คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ หนังสือ

The store will not work correctly in the case when cookies are disabled.

หนังสือ คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (ปกอ่อน)

5257636

สามารถใช้เป็นหนังสือประกอบการเรียนการสอนในหมวดวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ซึ่งโปรแกรมที่ใช้สอนในเล่มเป็นเวอร์ชันล่าสุด อธิบายเข้าใจง่ายและสอนการใช้อย่างเป็นขั้นตอน

รายละเอียดเพิ่มเติม

เนื้อหาในหนังสือ คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหา 8 บท ได้แก่ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบปฏิบัติการ Windows 10 การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ การใช้โปรแกรมตารางคำนวณ การใช้โปรแกรมการนำเสนอผลงาน การใช้อินเทอร์เน็ตสืบค้นข้อมูล การใช้อีเมลเพื่อการสื่อสาร และจริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต สามารถใช้เป็นหนังสือเสริมบทเรียน ใช้ประกอบการเรียนการสอนในหมวดวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ซึ่งโปรแกรมที่ใช้สอนในเล่มเป็นเวอร์ชันล่าสุด (Windows 10, Office 2016 และ 365) อธิบายเข้าใจง่ายและสอนการใช้อย่างเป็นขั้นตอน ท้ายบทมีแบบฝึกหัด พร้อมเฉลยในแต่ละบทอีกด้วย

สารบัญ
บทที่ 01 คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Computer and Information Technology)
บทที่ 02 ระบบปฏิบัติการ Windows 10
บทที่ 03 การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ (Microsoft Word 2016)
บทที่ 04 การใช้โปรแกรมตารางคำนวณ (Microsoft Excel 2016)
บทที่ 05 การใช้โปรแกรมการนำเสนอผลงาน (Microsoft PowerPoint 2016)
บทที่ 06 การใช้อินเทอร์เน็ตสืบค้นข้อมูล
บทที่ 07 การใช้อีเมลเพื่อการสื่อสาร
บทที่ 08 จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต

รายละเอียดหนังสือ
ผู้เขียน : ธัชชัย จำลอง
ISBN : 9786160833337 (ปกอ่อน) 320 หน้า
ขนาดรูปเล่ม : 170 x 220 x 14 มม.
น้ำหนัก : 445 กรัม
เนื้อในพิมพ์ : 2 สี
ชนิดกระดาษ : กระดาษปอนด์
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น, บมจ.
เดือนปีที่พิมพ์ : --/2018

ข้อมูลสินค้า

ข้อมูลสินค้า

ISBN 9.79E+12

ชื่อศิลปิน/ ชื่อ ผู้แต่ง / ค่าย ธัชชัย จำลอง

ชื่อผู้แปล 0

ชื่อสำนักพิมพ์ ซีเอ็ดยูเคชั่น, บมจ.

ขนาด 170 x 220 x 14 มม.

จำนวนหน้า 320

ชนิดปก ปกอ่อน

เนื้อในพิมพ์ ขาว-ดำ

คะแนนสินค้า และ รีวิว

สินค้าที่คล้ายกัน

ฟรีค่าจัดส่งเมื่อสั่งซื้อครบ 599 บาท

คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ หนังสือ

การห่อบับเบิ้ล 3 ชั้น เพื่อการป้องระหว่างขนส่ง

การันตีสินค้าของแท้

คืนสินค้าได้ภายใน 14 วัน

แผนการจดั การเรยี นรู้ มุง่ เนน้ สมรรถนะอาชีพ
รหัสวิชา 20001 – 2001

วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี
หลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) พทุ ธศกั ราช 2562

จดั ทาโดย
นางสุวมิ ล อกั ษรกลาง

แผนกวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ
วิทยาลยั เทคนคิ สว่างแดนดนิ
สานักงานคะะกรรมการการอาชวี ศกกษา กระทรวงศกก ษาธกิ าร

แผนการจดั การเรยี นรู้ มุง่ เนน้ สมรรถนะอาชีพ
รหัสวิชา 20001 – 2001

วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี
หลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) พทุ ธศกั ราช 2562

จดั ทาโดย
นางสุวมิ ล อกั ษรกลาง

แผนกวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ
วิทยาลยั เทคนคิ สว่างแดนดนิ
สานักงานคะะกรรมการการอาชวี ศกกษา กระทรวงศกก ษาธกิ าร

แบบคาขออนุมัติใช้แผนจัดการเรยี นรู้
ม่งุ เน้นสมรรถนะอาชพี

รหสั 20001 – 2001 วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี

ลงชือ่ ..............................................
(นางสุวมิ ล อกั ษรกลาง)
ตาแหนง่ ครู ค.ศ.2
ผจู้ ดั ทา

ความเห็นหวั หน้าแผนกวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ ความเหน็ หวั หน้างานพฒั นาหลักสตู ร

ลงช่ือ............................................ ลงชือ่ .........................................
(นางสุกญั ญา ดนัยสวสั ดิ์) (นายคมุ ดวง พรมอนิ ทร)์

ตาแหนง่ หัวหนา้ แผนกวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ หวั หน้างานพัฒนาหลักสตู รการเรียนการสอน

ความเหน็ รองผู้อานวยการฝ่ายวชิ าการ

ลงชื่อ........................................
(นายทินกร พรหมอินทร์)
รองผูอ้ านวยการฝา่ ยวชิ าการ

อนุมตั ิ ไม่อนุมัติ

ลงช่อื ....................................
(นางวรรณภา พ่วงกุล)

ผู้อานวยการวทิ ยาลยั เทคนิคสวา่ งแดนดนิ

คานา

เอกสารประกอบการสอนเล่มน้ี จัดทาขึ้นโดยมจี ุดมุ่งหมายเพ่ือเป็นเอกสารประกอบการสอน
วิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 ตามหลักสูตร
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงได้มีการวิเคราะห์สาระการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์รายวิชา
สมรรถนะรายวชิ าและคาอธิบายรายวิชา

เนื้อหาสาระการเรียนรู้ภายในเอกสารประกอบการสอนน้ี มีทั้งหมด 11 หน่วย ได้แก่ การใช้
คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ การใช้ระบบปฏิบัติการ การใช้โปรแกรมประมวลผลคาเพ่ือจัดทา
เอกสาร การใช้โปรแกรมตารางาน การใช้สูตรคานวณ การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน การประยุกต์
โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟก็ ต์ การใช้อนิ เทอร์เนต็ เพ่อื สืบค้นข้อมูล การสือ่ สารขอ้ มลู และสารสนเทศ
ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้คอมพิวเตอร์อย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ
ประเมินผล ในแต่ละหน่วยประกอบด้วยโครงการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบหลังเรียน
ใบเนือ้ หา/ใบความรู้ แบบฝึกหดั ท้ายบท เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน บรรณานุกรมและภาคผนวก

หวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารประกอบการสอนวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือ
งานอาชีพ ที่ผู้เรียบเรียงจัดทาขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอน ในวิชานี้และนาไปเป็นแบบอย่างใน
การจัดทาวชิ าอนื่ ต่อไป หากมขี อ้ เสนอแนะใด ๆ ผู้เรยี บเรียงนอ้ มรบั ดว้ ยความยนิ ดีอย่างย่ิง

ลงชอื่ ........................................
(นางสวุ ิมล อกั ษรกลาง)
ครูผ้สู อน

สารบัญ หนา้

เรื่อง ข
คานา ค
สารบญั ง
รายละเอียดของหลักสูตรรายวิชา
ตารางที่ 1 วเิ คราะหห์ ลักสูตรและระดบั ความสาคัญของหน่วยการเรยี นรแู้ ละเวลา จ
จดั การเรยี นรู้ ฉ
ตารางที่ 2 วเิ คราะห์หน่วยการเรียนรู้และเวลาทใ่ี ชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ ช
ตารางท่ี 3 วเิ คราะห์หัวขอ้ การเรยี นรแู้ ละเวลาท่ใี ชใ้ นการจัดการเรียนรู้
ตารางท่ี 4 วิเคราะหจ์ ดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมกบั หวั ข้อการเรยี นรู้และเวลาจดั การ 1
เรยี นรู้ 21
แผนการจดั การเรียนรู้ 43
58
หน่วยท่ี 1 เร่ือง การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ 89
หน่วยที่ 2 เรอ่ื ง ระบบปฏบิ ัติการ 139
หน่วยที่ 3 เรอ่ื ง การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาเพ่อื จดั ทาเอกสาร 172
หน่วยที่ 4 เรื่อง การใช้โปรแกรมตาราง 191
หนว่ ยท่ี 5 เรื่อง การใชส้ ตู รคานวณ 228
หน่วยท่ี 6 เรือ่ ง การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน 252
หน่วยท่ี 7 เรื่อง การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ 274
หน่วยท่ี 8 เรื่อง การใช้อินเตอร์เนต็ เพื่อสบื ค้นข้อมูล
หน่วยท่ี 9 เรื่อง การสอื่ สารข้อมลู สารสนเทศ
หนว่ ยท่ี 10 เรือ่ ง ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
หน่วยท่ี 11 เรอ่ื ง การใช้คอมพวิ เตอร์อย่างมีจรยิ ธรรมและความรับผดิ ชอบ
บรรณานุกรม

