เฉลยแบบฝกึ หัด บทท่ี 8 แผนจดั การเรียนรู้ เรื่อง การส่อื สารข้อมลู สารสนเทศ เฉลยแบบฝกึ หัด บทท่ี 9 แผนจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เฉลยแบบฝึกหัด บทท่ี 10 แผนจดั การเรยี นรู้ เร่ือง การใช้คอมพวิ เตอร์อย่างมจี ริยธรรมและความรบั ผดิ ชอบ เฉลยแบบฝึกหดั บทท่ี 11

5 ตารางวิเคราะห์คําอธิบายรายวชิ า 2 ชือ่ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 จํานวน หนว่ ยกิต ระยะเวลาเรียน 18 สปั ดาห์ จํานวน 3 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ รวมจํานวน 51 ชว่ั โมง ลําดับ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ พฤตกิ รรมทค่ี าดหวังต่อการเรยี นการสอน 1 ที่ ครั้ง 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ ความรู้ ทกั ษะ จติ พิสยั รวม(ชม.) 2-3 การใชร้ ะบบปฏบิ ตั ิการ 3 4-5 การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาเพอ่ื จดั ทา 6 6 เอกสาร 6-7 การใชโ้ ปรแกรมตาราง 6 8-9 การใช้สูตรคานวณ 6 10- การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน 6 11 12- การประยุกตโ์ ปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟ 6 13 เฟ็กต์ 14 การใช้อนิ เทอร์เนต็ เพื่อสบื ค้นข้อมูล 3 15 การสือ่ สารข้อมลู สารสนเทศ 3 16 ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 3 17 การใช้คอมพิวเตอร์อย่างมีจริยธรรมและ 3 ความรบั ผดิ ชอบ 54 18 การประเมนิ ผลการเรยี น รวม

6 ตารางวเิ คราะห์การประเมินผลตามสภาพจริง หน่วยที่ จุดประสงค์การเรียนรู้ เคร่ืองมอื วดั ผล คะแนน หมายเหตุ 1. แบบประเมนิ 2 จดุ ประสงค์การ 2. 3. แบบประเมนิ 2 เรยี นรทู้ ่ีไมผ่ า่ น 4. แบบประเมิน ครผู สู้ อน 5. แบบประเมิน 2 มอบหมายงาน 6. แบบประเมนิ 7. แบบประเมิน 2 เพิม่ เติมเพ่ือ 8. แบบประเมนิ เป็นการพฒั นา 9. แบบประเมิน 2 ความรู้และ แบบประเมิน 10. 2 ทบทวน แบบประเมิน 2 บทเรียนของ 11. ผเู้ รียน หาก แบบประเมนิ 2 พบว่ายังไมผ่ ่าน 12 2 จุดประสงค์การ 13 เรยี นรอู้ กี จดั 2 สอนซ่อมเสริม 2 ให้ แบบประเมนิ 2 แบบประเมิน 2

7 คมู่ ือครู และ Course Syllabus 1. รหัสวิชา 20001-2001 ช่ือวิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ระดับชั้น ปวช. 2. ผสู้ อน ………………………………………………………………………………………… 3. จุดประสงคร์ ายวิชาเพือ่ ให้ 1. เขา้ ใจหลักการและกระบวนการใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ การใช้ ระบบปฏิบัตกิ าร โปรแกรมสาเร็จรปู และอนิ เทอร์เน็ตเพ่ืองานอาชพี 2. สามารถใช้ระบบปฏบิ ตั ิการคอมพวิ เตอร์ โปรแกรมสาเร็จรูปและเทคโนโลยสี ารสนเทศตาม ลักษณะงานอาชีพ 3. มีคณุ ธรรม จริยธรรมและความรบั ผิดชอบในการใชค้ อมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศในงาน อาชพี 4. สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศ ระบบปฏบิ ตั กิ าร โปรแกรมสาเร็จรปู และอนิ เทอร์เนต็ เพ่ืองานอาชพี 2. ใชร้ ะบบปฏบิ ตั กิ ารในการจัดสภาพแวดล้อมและจัดสรรทรพั ยากรต่าง ๆ บนเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ 3. ใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูปในงานอาชพี ตามลกั ษณะงาน 4. สืบค้นขอ้ มูลสารสนเทศในงานอาชีพโดยใช้อนิ เทอร์เนต็ 5. สือ่ สารขอ้ มลู สารสนเทศโดยใช้อินเทอรเ์ นต็ 5. คาํ อธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ การใช้ระบบปฏิบัติการ (Windows หรือ Mac OS) การใช้โปรแกรมประมวลผลคาเพ่ือจัดทาเอกสารในงานอาชีพ การใช้โปรแกรม ตารางทาการเพ่อื การคานวณในงานอาชีพ การใช้โปรแกรมการนาเสนอผลงาน หรือการใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป อื่นๆ ตามลักษณะงานอาชีพ การใช้อินเทอร์เน็ตเพ่ือสืบค้นและส่ือสารข้อมูลสารสนเทศในงานอาชีพ ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และ สารสนเทศในงานอาชีพ 6. แผนจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรม สัปดาห์ท่ี หนว่ ยการเรียนร/ู้ เน้อื หา - บรรยาย - อธิบาย ยกตวั อยา่ ง 1 บทที่ 1 การใชค้ อมพิวเตอร์ และระบบสารสนเทศ - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 1. ความหมายของคอมพิวเตอร์ 2. คอมพิวเตอรย์ คุ ใหม่ ละหัวข้อการเรียนและให้ 3. ขั้นตอนการทางานของคอมพิวเตอร์ นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม 4. ความหมายของระบบสารสนเทศ กัน 5. องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ

8 6. ลักษณะสารสนเทศท่ดี ี - สรปุ บทเรยี น 7. ตวั อยา่ งระบบสารสนเทศในงานอาชีพ - แบบฝึกหดั / ทดสอบ 2-3 บทที่ 2 ระบบปฏบิ ัติการ - บรรยาย 1. ความหมายของระบบปฏบิ ตั ิการ - อธิบาย ยกตัวอยา่ ง 2. ประเภทของระบบปฏบิ ัตกิ าร - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 3. ระบบปฏบิ ตั ิการทน่ี ยิ มในปัจจบุ นั ละหัวข้อการเรียนและให้ 4. ระบบปฏิบตั กิ าร Windows นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม 5. การเปิดใช้งาน การติดต้ัง และ การยกเลกิ แอป กัน 6. การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวด้วย Lock Screen - สรุปบทเรียน 7. การใช้งาน File Explorer - แบบฝกึ หดั / ทดสอบ 4-5 บทที่ 3 การใช้โปรแกรมประมวลผลคาเพื่อจัดทา - บรรยาย เอกสาร - อธิบาย ยกตวั อยา่ ง 1. ความสามารถของโปรแกรม Word - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 2. จัดข้อความให้อยูก่ ่งึ กลาง ชดิ ซา้ ย หรอื ชดิ ขวา ละหัวข้อการเรียนและให้ 3. การต้งั ก้ันหนา้ และกัน้ หลัง นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม 4. ปรบั แตง่ การจดั วางขอ้ ความในย่อหน้า กนั 5. ปรบั แตง่ ฟอนตใ์ นเอกสาร - สรปุ บทเรียน 6. กาหนดขอ้ ความเปน็ ตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้ - แบบฝึกหัด / ทดสอบ 7. กาหนดลกั ษณะพเิ ศษใหต้ ัวอกั ษร 8. การตกแตง่ ขอ้ ความ 9. แสดงสญั ลักษณ์ Bullet หรือ เลขลาดับ หน้าข้อความ 10. เพ่มิ /ยกเลกิ สัญลักษณ์ และหมายเลขข้อความ 6-7 บทท่ี 4 การใช้โปรแกรมตาราง - บรรยาย 1. คุณสมบตั ขิ องโปรแกรม Excel - อธบิ าย ยกตวั อย่าง 2. กาหนดรปู แบบการแสดงขอ้ มูล - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 3. กาหนดรปู แบบและขนาดตัวอกั ษรในตาราง ละหัวข้อการเรียนและให้ 4. กาหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีด นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม เส้นใต้ กนั 5. กาหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามเง่ือนไขท่ี - สรุปบทเรยี น ตอ้ งการ - แบบฝกึ หดั / ทดสอบ 6. จัดข้อมูลให้อยู่กึ่งกลาง ชิดซ้าย ชิดขวาในแต่ละ เซลล์ 7. การวางแนวตวั ขอ้ มลู ในเซลล์ 8. แสดงข้อมูลใหค้ รบในเซลล์

9 9. จดั เรยี งขอ้ มลู ใหอ้ ยูก่ ึ่งกลางแถวเพื่อใชเ้ ป็นหวั เรอื่ ง 10. ตกแต่งข้อมลู โดยการใช้ 11. การขดี เส้นตาราง 12. ยกเลิกเส้นประท่ีโปรแกรม Excel ขีดระหว่าง เซลล์ 8-9 บทท่ี 5 การใช้สตู ร - บรรยาย 1. เข้าใจการใชส้ ูตรคานวณ - อธบิ าย ยกตวั อยา่ ง 2. เริ่มต้นปอ้ นสูตรคานวณ - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 3. การแกไ้ ขสตู รคานวณ ละหัวข้อการเรียนและให้ 4. การยา้ ยและคัดลอกสูตร นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม 5. การอา้ งอิงเซลล์โดยใชช้ อ่ื หวั คอลมั น์ กนั 6. คดั ลอกสูตรอยา่ งรวดเรว็ ดว้ ย AutoFill - สรุปบทเรียน 7. ใชส้ ตู รกบั ข้อมูลท่ีอยูต่ ่าง Worksheet และ - แบบฝกึ หัด / ทดสอบ Workbook 10-11 บทที่ 6 การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน - บรรยาย 12-13 1. คณุ สมบตั ิของโปรแกรมนาเสนอ - อธบิ าย ยกตัวอย่าง 2. รปู แบบของการตกแตง่ หน้าสไลด์ - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 3. ตกแตง่ สไลดด์ ว้ ยรูปแบบพ้นื หลัง ละหัวข้อการเรียนและให้ 4. กราฟกับงานนาเสนอ นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม กนั - สรุปบทเรยี น - แบบฝึกหัด / ทดสอบ บทที่ 7 การประยุกตโ์ ปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์ - บรรยาย 1. รปู แบบของการใส่เอฟเฟ็กต์ในงานนาเสนอ - อธบิ าย ยกตัวอยา่ ง 2. เอฟเฟ็กตเ์ คล่ือนทภ่ี าพไปตามเส้นไกด์ - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ ละหัวข้อการเรียนและให้ นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม กนั - สรปุ บทเรยี น - แบบฝึกหดั / ทดสอบ 14 บทที่ 8 การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตเพ่อื สบื ค้นข้อมูล - บรรยาย 1. ความเป็นมาของอินเทอรเ์ นต็ - อธิบาย ยกตวั อย่าง 2. ความหมายของ Search Engine - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่

10 3. ค้นหาขอ้ มูลทัว่ ไปด้วย Google ละหัวข้อการเรียนและให้ 4. คน้ ควา้ หาความรดู้ ้วย Wikipedia นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม กนั - สรุปบทเรยี น - แบบฝึกหดั / ทดสอบ 15 บทท่ี 9 การสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ - บรรยาย 1. แท็บกล่องจดหมายและหมวดหมู่ - อธบิ าย ยกตัวอย่าง 2. การสง่ อีเมล - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 3. แนบไฟลไ์ ปพรอ้ มกับอเี มล ละหัวข้อการเรียนและให้ 4. เปิดอา่ นอเี มลที่ได้รบั นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม 5. เปดิ ไฟลท์ ีแ่ นบมากับอีเมล กนั 6. ตอบกลับอเี มล - สรปุ บทเรยี น 7. สง่ ต่อจดหมายให้กบั ผอู้ น่ื - แบบฝกึ หดั / ทดสอบ 8. สรา้ งป้ายกากบั จัดการแยกอีเมล 9. คน้ หาจดหมายในกล่องอีเมล 10. การกรองจดหมาย 16 บทที่ 10 ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ - บรรยาย 1. ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศทางบวก - อธิบาย ยกตัวอยา่ ง 2. ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศทางลบ - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 3. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศดา้ นตา่ งๆ ละหัวข้อการเรียนและให้ นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม กัน - สรปุ บทเรียน แบบฝึกหัด / ทดสอบ 17 บทท่ี 11 การใช้คอมพวิ เตอร์อย่างมีจรยิ ธรรมและ - บรรยาย ความรบั ผดิ ชอบ - อธิบาย ยกตัวอย่าง 1. ความหมายและขอบเขตของจรยิ ธรรมสารสนเทศ - แสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ 2. การคุ้มครองสิทธสิ ่วนบคุ คล ละหัวข้อการเรียนและให้ 3. จริยธรรมในการผลติ และจัดเกบ็ สารสนเทศ นักศึกษาปฏิบัติไปพร้อม 4. จริยธรรมในการเผยแพร่และนาสารสนเทศไปใช้ กนั 5. จริยธรรมกับความมนั่ คงปลอดภยั ของระบบ - สรุปบทเรยี น คอมพิวเตอร์ แบบฝึกหดั / ทดสอบ 18 ประเมินผลผเู้ รียน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้