รายละเอยี ดของหลักสตู รรายวิชา

หลักสตู ร ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2562 ประเภทวชิ า พาณิชยกรรม

รหัสวชิ า 20001 – 2001 ชือ่ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

ทฤษฎี 1 ช่ัวโมง/สัปดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ

จดุ ประสงคร์ ายวิชา
1. เข้าใจหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ

การใช้ระบบปฏิบตั ิการ โปรแกรมสาเรจ็ รปู และอินเทอรเ์ นต็ เพอื่ งานอาชีพ
2. สามารถใช้ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสาเร็จรูปและเทคโนโลยีสารสนเทศ

ตามลกั ษณะงานอาชีพ
3. มีคุณธรรม จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศใน

งานอาชีพ

สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเ ทศ

ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมสาเร็จรปู และอินเทอรเ์ นต็ เพอ่ื งานอาชพี
2. ใช้ระบบปฏิบัติการในการจัดสภาพแวดล้อมและจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ บนเครื่อง

คอมพิวเตอร์
3. ใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปในงานอาชีพตามลกั ษณะงาน
4. สบื คน้ ข้อมูลสารสนเทศในงานอาชีพโดยใช้อินเทอรเ์ นต็

คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับ การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ การใช้

ระบบปฏิบัติการ (Windows หรือ Mac OS) การใช้โปรแกรมประมวลผลคาเพ่ือจัดทาเอกสารในงาน
อาชีพ การใช้โปรแกรมตารางทาการเพือ่ การคานวณในงานอาชพี การใช้โปรแกรมการนาเสนอผลงาน
หรือการใช้โปรแกรมสาเร็จรูปอ่ืน ๆ ตามลักษณะงานอาชีพ การใช้อินเทอร์เน็ตเพ่ือสืบค้นและส่ือสาร
ข้อมูลสารสนเทศในงานอาชีพ ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จริยธรรมและความ
รบั ผิดชอบในการใชค้ อมพวิ เตอร์และสารสนเทศในงานอาชีพ

ตารางที่ 1 วิเคราะห์หลักสูตรและระดับความสาคัญของหน่วยการเรยี นรูแ้ ละเวลาจัดการเรยี นรู้

รหสั วชิ า 20001 – 2001 ช่ือวชิ า คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ

ทฤษฎี 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชัว่ โมง/สัปดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกิต

พุทธพิ ิสัย (%) ทักษะ จิต รวม ลาดบั

พฤติกรรม พสิ ัย พสิ ยั ความ

ความจา (%) (%) สาคัญ
ความเข้าใจ
ช่ือหนว่ ย นาไปใช้
ิวเคราะห์
ัสงเคราะห์
ประเมินค่า

10 10 10 10 10 10 20 20

1. การใช้คอมพิวเตอรแ์ ละระบบ 6 8 8 - - - - 20 42 10

สารสนเทศ

2. การใชร้ ะบบปฏิบตั กิ าร 5 6 4 4 - - 15 20 54 6

3. การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา 7 7 8 4 - - 16 20 62 3

4. การใชโ้ ปรแกรมตาราง 6 7 8 3 - - 15 20 59 4

5. การใช้สูตรคานวณ 9 10 10 8 - - 18 20 75 2

6. การใชโ้ ปรแกรมนาเสนอผลงาน 8 7 8 5 7 5 18 20 78 1

7. การประยุกตโ์ ปรแกรมนาเสนอ 5 6 6 8 7 6 20 20 78 1

ดว้ ยเอฟเฟ็กต์

8. การใชอ้ ินเทอร์เน็ตเพื่อสืบคน้ 3 3 7 5 - - 13 20 51 7

ข้อมลู

9. การสอ่ื สารข้อมลู สารสนเทศ 6 5 8 3 - - 14 20 56 5

10. ผลกระทบของการใช้ 5 4 5 5 2 6 - 20 47 9

เทคโนโลยีสารสนเทศ

11. การใช้คอมพิวเตอรอ์ ย่างมี 5 4 9 5 - 6 - 20 49 8

จรยิ ธรรมและความรับผดิ ชอบ

รวม 65 67 81 50 16 23

ลาดบั ความสาคญั 321465

กาหนดนา้ หนักความสาคัญของแต่ละพฤติกรรม ชอ่ งละ 10 คะแนนโดยมีระดับความสาคญั ดังนี้

สาคญั ทีส่ ดุ 9 – 10 คะแนน

สาคญั มาก 7 – 8 คะแนน

สาคัญปานกลาง 4 – 6 คะแนน

สาคญั นอ้ ย 2 – 3 คะแนน

ไม่สาคัญ / สาคัญน้อยที่สุด 0 – 1 คะแนน

ตารางวิเคราะห์หลกั สตู ร

ตารางท่ี 2 การวเิ คราะห์หน่วยการเรียนรู้และเวลาท่ีใช้ในการจดั การเรยี นรู้

รหัสวิชา 20001 – 2001 ชอื่ วชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ

ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ปฏบิ ัติ 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ

หน่วยท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ สปั ดาห์ที่ ชั่วโมงท่ี

1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ 1 1-3

2 การใช้ระบบปฏิบตั ิการ 2 4-6

2 การใช้ระบบปฏบิ ัติการ 3 7-9

3 การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา 4 10-12

4 การใชโ้ ปรแกรมตาราง 5 13-15

4 การใช้โปรแกรมตาราง 6 16-18

5 การใชส้ ตู รคานวณ 7 19-21

5 การใช้สตู รคานวณ 8 22-24

5 การใชส้ ูตรคานวณ 9 25-27

6 การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน 10 28-30

6 การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน 11 31-33

7 การประยุกต์โปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ 12 34-36

8 การใช้อนิ เทอรเ์ นต็ เพ่ือสืบคน้ ข้อมลู 13 37-39

8 การใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ เพื่อสืบคน้ ขอ้ มูล 14 40-42

8 การใช้อนิ เทอร์เน็ตเพื่อสบื คน้ ขอ้ มลู 15 43-45

9 การสื่อสารข้อมูลสารสนเทศ 16 46-48

10 ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 17 49-51

11 การใชค้ อมพิวเตอรอ์ ย่างมจี ริยธรรมและความรบั ผดิ ชอบ 18 52-54

รวม 18 54

ตารางท่ี 3 การวิเคราะห์หัวข้อการเรียนร้ขู องแตล่ ะหน่วยการเรยี นรู้และเวลาจดั การเรียนรู้

รหัสวิชา 20001 – 2001 ชื่อวิชา คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ

ทฤษฎี 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชัว่ โมง/สัปดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ

สัปดาห์ หน่วย ชื่อหน่วยการเรียนรู้/หวั ข้อการเรยี นรู้ เวลาจัดการเรยี นรู้

ที่ ที่ ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม

(ชม.)

1 1 การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ 1 23

2 2 การใช้ระบบปฏิบัติการ 1 23

3 2 การใชร้ ะบบปฏิบัติการ 1 23

4 3 การใช้โปรแกรมประมวลผลคา 1 23

5 4 การใช้โปรแกรมตาราง 1 23

6 4 การใช้โปรแกรมตาราง 1 23

7 5 การใชส้ ูตรคานวณ 1 23

8 5 การใชส้ ูตรคานวณ 1 23

9 5 การใชส้ ูตรคานวณ 1 23

10 6 การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน 1 23

11 6 การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน 1 23

12 7 การประยุกตโ์ ปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์ 1 23

13 8 การใช้อนิ เทอรเ์ นต็ เพื่อสืบคน้ ขอ้ มลู 1 23

14 8 การใช้อนิ เทอร์เน็ตเพ่ือสืบคน้ ข้อมลู 1 23

15 8 การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสบื คน้ ข้อมลู 1 23

16 9 การสื่อสารข้อมูลสารสนเทศ 1 23

17 10 ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 1 23

18 11 การใช้คอมพิวเตอร์อย่างมจี ริยธรรมและความ 1 2 3

รบั ผดิ ชอบ

รวม 18 36 54

ตารางที่ 4 การวเิ คราะห์จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมก

รหัสวชิ า 20001 – 2001 ชอ่ื วชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี ท

หนว่ ยท่ี 1 การใช้คอมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศ

หัวขอ้ การเรียนรู้ จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (ด้านความ
1. ความหมายของคอมพิวเตอร์ 1. บอกความหมายของคอมพิวเตอรไ์ ด้
2. คอมพวิ เตอร์ยคุ ใหม่ 2. บอกลกั ษณะของคอมพวิ เตอรย์ ุคใหม่ได้
3. ความหมายของระบบสารสนเทศ 3. บอกความหมายของระบบสารสนเทศได้
4. ลกั ษณะสารสนเทศท่ดี ี 4. บอกลักษณะของสารสนเทศท่ดี ีได้

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ด้านทักษ
1. องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ 1. อธบิ ายองค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ได้
2. หลักการทางานของคอมพิวเตอร์ 2. อธิบายหลกั การทางานของคอมพิวเตอร์ได
3. องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ 3. อธิบายองคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศไ
4. ตัวอย่างสารสนเทศในงานอาชีพ 4. ยกตัวอย่างสารสนเทศในงานอาชีพได้

มรู)้ ความจา กบั หัวข้อการเรยี นรูแ้ ละระดับพฤตกิ รรมท่ีตอ้ งการ
√ ความเข้าใจ
√ นาไปใช้ ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ช่วั โมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกิต
√ วิเคราะห์
√ สงั เคราะห์
ประเมนิ คา่
ษะ) การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
ด้ การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
ได้ การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้ พทุ ธพิ สิ ยั

√ การตอบสนอง ดา้ นทกั ษะพิสัย
√ การเหน็ คุณคา่
√ ดา้ นจติ พสิ ยั
√ การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน
√√
√√
√√
√√

ตารางที่ 4 (ตอ่ ) การวเิ คราะห์จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกร

รหสั วิชา 20001 – 2001 ชอื่ วชิ า คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี ท

หนว่ ยท่ี 2 การใชร้ ะบบปฏิบตั กิ าร

หัวข้อการเรยี นรู้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม (ด้านความรู้)
1. ความหมายของระบบปฏิบัติการ 1. บอกความหมายของระบบปฏบิ ตั กิ ารได้
2. ประเภทของระบบปฏิบัติการ 2. บอกประเภทของระบบปฏิบัตกิ ารได้
3. ระบบปฏิบตั กิ ารที่นยิ มใช้ในปัจจบุ นั 3. อธิบายลกั ษณะของระบบปฏบิ ัติการทน่ี ยิ มใช้ในป

รายการทักษะ (Skill) จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ด้านทักษะ)
1. ระบบปฏิบัติการ Windows 1. สามารถใช้งานระบบปฏิบัตกิ าร Windows เบือ้ ง
2. การเปิดใชง้ าน ติดตัง้ และยกเลิกแอป 2. สามารถเปดิ ใช้งาน ตดิ ตั้ง และยกเลกิ แอปได้
3. ตัง้ ค่าการใชง้ าน 3. สามารถตง้ั ค่าการใช้งานได้
4. การใช้ File Explorer 4. สามารถใช้งาน File Explorer ได้

) ความจา รรมกบั หวั ข้อการเรยี นรูแ้ ละระดบั พฤตกิ รรมที่ตอ้ งการ
√ ความเข้าใจ
√ นาไปใช้ ทฤษฎี 1 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ ปฏิบตั ิ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกิต
วิเคราะห์
ปจั จุบันได้ √ สงั เคราะห์
ประเมนิ คา่
งตน้ ได้ การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา พทุ ธพิ ิสยั
การทาอยา่ งผสมผสาน
√ การทาอย่างอตั โนมตั ิ ดา้ นทกั ษะพสิ ัย
√ การรบั รู้
√ ด้านจิตพิสัย ฌ
การตอบสนอง
√√ การเหน็ คุณคา่
√√
การจัดกระบวนการคดิ
√√ การมลี กั ษณะเฉพาะตน
√√

ตารางท่ี 4 (ตอ่ ) การวิเคราะหจ์ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกร

รหัสวชิ า 20001 – 2001 ชอ่ื วิชา คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ท

หน่วยท่ี 3 การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคาเพอื่ จัดทาเอกสาร

หัวขอ้ การเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (ด้านความ
1. ความสามารถของโปรแกรม Microsoft 1. บอกความสามารถของโปรแกรม Microso
Office Word Word ได้
2. ส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft 2. บอกส่วนประกอบของ Microsoft Office
Office Word
จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทกั ษ
รายการทกั ษะ (Skill) 1. สามารถสร้าง เปิด ปดิ และบนั ทึกเอกสาร
1. สรา้ ง การเปิด ปดิ และบันทึกเอกสาร

มร)ู้ รรมกบั หวั ขอ้ การเรยี นรู้และระดบั พฤตกิ รรมท่ตี อ้ งการ
oft Office
ทฤษฎี 1 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกติ
Word ได้

ษะ)
รได้

√ ความจา
√ ความเข้าใจ
นาไปใช้
วิเคราะห์ พทุ ธิพสิ ัย
สงั เคราะห์
√ ประเมนิ คา่ ด้านทักษะพิสัย
√ การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
√√ การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ ดา้ นจติ พสิ ยั ญ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางท่ี 4 (ตอ่ ) การวเิ คราะห์จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกร

รหสั วชิ า 20001 – 2001 ชอ่ื วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ท

หน่วยที่ 4 การใชโ้ ปรแกรมตาราง

หวั ขอ้ การเรยี นรู้ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (ด้านควา

1. คณุ สมบัตขิ องโปรแกรม Microsoft Office 1.บอกคุณสมบตั ิของโปรแกรม Microsof

Excel Excel ได้

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ด้านทกั

1. กาหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล 1. สามารถกาหนดรปู แบบการแสดงขอ้ มลู

2. กาหนดรปู แบบการแสดงข้อมูล 2. สามารถกาหนดรปู แบบการแสดงข้อมลู

3. ตกแต่งข้อมลู และเสน้ ตาราง 3. สามารถตกแต่งข้อมลู และเส้นตารางได

4. กาหนดรปู แบบการแสดงข้อมลู ตามเง่ือนไข 4. กาหนดรปู แบบการแสดงข้อมูลตามเงอ่ื

5. จัดขอ้ มลู ให้อยกู่ ึ่งกลาง ชดิ ซ้าย ชิดขวาในแตล่ ะ 5. จดั ข้อมลู ให้อยู่กง่ึ กลาง ชดิ ซ้าย ชดิ ขวา

เซลล์ เซลล์ได้

รรมกับหวั ข้อการเรียนรแู้ ละระดบั พฤตกิ รรมท่ตี อ้ งการ

ทฤษฎี 1 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ ปฏิบตั ิ 2 ช่วั โมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ

พทุ ธพิ ิสยั ด้านทักษะพิสัย ดา้ นจิตพิสัย

ความจา
ความเข้าใจ
นาไปใช้
วิเคราะห์
ัสงเคราะห์
ประเ ิมนค่า
การเลียนแบบ
การทาตามแบบ
การทาถูก ้ตองแ ่มนยา
การทาอ ่ยางผสมผสาน
การทาอ ่ยางอัตโนมั ิต
การรับรู้
การตอบสนอง
การเ ็หนคุณ ่คา
การจัดกระบวนการคิด
การ ีมลักษณะเฉพาะตน

ามร)ู้ √
ft Office √
√√
กษะ) √√
ลได้ √√
ลได้
ด้ √√
อนไขได้ √√
าในแต่ละ

ตารางที่ 4 (ต่อ) การวเิ คราะห์จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกร

รหสั วชิ า 20001 – 2001 ชอ่ื วชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี ท

หน่วยท่ี 5 การใชส้ ูตรคานวณ

หวั ขอ้ การเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (ด้านควา

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม (ด้านทกั
1. การใช้สูตรคานวณ 1. ใช้สูตรคานวณได้
2.การแก้ไขสตู รคานวณ 2. แกไ้ ขสูตรคานวณได้
3. การย้ายและคัดลอกสูตร 3. ย้ายและคัดลอกสูตรได้
4. การอา้ งอิงเซลลโ์ ดยใชช้ ื่อหัวคอลัมน์ 4. อา้ งองิ เซลลโ์ ดยใช้ช่ือหัวคอลมั น์ได้
5. คัดลอกสตู รด้วย Autofill 5. คัดลอกสูตรด้วย Autofill ได้
6. ใชส้ ูตรกับขอ้ มลู ท่ีอยู่ตา่ ง Worksheet และ 6. ใช้สตู รกบั ข้อมูลที่อยูต่ ่าง Worksheet
Workbook Workbook ได้