11 7.1 กจิ กรรมครู 7.1.1จัดเตรียมเอกสาร หนังสืออ้างอิง สื่อการเรียนท้ังสื่อโสตทัศน์ ส่ือสิ่งพิมพ์ ตัวอย่างแฟ้มสะสม ผลงานของผ้เู รยี น 7.1.2นาเขา้ สู่บทเรียนโดยการประเมินผู้เรยี นที่หลากหลาย เช่น ถามความร้พู ้นื ฐานท้งั ห้อง หรือ ทา แบบฝกึ หดั เรยี น 7.1.3การให้ข้อมูลหรือการสอน โดยผู้สอนให้ผู้เรยี นศึกษาจากใบความรู้ แบบฝึกหัด สรุปสาระการ เรยี นรู้ประจาหน่วยการเรียน ตัวอย่างแฟ้มสะสมผลงานรุ่นพี่ หรือชุดการเรยี น ส่ือโสตทัศนแ์ ลว้ ทาแบบฝึกหัด หากยังทาไดไ้ มค่ รบใหท้ บทวนบทเรียนใหผ้ ู้เรียนใหม่ 7.1.4สังเกต บันทึกพฤติกรรมผู้เรียนขณะศึกษาบทเรียน คอยช่วยเหลือให้คาแนะนาเมื่อผู้เรียน ต้องการ 7.1.5การประยุกต์ใช้ โดยให้ใบมอบหมายงานแก่ผู้เรียน ดาเนินงานตามจุดประสงค์ที่กาหนดไว้ใน ใบงาน โดยดาเนินงานในลักษณะของขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ เริ่มต้ังแต่ ระบุความต้องการของปัญหา ขั้น ศกึ ษาเพือ่ หาสมมติฐาน ขน้ั ปฏิบัติเพือ่ หาคาตอบ และสรปุ ผลของคาตอบที่ได้จากขน้ั ปฏบิ ัติ 7.1.6สังเกต บันทึกพฤติกรรมผู้เรียนขณะดาเนินงานตามใบงาน คอยช่วยเหลือให้คาแนะนาเมื่อ ผู้เรยี นตอ้ ง 7.1.7แบง่ กลุ่มผูเ้ รยี นเพอ่ื ดาเนินการตามใบงาน แล้วผ้สู อนเดินสารวจการดาเนินงานตามใบงานของ ผเู้ รยี นหากพบว่าผู้เรยี นดาเนินการยังไมถ่ ูกต้องให้คอยชี้แนะวธิ ที ี่ถูกต้องทันที 7.1.8การตรวจสอบผลการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนร่วมกันกาหนดหัวข้อท่ีจะประเมินงานร่วมกับผู้เรียน ตรวจสอบช้ินงานเพอ่ื ประเมินและแก้ไขข้อบกพรอ่ ง 7.1.9สังเกต บันทึกพฤติกรรมผู้เรียนขณะผู้เรียนทางาน คอยช่วยเหลือให้คาแนะนาเม่ือผู้เรียน ตอ้ งการ 7.1.10 หากผู้เรียนได้แบ่งกลุ่มรับผิดชอบการดาเนินการตามใบงานให้ตัวแทนกลุ่มหรือสมาชิกทั้ง กลมุ่ ลุกขนึ้ บอกคาตามพรอ้ มท้ังวิธีการได้มาซ่งึ คาตอบ 7.1.11 ครูอธบิ ายเนอื้ หา พร้อมแสดงวิธีทาครูใหน้ กั ศึกษามสี ่วนรว่ มในการเรยี นการสอน เชน่ - ถามตอบ - รว่ มกนั สรปุ - รว่ มกันวิเคราะห์หาเทคนิคและแนวทางท่ดี แี ละงา่ ย - ร่วมกันสร้างโจทย์ปัญหา และ รว่ มกันสรุปวิธีการแกป้ ัญหาที่กาหนดในแนวทางที่ถูกต้อง และเหมาะสม 7.1.12 ครูให้นักศึกษาทาแบบฝึกหัดทบทวนบทเรียนบนกระดานเป็นรายบุคคลพร้อมให้อธิบาย และสรปุ หลักการออกมาเปน็ แนวคดิ ตามความเขา้ ใจของแตล่ ะบุคคล 7.1.13 ครใู หน้ กั ศึกษาตอบคาถามพร้อมออกมาสาธติ วิธกี ารทาโดยวิธกี ารส่มุ นกั ศึกษาในห้อง 7.1.14 ครูจัดให้นักศึกษาทากิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้เกิดความคิดที่หลากหลายในกระบวนการ วิเคราะห์หาเหตุและผล แล้วส่งตัวแทนออกไปแสดงวิธีการหาคาตอบบนกระดานดาในชั่วโมงเรียนในแต่ละ ภาระงาน

12 7.1.15 ครสู รุปพรอ้ มแนะนาเทคนคิ และกระบวนการคิดทถี่ ูกตอ้ ง 7.1.16 ผู้เรียนทาภาระงานทุกหน่วยการเรียนตามใบงานประจาหน่วยส่งในเวลาท่ีกาหนด แล้ว หลังจากครูได้ตรวจช้ินงานให้ผู้เรียนทาการแก้ไขให้ถูกต้องและเก็บสะสมช้ินงานเพ่ือจัดทาแฟ้มสะสมช้ินงาน ในทกุ หนว่ ยการเรียนรหู้ ลงั เสร็จสนิ้ กระบวนการเรยี นการสอน 7.2 กิจกรรมผ้เู รียน 7.2.1จดั เตรยี มเอกสาร หนังสือแบบเรยี น หนงั สืออ้างอิง ตามทผ่ี สู้ อนและบทเรียนกาหนด 7.2.2นาเข้าสู่บทเรียนโดยรับการชี้แจงวิธีการเรียนรู้ ระยะเวลาที่ทาการเรียนการสอน หลักการ แนวทางการเรียน การประเมนิ ผลการเรียน 7.2.3จัดกลุ่มกันศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลจากเอกสารตารา หนังสือเรียน หนังสืออ้างอิง และเรียน จากชุดการเรียนและส่ือการเรยี นต่าง ๆ และผู้เรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นซึ่งกันและกันเพ่ือ หาความคิดรวบยอดใหเ้ กิดในแต่ละสาระการเรยี นรู้ 7.2.4การให้ข้อมูล โดยศึกษาเนื้อหาจากใบความรู้ ใบงาน หรือส่ือการเรียนต่าง ๆ แล้วทา แบบฝกึ หัด หากยังทาได้ไม่ครบทาการทบทวนบทเรียนใหม่ หากมปี ัญหาข้อขดั ข้องให้ขอคาแนะนาจากผู้สอน และเพ่อื นในกลุ่ม 7.2.5การประยุกต์ใช้ โดยศึกษาใบมอบหมายงาน ดาเนินงานตามจุดประสงค์ในแต่ละสาระการ เรียนรู้ตามใบงานที่กาหนดไว้โดยดาเนินงานในลักษณะของขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ เร่ิมตั้งแต่ ระบุความ ต้องการของปัญหา ขั้นศึกษาเพื่อหาสมมติฐาน ขั้นดาเนินการปฏิบัติเพื่อให้ได้มาซึ่งคาตอบ สรุปผลของ คาตอบที่ได้มาจากข้ันปฏิบัติ หน้าห้องเรียน หรอื ส่งครู ตามท่ีได้กาหนดไว้ในใบมอบหมายงาน หากมีปัญหา ให้ขอคาแนะนาจากผู้สอนและเพ่อื ในกล่มุ หรือเพ่ือในห้องเรียน 7.2.6การตรวจสอบผลการเรียนรู้ โดยทารายงานผลการดาเนินงาน ร่วมกับผู้สอนกาหนดหัวข้อที่ จะประเมนิ งานในแต่ละสาระการเรียนรู้ และผู้เรียนมีส่วนรว่ มในการตรวจสอบชิ้นงานเพ่ือประเมนิ และแก้ไข ขอ้ บกพร่อง หากมปี ญั หาขัดข้องให้ขอคาแนะนาจากผสู้ อนและเพ่ือนในกลมุ่ 8. สอ่ื การเรียนการสอน 1. หนงั สอื ประกอบการเรยี นวชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ 2 .ใบงานประจาหน่วยการเรยี นรแู้ ตล่ ะหนว่ ย 3 . แบบฝกึ หัดประจาหนว่ ยการเรียนรู้ 4 . ตัวอยา่ งแฟ้มสะสมชิ้นงาน 5 . ชดุ การสอน PowerPoint แตล่ ะหนว่ ยการเรยี น 6. VCD CAI 7.บทเรยี นออนไลน์วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ 9. การวดั ผลประเมนิ ผล เก็บคะแนนระหวา่ งการดําเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ 100 คะแนน 1. คุณธรรมและจริยธรรม 20 คะแนน 2. ใบงาน/แบบฝกึ หดั (ชนิ้ งาน/แฟ้มสะสมผลงาน) 30 คะแนน

13 3. ทดสอบระหว่างเรยี น 20 คะแนน 4. ประเมนิ ผลผู้เรียนหลงั เรยี น 30 คะแนน 10. การวัดและประเมนิ ผล 10.1 ผู้เรียนปฏิบัติภาระงานทม่ี อบหมายเสร็จทนั เวลาท่ีกาหนดและถูกต้อง 10.2 ผู้เรียนมีความสนใจในการตอบคาถามและการสรุปผลการเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง 10.3 เกิดความคิดรวบยอดในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ และรู้หลัก เทคนิค และวิธีการได้อย่าง รวดเร็วและถูกตอ้ ง 10.4 ผ่านการทดสอบประจาหนว่ ยและประมวลผลสาระการเรยี นรตู้ ลอดภาคเรียน 10.5 ผูเ้ รียนเกิดทักษะ 10.6 สังเกตพฤติกรรมและการแสดงออกถึงการเล็งเห็นคุณค่า นามาใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ ของผู้เรียน 10.7 ความสนใจในการเรียนรู้ การค้นคว้าเพ่ือแสดงความรู้และคาตอบ การมีส่วนร่วมใน กจิ กรรม 10.8 การซกั ถามและการตอบคาถาม 10.9 แบบฝกึ หดั และกิจกรรมการฝึกทกั ษะ 10.10 การทางานเปน็ ทมี (ให้ความสาคญั ในการทางานเป็นทมี ) 10.11 การประเมินโดยกลุม่ เพ่อื น การประเมินตนเอง 10.12 การเขยี นรายงานผลงาน และการแก้ไขส่วนท่บี กพรอ่ งในช้ินงานที่มอบหมาย 10.13 แฟม้ สะสมผลงานทีม่ อบหมายในแตล่ ะหนว่ ยการเรยี น เครือ่ งมอื วัดผล 1. ด้านคุณธรรมจริยธรรม (จิตพสิ ัย) 1.1 การปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บของสถานศกึ ษา 1.2 ตรงต่อเวลา 1.3สนใจปฏบิ ตั ิงานที่มอบหมายและความกระตอื รอื ร้นในการเรยี น 1.4ความรบั ผดิ ชอบ 1.5ความสะอาดและความเปน็ ระเบียบ 1.6ความซ่อื สัตย์ 1.7 การเห็นคุณค่าและมีเจตทีด่ ี 2. ด้านวชิ าการ (ดา้ นทกั ษะ) 2.1 ตอบคาถาม 2.2 หลักการและเทคนิคในกระบวนการคดิ

14 2.3 มคี วามรู้ความเข้าใจ 2.4 ผลงานการปฏบิ ัตติ ามใบงานมีความถกู ตอ้ ง 2.5 มที กั ษะและวเิ คราะห์การใชง้ านได้ 2.6 ความสามารถในการนาความรู้ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการทางานกับคอมพิวเตอร์ 2.7 ทาแบบฝึกหัดหลังเรยี นมคี วามเขา้ ใจ 2.8 กระบวนการแกป้ ญั หาและกระบวนการสบื ค้นเพอ่ื หาคาตอบ 2.6มโี นภาพและความคดิ รวบยอดในการในกระบวนการเรยี นร้ปู ระจาหน่วย 10. แหล่งการเรยี นรู้ 10.1 ห้องสมดุ สถานศึกษา 10.2 ห้องปฏบิ ตั ิการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 10.3 ผูป้ กครอง เพ่ือน ๆ ร่นุ พ่ี และบุคลากรในสถานศกึ ษา 10.4 หนังสือ E-book , Elearning , Website ทเ่ี กี่ยวข้อง 10.5 ครูผู้สอน 11. ผลงานผู้เรยี น 11.1รวบรวมผลงานที่เป็นผลงานที่ถูกต้องในภาระงานท่ีมอบหมาย และผู้เรียนทาการปรับปรุงแก้ไข ชน้ิ งานท่ียังไม่ถกู ตอ้ งให้ถกู ต้อง แล้วจัดทาเปน็ แฟ้มสะสมผลงาน 11.2แฟม้ สะสมผลงานการทดสอบของผู้เรียน 10. เอกสารอ้างอิ ง อ.ชิษณุพงศ์ ธัญญลักษณ์. คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ระดับช้ัน ปวช. กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั ซัคเซสมเี ดยี จากดั ,2550.