ามรู้) ความจา พทุ ธิพิสยั รรมกบั หวั ขอ้ การเรียนรแู้ ละระดบั พฤตกิ รรมท่ตี อ้ งการ
ความเข้าใจๆ
กษะ) นาไปใช้ ด้านทกั ษะพสิ ยั ทฤษฎี 1 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกติ
√ วเิ คราะห์
√ สังเคราะห์
√ ประเมนิ คา่
√ การเลียนแบบ
√ การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
และ √
การทาอย่างผสมผสาน
การทาอยา่ งอตั โนมตั ิ ดา้ นจิตพิสัย ฏ
การรับรู้

การตอบสนอง
การเห็นคุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะ
ตน

ตารางท่ี 4 (ตอ่ ) การวเิ คราะหจ์ ุดประสงค์เชิงพฤติกร

รหัสวชิ า 20001 – 2001 ชอ่ื วชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี ท

หน่วยที่ 6 การใช้โปรแกรมนาเสนอผลงาน

หัวข้อการเรียนรู้ จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ด้านควา
1. คณุ สมบัตขิ องโปรแกรมนาเสนอ 1. บอกคุณสมบัตขิ องโปรแกรมนาเสนอได
2. รปู แบบของการตกแตง่ หน้าสไลด์ 2. อธิบายรูปแบบการตกแตง่ หน้าสไลดไ์ ด

รายการทกั ษะ (Skill) จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ด้านทัก
1. ตกแตง่ สไลดด์ ว้ ยรูปแบบพ้ืนหลัง 1. ตกแตง่ สไลด์ดว้ ยรูปแบบพ้ืนหลังได้
2. กราฟกับการนาเสนอ 2. ใช้งานกราฟกบั งานนาเสนอได้

ามรู้) ความจา รรมกบั หวั ขอ้ การเรียนรู้และระดบั พฤตกิ รรมทตี่ อ้ งการ
ด้ √ ความเข้าใจๆ
ด้ √ นาไปใช้ ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ
วเิ คราะห์
กษะ) สังเคราะห์
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ พุทธิพสิ ยั
การทาตามแบบ
√ การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา ดา้ นทกั ษะพสิ ยั
√ การทาอย่างผสมผสาน
การทาอย่างอัตโนมัติ
√√ การรบั รู้ ดา้ นจติ พสิ ยั ฐ

การตอบสนอง
การเห็นคณุ คา่

การจดั กระบวนการคิด
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางที่ 4 (ต่อ) การวเิ คราะห์จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกร

รหสั วชิ า 20001 – 2001 ชอื่ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ท

หนว่ ยท่ี 7 การประยกุ ตโ์ ปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟกต์

หัวข้อการเรียนรู้ จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม (ด้านควา

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทัก
1. รูปแบบการใส่เอฟเฟ็กต์ในงานนาเสนอ 1. ใส่เอฟเฟก็ ต์ในงานนาเสนอได้
2. เอฟเฟก็ ตเ์ คล่อื นทภ่ี าพไปตามเส้นไกด์ 2. ใส่เอฟเฟก็ ตเ์ คลอ่ื นทีภ่ าพไปตามเส้นไก

ามรู)้ ความจา พุทธพิ สิ ัย รรมกับหัวข้อการเรยี นรู้และระดบั พฤตกิ รรมท่ีต้องการ
ความเข้าใจๆ
กษะ) นาไปใช้ ด้านทักษะพสิ ยั ทฤษฎี 1 ชัว่ โมง/สัปดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ
√√ วเิ คราะห์
สังเคราะห์ ดา้ นจติ พสิ ยั
กดไ์ ด้ √ √ ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ ฑ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอย่างผสมผสาน
การทาอย่างอัตโนมัติ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเห็นคณุ คา่

การจดั กระบวนการคิด
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางที่ 4 (ตอ่ ) การวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกร

รหสั วิชา 20001 – 2001 ชอื่ วชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี ท

หนว่ ยท่ี 8 การใชอ้ ินเทอร์เน็ตเพอ่ื สืบคน้ ขอ้ มูล

หวั ขอ้ การเรยี นรู้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ด้านควา
1. ความเปน็ มาของอนิ เตอร์เนต็ 1. บอกความเป็นมาของอินเตอรเ์ นต็
2. ความหมายของ Search Engine 2. บอกความหมายของ Search Engine

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม (ด้านทกั
1. ค้นหาข้อมลู ดว้ ย Google 1. สามารถคน้ หาข้อมูลดว้ ย Google ได้
2. คน้ ควา้ ความรู้ด้วย Wikipedia 2. สามารถค้นควา้ ความรดู้ ว้ ย Wikipedia

ามร)ู้ ความจา รรมกับหัวข้อการเรยี นรแู้ ละระดบั พฤติกรรมที่ตอ้ งการ
√ ความเข้าใจๆ
√ นาไปใช้ ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ
วเิ คราะห์
กษะ) สังเคราะห์
ประเมนิ คา่
a ได้ การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา พทุ ธิพิสัย
การทาอย่างผสมผสาน
√√ การทาอย่างอัตโนมัติ ดา้ นทกั ษะพสิ ยั
√√ การรบั รู้
ดา้ นจติ พสิ ยั
การตอบสนอง ฒ
การเห็นคณุ คา่

การจดั กระบวนการคิด
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางท่ี 4 (ต่อ) การวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงค์เชงิ พฤติกร

รหัสวิชา 20001 – 2001 ชอ่ื วชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี ท

หนว่ ยที่ 9 การสือ่ สารขอ้ มลู สารสนเทศ

หวั ข้อการเรียนรู้ จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (ด้านควา

รายการทักษะ (Skill) จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทัก
1. การเปิดอ่าน เปิดไฟล์ท่แี นบมากับอเี มล 1. สามรถเปิดอา่ น เปิดไฟล์ที่แนบมากับอ
2. การตอบกลับอีเมล 2. สามารถตอบกลบั อีเมลได้
3. การสง่ ตอ่ อเี มล 3. การส่งต่ออีเมลได้
4. การสรา้ งจดหมาย 4. สามารถสรา้ งจดหมายได้

ามรู้) รรมกับหวั ข้อการเรียนรแู้ ละระดบั พฤตกิ รรมท่ีต้องการ

กษะ) ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ปฏิบตั ิ 2 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกิต
อเี มลได้

ความจา พทุ ธพิ ิสัย
ความเข้าใจๆ
√ นาไปใช้ ด้านทกั ษะพิสยั
√ วเิ คราะห์
√ สังเคราะห์
√ ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ ดา้ นจิตพิสัย ณ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอย่างผสมผสาน
การทาอย่างอัตโนมัติ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเห็นคณุ คา่

การจดั กระบวนการคิด
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางท่ี 4 (ต่อ) การวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกร

รหสั วชิ า 20001 – 2001 ชอื่ วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี ท

หน่วยท่ี 10 ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ

หวั ข้อการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ด้านควา

1. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศทางบวก 1. อธิบายผลกระทบของเทคโนโลยีสารสน

ทางบวกได้

2. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศทางลบ 2. อธบิ ายผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสน

ลบได้

3. ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นตา่ ง ๆ 3. อธบิ ายผลกระทบของเทคโนโลยีสารสน

ตา่ ง ๆ ได้

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทัก

ามรู)้ รรมกับหัวข้อการเรยี นรแู้ ละระดับพฤติกรรมทีต่ อ้ งการ
นเทศ
ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ปฏิบตั ิ 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกิต
นเทศทาง

นเทศดา้ น

กษะ)

√ ความจา
√ ความเข้าใจๆ
√ นาไปใช้
วเิ คราะห์
สังเคราะห์ พทุ ธพิ สิ ัย
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ ด้านทักษะพสิ ัย
การทาตามแบบ
√ การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา ด้านจิตพิสยั ด
√ การทาอย่างผสมผสาน
√ การทาอย่างอัตโนมัติ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเห็นคณุ คา่

การจดั กระบวนการคิด
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางที่ 4 (ตอ่ ) การวเิ คราะห์จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกร

รหสั วชิ า 20001 – 2001 ชอ่ื วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ท

หน่วยที่ 11 การใชค้ อมพิวเตอร์อย่างมีจรยิ ธรรมและความรบั ผิดชอบ

หัวข้อการเรยี นรู้ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (ด้านควา
1. ความหมายและขอบเขตจริยธรรมสารสนเทศ 1. บอกความหมายและขอเขตจริยธรรมส
ได้
2. การค้มุ ครองสทิ ธสิ ว่ นบคุ คล 2. อธบิ ายเกี่ยวกบั การคมุ้ ครองสทิ ธิสว่ นบ
3. จรยิ ธรรมในการผลิตและจัดเกบ็ เอกสาร 3. มีจริยธรรมในการผลติ และจัดเก็บเอกส
4. จริยธรรมในการเผยแพรแ่ ละนาสารสนเทศไป 4. มจี รยิ ธรรมในการเผยแพร่และนาสารส
ใช้ ใช้
5. จรยิ ธรรมกบั ความมั่นคงปลอดภัยของระบบ 5. มจี รยิ ธรรมกับความม่นั คงปลอดภยั ของ
คอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์