15 แผนจดั การเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศฯ รหัสวิชา 20001-2001 ชนั้ ปวช. สัปดาห์ที่ 1 เวลา 3 ช่วั โมง หน่วยที่ 1 เร่อื ง การใชค้ อมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศ 1. สาระสําคญั ระบบสารสนเทศที่ดีมสี ่วนช่วยในการทางานของผู้ปฏิบัตงิ านอย่างมาก ดังนน้ั ปัจจบุ ันจงึ เหน็ ระบบ สารสนเทศเกดิ ข้นึ มากมายในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนโดยอาศัยเทคโนโลยีคอมพวิ เตอรเ์ ข้ามาจดั การ กบั ข้อมลู ในองค์กร เพื่อให้บรรลเุ ป้าหมายทตี่ ้องการอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 2. ผลการเรียนท่ีคาดหวงั 1. ความหมายของคอมพิวเตอร์ 2. คอมพิวเตอรย์ คุ ใหม่ 3. ข้นั ตอนการทางานของคอมพิวเตอร์ 4. ความหมายของระบบสารสนเทศ 5. องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ 6. ลกั ษณะสารสนเทศท่ดี ี 7. ตัวอยา่ งระบบสารสนเทศในงานอาชีพ 3. กจิ กรรมการเรียนรู้

16 กิจกรรมครู กิจกรรมนกั เรยี น ข้นั นาํ เขา้ สู่บทเรียน 1. ตรวจสอบรายชอ่ื นักศึกษาท่ีเข้าเรียน 1. ให้ความรว่ มมอื กบั ครใู นการตรวจสอบ 2. ให้นักศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับระบบสารสนเทศ 2. ค้นคว้าระบบสารสนเทศในชวี ิตประจาวัน ในชวี ิตประจาวนั 3. รว่ มสนทนาและแสดงความคดิ เหน็ 3. ร่วมสนทนาเกี่ยวกับเรื่องระบบปฏิบัติการ Windows 7 ขน้ั ดําเนินการสอน 1. บอกจุดประสงค์การเรยี น 1. ฟัง ทาความเข้าใจและซกั ถาม 2. ใหน้ ักศกึ ษาแบ่งกลุ่มเพอื่ ศกึ ษาเน้ือหา 2. ศกึ ษาตามกลุ่มทไ่ี ดแ้ บ่งไว้ 3. ครูบอกวิธีการและแนวคดิ ในการปฏิบตั ิที่ 3. ผ้เู รียนซักถามขอ้ สงสัยและจดบนั ทึก ถูกต้องให้แก่ผู้เรยี น 4. รับการประเมนิ 4. ประเมินพฤติกรรมรายบุคคลโดยครจู ะซักถาม ในแตล่ ะคน ขั้นสรปุ 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระสาคัญ 1. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสาคญั 2. นกั เรียนสอบถามข้อสงสยั 2. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามขอ้ สงสัย 3. ฟังและจดบนั ทกึ 3. มอบหมายให้ไปหัดทาและศึกษาเพิ่มเติม 4. ทาแบบทดสอบทา้ ยบท 4. ทาแบบทดสอบ 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ ก่อนเรียน 1. คน้ คว้าระบบสารสนเทศในชีวิตประจาวัน ขณะเรียน 1. แบง่ กลมุ่ เพอื่ ศกึ ษา

17 2. รว่ มกนั เฉลยใบงานและแบบฝึกหดั หลังเรยี น 3. จดบันทึก เทคนคิ แนวการที่เป็นประโยชนต์ ่อผ้เู รียน จากข้อแนะนาของครผู ้สู อน 4. ผเู้ รยี นสรุปความรู้ท่ไี ด้จากการเรยี นตามความเปน็ จรงิ จากภูมคิ วามรู้ของผู้เรียนแต่ละคน 5. ผเู้ รยี นซักถามในหวั ข้อทสี่ งสัยในเน้อื หาการเรียนรู้ 5. สอ่ื การเรยี นการสอน 1. หนงั สอื เรียนวชิ าคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ 2. ใบความร้ปู ระจาหน่วย 3. ใบงานและแบบฝึกหัด 4. เครื่องไมโครคอมพวิ เตอร์ 5. แผ่นใสและเครอ่ื งฉายภาพขา้ มศรี ษะ 6. ซีดสี ่ือการสอน 6. วดั ผลประเมนิ ผล 1. ผูเ้ รยี นปฏิบัตภิ าระงานทมี่ อบหมายเสร็จทนั เวลาทีก่ าหนด 2. ตอบคาถามและสรุปผลงานได้อยา่ งถูกต้อง 3. ทาแบบฝึกหัดหลังเรียนเสรจ็ ทันเวลาทีก่ าหนดและถกู ต้อง 4. สนใจกระตอื รือร้นในการเรียนรู้ ตอบคาถาม สรุปสาระการเรยี นรู้ และกล้าแสดงความคิดเหน็ 7. กิจกรรมเสนอแนะ ถา้ ผู้เรียนมีการเตรียมตัวในการเรียนท่ีดี เช่น อ่าน และทาการศึกษาหนังสือเกี่ยวกับหน่วยการเรียน มากก่อน ถึงชั่วโมงเรียน ผู้เรียน จะสามารถเรียน และทากิจกรรมต่าง ๆ ท่ีครูผู้สอนมอบหมาย ได้อย่างมี ความสขุ และเกิดความชอบ และสนกุ กับการเรียนในชั้นเรียน เฉลยแบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ 1 ตอนท่ี 1 เลือกคาํ ตอบทถ่ี ูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. คอมพิวเตอร์คืออะไร ก. การคานวณ ข. อุปกรณ์ท่ีประกอบขนึ้ ค. ระบบโปรแกรมการทางาน ง. เครื่องจกั รอิเล็กทรอนิกส์ที่ทาํ งานตามข้ันตอนของโปรแกรม 2. ขอ้ ใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ ก. หน่วยรับเข้า

18 ข. หน่วยความจา ค. หน่วยสนับสนุน ง. หนว่ ยประมวลผล 3. หนว่ ยความจาแบง่ ออกเป็น 2 แบบ คอื ข้อใด ก. หน่วยความจาสงู หน่วยความจาตา่ ข. หน่วยความจําหลัก หน่วยความจํารอง ค. หนว่ ยความจาคงอยู่ หน่วยความจาหายไป ง. หนว่ ยความจาอา่ นเรว็ หน่วยความจาอ่านชา้ 4. Fingerprint เปน็ ส่วนประกอบใดของเครื่องคอมพวิ เตอร์ ก. อุปกรณเ์ สริม ข. อปุ กรณ์อนิ พตุ ค. อปุ กรณ์เอาต์พุต ง. อุปกรณ์เก็บข้อมูล 5. ขั้นตอนใดในการทางานของคอมพิวเตอร์ ท่ีทางานคู่ขนานกนั ก. ประมวลผล และแสดงผล ข. รับข้อมลู และประมวลผล ค. รับข้อมลู และแสดงผลข้อมูล ง. ประมวลผล และหน่วยความจํา 6. ระบบสารสนเทศประกอบด้วยส่วนสาคญั 2 ส่วนคือขอ้ ใด ก. สารสนเทศ ขอ้ มูล ข. ระบบ สารสนเทศ ค. ขอ้ มลู เข้า ขอ้ มลู ออก ง. ขอ้ มลู ดบิ ข้อมูลทปี่ ระมวลผล 7. ข้อมลู คืออะไร ก. ผลลพั ธข์ องการทางาน ข. ขอ้ มลู ท่ีประมวลผลแลว้ ค. ขอ้ มูลที่ไดร้ ับการกรอง และเรียบเรียง ท่ีสามารถนาไปใชง้ านได้ ง. ความเปน็ จรงิ ท่ยี ังเป็นข้อมลู ดิบซ่งึ ไม่ได้ผา่ นการประมวลผลใด ๆ 8. ขอ้ มลู สารสนเทศ คืออะไร ก. ผลลพั ธ์ของการทางาน ข. ขอ้ มูลท่ีประมวลผลแล้ว ค. ข้อมลู ท่ีไดร้ ับการกรอง และเรยี บเรียง ท่สี ามารถนาไปใช้งานได้ ง. ความเปน็ จริงทยี่ งั เปน็ ข้อมูลดบิ ซง่ึ ไม่ได้ผา่ นการประมวลผลใด ๆ

19 9. ข้อใดไมใ่ ช่ลักษณะสนเทศท่ดี ี ก. เขา้ ถงึ ง่าย ข. ตรงประเด็น ค. มีความรวดเร็ว ง. สามารถตรวจสอบได้ 10. ข้อใดไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ ก. Data ข. User ค. Hardware ง. Produce ตอนที่ 2 ตอบคาถามต่อไปน้ี 1. จงอธิบายความหมายของระบบสารสนเทศ เป็นระบบทที่ ำหนำ้ ทจ่ี ดั กำรขอ้ มลู สำหรับระบบหรอื กิจกรรมใดๆ ท่ีเรำตอ้ งกำร โดยทำงำนตัง้ แตก่ ำรจดั เกบ็ ขอ้ มูล กำรประมวลผลข้อมลู จนสำมำรถใหส้ ำรสนเทศออกมำเพ่อื ใชใ้ นกำรพิจำรณำตดั สินในเรอื่ งทเ่ี ก่ยี วขอ้ งได้ 2. ยกตวั อย่างสารสนเทศที่พบในชีวิตประจาวนั กำรใชจ้ ำ่ ยในรำ้ นสะดวกซื้อรปู แบบตำ่ งๆ 3. ระบบสารสนเทศท่ีดีมีลักษณะอยา่ งไร มีควำมถกู ตอ้ ง, เขำ้ ใจง่ำย, มีควำมเช่อื ถือได,้ มีควำมสมบูรณแ์ ละครบถว้ น, มคี วำมคุ้มทนุ . มีควำมยดื หยนุ่ , ตรง ประเด็น, มคี วำมทนั สมยั , สำมำรถตรวจสอบได,้ เข้ำถงึ ไดง้ ำ่ ย 4. ท่านคดิ วา่ จะนาระบบสารสนเทศมาใช้กับร้านสะดวกซือ้ ไดอ้ ยา่ งไร และใช้สารสนเทศแบบใด มีกำรเก็บว่ำ ผูซ้ ้ือสินคำ้ อำยเุ ท่ำไหร่ ชำยหรอื หญงิ ซ้อื เวลำช่วงไหน 5. จงยกตวั อย่างการนาระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การมาใช้ในองค์กร และจะใชร้ ะบบนั้นอยา่ งไรบ้าง เจ้ำหน้ำทีร่ ะดบั ปฏบิ ตั กิ ำรจะทำงำนกบั ขอ้ มูลดิบเปน็ สว่ นใหญ่ เช่น กำรรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผลข้อมูล ส่วน เจ้ำหน้ำที่บริหำรระดบั สูงทต่ี อ้ งมบี ทบำทในกำรบรหิ ำรจดั กำรและมหี นำ้ ทีต่ ัดสินใจในเร่ืองตำ่ งๆ จะอำศยั สำรสนเทศทเ่ี กี่ยวข้องมำประกอบกำรตัดสินใจ

20 แผนจดั การเรยี นรู้ วิชา คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศฯ รหัสวิชา 20001-2001 ชั้น ปวช. สัปดาห์ท่ี 2-3 เวลา 6 หนว่ ยท่ี 2 เร่ือง การใช้ระบบปฏิบัติการ ชวั่ โมง 1. สาระสําคญั การใช้งานคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะทางานร่วมกับระบบปฏิบัติการ ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเคร่ือง คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันระบบปฏิบัติการท่ีใช้งานง่าย เรียนรู้ไว และได้รับความนิยมอย่างสูงคือ ระบบปฏิบัติการ Windows ในบทน้ีจะแนะนาการใช้งานเบื้องต้นของระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 10 เพ่ือผู้เรียนจะได้นาความรู้ไปใช้ในการทางานได้ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้กับ ระบบปฏิบัตกิ ารอ่ืนได้ 2. ผลการเรยี นทีค่ าดหวงั 1. ความหมายของระบบปฏิบตั กิ าร 2. ประเภทของระบบปฏบิ ัติการ 3. ระบบปฏบิ ตั กิ ารท่นี ิยมในปจั จบุ ัน 4. ระบบปฏบิ ัตกิ าร Windows 5. การเปิดใชง้ าน การตดิ ตั้ง และ การยกเลกิ แอป 6. การตงั้ ค่าความเป็นส่วนตวั ด้วย Lock Screen 7. การใช้งาน File Explorer 3. กิจกรรมการเรยี นรู้

21 กจิ กรรมครู กิจกรรมนักเรยี น ข้ันนาํ เขา้ สบู่ ทเรียน 1. ตรวจสอบรายช่ือนักศึกษาทีเ่ ข้าเรียน 1. ใหค้ วามรว่ มมือกับครใู นการตรวจสอบ 2. ใหน้ ักศกึ ษาค้นคว้าการใช้งาน Windows 2. ค้นคว้าการใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 3. ร่วมสนทนาเกี่ยวกับเรื่องระบบปฏิบัติการ 10 Windows 10 3. รว่ มสนทนาและแสดงความคดิ เห็น ขน้ั ดําเนินการสอน 1. บอกจดุ ประสงค์การเรยี น 1. ฟัง ทาความเข้าใจและซักถาม 2. ครบู อกวิธีการและแนวคิดในการปฏบิ ตั ิที่ 2. ศึกษาตามกลุม่ ทไ่ี ด้แบง่ ไว้ ถูกต้องให้แกผ่ ู้เรยี น 3. ผูเ้ รียนซักถามข้อสงสัยและจดบนั ทึก 3. ประเมินพฤติกรรมรายบุคคลโดยครจู ะซกั ถาม 4. รบั การประเมิน ในแตล่ ะคน ข้ันสรปุ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสาคัญ 1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรปุ สาระสาคัญ 2. นักเรียนสอบถามข้อสงสัย 2. เปดิ โอกาสให้นกั เรยี นซักถามข้อสงสัย 3. ฟังและจดบนั ทึก 3. มอบหมายให้ไปหัดทาและศกึ ษาเพิ่มเติม 4. ทาแบบทดสอบทา้ ยบท 4. ทาแบบทดสอบ 4. กิจกรรมการเรียนรู้ ก่อนเรียน คน้ ควา้ เกยี่ วกับการใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows ขณะเรียน 1. ทาใบงานและแบบฝึกหัดหลงั เรยี น 2. ร่วมกันเฉลยใบงานและแบบฝึกหัดหลังเรยี น 3. จดบนั ทึก เทคนคิ แนวการท่เี ป็นประโยชนต์ อ่ ผเู้ รียน จากข้อแนะนาของครูผู้สอน