งระบบ √ บุคคลได้ ามร)ู้ รรมกบั หวั ข้อการเรียนร้แู ละระดับพฤติกรรมทต่ี อ้ งการ
สาร สารสนเทศ √
สนเทศไป ทฤษฎี 1 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ช่ัวโมง/สัปดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ

√ ความจา
√ ความเข้าใจๆ
√ นาไปใช้
วเิ คราะห์
สังเคราะห์ พุทธิพสิ ยั
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ ด้านทกั ษะพิสัย
การทาตามแบบ
√ การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา ดา้ นจติ พสิ ยั
√ การทาอย่างผสมผสาน
การทาอย่างอัตโนมัติ
√ การรบั รู้

การตอบสนอง ต
การเห็นคณุ คา่

การจดั กระบวนการคิด
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

1

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 1

รหสั วิชา 20001 - 2001 ช่อื วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี

ช่ือหน่วย การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ จานวน 3 ช่ัวโมง

รายการหวั ข้อการเรียนรู้

1. ความหมายของคอมพวิ เตอร์

2. องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

3. หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์

4. คอมพวิ เตอรย์ ุคใหม่

5. ความหมายของระบบสารสนเทศ

6. องคป์ ระกอบของสารสนเทศ

7. ลักษณะสารสนเทศท่ดี ี

หัวข้อการเรยี นรู้ จุดประสงคก์ ารสอนหรอื จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม

1. ความหมายของคอมพวิ เตอร์ 1. บอกความหมายของคอมพิวเตอรไ์ ด้

2. องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ 2. อธบิ ายองค์ประกอบของคอมพวิ เตอรไ์ ด้

3. หลักการทางานของคอมพิวเตอร์ 3. อธบิ ายหลักการทางานของคอมพิวเตอร์ได้

4. คอมพิวเตอร์ยคุ ใหม่ 4. บอกลกั ษณะของคอมพวิ เตอร์ยุคใหม่ได้

5. ความหมายของระบบสารสนเทศ 5. บอกความหมายของระบบสารสนเทศได้

6. องค์ประกอบของสารสนเทศ 6. อธบิ ายองคป์ ระกอบของสารสนเทศได้

7. ลกั ษณะสารสนเทศที่ดี 7. บอกลกั ษณะของสารสนเทศท่ีดไี ด้

วธิ กี ารสอน : วิธีสอนแบบบรรยายและสาธิต

ส่ือการสอน :

1. หนงั สอื เรียนวิชา คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (20001-2001) ของบรษิ ัท ซัค

เซส มีเดีย จากัด

2. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ กอ่ นเรยี น / หลงั เรียน พร้อมเฉลย

3. Google Classroom

การประเมนิ :

1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบุคคล ต้องไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง

2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ก่อนเรยี นไมม่ เี กณฑ์ผ่าน เก็บคะแนนไว้เปรียบเทยี บกับคะแนนที่

ไดจ้ ากการทดสอบหลังเรยี น

3. แบบสังเกตคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขนึ้ อยกู่ บั การ

ประเมนิ ตามสภาพจริง

2

แผนการจัดการเรียนรู้

ชอ่ื วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001 สอนครง้ั ท่ี 1

หน่วยท่ี 1 ชื่อหน่วย การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ จานวน 3 ชม.

1. หัวข้อการเรยี นรู้
1. ความหมายของคอมพิวเตอร์
2. องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์
3. หลักการทางานของคอมพิวเตอร์
4. คอมพวิ เตอร์ยคุ ใหม่
5. ความหมายของระบบสารสนเทศ
6. องคป์ ระกอบของสารสนเทศ
7. ลักษณะสารสนเทศทด่ี ี

2. สาระสาคญั
ระบบสารสนเทศทดี่ มี สี ่วนช่วยในการทางานของผู้ปฏบิ ตั ิงานอยา่ งมาก ดังนน้ั ปัจจุบันจึงเห็น

ระบบสารสนเทศเกดิ ขน้ึ มากมายในหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชนโดยอาศยั เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์
เข้ามาจดั การกับข้อมลู ในองค์กร เพ่อื ให้บรรลเุ ป้าหมายท่ีต้องการอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

3. สมรรถนะประจาหนว่ ย
แสดงความรู้เกยี่ วกบั องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ หลักการทางานของคอมพิวเตอร์

ลกั ษณะของคอมพวิ เตอร์ องค์ประกอบของสารสนเทศ และลกั ษณะของสารสนเทศท่ีดีได้

4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 จดุ ประสงค์ทว่ั ไป
1. รู้ความหมายของคอมพิวเตอร์
2. เขา้ ใจองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
3. เข้าใจหลกั การทางานของคอมพวิ เตอร์
4. รูล้ กั ษณะของคอมพิวเตอร์ยคุ ใหม่
5. รู้ความหมายของระบบสารสนเทศ
6. เขา้ ใจองคป์ ระกอบของสารสนเทศ
7. รู้ลักษณะสารสนเทศทีด่ ี

3

4.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. บอกความหมายของคอมพวิ เตอร์
2. อธิบายองค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์
3. อธบิ ายหลกั การทางานของคอมพวิ เตอร์
4. บอกลักษณะของคอมพวิ เตอรย์ ุคใหม่
5. บอกความหมายของระบบสารสนเทศ
6. อธบิ ายองคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์
7. บอกลักษณะสารสนเทศที่ดี

5. กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้
ในการเรียนการสอนของหน่วยที่ 1 คร้ังท่ี 1 (จานวน 3 ช่ัวโมง)
1. นกั เรยี นทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ก่อนเรยี น
2. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-6 คน
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มศกึ ษาเนอื้ หาจากในหนังสอื เรียน เรือ่ ง คอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยี

สารสนเทศ
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี นในหัวข้อในหัวขอ้ ต่อไปน้ี
• ความหมายของคอมพวิ เตอร์
• ความหมายของคอมพวิ เตอร์
• องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์
• หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์
• คอมพิวเตอรย์ คุ ใหม่
• ความหมายของระบบสารสนเทศ
• องค์ประกอบของสารสนเทศ
• ลักษณะสารสนเทศที่ดี
5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มค้นคว้าและร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเรือ่ ง การใช้คอมพวิ เตอรก์ บั

ระบบสารสนเทศ โดยสรปุ มาเป็นข้อๆ แล้วสง่ ตวั แทนนาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น
6. นักเรยี นซกั ถามปญั หาข้อสงสัยวิเคราะหเ์ นือ้ หาการเรียนการสอนและหาข้อสรุปเป็น

ความคิด
รวบยอดเพื่อนาไปประยุกตใ์ ช้ตอ่ ไป

7. นักเรียนตรวจการประเมินผล บันทกึ คะแนนท่ไี ด้ ส่งให้ครูตรวจสอบผลการประเมนิ
8. ครูตรวจสอบความถูกต้องและเกบ็ คะแนนไว้เปรยี บเทยี บผลการประเมินหลงั เรียน
9. นักเรยี นทาแบบประเมินการเรยี นร้หู ลังเรียน

4

6. สื่อการจดั การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี นวิชา คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี (20001-2001) ของบริษัท

ซัคเซส มีเดีย จากัด
2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ก่อนเรยี น / หลังเรยี น พร้อมเฉลย

7. การวดั ผลและประเมินผล
วิธวี ัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานกลมุ่
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรกู้ ่อนเรียน
3. การสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอัน

พึงประสงค์
เคร่ืองมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
2. แบบประเมินผลการเรยี นรู้กอ่ นเรยี น/หลงั เรยี น 10 ข้อ
3. แบบสงั เกตคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและ

นักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ
8. แหล่งการเรียนร้เู พ่มิ เติม

1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลัยการอาชพี สวา่ งแดนดนิ
2. อินเทอร์เนต็

5

สัปดาหท์ ี.่ ................

บันทกึ หลงั การสอน

รหสั วิชา..............................วชิ า.............................................................ระดบั ................. ช้นั ปที ่.ี ..........
แผนกวิชา.......................................................จานวนนกั เรียน.................คน มาเรยี น......................คน
ขาดเรยี น.............คน มาสาย...........คน ลา............คน สอนเม่ือวันที่..........เดือน....................พ.ศ.........
หนว่ ยที่................... ช่อื หน่วย................................................................................จานวน...........ช่ัวโมง

 เนอื้ หาวัตถปุ ระสงค์และส่อื การสอน
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................. ...............................
.................................................................................................... ............................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

 ปัญหาทเี่ กิดขนึ้ ในระหว่างการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...................................
........................................................................................................................................................ ........
........................................................................................................................... .....................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

 แนวทางการแกไ้ ขปัญหาของครผู ู้สอน และผลท่ีได้
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครผู ูส้ อน ลงช่ือ................................................หวั หนา้ แผนก
(นางสวุ ิมล อักษรกลาง) (นางสุกญั ญา ดนัยสวัสด)์ิ

วนั ที.่ ..................................................... วนั ท่.ี ...............................................................

6

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
รหัส 20001-2001 วชิ าคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ ภาคเรียนที่ 2/2563
ชอื่ ...............................................................................แผนก...............................ห้อง....................

คาส่งั / คาชแ้ี จง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ถี ูกต้องที่สุดเพยี งข้อเดยี ว

1. ขอ้ ใดบอกความหมายของคอมพิวเตอร์ไดถ้ ูกต้อง
ก. เครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ ใี่ ชง้ านตามความต้องของเราผู้ใช้งาน
ข. เครอ่ื งมืออเิ ล็กทรอนิกส์ชนิดหนงึ่ ทส่ี ามารถรับข้อมูล สามารถประมวลผลขอ้ มลู สามารถ

จดั เกบ็ ข้อมูล และแสดงผลข้อมูลออกมาใหเ้ ห็น
ค. เคร่ืองมือที่สานักงานใช้ทางานในองคก์ รใดองค์กรหนึง่
ง. เครือ่ งทีน่ าอุปกรณอ์ เิ ล็กทรอนิกสต์ า่ งๆ นามาประกอบเข้ากันแลว้ เกิดเปน็ เคร่ือง

คอมพิวเตอร์ขึ้นมา

2. “รูปรา่ งเหมอื นโน้ตบ๊คุ ไม่มีแบตเตอรี่ภายในตัวเคร่ือง ใชไ้ ฟฟ้า” เปน็ ลกั ษณะของคอมพิวเตอร์

ประเภทใด

ก. เน็ตบคุ๊ ข. แทบ็ เลต็

ค. เดสกท์ อ็ ป ง. เดสกโ์ นต้

3. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์

ก. หน่วยรับเข้า ข. หนว่ ยความจา

ค. หนว่ ยสนับสนนุ ง. หน่วยประมวลผล

4. ขั้นตอนใดในการทางานของคอมพิวเตอร์ ท่ีทางานคู่ขนานกัน

ก. ประมวลผลและแสดงผล ข. รบั ข้อมลู และประมวลผล

ค. รบั ขอ้ มูลและแสดงผลข้อมูล ง.ประมวลและหน่วยความจา

5. ข้อใดกล่าวถูกต้องเก่ยี วกบั การทางานของคอมพิวเตอร์
ก. รับข้อมลู หรือคาสัง่ ผ่านอปุ กรณ์นาเข้าข้อมลู นาไปเก็บไว้ท่ีหนว่ ยความจารอง จากนนั้ นาไป

ประมวลผลแล้วนาผลทไี่ ด้ไปเกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจาหลัก พรอ้ มแสดงออกทางอุปกรณแ์ สดงผล
ข. รบั ข้อมูลหรือคาสัง่ ผ่านอุปกรณน์ าเข้าข้อมูล นาไปเก็บไว้ท่หี นว่ ยความจาหลกั จากนั้นนาไป

ประมวลผลแลว้ นาผลทไ่ี ด้ไปเก็บไวใ้ นหน่วยความจารอง พรอ้ มแสดงออกทางอุปกรณ์แสดงผล
ค. รับข้อมลู หรือคาสงั่ ผา่ นอปุ กรณน์ าเข้าข้อมลู นาไปเก็บไว้ท่ีหนว่ ยความจาหลกั จากน้นั นาไป

ประมวลผลแลว้ นาผลท่ไี ด้ไปเกบ็ ไวใ้ นหน่วยความจาแฟลช พรอ้ มแสดงออกทางอปุ กรณ์แสดงผล

7

ง. รับข้อมูลหรอื คาสัง่ ผา่ นอปุ กรณน์ าเข้าข้อมลู นาไปเกบ็ ไว้ทฮี่ ารด์ ดสิ ก์ จากนั้นนาไปประมวลผล
แล้วนาผลท่ีได้ไปเก็บไว้ในหน่วยความจาหลกั พร้อมแสดงออกทางอุปกรณ์แสดงผล

6. “หนว่ ยเก็บสถานะข้อมูลที่มคี วามเร็วในการเข้าถึงข้อมูลสงู ” เปน็ องค์ประกอบส่วนใดของ

คอมพวิ เตอร์

ก. หน่วยรบั เขา้ ข. หนว่ ยความจารอง

ค. หนว่ ยประมวลผล ง. หนว่ ยความจาหลกั

7. ข้อใดคือความหมายของระบบสารสนเทศ

ก. ระบบท่ีนาเทคโนโลยีมาจดั การกบั ข้อมูลเพอื่ ให้บรรลุเปา้ หมายทีต่ ้องการอยา่ งมีประสิทธิภาพ

ข. ระบบท่สี ามารถวเิ คราะห์ สังเคราะห์และประเมนิ ผล

ค. ระบบของคอมพิวเตอร์

ง. ถกู ทกุ ขอ้

8. “ชดุ คาส่งั หรือโปรแกรมสง่ั การให้คอมพวิ เตอร์ทางาน” เปน็ องคป์ ระกอบส่วนใดของระบบ

สารสนเทศ

ก. ฮารด์ แวร์ ข. ข้อมลู

ค. ซอฟต์แวร์ ง. กระบวนการ

9. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ ักษณะสารสนเทศที่ดี

ก. เขา้ ถงึ งา่ ย ข. ตรงประเด็น

ค. มีความรวดเรว็ ง. ตรวจสอบได้

10. ขอ้ มูลสารสนเทศ คอื อะไร

ก. ผลลัพธ์ของการทางาน

ข. ขอ้ มูลท่ีมกี ารประมวลผลแลว้

ค. ขอ้ มลู ท่ีไดร้ บั การกรองและเรียบเรียงทีส่ ามารถนาไปใชง้ านได้

ง. ความเปน็ จรงิ ท่ียงั เปน็ ข้อมูลดบิ ซ่ึงไม่ไดผ้ า่ นการประมวลผลใด ๆ

8

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
รหสั 20001-2001 วชิ าคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ภาคเรียนท่ี 2/2563
ชื่อ...............................................................................แผนก...............................ห้อง....................

คาสงั่ / คาชีแ้ จง ให้เลือกคาตอบท่ถี กู ต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดบอกความหมายของคอมพวิ เตอร์ได้ถูกต้อง
ข. เครื่องมืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ชนิดหน่งึ ท่สี ามารถรับข้อมลู สามารถประมวลผลข้อมลู สามารถ

จัดเก็บข้อมลู และแสดงผลขอ้ มลู ออกมาใหเ้ หน็
2. “รูปรา่ งเหมอื นโน้ตบุ๊ค ไม่มีแบตเตอรี่ภายในตัวเคร่อื ง ใชไ้ ฟฟ้า” เปน็ ลกั ษณะของคอมพวิ เตอร์
ประเภทใด

ง. เดสก์โน้ต
3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

ค. หน่วยสนับสนุน
4. ขั้นตอนใดในการทางานของคอมพวิ เตอร์ ทที่ างานคู่ขนานกัน

ง.ประมวลและหนว่ ยความจา
5. ข้อใดกล่าวถกู ต้องเกีย่ วกบั การทางานของคอมพิวเตอร์

ข. รบั ข้อมูลหรือคาสั่งผา่ นอุปกรณ์นาเข้าข้อมูล นาไปเก็บไว้ที่หนว่ ยความจาหลกั จากน้ันนาไป
ประมวลผลแล้วนาผลท่ไี ดไ้ ปเกบ็ ไวใ้ นหนว่ ยความจารอง พรอ้ มแสดงออกทางอุปกรณแ์ สดงผล
6. “หนว่ ยเก็บสถานะข้อมูลที่มีความเร็วในการเข้าถึงข้อมลู สงู ” เป็นองค์ประกอบส่วนใดของ
คอมพิวเตอร์