22 4. ผู้เรียนสรุปความรู้ทไี่ ดจ้ ากการเรียนตามความเป็นจริง จากภูมิความรขู้ องผู้เรยี นแตล่ ะคน 5. ผ้เู รยี นซักถามในหวั ขอ้ ทส่ี งสยั ในเนือ้ หาการเรยี นรู้ 5. สอื่ การเรียนการสอน 1. หนงั สือเรียนวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ 2. ใบความรปู้ ระจาหน่วย 3. ใบงานและแบบฝึกหัด 4. เคร่อื งไมโครคอมพิวเตอร์ 5. แผน่ ใสและเครือ่ งฉายภาพข้ามศีรษะ 6. ซดี สี ือ่ การสอน 6. วัดผลประเมินผล 1. ผู้เรยี นปฏบิ ัตภิ าระงานที่มอบหมายเสรจ็ ทันเวลาที่กาหนด 2. ตอบคาถามและสรปุ ผลงานได้อยา่ งถูกตอ้ ง 3. ทาแบบฝกึ หดั หลงั เรียนเสร็จทนั เวลาท่กี าหนดและถกู ต้อง 4. สนใจกระตอื รือรน้ ในการเรียนรู้ ตอบคาถาม สรปุ สาระการเรียนรู้ และกล้าแสดงความคดิ เหน็ 7. กจิ กรรมเสนอแนะ ถา้ ผู้เรียนมีการเตรียมตัวในการเรียนที่ดี เช่น อ่าน และทาการศึกษาหนังสือเกี่ยวกับหน่วยการเรียน มากก่อน ถึงชั่วโมงเรียน ผู้เรียน จะสามารถเรียน และทากิจกรรมต่าง ๆ ท่ีครูผู้สอนมอบหมาย ได้อย่างมี ความสุข และเกดิ ความชอบ และสนกุ กบั การเรียนในชั้นเรียน เฉลยแบบฝึกหดั หนว่ ยที่ 2 ตอนที่ 1 เลือกคาตอบที่ถกู ต้องท่สี ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. ระบบปฏบิ ัติการมชี ่อื เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร ก. Firmware ข. User Interface ค. Operator System ง. Operating System 2. หน้าทหี่ ลักของระบบปฏิบัติการคือ ก. แกไ้ ขปญั หาการทางานของระบบ

23 ข. จัดการทรัพยากรต่างๆ ภายในระบบ ค. เป็นตัวกลางระหวา่ งฮาร์ดแวรก์ ับผใู้ ช้ ง. ควบคมุ การติดต่อสอ่ื สารในระบบเครือขา่ ย 3. ขอ้ ใดไม่ใช่ประเภทของระบบปฏบิ ตั กิ าร ก. Tech OS ข. Network OS ค. Embeded OS ง. Stand alone OS 4. แอปสาหรบั ดาวน์โหลดแอปตวั อนื่ ๆ มาติดตั้งเพ่ิมชื่อวา่ อะไร ก. Buy ข. 7 ค. Store ง. Other 5. ธีมใน Windows คอื อะไร ก. กาหนดการพกั หน้าจอ Windows ข. การกาจัดไฟล์ท่ีไมใ่ ช้งานใน Windows ค. การปรับความเร็วในการเข้าสู่ Windows ง. ส่วนประกอบทีใ่ ชใ้ นการตกแต่ง Windows 6. File Explorer ใน Windows 10 แตกตา่ งจากเวอร์ชนั่ อน่ื อยา่ งไร ก. มขี นาดกระทดั รัด ข. สามารถแสดงภาพเคล่อื นไหวได้ ค. เป็นหนา้ ตาโปรง่ ใส ง. คาสั่งเป็นแบบ Ribbon Interface 7. โทรศพั ทม์ อื ถือ (Smart Phone) ทเ่ี ราใชง้ านในปัจจุบัน ใช้ระบบปฏิบตั ิการประเภทใด ก. ระบบปฏิบตั กิ ารแบบฝงั ข. ระบบปฏิบัตกิ ารเครือข่าย ค. ระบบปฏบิ ัติการแบบเดี่ยว ง. ไมม่ ีข้อใดถูก 8. ระบบปฏิบัติการอะไร ทีส่ ามารถนามาใช้ได้ โดยไม่ต้องจ่ายคา่ ลิขสิทธ์ิ ก. Linux ข. Mac OS ค. Windows ง. ไมม่ ีข้อใดถูก เพราะทกุ ระบบปฏิบัติการตอ้ งจ่ายค่าลขิ สิทธ์ิ 9. ข้อใดไม่ใช่ Metro style App ข. Calendar ก. Mail ง. Microsoft Edge ค. Microsoft Office 10. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไมถ่ ูกต้อง ก. Delete คอื คาสั่งสาหรับลบไฟล์ หรอื ลบโฟลเดอร์ ข. Rename คอื คาสั่งสาหรับเปลย่ี นช่อื ไฟล์ หรือโฟลเดอร์

24 ค. New Folder คือ คาสงั่ สาหรับสรา้ งไฟล์ หรือ โฟลเดอร์ใหม่ ง. Properties คอื คาสง่ั สาหรบั แสดงคณุ สมบัตขิ องไฟล์ หรอื โฟลเดอร์ ตอนที่ 2 ตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ระบบปฏบิ ตั กิ ารคืออะไร และมคี วามสาคญั อยา่ งไร เปน็ ซอฟตแ์ วร์ที่ทำหนำ้ ท่ีเปน็ ตวั กลำงระหวำ่ งฮำร์ดแวรแ์ ละซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ทัว่ ไป 2. ยกตวั อยา่ งแอปทีป่ รากฏใน Start Screen มา 5 แอป Microsoft Edge, Print 3D, Mail, Photos, Weather 3. อธิบายการปรับแต่งค่า Lock Screen Ex. กำรปรับแบ็คกรำวน์ 1. คลกิ ขวำที่ Desktop เลอื ก Personalize 2. เลือกไฟลภ์ ำพ โดยกำรเลือกไปท่ี Browse 3. เลอื กภำพท่ีต้องกำร เสร็จแล้วใหค้ ลกิ เลือกท่ี Choose picture 4. อธบิ ายการคน้ หาไฟล์ท่ีต้องการในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 1. คลกิ เลือกโฟลเดอร์หรือไดรฟ์ทีต่ ้องกำรคน้ หำ 2. พมิ พ์ชือ่ ไฟล์ท่ีต้องกำรคน้ หำ โดยจะพิมพช์ ื่อเต็ม หรอื บำงส่วนของชอ่ื กไ็ ด้ 3. โปรแกรมจะแสดงช่ือไฟล์ทต่ี รงกับท่ีคน้ หำ 5. อธบิ ายการบีบอดั ไฟลใ์ นเครอ่ื ง 1. เลือกกลุ่มไฟล์ทตี่ ้องกำรบีบอดั 2. คลิกเลอื กคำสงั่ Zip

25 แผนจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 ชน้ั ปวช. สัปดาห์ท่ี 3 เวลา 3 หน่วยท่ี 3 เร่ือง การใช้โปรแกรมประมวลผลคําเพื่อทําเอกสาร ชวั่ โมง 1. สาระสาํ คญั ในแต่ละวนั อาจต้องทางานกับเอกสารต่างๆ มากมาย ตัง้ แต่รายงานการประชมุ สรปุ ยอดขาย จดหมาย และ ค่มู ่อื ต่างๆ การบันทึกข้อความเหล่านโ้ี ดยใชม้ อื เขียน หรือใช้เคร่ืองพิมพ์ดีด อาจไมใ่ ช่วธิ ที ี่สะดวกรวดเรว็ ที่สุด เพราะหากต้องการไดผ้ ลงานท่ีนา่ เช่อื ถือ แทนทีจ่ ะใชเ้ วลาในการวางแผนส่ิงที่คิดเป็นถ้อยคาเพื่อสอื่ สาร ก็อาจ กลบั ตอ้ งเสียเวลาส่วนใหญ่ในการแก้ไขและตกแตง่ เอกสารใหไ้ ด้ตามต้องการ การใช้โปรแกรม จะช่วยลดข้ันตอนเหล่าน้ีได้ และทาให้การตกแต่งและแก้ไขเอกสาร ทีส่ ร้างเป็นไปได้ อยา่ งงา่ ยดาย 2. ผลการเรยี นทค่ี าหวงั 1. ความสามารถของโปรแกรม Word 2. จดั ข้อความให้อยู่ก่ึงกลาง ชิดซา้ ย หรอื ชดิ ขวา 3. การตง้ั ก้นั หนา้ และกั้นหลัง 3. กิจกรรมการเรียนรู้

26 กิจกรรมครู กิจกรรมผเู้ รียน ขั้นนาํ เขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ให้ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ กั บ ค รูใน ก า ร 1. ตรวจสอบรายช่ือนกั ศกึ ษาท่ีเขา้ เรยี น ตรวจสอบ 2. ค้น คว้าเกี่ยวกับ การท างาน กับ ขอ้ ความ 3. รว่ มสนทนาและแสดงความคิดเหน็ ขน้ั ดาํ เนินการสอน 1. บอกจุดประสงค์การเรยี น 1. ฟงั ทาความเขา้ ใจและซกั ถาม 2. อธิบาย บรรยาย และแสดงวิธีการปฏิบัติในแต่ละ 2. ทาความเขา้ ใจและปฏิบัติตาม หัวข้อการเรียนพร้อมให้นักศึกษาปฏิบัติตามไปพร้อม 3. ซักถาม กัน 4. รบั การประเมนิ 3. ใหค้ าแนะนา 4. ประเมินพฤติกรรมรายบคุ คลโดยอาจารย์จะซักถามใน แต่ละบุคคล ขนั้ สรปุ 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสาคัญ 1. ค รู แ ล ะ นั ก เรี ย น ร่ ว ม กั น ส รุ ป 2. เปิดโอกาสให้นักเรยี นซกั ถามข้อสงสยั สาระสาคญั 3. ครูแนะนาให้ผู้เรียน ไปหัดทาและศึกษาจากหนังสือ 2. นักเรียนสอบถามขอ้ สงสยั ประกอบการเรียน 3. ฟงั และจดบนั ทกึ 4. ทดสอบหลังเรียน 4. ทาแบบทดสอบท้ายบท 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กอ่ นเรียน คน้ ควา้ เกยี่ วกับการทางานกับข้อความ ขณะเรยี น 1. ผเู้ รยี นรว่ มกันศกึ ษาเน้ือหาปฏบิ ตั ิตามแล้วตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ 2. ทาใบงานและแบบฝกึ หัดหลังเรยี น 3. รว่ มกนั เฉลยใบงานและแบบฝึกหัดหลังเรยี น 4. จดบันทึก เทคนิค แนวการท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ผ้เู รียน จากขอ้ แนะนาของครผู ู้สอน 5. ผเู้ รยี นสรุปความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการเรยี นตามความเปน็ จริง จากภมู ิความรู้ของผู้เรียนแตล่ ะคน 6. ผู้เรยี นซกั ถามในหวั ข้อทสี่ งสยั ในเนือ้ หาการเรยี นรู้

27 5. สือ่ การเรยี นการสอน 1. หนงั สือเรยี นวิชา คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพืองานอาชพี 2. ใบความรู้ประจาหน่วย 3. ใบงานและแบบฝึกหัด 4. เครอื่ งไมโครคอมพิวเตอร์ 5. แผ่นใสและเคร่ืองฉายภาพข้ามศรี ษะ 6. ซดี ีส่ือการสอน 6. วดั ผลประเมนิ ผล 1. ผูเ้ รียนปฏิบตั ิภาระงานท่ีมอบหมายเสรจ็ ทันเวลาท่กี าหนด 2. ตอบคาถามและสรปุ ผลงานได้อย่างถูกต้อง 3. ทาแบบฝกึ หดั หลังเรยี นเสร็จทันเวลาทก่ี าหนดและถูกตอ้ ง 4. สนใจกระตือรอื ร้นในการเรยี นรู้ ตอบคาถาม สรุปสาระการเรยี นรู้ และกล้าแสดงความคดิ เหน็ 7. กิจกรรมเสนอแนะ ถ้าผู้เรียนมีการเตรียมตัวในการเรียนที่ดี เช่น อ่าน และทาการศึกษาหนังสือเกี่ยวกับหน่วยการเรียน มากก่อน ถึงช่ัวโมงเรียน ผู้เรียน จะสามารถเรียน และทากิจกรรมต่าง ๆ ท่ีครูผู้สอนมอบหมาย ได้อย่างมี ความสขุ และเกิดความชอบ และสนกุ กับการเรียนในชั้นเรียน เฉลยแบบฝึกหัด หนว่ ยที่ 3 ตอนที่ 1 ให้เลือกคําตอบทถี่ ูกตอ้ งเพยี งข้อเดยี ว 1. ฟอนต์ท่ีถูกสรา้ งสาหรบั ใช้งานกับภาษาไทยมลี ักษณะอย่างไร ? ก. ลงทา้ ยดว้ ย TH ข. ข้นึ ตน้ ดว้ ย TH ค. ลงทา้ ยด้วย UPC ง. ขึน้ ต้นด้วย UPC 2. ฟอนต์แบบ True Type มีลักษณะอย่างไร ? ก. ผลลัพธบ์ นจอกบั การพมิ พ์จะตรงกัน ข. เป็นฟอนต์ท่ตี ดิ ตั้งมาพร้อมกบั Windows ค. ถูกจัดเก็บในลกั ษณะประมวลผลทางคณติ ศาสตร์ ง. ถกู ทุกข้อ 3. ข้อใดไมอ่ ยู่ในตัวเลอื กของการตกแต่งข้อความด้วย Text Effects