ง. หนว่ ยความจาหลกั
7. ข้อใดคือความหมายของระบบสารสนเทศ

ก. ระบบทน่ี าเทคโนโลยมี าจัดการกบั ข้อมลู เพอื่ ให้บรรลุเป้าหมายท่ตี อ้ งการอยา่ งมีประสิทธิภาพ
8. “ชดุ คาสัง่ หรือโปรแกรมสั่งการใหค้ อมพิวเตอรท์ างาน” เปน็ องคป์ ระกอบส่วนใดของระบบ
สารสนเทศ

ค. ซอฟต์แวร์
9. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ ักษณะสารสนเทศทดี่ ี

ข. ตรงประเด็น
10. ข้อมลู สารสนเทศ คอื อะไร

ค. ขอ้ มูลที่ได้รบั การกรองและเรยี บเรยี งท่สี ามารถนาไปใชง้ านได้

9

ใบความรู้ / ใบเนอื้ หา
หนว่ ยที่ 1 เร่ือง การใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศ

ในสังคมปัจจุบัน ข้อมูล ข่าวสาร และสารสนเทศ ถือว่าเป็นส่ิงท่ีมีค่ามากในการดาเนินชีวิต
และเน่ืองจากเทคโนโลยีได้พัฒนาไปมากและราคาไม่แพง ทาใหก้ ารใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปได้
งา่ ยข้นึ และทุกคนสามารถหานามาใชไ้ ด้ ระบบสารสนเทศนั้นอาจมองง่ายๆ ว่าเป็นการนาข้อมูลต่างๆ
มาประมวลผลให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ และเทคโนโลยีท่ีช่วยในการประมวลผลข้อมูลก็หนีไม่พ้น
คอมพวิ เตอร์ เมือ่ คอมพิวเตอรพ์ ฒั นาไปมากขน้ึ ก็ทาให้ระบบสารสนเทศต่างๆ พฒั นามากขนึ้ ไปดว้ ย
1.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ (Computer) คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินมาจากคาว่า Computare ซึ่ง
หมายถึง การนับ หรือ การคานวณ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมาย
ของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติทาหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สาหรับ
แก้ปัญหาต่างๆ ท่ีง่ายและขับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์" หรือ "เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่
สามารถรับข้อมูลหรอื คาสั่ง เพ่ือนาไปประมวลผล จัดเกบ็ ขอ้ มูล และแสดงผลตามชดุ คาสง่ั นัน้ ๆ"
1.2 องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ที่ใชใ้ นปจั จุบนั ประกอบด้วยวงจรไฟฟ้าอเิ ล็กทรอนิกส์ท่ีเรียกว่า ฮาร์ดแวร์
(Hardware) ผลิตออกมาหลายร่นุ แตล่ ะรุ่นจะมคี วามสามารถต่างกัน บางรุ่นเหมาะสาหรบั ทางานใน
บ้าน บางรุ่นเหมาะสาหรับการใช้งานทางด้านกราฟฟิกระดับสูง แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นมี
องค์ประกอบหลกั เหมือนกัน 5 ส่วน ดงั นี้

1.2.1 หน่วยรบั เข้า (Input Unit)
เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ท่ีทาหน้าท่ีรับข้อมูลจากผู้ใช้และส่งต่อข้อมูลไป

ยัง หนว่ ยประมวลผล (Process Unit) เพ่ือทาการประมวลผลต่อไป รปู แบบการสง่ ข้อมลู จากอปุ กรณ์
รับข้อมูลจะอยใู่ นรูปของการส่งสญั ญาณเปน็ รหสั ดจิ ิตอล (หรอื เป็นเลข 0 กับ 1) อุปกรณ์สว่ นรับข้อมูล
ได้แก่ คยี ์บอร์ด เมาส์ สแกนเนอร์ เปน็ ต้น

1.2.2 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit)
เป็นส่วนที่ทาหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่รับมาจาก หน่วยรับเข้า(Input Unit)

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังทาหน้าท่ีในการควบคุมการทางานต่างๆ ภายในเคร่ือง
คอมพิวเตอร์

1.2.3 หนว่ ยความจาหลัก (Memory Unit)
เป็นหนว่ ยเกบ็ สถานะขอ้ มูลท่ีมีความเรว็ ในการเขา้ ถึงข้อมลู สูงและจาเป็นต้องมีใน

เครื่องคอมพิวเตอรท์ กุ เครื่อง เพราะเปน็ องคป์ ระกอบทที่ าให้เครอ่ื งคอมพิวเตอรส์ ามารถทางานได้ จึง

10

เรียกหนว่ ยความจาประเภทนี้วา่ หนว่ ยความจาหลกั หน้าทีข่ องหน่วยความจาหลักในระบบ
คอมพิวเตอร์ ไดแ้ ก่ เป็นท่ีเก็บข้อมูลกอ่ นนาไปประมวลผล เกบ็ คาส่งั ของโปรแกรมขณะใช้งาน และ
เกบ็ ผลลพั ธท์ ี่ได้จากการประมวลผลก่อนนาไปแสดงผล

1.2.4 หนว่ ยความจารอง
เปน็ หน่วยความจาทีส่ ามารถรักษาข้อมูลไดต้ ลอดหลังจากปิดเครอื่ งคอมพวิ เตอร์

ตวั อย่างของหนว่ ยความจาประเภทนี้ ไดแ้ ก่ การ์ดหน่วยความจา (Memory Cards) แผ่นซดี ีหรือดวี ีดี
(CD / DVD) หน่วยความจาแบบ USB Flash Drive เปน็ ต้น

1.2.5 หนว่ ยส่งออก (Output Unit)
เป็นหนว่ ยทแี่ สดงผลลพั ธ์ท่มี าจากการประมวลผลขอ้ มลู ของส่วนประมวลผลขอ้ มูล

โดยปกติรูปแบบของการแสดงผล มีอยู่ 2 แบบ ดว้ ยกนั คือ
1.2.5.1 แบบทส่ี ามารถเก็บไวด้ ภู ายหลังได้ เช่น เคร่อื งพมิ พ์ เป็นตน้
1.2.5.2 แบบทไ่ี ม่มสี าเนาเกบ็ ไว้ เชน่ จอภาพ ลาโพง เปน็ ตน้

1.3 หลักการทางานของคอมพวิ เตอร์
หลักการทางานของคอมพวิ เตอร์ เร่ิมจากผู้ใช้กรอกข้อมลู หรือคาส่งั ผา่ นอปุ กรณน์ าเขา้ ข้อมลู

ซึ่งข้อมลู หรือคาส่งั ทร่ี ับเข้ามาจะถูกนาไปเก็บไว้ที่หน่วยความจาหลกั จากน้ันกจ็ ะถูกนาไปประมวลผล
โดยหนว่ ยประมวลผลกลางแลว้ นาผลท่ีได้จากการประมวลไปเกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจารอง พร้อมท้ัง
แสดงออกทางอปุ กรณ์แสดงผล

หนว่ ยความจาหลกั

หนว่ ยนาเขา้ ข้อมลู หน่วยประมวลผล หนว่ ยสง่ ออกขอ้ มูล
กลาง

หน่วยความจารอง

รปู ที่ 1 หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์

11

1.4 คอมพิวเตอร์ยุคใหม่

ยคุ ของคอมพิวเตอร์ สารมรถแบง่ ตามหน่วยประมวลผลกลางไดด้ งั น้ี

1.4.1 คอมพิวเตอร์ยุคที่หน่ึง (พ.ศ.2488 - พ.ศ.2501) เป็นคอมพวิ เตอร์ท่ีใช้หลอดสุญญากาศ

(vacuum tube) ใช้บัตรเจาะรูในการเก็บข้อมูลและคาส่ังท่ีจะให้คอมพิวเตอร์ทางาน ใช้ดรัมแม่เหล็ก

(Magnetic) เป็นหน่วยความจาหลัก หน่วยความจาหลักน้ีจะเก็บข้อมูลในขณะที่มีการประมวลผล

เท่านั้น การส่ังงานใช้ภาษาเคร่ืองในระยะแรกซ่ึงเป็นรหัสตัวเลขที่ยุง่ ยากซับซ้อน ต่อมาได้มีการคิดค้น

ภาษาสัญลักษณ์ (Symbolic language) ขึ้นมาชว่ ยงาน โดยใช้ภาษาชนิดเขียนคาสั่งเปน็ ภาษาอังกฤษ

ก่อนแลว้ จึงใช้ตัวแปลภาษาแปลงเปน็ ภาษาเครือ่ งอีกคร้ังหนึง่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ของยุคน้ีมีขนาดใหญ่

เช่น มาร์ค วัน (MARK I) , อนี ิแอค (ENIAC), ยูนแิ วค (UNIVAC)

1.4.2 คอมพิวเตอร์ยุคท่ีสอง (พ.ศ.2502 - พ.ศ.2506) จะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์