28 ก. Grow ข. Outline ค. Shadow ง. Brightness 4. การเปล่ียนลักษณะข้อความที่เลือกเปน็ ตัวหนาใหค้ ลิกที่ป่มุ ใด ? ก. ข. ค. ง. 5. เม่ือเลือกขอ้ ความ “คอมพิวเตอร์” แล้วคลกิ ปุ่ม และปุม่ ขอ้ ความจะเป็นอย่างไร ? ก. คอมพวิ เตอร์ ข. คอมพวิ เตอร์ ค. คอมพวิ เตอร์ ง. คอมพิวเตอร์ (คำตอบถูกตอ้ ง) 6. คุณสมบัติใดทเ่ี มอ่ื พิมพ์มาจนถงึ บรรทัดแลว้ โปรแกรมจะควบคุมการพิมพ์ให้เริ่มขนึ้ ตน้ บรรทัดใหม่โดยอตั โนมัติ ก. Feed ข. New line ค. Flow Word ง. Word wrap 7. การทาจดหมายโดยสรา้ งเนือ้ หาหลกั ไว้ แลว้ กาหนดตาแหนง่ ทีจ่ ะต้องเปลีย่ นแปลงขอ้ มลู แลว้ โปรแกรมจะนาข้อมลู ในฐานข้อมลู มาใสใ่ นตาแหน่งนัน้ โดยอัตโนมตั ิ ก. จดหมายเรยี น ข. mail meet ค. automatic mail ง. จดหมายเวียน 8. การทางานทสี่ ามารถเหน็ ส่ิงท่ีปรากฏบนหน้าจอได้ เหมือนกบั ผลท่ีได้จากการพมิ พ์ออกทาง เครอ่ื งพิมพ์ เรยี กวา่ อะไร ก. WYSIWYG ข. WUCIWUG ค. WYCSWYC ง. WYCSWYG 9. ขนาดของตัวอกั ษรมหี นว่ ยเป็นอะไร ก. พกิ กา ข. พไี อ ค. พอยท์ ง. พิกเซล 10. จากข้อ 9 เขยี นย่อๆ วา่ อะไร ก. pg ข. pi

29 ค. pt ง. px แผนจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 ชั้น ปวช. สัปดาห์ที่ 6 -7 หน่วยที่ 4 เรื่อง การใช้โปรแกรมตาราง เวลา 6 ชั่วโมง 1. สาระสําคัญ การใช้โปรแกรมตารางช่วยให้การคานวณตัวเลขในตาราง การจัดกล่มุ วิเคราะหข์ ้อมูล ตลอดจนการ สรา้ งรายงานในรูปแบบแผนภูมเิ ป็นไปไดโ้ ดยงา่ ยและมีประสทิ ธภิ าพ 2. ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั 1. คณุ สมบัติของโปรแกรม Excel 2. กาหนดรปู แบบการแสดงขอ้ มูล 3. กาหนดรูปแบบและขนาดตวั อกั ษรในตาราง 4. กาหนดข้อมลู ใหแ้ สดงเป็นตวั หนา ตวั เอน และขดี เส้นใต้ 5. กาหนดรปู แบบการแสดงข้อมลู ตามเงื่อนไขทีต่ ้องการ 6. จัดขอ้ มลู ให้อยูก่ ึง่ กลาง ชิดซา้ ย ชดิ ขวาในแตล่ ะเซลล์ 7. การวางแนวตัวข้อมลู ในเซลล์ 8. แสดงขอ้ มูลใหค้ รบในเซลล์

30 9. จดั เรียงขอ้ มูลให้อยู่ก่ึงกลางแถวเพอ่ื ใช้เปน็ หวั เร่ือง 10. ตกแต่งขอ้ มูลโดยการใช้ 11. การขีดเสน้ ตาราง 12. ยกเลกิ เส้นประทโี่ ปรแกรม Excel ขีดระหว่างเซลล์ 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมครู กจิ กรรมนักเรยี น ข้นั นาํ เขา้ สบู่ ทเรียน 1. ตรวจสอบรายชอ่ื นกั ศึกษาท่เี ข้าเรียน 1. ใหค้ วามรว่ มมือกบั ครใู นการตรวจสอบ 2. ใหน้ ักศกึ ษาคน้ ควา้ ขน้ั การทางานเซลลข์ ้อมลู 2. คน้ คว้าขัน้ การทางานเซลล์ข้อมูล 3. รว่ มสนทนาเก่ียวกับเรอื่ ง การตกแต่งเวริ ก์ ชีต 3. รว่ มสนทนาและแสดงความคดิ เห็น ขั้นดาํ เนินการสอน 1. บอกจุดประสงค์การเรียน 1. ฟงั ทาความเขา้ ใจและซักถาม 2. บรรยาย อธิบาย ยกตัวอย่าง แสดงวิธีการ 2. ฟัง ทาความเข้าใจและปฎิบัติตาม ปฎิบัติในแต่ ละหัวข้อการเรียนและให้นักศึกษา 3. ผ้เู รยี นซักถามขอ้ สงสัยและจดบนั ทึก ปฎิบตั ไิ ปพร้อมกนั 4. รบั การประเมนิ 3. ครบู อกวธิ ีการและแนวคิดในการปฏิบตั ิที่ ถกู ต้องให้แก่ผเู้ รียน 4. ประเมินพฤติกรรมรายบุคคลโดยครจู ะซักถาม ในแตล่ ะคน ขน้ั สรปุ 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสาคญั 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ สาระสาคญั 2. นักเรียนสอบถามขอ้ สงสัย 2. เปดิ โอกาสให้นกั เรียนซักถามข้อสงสัย 3. ฟังและจดบันทกึ 3. มอบหมายให้ไปหดั ทาและศึกษาเพ่ิมเตมิ 4. ทาแบบทดสอบท้ายบท 4. ทาแบบทดสอบ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ กอ่ นเรียน 1. ค้นควา้ ข้นั ตอนการตกแตง่ เซลลข์ อ้ มลู

31 ขณะเรียน 1. จดบนั ทึกการเรียน 2. สนใจการปฏบิ ัตติ ามครแู ละกล้าในการแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถาม 3. ทาแบบฝกึ หัด 4. ผเู้ รยี นสรปุ ความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการเรียนการการสอน 5. ผู้เรียนหาแนวทางและเทคนิคการหาคาตอบ ด้วยความรูค้ วามเขา้ ใจของตนเองพร้อมจด บนั ทึก 6. ผู้เรียนซักถามเพอ่ื ข้อสงสัยในหวั ข้อ หรอื เนือ้ หาการเรียนรู้ที่ยงั ไม่เขา้ ใจกบั ผู้สอน 6. ส่อื การเรียนการสอน 1. หนงั สือเรียนวชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี 2. ใบความรปู้ ระจาหน่วย 3. ใบงานและแบบฝกึ หัด 4. เคร่อื งไมโครคอมพวิ เตอร์ 5. แผ่นใสและเคร่อื งฉายภาพขา้ มศรี ษะ 6. ซีดีสือ่ การสอน 7. วดั ผลประเมนิ ผล 1. ผูเ้ รียนปฏิบัติภาระงานที่มอบหมายเสรจ็ ทนั เวลาท่กี าหนด 2. ตอบคาถามและทาใบงานและแบบฝึกหัดได้ถูกต้อง 3. ความสะอาดเรียบร้อยของใบงานและแบบฝึกหัด 4. สนใจกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ ตอบคาถาม สรปุ สาระการเรียนรู้ และกล้าแสดงความคิดเหน็ 8. กิจกรรมเสนอแนะ 1. ผเู้ รียนตอ้ งทบทวนบทเรยี นทง้ั ก่อนเรยี นและหลงั เรียนอย่อู ย่างสมา่ เสมอ 2. ผู้เรียนหม่นั เขา้ ชัน้ เรียนเพื่อรบั ฟงั เทคนคิ วิธี และแนวทางท่ีดกี ับครสู อนอย่างตัง้ ใจ 3. ผู้เรียนสนใจทาใบงาน แบบฝึกหัด และขยันปรับปรุงแก้ไขใบงานและแบบฝึกหัดให้ถูกต้องทุก ครง้ั ทที่ าผิด

32 เฉลยแบบฝกึ หัดหนว่ ยท่ี 4 ตอนที่ 1 จงทําเครื่องหมาย ลอ้ มรอบข้อท่ีถกู ต้อง 1. เครื่องหมาย ฿ นาหนา้ ตัวเลข ใน Excel หมายถงึ อะไร ก. เปน็ การแสดงสัญลกั ษณธ์ รรมดา ข. เป็นการแสดงเครือ่ งหมายสกลุ เงนิ ค. เปน็ การแสดงว่าตัวเลขเหล่าน้นั เปน็ ค่าจานวนธรรมดา ง. เป็นการแสดงว่าตวั เลขเหลา่ นนั้ เปน็ คา่ จานวนเปอรเ์ ซ็นต์ 2. การเพิม่ จดุ ทศนิยมใหก้ บั ตัวเลข ต้อง Click mouse ทีป่ ุม่ ใดบนแถบเครื่องมือ ก. ข. ค. ง. 3. หากต้องการให้การจดั รปู แบบแสดงตวั เลขชิดซ้ายเซลลแ์ ละตดั เคร่ืองหมาย “,” และ “$” ออกต้องเลอื กรูปแบบการแสดงตัวเลขแบบใด ก. Text ข. Special ค. Custom ง. Percentage 4. หากข้อมลู ในเซลล์คือ 12345.4 เมอ่ื กดปุ่ม บนแถบเคร่อื งมือ ผลลพั ธจ์ ะเปน็ อย่างไร ก. 12345.4 ข. 12,345.4 ค. 12345.40 ง. 12,345.40 5. รูปแบบการจัดวางข้อมลู ในแนวนอนแบบ General ผลลพั ธข์ องข้อมลู จะเปน็ อยา่ งไร ก. ตัวเลขและวันที่ชิดขวา ข้อความชดิ ซา้ ยและค่าตรรกะอยกู่ ึ่งกลาง ข. ตวั เลขและวันทชี่ ดิ ซ้าย ขอ้ ความชิดขวาและคา่ ตรรกะอยู่กงึ่ กลาง ค. ตวั เลขและวนั ทอ่ี ยู่กงึ่ กลาง ข้อความชดิ ซ้ายและคา่ ตรรกะชดิ ขวา ง. ตวั เลขและวนั ทช่ี ดิ ซ้าย ขอ้ ความอยู่กงึ่ กลางและคา่ ตรรกะชิดขวา 6. รูปแบบการจดั วางข้อมลู ในแนวนอนแบบ Center Across Selection หมายถึงข้อใดต่อไปนี้ ก. นําขอ้ มูลในเซลลซ์ า้ ยสุดมาแสดงกึ่งกลางเซลล์ทเ่ี ลอื ก ข. จดั ขอ้ ความทม่ี ีหลายบรรทัดให้ชิดขอบบนและขอบลา่ งของเซลล์ ค. แสดงข้อมูลและเว้นช่องว่างจากขอบเซลลต์ ามค่าท่ีกาหนดในช่อง Indent

33 ง. เพม่ิ ระยะห่างระหวา่ งตัวอักษรและตัดข้อความทีย่ าวเกินเซลล์เป็นหลายบรรทัด 7. การจดั วางข้อมูลเปน็ แนวตัง้ ในเซลล์ รปู แบบคาส่งั Justify หมายถงึ ข้อใดตอ่ ไปนี้ ก. เป็นการนาข้อมลู ในเซลลซ์ ้ายสดุ มาแสดงกึ่งกลางเซลล์ท่เี ลือก ข. จดั ข้อความที่มีหลายบรรทดั ใหช้ ิดขอบบนและขอบลา่ งของเซลล์ ค. แสดงข้อมลู และเวน้ ชอ่ งวา่ งจากขอบเซลลต์ ามค่าท่ีกาหนดในชอ่ ง Indent ง. เพิม่ ระยะหา่ งระหว่างตวั อักษรและตัดข้อความทยี่ าวเกินเซลลเ์ ป็นหลายบรรทัด 8.ในแท็บ Alignment หากต้องการให้ข้อมูลทย่ี าวกว่าขนาดของเซลลแ์ สดงหลายบรรทดั จะเลอื กใช้ รูปแบบใด ก. Cut Text ข. Wrap text ค. Merge cells ง. Shrink to fit 9. ในแทบ็ Alignment หากตอ้ งการให้ข้อมูลทยี่ าวกว่าขนาดของเซลล์แสดงขอ้ มูลท้ังหมดในเซลลจ์ ะ เลือกใชค้ าส่ังใด ก. Cut Text ข. Wrap text ค. Merge cells ง. Shrink to fit 10. ขอ้ ใดคือปุ่มในการรวมเซลลพ์ ร้อมท้ังจดั ข้อมูลให้อย่กู ง่ึ กลางเซลล์ ก. ข. ค. ง. ตอนที่ 2 จงตอบคาํ ถามต่อไปนี้ ใหส้ มบรู ณ์ 1. จงยกตวั อย่างการกาหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามขอ้ มูลทก่ี าหนดให้ดังต่อไปน้ี ข้อมลู รปู แบบ 428596.32 428,596.32 วันท่ี 12 พฤศจิกำยน 2551 12/11/2551 เวลำ 16.00 น. ๑๖.๐๐ น.

34 8309.50 ดอลล่ำห์ $8,309.50 เวลำ 2.00 am. 2.00 AM 2. เราสามารถกาหนดรูปแบบการแสดงข้อมลู ได้อย่างไร จงอธิบาย 1. คลกิ เมาส์เลอื กข้อมูลทต่ี ้องการกาหนดเงอื่ นไขการแสดงพิเศษ 2. เลือกแท็บ Home (หน้าแรก) ในกลมุ่ Styles (ลกั ษณะ) คลิกเลอื ก Conditional Formatting-> New Rule... (การจัดรปู แบบตามเงือ่ นไข->สรา้ งกฏ...) 3. กาหนดเง่อื นไขตามความตอ้ งการ 4. คลกิ เมาส์ปุ่ม Format เพ่ือกาหนดรปู แบบการแสดงข้อมูลท่ตี ้องการใช้ 5. กาหนดรปู แบบการแสดงขอ้ มูลเม่ือเงอื่ นไขนเี้ ปน็ จรงิ 6. คลกิ เมาสป์ มุ่ OK เพอื่ นารปู แบบการแสดงข้อมูลตามเง่ือนไขทีก่ าหนดมาใช้ 7. คลกิ เมาสป์ มุ่ OK เพอ่ื จบการกาหนดเงือ่ นไข 3. หากต้องการใหผ้ ลการเรียนของนักศึกษาที่ได้ “0” และ “มส.” มีสีแดง ควรใช้วิธกี ารใด 1. เลอื กกลุ่มเซลล์ทต่ี ้องการ 2. คลิกปมุ่ Conditional Formattingh->New Rule… 3. กาหนดกฏ โดยเลอื กเป็น Format only cells that contain และกาหนดเงือ่ นไข เป็น cell value –Equal to-0 4. คลกิ ปุ่ม format…กาหนดตวั อกั ษรเปน็ สีแดง เสร็จแล้วคลิกปุ่ม OK 5. ทาตัง้ แตข่ อ้ 1 – 4 อกี คร้งั แต่กาหนดเงือนไขเปน็ cell value –Equal to-มส. 4. ถา้ ต้องการจัดรปู แบบของคาวา่ “การจดั การธรุ กจิ คา้ ปลกี ในอนาคต” ใหเ้ ป็นตัวอกั ษร AngsanaUPC ขนาด 20 ตัวหนาเอียง และอยกู่ ่ึงกลางหน้ากระดาษ สามารถทาไดอ้ ยา่ งไร 1. คลกิ เมาสเ์ ลอื กข้อมูลทีต่ ้องการกาหนดรปู แบบและขนาดตัวอักษร 2. คลิกเมาส์ปุ่ม ที่ กาหนดรูปแบบตัวอักษร 3. คลกิ เมาสเ์ ลือกแบบตัวอักษรทีต่ อ้ งการ 4. คลกิ เมาสเ์ ลอื ก เพื่อกาหนดขนาดตัวอกั ษร 5. คลิกเมาสท์ ี่ เพ่ือปรับตัวอักษรเป็นตวั หนาและเอยี ง 5. ในกรณีทต่ี อ้ งการสร้างตารางจากเซลล์ B 3 ถึง E7 โดยกาหนดหัวเรอ่ื งดงั น้ี “สรปุ จานวนนกั เรียนทสี่ อบ ผา่ น” สามารถทาได้อย่างไร 1. คลกิ เลอื กเซลล์ท่ตี ้องการ จากนน้ั พิมพ์หัวข้อ “สรุปจานวนนกั เรียนทีส่ อบผ่าน” 2. คลิกเมาส์ลากคลุมเซลล์ B3 ถึง E7 เพือ่ สร้างตาราง จากนน้ั คลกิ เมาสเ์ ลือก (Border) จากแถบเคร่อื งมอื

35 3. คลกิ เมาส์เลือกลกั ษณะการขีดเส้นท่ีต้องการใชก้ ับเซลลท์ เ่ี ลอื ก 2แผนจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 ชน้ั ปวช. สั ป ด า ห์ ท่ี 8 -9 หนว่ ยท่ี 5 เร่อื ง การใชส้ ูตรคํานวณ เวลา 6 ชว่ั โมง 1. สาระสาํ คญั อกี ความสามารถหนึ่งท่ีสาคัญบน Excel ก็คือ การคานวณข้อมลู ในตารางโดยใช้สตู รและฟงั กช์ ่ันการ คานวณทสี่ ามารถให้ผลลพั ธไ์ ด้อยา่ งแม่นยาและรวดเรว็ 2. ผลการเรยี นคาดหวัง 1. เข้าใจการใช้สูตรคานวณ 2. เรมิ่ ต้นปอ้ นสตู รคานวณ 3. การแกไ้ ขสูตรคานวณ 4. การย้ายและคัดลอกสูตร 5. การอา้ งอิงเซลล์โดยใชช้ อ่ื หวั คอลมั น์ 6. คดั ลอกสตู รอย่างรวดเร็วดว้ ย AutoFill 7. ใชส้ ูตรกับข้อมูลที่อย่ตู ่าง Worksheet และ Workbook

36 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมครู กิจกรรมนกั เรียน ขน้ั นาํ เขา้ สู่บทเรียน 1. ตรวจสอบรายชอ่ื นักศึกษาที่เขา้ เรียน 1. ให้ความรว่ มมอื กับครูในการตรวจสอบ 2. ให้นักศึกษาค้นคว้าการใช้สูตรคานวณ การ 2. ค้นคว้าการใช้สูตรคานวณ การย้ายและ ย้ายและคัดลอกสูตร การอ้างอิงเซลในสูตร คดั ลอกสูตร การอ้างองิ เซลในสตู รคานวณ คานวณ 3. รว่ มสนทนาและแสดงความคดิ เห็น 3. รว่ มสนทนาเกีย่ วกับเรอ่ื ง การตกแตง่ เวิร์กชีต ข้นั ดาํ เนนิ การสอน 1. บอกจุดประสงค์การเรียน 1. ฟงั ทาความเขา้ ใจและซักถาม 2. บรรยาย อธิบาย ยกตัวอย่าง แสดงวิธีการ 2. ฟัง ทาความเขา้ ใจและปฎิบตั ิตาม ปฎิบัติในแต่ ละหัวข้อการเรืยนและให้นักศึกษา 3. ผูเ้ รยี นซกั ถามขอ้ สงสัยและจดบันทกึ ปฎิบัติไปพร้อมกัน 4. รบั การประเมิน 3. ครูบอกวธิ กี ารและแนวคดิ ในการปฏบิ ตั ิท่ี ถูกต้องใหแ้ กผ่ ู้เรียน 4. ประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคลโดยครูจะซกั ถาม ในแตล่ ะคน ข้ันสรุป 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ สาระสาคัญ 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปสาระสาคญั 2. นักเรยี นสอบถามขอ้ สงสัย 2. เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามขอ้ สงสยั 3. ฟังและจดบันทึก 3. มอบหมายให้ไปหัดทาและศกึ ษาเพิ่มเตมิ 4. ทาแบบทดสอบทา้ ยบท 4. ทาแบบทดสอบ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ กอ่ นเรียน 1. ค้นควา้ การใชส้ ตู รคานวณ การยา้ ยและคดั ลอกสูตร การอา้ งองิ เซลในสูตรคานวณ ขณะเรยี น 1. ผู้เรียนร่วมกนั ศึกษาเนื้อหาปฏบิ ตั ิตามแลว้ ตอบคาถามและแสดงความคดิ เหน็

37 2. ทาใบงานและแบบฝกึ หัดหลงั เรียน 3. รว่ มกันเฉลยใบงานและแบบฝึกหดั หลงั เรยี น 4. จดบันทกึ เทคนคิ แนวการท่ีเปน็ ประโยชนต์ ่อผ้เู รียน จากขอ้ แนะนาของครผู ู้สอน 5. ผเู้ รียนสรุปความร้ทู ไ่ี ด้จากการเรียนการสอน 6. ผู้เรียนซักถามในหัวข้อท่สี งสยั ในเน้ือหาการเรียนรู้ 6. สอ่ื การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพอื่ งานอาชพี 2. ใบความรปู้ ระจาหนว่ ย 3. ใบงานและแบบฝึกหัด 4. เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ 5. แผ่นใสและเครือ่ งฉายภาพข้ามศีรษะ 6. ซดี ีสือ่ การสอน 7. วัดผลประเมนิ ผล 1. ผู้เรียนปฏบิ ตั ภิ าระงานท่ีมอบหมายเสร็จทนั เวลาท่กี าหนด 2. ตอบคาถามและสรปุ ผลงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 3. ทาแบบฝกึ หัดหลงั เรียนเสรจ็ ทนั เวลาที่กาหนดและถูกต้อง 4. สนใจกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ ตอบคาถาม สรุปสาระการเรยี นรู้ และกล้าแสดงความคิดเห็น 5. มคี วามพยายามปรับปรงุ แก้ไขใบงานและแบบฝึกหดั ให้ถูกต้องแลว้ นาส่งครูผสู้ อน 8. กิจกรรมเสนอแนะ 1. ถ้าผู้เรียนมีการเตรียมตัวในการเรียนที่ดี เช่น อ่าน และทาการศึกษาหนังสือเก่ียวกับหน่วยการ เรียนมากก่อน ถึงชั่วโมงเรยี น ผู้เรียน จะสามารถเรียน และทากจิ กรรมต่าง ๆ ที่ครูผ้สู อนมอบหมาย ได้อย่าง มีความสุข และเกดิ ความชอบ และสนุกกบั การเรียนในชน้ั เรยี น 2. ผเู้ รยี นต้องมคี วามขยนั หมัน่ ฝกึ ฝนบทเรยี นอย่เู สมอทงั้ กอ่ นและหลงั เรยี น 3. ผเู้ รียนควรฝึกหัดในการเขียนสัญลกั ษณข์ องวงจรพร้อมนิยามของวงจรแต่ละชนิด 4. ผ้เู รียนต้องมคี วามพยายามและมีทศั นคตทิ ด่ี ใี นเน้อื หาบทเรียน 3. ผู้เรียนตอ้ งมคี วามกลา้ ทจี่ ะถามเม่อื สงสัยท้งั ในหอ้ งและนอกหอ้ งเรยี นกับครูผู้สอน เฉลยแบบฝกึ หดั หน่วยท่ี 5 ตอนที่ 1 จงทําเคร่ืองหมาย ล้อมรอบข้อทถ่ี ูกตอ้ ง 1. ในการเขยี นสตู รคานวณ =D8+D9+D10+D11 ตรงกบั ความหมายในขอ้ ใด ก. ค่ามาก ข. ผลรวม ค. ค่าน้อย ง. ผลเฉล่ยี

38 2. ในกรณีท่ีพิมพส์ ตู รผดิ จะเกิดอะไรขึน้ ในเซลลท์ ่ีพิมพล์ งไป ก. จะแสดง MIN! และไม่สามารถคานวณได้ ข. จะแสดง MAX! และไมส่ ามารถคานวณได้ ค. จะแสดง ERR! และไม่สามารถคานวณได้ ง. จะแสดง SUM! และไมส่ ามารถคานวณได้ 3. จากสูตร =45/5+(8-2) โปรแกรม Excel จะมลี าดับการคานวณอยา่ งไร ก. 45 หาร 5 และ 8 ลบ 2 ข. 45 หาร 5 บวก 8 ลบ 2 ค. 45 หาร 5, 8 ลบ 2 นาผลลัพธ์ทไี่ ด้มาบวกกัน ง. 8 ลบ 2, 45 หาร 5 นาผลลพั ธท์ ่ไี ดม้ าบวกกัน 4. การเขียนสตู รโดยใช้ตาแหนง่ อา้ งอิงของเซลล์มีขอ้ ดีกว่าการพมิ พจ์ านวนจรงิ อย่างไร ก. เมือ่ ค่าในเซลล์ทสี่ ูตรใช้เป็นตวั ตัง้ เปลี่ยน ผลลพั ธก์ จ็ ะเปล่ยี น ข. เมือ่ ค่าในเซลล์ทส่ี ตู รใชเ้ ป็นตัวต้งั คงเดมิ ผลลพั ธก์ จ็ ะเปลี่ยนไป ค. เม่อื คา่ ในเซลลท์ ่สี ตู รใชเ้ ป็นตัวตัง้ เปลยี่ น ผลลพั ธก์ จ็ ะเหมอื นเดมิ ง. เมอื่ ค่าในเซลลท์ ีส่ ตู รใช้เป็นตัวตั้งคงเดมิ ผลลพั ธ์ก็จะเหมือนเดมิ 5. หากต้องการคดั ลอกสูตรโดยทีไ่ มต่ ้องการใหต้ าแหน่งอ้างองิ เปลีย่ น สามารถทาไดอ้ ย่างไร ก. ใช้เคร่อื งหมาย ! นาหน้าชื่อแถวหรือคอลัมน์ทีไ่ มต่ ้องการเปล่ียน ข. ใช้เครื่องหมาย $ นาหน้าชอ่ื แถวหรือคอลัมนท์ ี่ไม่ต้องการเปลีย่ น ค. ใช้เครอ่ื งหมาย & นาหน้าชอื่ แถวหรือคอลัมนท์ ไ่ี ม่ต้องการเปลี่ยน ง. ใช้เคร่อื งหมาย @ นาหนา้ ชื่อแถวหรอื คอลัมนท์ ่ีไม่ต้องการเปลย่ี น 6. ข้อใดถูกต้อง ก. โปรแกรม Excel จะเข้าใจวา่ เปน็ สูตรคานวณ เมอ่ื มเี คร่ืองหมาย - (ลบ) ข. โปรแกรม Excel จะเขา้ ใจว่าเปน็ สตู รคานวณ เมอ่ื มเี ครื่องหมาย + (บวก) ค. โปรแกรม Excel จะเข้ำใจว่ำเปน็ สูตรคำนวณ เมือ่ มเี คร่ืองหมำย = (เท่ำกบั ) ง. ถกู ทกุ ขอ้ 7. ลกั ษณะการวางข้อมูล ขอ้ ใดไมถ่ ูกต้อง ก. Flash Fill คัดลอกขอ้ มลู แบบรวมขอ้ มลู ให้ด้วย ข. Fill Series เปน็ การเรียงลาดบั ขอ้ มลู ตามตัวเลขต่อกัน

39 ค. Fill Formatting Only เป็นการคดั ลอกมาเฉพาะรูปแบบของเซลล์เทา่ นั้น ง. Fill Without Formatting เป็นการคดั ลอกเฉพาะข้อมลู ของเซลล์ โดยไม่เอารูปแบบของเซลล์ 8. ในสตู รคานวณ การอ้างองิ เซลล์ทอ่ี ยตู่ ่าง Worksheet สามารถทาได้ดว้ ยวิธีใด ก. ใชช้ ่ือ Worksheet น้ันนำหนำ้ ตำแหนง่ ของเซลลท์ ี่ต้องกำรอำ้ งอิงในสตู ร ข. ใชต้ าแหนง่ เซลล์ท่ตี อ้ งการอา้ งองิ ในสตู รนาหนา้ ตามดว้ ยชื่อ Worksheet ค. ใช้ชอ่ื Workbook นาหน้าตามดว้ ยชอ่ื Worksheet และตาแหน่งเซลล์ท่ตี อ้ งการอา้ งองิ ในสตู ร ง. ใชต้ าแหนง่ เซลล์ทตี่ อ้ งการอา้ งอิงในสูตร นาหน้าตามด้วย ใช้ชือ่ Workbook และ Worksheet 9. เม่ือปอ้ นสตู รคานวณจบแล้วตอ้ งกดป่มุ ใด เพ่ือให้โปรแกรม Excel แสดงผลลพั ธ์ ก. ป่มุข. ปุ่มค. ปุ่มง. ปุ่ม10. ในการป้อนสตู รคานวณ การคูณ สามารถแทนไดด้ ้วยสัญลกั ษณ์ใด ก. x ข. * ค. ^ ง. # ตอนท่ี 2 จงตอบคําถามใหส้ มบูรณ์ 1. ในการปอ้ นสูตรของ Excel ทาไมต้องใส่เครื่องหมาย “ = ” ทุกครัง้ การปอ้ นสตู รคานวณในตาราง Excel จะใชเ้ ครื่องหมาย = (เท่ากับ) ในการเริ่มตน้ การใช้สตู ร มฉิ ะน้นั Excel จะคดิ ว่าสูตรท่ปี ้อนเขา้ ไปน้ันเปน็ ข้อความธรรมดา และจะไม่นาไปคานวณ

40 2. โปรแกรม Excel มีลาดับการคานวณสตู รอยา่ งไร 1. วงเลบ็ 2. ยกกาลัง 3. คูณ,หาร 4. บวก,ลบ 3. เมอ่ื ตอ้ งการหาผลรวมจาก D1 ถึง D10 เราจะป้อนสตู รอยา่ งไร =D1+D2+D3+D4+D5+D6+D7+D8+D9+D10 4. การปอ้ นสตู รคานวณโดยใช้แถบสูตร (Formula Bar) แตกต่างจากการป้อนวิธีอ่ืนอย่างไร แทนการเขียนสูตรคานวณในเซลลโ์ ดยตรง เราสามารถพมิ พส์ ตู รคานวณในแถบสูตร (Formula Bar) ได้แทน ซึ่งวธิ นี ม้ี ีขอ้ ดีเพราะ Excel จะแสดงผลลัพธ์ทค่ี านวณได้ให้เหน็ ก่อนทเี่ ราจะกดป่มุ (Enter) 5. จงเขียนสตู รคานวณหาผลคณู ของข้อมูลระหว่าง C7 ใน Worksheet GoodsA และ C7 ใน Worksheet GoodsBเมือ่ ปัจจบุ ันอย่ใู นWorksheetNetProfit =sheet GoodsA’!c7*’ sheet GoodsB’!c7 6. จงอธบิ ายความแตกตา่ งของการคดั ลอกและย้ายสูตรแบบ Relative และ Absolute Addressing Relative จะใช้กบั สูตรทตี่ ้องการตาแหน่งเซลลเ์ ปลี่ยนแปลงไปตามการคัดลอกสตู ร สว่ น Absolute จะเปน็ การระบุตาแน่งเซลล์ในสูตรท่ไี มต่ อ้ งการให้ตาแหน่งเซลลเ์ ปลี่ยนไปตามการคดั ลอกสตู ร 7. จงอธบิ ายผลของการอา้ งอิงเซลล์แบบ Absolute Addressing ต่อไปนี้ =C$12 ไม่ตอ้ งการใหแ้ ถวเปลยี่ น จะอยูใ่ นแถวที่ 12 เสมอ =$C12 ไม่ตอ้ งการใหค้ อลมั น์เปลี่ยน จะอยู่ในคอลัมน์ C เสมอ =$C$12 จะใช้เซลล์ c12 ไม่เปลยี่ นตาแหนง่ ตามการคดั ลอกสูตร 8. ถ้าจะอ้างอิงเซลล์ข้าม Workbook ชือ่ Exam Worksheet ชอ่ื Sheet1 ที่เกบ็ ในโฟลเดอร์ Project ใน ไดรว์ C: จะต้องพมิ พอ์ ย่างไร =’ C: \\Project\\[Exam]Sheet1’

41 แผนจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 ชั้น ปวช. หน่วยที่ 6 เรอื่ ง การใชโ้ ปรแกรมนาํ เสนองาน สั ป ด าห์ ที่ 10 -1 1 เว ล า 6 ชว่ั โมง 1. สาระสาํ คัญ การนาเสนอเปน็ หนึง่ ในทักษะท่ีทุกคนจะต้องฝึกฝนให้เกิดข้ึนแก่ตน เพราะเปน็ ช่องทางนามาซึ่งความสาเรจ็ ในการนาเสนอผลงาน แผนงาน โครงการและความคิดต่างๆ ให้ไดร้ ับการรบั รองหรืออนุมัติ จึงนับวา่ เป็นสิ่ง สาคัญอยา่ งย่ิงในการทางานและการดาเนนิ ชีวติ ท้งั น้ี การที่จะประสบความสาเรจ็ ในการนาเสนอจะต้องมี ความเข้าใจในความหมายและความสาคัญของการนาเสนออย่างถ่องแท้ รู้รปู แบบของการนาเสนอ รลู้ ักษณะ ของการนาเสนอที่ดี ตลอดจนมีความเข้าใจในการนาเคร่ืองมอื ตา่ งๆ มาใช้ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ 2. ผลการเรยี นท่คี าดหวงั 1. คณุ สมบตั ิของโปรแกรมนาเสนอ 2. รปู แบบของการตกแต่งหน้าสไลด์ 3. ตกแต่งสไลดด์ ว้ ยรูปแบบพ้ืนหลงั 4. กราฟกบั งานนาเสนอ 4. กิจกรรมการเรยี นรู้

42 กจิ กรรมครู กจิ กรรมนักเรยี น ขน้ั นําเข้าสู่บทเรยี น 1. ตรวจสอบรายช่ือนักศึกษาท่ีเขา้ เรยี น 1. ให้ความรว่ มมือกับครูในการตรวจสอบ 2. ให้นักศกึ ษาเกย่ี วกบั การใชโ้ ปรแกรมนาเสนอ 2. คน้ คว้าเกี่ยวกบั โปรแกรมนาเสนอ 3. ร่วมสนทนาและแสดงความคดิ เห็น ข้ันดําเนินการสอน 1. บอกจดุ ประสงค์การเรียน 1. ฟัง ทาความเขา้ ใจและซกั ถาม 2. ครูบอกวธิ ีการและแนวคิดในการปฏิบตั ิท่ี 2. ผเู้ รียนซกั ถามขอ้ สงสัยและจดบนั ทกึ ถูกต้องให้แกผ่ เู้ รียน 3. รบั การประเมนิ 3. ประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคลโดยครจู ะซักถาม ในแตล่ ะคน ขน้ั สรุป 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ สาระสาคัญ 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ สาระสาคญั 2. นกั เรียนสอบถามข้อสงสัย 2. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสัย 3. ฟงั และจดบันทกึ 3. มอบหมายให้ไปหดั ทาและศึกษาเพิ่มเติม 4. ทาแบบทดสอบทา้ ยบท 4. ทาแบบทดสอบ 5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กอ่ นเรยี น 1. ค้นควา้ เกย่ี วกบั โปรแกรมนาเสนอ ขณะเรยี น 1. ผู้เรยี นรว่ มกันศกึ ษาเน้ือหาตามกล่มุ แลว้ ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น 2. ต้งั ใจฟงั การอธิบาย และแนะนาจากครู 3. ทาใบงานและฝึกหัด 4. ร่วมกันเฉลยใบงานและแบบฝกึ หัด 5. จดบนั ทกึ เทคนิค แนวการท่เี ป็นประโยชน์ต่อผ้เู รียน จากขอ้ แนะนาของครผู สู้ อน

43 6. ผู้เรียนซกั ถามในหัวข้อทส่ี งสัยในเน้ือหาการเรยี นรู้ 7. ผเู้ รียนสรปุ ความรทู้ ่ีไดจ้ ากการเรียนการสอน 6. ส่อื การเรียนการสอน 1. หนงั สือเรียนวชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี 2. ใบความรปู้ ระจาหนว่ ย 3. ใบงานและแบบฝกึ หดั 4. เครื่องไมโครคอมพวิ เตอร์ 5. แผน่ ใสและเครือ่ งฉายภาพขา้ มศีรษะ 6. ซดี ีสอื่ การสอน 7. วดั ผลประเมินผล 1. ผเู้ รียนปฏิบตั ภิ าระงานที่มอบหมายเสร็จทันเวลาทกี่ าหนด 2. ตอบคาถามและสรปุ ผลงานได้อย่างถูกตอ้ ง 3. ทาแบบฝกึ หดั หลังเรียนเสรจ็ ทนั เวลาที่กาหนดและถูกตอ้ ง 4. สนใจกระตือรอื ร้นในการเรียนรู้ ตอบคาถาม สรปุ สาระการเรียนรู้ และกลา้ แสดงความคิดเห็น 5. มีความพยายามปรับปรงุ แกไ้ ขใบงานและแบบฝึกหัดให้ถูกต้องแลว้ นาสง่ ครูผู้สอน 8. กิจกรรมเสนอแนะ 1. ถ้าผู้เรียนมีการเตรียมตัวในการเรียนที่ดี เช่น อ่าน และทาการศึกษาหนังสือเก่ียวกับหน่วยการ เรียนมากก่อน ถึงช่ัวโมงเรยี น ผู้เรียน จะสามารถเรียน และทากจิ กรรมต่าง ๆ ที่ครูผูส้ อนมอบหมาย ได้อย่าง มคี วามสขุ และเกิดความชอบ และสนุกกับการเรยี นในชนั้ เรียน 2. ผูเ้ รยี นต้องมคี วามขยัน หมน่ั ฝึกฝนบทเรยี นอย่เู สมอทงั้ ก่อนและหลังเรียน 3. ผเู้ รียนตอ้ งมีความกล้าทจ่ี ะถามเมือ่ สงสยั ท้งั ในหอ้ งและนอกหอ้ งเรยี นกบั ครูผูส้ อน เฉลยแบบฝกึ หัดหนว่ ยท่ี 6 ตอนที่ 1 จงทาํ เครื่องหมายวงกลม หนา้ ข้อที่ถูกต้องที่สุดเพยี งข้อเดยี ว 1. หากต้องการให้พ้นื หลงั มลี ักษณะเป็นลาย “หินออ่ น” ต้องเลือกรปู แบบใด? ก. Texture ข. Picture ค. Pattern ง. Gradient 2. ชดุ รปู แบบสาเรจ็ รูป (Theme) อยใู นแท็บใด กลุ่มใด? ก. แทบ็ Design กลมุ่ Theme ข. แทบ็ Home กลมุ่ Theme ค. แทบ็ Theme กลมุ่ Select ง. แท็บ Theme กลมุ่ Design

44 3. ข้อใดเป็นองคป์ ระกอบในการตกแต่งใน Theme ที่มีอยู่ใน PowerPoint? ก. Theme Fonts ข. Theme Effects ค. Background Style ง. ถูกทกุ ข้อ 4. Shading เปน็ รูปแบบการตกแตง่ ตารางอย่างไร ก. ใส่สพี ้ืนแบบโปรง่ ใส ข. สรำ้ งสีหัวคอลัมน์ใหเ้ ด่นขน้ึ ค. ใส่สีพนื้ แบบกาหนดสีท่ตี ้องการ ง. ใช้สพี ้นื แบบคอลมั น์สลบั คอลัมน์ 5. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบหลักของการแสดงกราฟใน PowerPoint ? ก. แกน x และแกน y ข. รปู แสดงกรำฟแท่ง ค. Data Series หรือชุดของข้อมลู ง. Legend หรือคาอธิบาย 6. ขอ้ ใดตอ่ ไปนีก้ ล่าวถูกต้อง ? ก. การจัดทาข้อมูลท่ีเป็นกราฟสถติ ติ า่ งๆ ไมจ่ าเปน็ ท่จี ะต้องแก้ไขข้อมลู ใหม่ ข. เม่อื ทำกำรแก้ไขข้อมลู ในช่องของตำรำงกรำฟจะทำกำรเปลี่ยนแปลงรปู ตำมข้อมลู ใหม่ ค. เม่ือทาการแกไ้ ขข้อมลู กราฟกจ็ ะยงั คงรูปแบบเดิมไม่เปล่ียนแปลง นอกเสยี จากสร้างใหม่ ง. ถกู ท้งั ข้อ ก และ ข 7. รปู แบบชนดิ ของกราฟแบบ Column มลี ักษณะคลา้ ยข้อใดมากท่ีสดุ ? ก. แบบ Area ข. แบบ Pie ค. แบบ Line ง. แบบ Bar 8. ในการเพ่ิมสีสนั ใหก้ ับกราฟท้ังลักษณะเส้น ความกว้างของเส้น และสีของรปู กราฟ สามารถเลือกได้ ท่ใี ด ? ก. Option ข. Edit ค. Patterns ง. Data Labels 9. ข้อใดเป็นสว่ นประกอบของกราฟที่จะเห็นไดเ้ ฉพาะในกราฟ 3 มิติเทา่ นน้ั ก. Walls ข. Legend ค. Gridline ง. Guideline

45 10. Legend คอื อะไร ข. เสน้ กรดิ ก. พืน้ ทีผ่ ิวดา้ นข้าง ง. คาอธิบายแกนกราฟ ค. คำอธิบำยกรำฟ ตอนที่ 2 จงตอบคาํ ถามต่อไปนี้ ลงในช่องว่างท่ีกาํ หนดให้ 1. สว่ นประกอบหลักของกราฟ มีอะไรบ้าง ? แกน X แกน Y Data Series หรอื ชดุ ของข้อมูล Legend หรือ คำอธิบำยกรำฟ 2. คาสง่ั ใดที่ชว่ ยปรับความสงู และความกว้างของแถว/คอลัมน์ให้เท่ากนั ? Distribute Rows ปรบั ควำมสงู ของแถวให้เท่ำกนั Distribute Columns ปรับควำมกวำ้ งของคอลัมน์ใหเ้ ทำ่ กัน 3. หากต้องการเปลี่ยนชนดิ ของกราฟจะตอ้ งทาอย่างไรบ้างอธบิ าย ? 1. เลอื กลกู ศรไปดับเบลิ คลิกท่กี รำฟ จะเกิดกรอบล้อมรอบกรำฟ และเขำ้ โปรแกรม Microsoft Graph ใหโ้ ดยอัตโนมตั ิ 2. เลือกคำส่งั Chart>Chart Type.. (แผนภูม>ิ =ชนดิ แผนภมู ิ) 3. คลิกเมำส์ทแ่ี ทบ็ Standard Types เพ่ือเลิกรปู แบบสไตลก์ รำฟมำตรฐำน 4. คลิกเมำส์เลือกประเภทของสไตล์กรำฟ จะปรำกฏรูปแบบกรำฟในสไตลใ์ หเ้ ลือก 5. คลิกเมำสเ์ ลือกสไตล์กรำฟ 6. คลกิ เมำสป์ ุ่ม Press and Hold to view Sample ค้ำงไว้เพือ่ ดูภำพตัวอย่ำง 7. คลิกเมำสป์ ุ่ม OK 8. หลังจำกนน้ั จะปรำกฏรูปกรำฟตำมแบบทเี่ ลือกไว้

46 4. ในการตกแต่งรูปกราฟมกี ารตกแต่งอะไรบา้ ง พร้อมทั้งอธิบายวธิ กี ารมาพอสังเขป ? กำรใสเ่ ส้นกำหนด และคำอธิบำยกรำฟน้ันจะช่วยใหเ้ รำอ่ำนขอ้ มูลได้เข้ำใจดีขนึ้ และเรำสำมำรถทำ กำรใส่เสน้ กำหนดและคำอธบิ ำยกรำฟได้ดงั นี้ 1. เลอื่ นเมำส์ไปดับเบิลคลิกท่ีกรำฟ จะเกดิ กรอบลอ้ มรอบกรำฟ และเขำ้ โปรแกรม Microsoft Graph ให้โดยอัตโนมัติ 2. คลกิ เมำสป์ ุ่ม สำหรบั ใส่เสน้ เพ่อื ชว่ ยในกำรดูประเภทขอ้ มูล 3. กำรเพิ่มสสี ันใหก้ ับกรำฟ สำหรบั กรำฟท่ีมขี ้อมูลและตวั แปรจำนวนทม่ี ำกขน้ึ นัน้ จะทำใหก้ ำรอ่ำนข้อมูลดูแล้วเขำ้ ใจยำก แตเ่ รำ สำมำรถตกแต่งในแต่ละสว่ นของกรำฟได้ เช่น ขนำดของเส้นกรำฟ สีของแท่งกรำฟ กำหนด Lable เปน็ ต้น ซึง่ ชว่ ยให้กำรอำ่ นและควำมเข้ำใจในข้อมลู นั้นง่ำยขึ้น โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. เลือกกรำฟโดยดบั เบลิ คลิกท่กี รำฟ ซ่ึงจะเป็นกำรเข้ำโปรแกรม Microsoft Graph 2. เล่อื นลกู ศรไปยงั ตำแหน่งของกรำฟที่จะแก้ไข เชน่ แท่งกรำฟแท่งใดแท่งหน่ึงแล้วดบั เบิลคลิก 3. แก้ไขรปู แบบของกรำฟใน Format Data Series ไดอะล๊อกบ๊อกซ์ เช่น สี เสน้ ขอบ 4. คลิกเมำสป์ ุ่ม OK 5. ผลลัพธ์สขี องแท่งกรำฟจะเปล่ียนเปน็ สีทไ่ี ด้แกไ้ ขใหม่ 5. การตกแตง่ ตารางด้วยรูปแบบสาเร็จรปู มขี ้นั ตอนอยา่ งไร เลอื กสว่ นที่ต้องกำรใส่สีไดจ้ ำกกลุ่มคำสัง่ Table Style Options และเลือกรูปแบบของชดุ สไี ด้ จำกกล่มุ คำสั่ง Table Styles

47 แผนจัดการเรียนรู้วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 ชัน้ ปวช. สัปดาห์ที่ 12- หน่วยท่ี 7 เรอ่ื ง ใสป่ ระยุกตโ์ ปรแกรมนําเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์ 13 เวลา 6 ชวั่ โมง 1. สาระสําคญั การใส่เอฟเฟ็กต์จะช่วยเพมิ่ ลูกเล่นในการแสดงวัตถตุ ่างๆ ทน่ี าเสนอออกมาใหเ้ คลื่อนไหว หรือมีเสียง ประกอบ ซึ่งทาให้ดูต่ืนเต้น และชวนน่าติดตามมากย่ิงข้ึน นอกจากน้ียังสามารถควบคุมการแสดง ข้อความตามลาดับหัวข้อ และแสดงกราฟตามชุดของข้อมูล ซ่ึงช่วยให้ผู้ชมดูเน้ือหาแล้วเข้าใจเป็น อย่างดี 2. ผลการเรียนท่คี าดหวัง 1. รูปแบบของการใสเ่ อฟเฟก็ ตใ์ นงานนาเสนอ 2. เอฟเฟก็ ต์เคล่ือนที่ภาพไปตามเสน้ ไกด์ 4. กิจกรรมการเรียนรู้

48 กิจกรรมครู กิจกรรมนกั เรยี น ขน้ั นาํ เขา้ ส่บู ทเรยี น 1. ใหค้ วามร่วมมอื กับครใู นการตรวจสอบ 1. ตรวจสอบรายชอ่ื นักศกึ ษาที่เข้าเรยี น 2. ค้นคว้า เก่ียวกับการใส่เอฟเฟคต์ให้กับงาน 2. ให้นักศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับการใส่เอฟเฟคต์ นาเสนอ ใหก้ ับงานนาเสนอ 3. รว่ มสนทนาและแสดงความคดิ เหน็ ขั้นดําเนนิ การสอน 1. บอกจุดประสงค์การเรียน 1. ฟงั ทาความเขา้ ใจและซกั ถาม 2. บรรยาย อธิบาย ยกตัวอย่าง แสดงวิธีการ 2. แบง่ กลมุ่ ปฎิบัติในแต่ ละหัวข้อการเรียนและให้ 3. ฟัง ทาความเขา้ ใจและปฎิบตั ติ าม นักศึกษาปฎิบัติไปพร้อมกนั 4. ผเู้ รยี นซกั ถามขอ้ สงสัยและจดบันทึก 3. ครูบอกวิธีการและแนวคิดในการปฏบิ ตั ิที่ 5. รบั การประเมนิ ถูกต้องใหแ้ กผ่ เู้ รยี น 4. ประเมนิ พฤติกรรมรายบคุ คลโดยครูจะ ซกั ถามในแต่ละคน ขน้ั สรปุ ( 30 นาท)ี 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปสาระสาคญั 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปสาระสาคญั 2. นักเรยี นสอบถามข้อสงสัย 2. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสัย 3. ฟงั และจดบันทึก 3. มอบหมายใหไ้ ปหดั ทาและศกึ ษาเพ่ิมเติม 4. ทาแบบทดสอบท้ายบท 4. ทาแบบทดสอบ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ กอ่ นเรยี น 1. ค้นควา้ เกีย่ วกับการใส่เอฟเฟคตใ์ หก้ บั งานนาเสนอ ขณะเรยี น 1. ผเู้ รียนรว่ มกนั ศึกษาเน้อื หาตามกลุ่มแล้วตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ 2. ตง้ั ใจฟังการอธบิ าย และแนะนาจากครู 3. ทาใบงานและฝกึ หัด

49 4. ร่วมกันเฉลยใบงานและแบบฝกึ หดั 5. จดบันทกึ เทคนคิ แนวการทเ่ี ป็นประโยชนต์ ่อผู้เรียน จากขอ้ แนะนาของครูผสู้ อน 6. ผู้เรยี นซักถามในหัวขอ้ ที่สงสัยในเน้ือหาการเรยี นรู้ 7. ผเู้ รยี นสรปุ ความรู้ท่ีไดจ้ ากการเรียนการสอน 6. ส่ือการเรยี นการสอน 1. หนงั สือเรียนวิชา คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ 2. ใบความรู้ประจาหน่วย 3. ใบงานและแบบฝึกหดั 4. เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 5. แผ่นใสและเครอื่ งฉายภาพขา้ มศรี ษะ 6. ซดี ีสื่อการสอน 7. วดั ผลประเมนิ ผล 1. ผเู้ รียนปฏิบัตภิ าระงานทม่ี อบหมายเสรจ็ ทันเวลาทีก่ าหนด 2. ตอบคาถามและสรุปผลงานไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 3. ทาแบบฝกึ หดั หลงั เรยี นเสร็จทนั เวลาท่ีกาหนดและถูกต้อง 4. สนใจกระตอื รอื ร้นในการเรยี นรู้ ตอบคาถาม สรุปสาระการเรยี นรู้ และกล้าแสดงความคดิ เห็น 5. มคี วามพยายามปรบั ปรุงแกไ้ ขใบงานและแบบฝึกหัดให้ถกู ต้องแล้วนาสง่ ครผู ู้สอน 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ถ้าผู้เรียนมีการเตรียมตัวในการเรียนที่ดี เช่น อ่าน และทาการศึกษาหนังสือเก่ียวกับหน่วยการ เรียนมากก่อน ถึงชั่วโมงเรยี น ผู้เรียน จะสามารถเรยี น และทากจิ กรรมต่าง ๆ ท่ีครูผู้สอนมอบหมาย ได้อย่าง มีความสุข และเกดิ ความชอบ และสนุกกบั การเรยี นในช้นั เรียน 2. ผู้เรยี นต้องมีความขยัน หมนั่ ฝกึ ฝนบทเรียนอยู่เสมอท้ังก่อนและหลังเรยี น 3. ผู้เรยี นต้องมคี วามกล้าทจี่ ะถามเมือ่ สงสยั ทงั้ ในหอ้ งและนอกห้องเรียนกบั ครูผสู้ อน เฉลยแบบฝกึ หดั หนว่ ยท่ี 7 ตอนท่ี 1 จงทาํ เครอื่ งหมายวงกลม หน้าขอ้ ทีถ่ ูกต้องท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว 1. ข้อใดคอื ประโยชนข์ องการสร้างเทคนิคให้กบั สไลดม์ ากท่สี ดุ ? ก. เพ่อื ให้งำนนำเสนอดูน่ำสนใจมำกข้ึน ข. เพือ่ ให้งานนาเสนอมคี วามเล็กกระทดั รดั ค. เพอื่ สร้างงานนาเสนอให้ดีและประหยัดพ้ืนที่ ง. เพือ่ สร้างงานนาเสนอให้เกิดประโยชน์ในการใชส้ อย

50 2. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถูกต้อง? ก. สามารถกาหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟ็กต์ได้ ข. สามารถใส่เสยี งประกอบการแสดงเอฟเฟ็กต์ได้ ค. PowerPoint ใส่เอฟเฟ็กตก์ ำรเคลอื่ นไหวไดเ้ ฉพำะกับข้อควำม และภำพเท่ำนนั้ ง. PowerPoint สามารถกาหนดการเคลื่อนไหวให้กับวัตถุดว้ ยเทคนคิ ท่ีมีอยู่แลว้ ในโปรแกรม 3. การใสเ่ อฟเฟคเปลย่ี นหนา้ สไลด์ควรทางานในมุมมองใด? ก. Slide View ข. Slide Show ค. Slide Sorter View ง. Normal View 4. ข้อใด คอื ความสามารถของคาส่ัง Transition Schemes? ก. กาหนดเอฟเฟ็กตใ์ นการเปล่ียนหน้าสไลด์ ข. กาหนดเอฟเฟ็กตส์ ร้างการเคล่ือนไหวให้กบั กราฟ ค. กาหนดเอฟเฟ็กตใ์ ห้กับแต่ละวัตถุในสไลดด์ ้วยตัวเอง ง. กำหนดเอฟเฟ็กต์ให้กับแต่ละวตั ถุในสไลด์ด้วยรปู แบบสำเรจ็ รปู 5. ในการกาหนดเอฟเฟคให้กับข้อความโดยใช้คาส่งั Hide After Animation หมายถงึ ? ก. เมอื่ มีกำรแสดงให้ทำกำรซ่อนข้อควำมน้ัน ข. เม่ือมีการแสดงคร้งั ต่อไปให้ซ่อนข้อความนัน้ ค. เมอื่ มีการแสดงไม่ต้องทาอะไรกับข้อความนน้ั ง. เมือ่ มกี ารแสดงการเคลอื่ นไหวคร้งั ตอ่ ไปใหแ้ สดงขอ้ ความน้นั 6. ในช่อง Animate Text การกาหนดคาสัง่ By Word หมายถงึ ? ก. แสดงขอ้ ควำมทลี ะคำ ข. แสดงข้อความทลี ะตวั อักษร ค. แสดงข้อความออกมาแบบบางมาเข้ม ง. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหัวข้อทัง้ หมดพร้อมกัน