โดยทรานซสิ เตอรท์ ่พี ัฒนาขึ้นคร้งั แรกมขี นาด 1 ใน 100 ของหลอดสญุ ญากาศเทา่ น้ัน นอกจากมีขนาด

เล็กแล้วยังมีคณุ สมบัตทิ ่ีดีอีกหลายประการ คอื ไม่เปลืองกระแสไฟฟา้ ไมต่ ้องใชเ้ วลาอุน่ เคร่ืองเม่ือเปิด

เครื่อง ทาใหค้ อมพิวเตอร์มปี ระสทิ ธภิ าพและความเร็วเพิ่มข้ึนจนกระท่ังสามารถบวกจานวน 2 จานวน

ได้ในเวลาประมาณหนึ่งในล้านวินาที (microsecond) มีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจา มีอุปกรณ์

เก็บข้อมูลสารองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแมเ่ หล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนา

ภาษาที่ใช้กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ในยุคนี้มีการใช้ภาษาแอสเซมบลี (Assembly language) ซ่ึงเป็น

ภาษาที่ใช้คาย่อเป็นคาส่ังแทนรหัสตัวเลข ทาให้การเขียนโปรแกรมสะดวกขึ้น และได้มีการพัฒนา

ภาษาระดับสูง ซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นประโยคท่ีคนสามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโค

บอล เป็นตน้

1.4.3 คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม (พ.ศ.2507 - พ.ศ. 2512) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม

(Integrated Circuit: IC) โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีการบรรจุวงจรอิเล็กทรอนิกส์จานวนมากลงบน

แผ่นซิลิกอนเล็ก ๆ ไอซีจึงเข้ามาทาหน้าท่ีแทนทรานซิสเตอร์ เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่น 4 ประการคือ

มีความเชอื่ ถือได้ มีความกระชับ

ราคาถกู ใชพ้ ลังงานไฟฟ้านอ้ ย

1.4.4 คอมพิวเตอร์ยุคที่ส่ี (พ.ศ. 2513 จนถึงปัจจุบัน) เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใชว้ งจรรวม

ความจุสูงมาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เชน่ ไมโครโพรเซสเซอรท์ บี่ รรจทุ รานซสิ เตอร์

นับหม่ืนนับแสนตัว ทาหน้าที่เป็นหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (Central - Processing Unit :

CPU) ทาให้ขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์มขี นาดเล็กลง สามารถตั้งบนโต๊ะในสานักงานหรือพกพาเหมือน

กระเป๋าหิ้วไปในที่ต่างๆ ได้ขณะเดียวกันระบบซอฟต์แวร์ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการท่ีมีการติดต่อกับ

ผู้ใช้ ในรูปของกราฟกิ ท่ีเรียกว่า จียูไอ (Graphical User Interface :GUI) แทนการติดต่อแบบราย

คาสั่ง ท่ีเป็นการพิมพ์คาส่ังทีละคาส่ังเพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์เช่นในอดีต และเริ่มมีการใช้เมาส์ในการ

การสั่งงานคอมพิวเตอร์ มกี ารพัฒนาโปรแกรมสาเร็จให้เลือกใชก้ ันมาก ทาให้เกิดความสะดวกในการ

ใชง้ านอย่างกวา้ งขวาง

12

1.4.5 คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า เป็นคอมพิวเตอร์ท่ีมนุษย์พยายามนามาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
และแก้ปัญหาใหด้ ีย่ิงข้ึน โดยจะมีการเก็บความรู้ต่างๆ เข้าไว้ในเคร่ือง สามารถเรียกคน้ และดึงความรู้
ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์
(Artificial Intelligence: AI) ประเทศต่างๆ ท่ัวโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญ่ีปุ่น และประเทศใน
ทวีปยโุ รปกาลงั สนใจค้นคว้าและพัฒนาทางดา้ นนก้ี นั อยา่ งจรงิ จงั

รปู ที่ 2 หุน่ ยนต์ ASIMO ของญป่ี ุน่ ทส่ี รา้ งขึน้ ด้วยเทคโนโลยี Artificial Intelligence : AI
รูปลักษณ์ของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ข้ึนอยู่กับลักษณะการใช้งาน

โดยรวมแลว้ สามารถแบง่ ออกเปน็ รูปแบบตา่ งๆ ได้ดงั น้ี
 เดสก์ท็อป (Desktop) เป็นคอมพิวเตอร์ที่พบได้ท่ัวไปตามบ้านหรือ

สานักงาน มีการแยกชิ้นส่วนประกอบเป็น ซีพียู จอภาพ และแป้นพิมพ์ เป็นต้น ปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมีการผลิตที่เน้นให้มีความสวยงาม น่าใช้มากย่ิงข้ึน และได้รับความนิยม
ในการใช้งานมาก เนื่องจากราคาไม่แพงมากเมื่อเทยี บกบั คอมพวิ เตอร์แบบอนื่ ๆ

13

รูปที่ 3 คอมพิวเตอร์ตง้ั โต๊ะ (Desktop)
(ทม่ี า : http://www.bpi.ac.th/images/computer%20cdacm.png)

 โน้ตบุ๊ค (Notebook) หรือแลปท็อปคอมพิวเตอร์ (Laptop Computer)
เป็นเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ี่ถกู ออกแบบมาให้มขี นาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ โดยมีการ
รวมจอแสดงผล แป้นพิมพ์ และทัชแพดที่ใช้สาหรับการควบคุมการทางานของลูกศรบน
หน้าจอแทนเมาส์ รวมถึงลาโพงด้วย ทาให้สามารถขนย้ายหรือพกพาได้สะดวก มีน้าหนัก
ประมาณ 1-3 กก. การทางานของแลปท็อปจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรร์ ี่ และสามารถ
ใช้พลังงานไฟฟา้ ไดโ้ ดยตรงจากการเสียบปลั๊กไฟ

รูปที่ 4 โนต้ บคุ๊ (Notebook) หรอื แลปท็อปคอมพิวเตอร์ (Laptop Computer)
( ท่ี ม า : https://notebookspec.com/web/wp-content/uploads/2014/02/1183_1_4-
Photo.png)

 เน็ตบุ๊ค (Netbook) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดหนง่ึ ที่มีลักษณะเหมือนกับ
โน้ตบุค แต่มีขนาดเล็กกว่าโน้ตบุค ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น การอ่าน

14

เว็บ หรือการใช้อีเมล เป็นต้น ลักษณะของเน็ตบุคจะมีน้าหนักเบา หนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม มี
หน้าจอขนาดเล็ก (7-10 นิ้ว) มีการเช่ือมต่อแบบไร้สาย แต่ไม่มีช่องสาหรับใส่ซีดี และมี
แป้นพิมพ์ที่ค่อนข้างเล็ก อุปกรณ์สาหรับเก็บข้อมูลภายในเครื่องมีการใช้ทั้งฮาร์ดดิสก์ และ
หน่วยความจาแฟลชเมมโมร่ี (Flash Memory) ใช้หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ตระกูล
อะตอม (Atom)

 เดสก์โน้ต (Desk note) มีรูปร่างเหมือนโน้ตบุ๊คทุกประการ แต่มีส่วนที่
แตกต่างกันคือ เดสก์โน้ตไม่มีแบตเตอรี่ภายในตัวเคร่ือง จะใช้ไฟฟ้าแทน รวมถึงโครงสร้าง
ภายในเคร่ืองเดสก์โน้ต เป็นชนิดเดียวกับเคร่ืองพีซี ทาให้สามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกับ
เคร่ืองพีซีได้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจา ซีพียู อุปกรณ์ประกอบอ่ืน ๆ มีราคาถูกกว่าโน้ตบุ๊
คเนอ่ื งจากคุณสมบัติที่แตกตา่ งกัน

 แท็บเล็ตพีซี (Tablet PC) คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดหนึ่งสามารถใช้งาน
ในขณะท่เี คลอ่ื นท่ีได้ โดยมีการใชห้ น้าจอแบบสัมผสั ในการทางาน มีคียบ์ อรด์ เสมือนจริงหรือ
ปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนแป้นพิมพ์ ปรับหมุนจอได้โดยอัตโนมัติ พกพาง่าย และมี
น้าหนักเบา สามารถใช้งานได้เหมือนเน็ตบุค แต่มีการใช้ระบบปฏิบัติการเฉพาะได้แก่
Android, Windows Phone หรือ IOS

 สมาร์ทโฟน (Smart Phone) สมาร์ทโฟนเป็นโทรศัพท์ที่มีระบบปฏิบัติการ
อยู่ภายใน ทาให้สามารถทางานได้มากกว่าโทรออกและรับสาย เช่น กล้องถ่ายรูป การ
เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากน้ีจะมีโปรแกรมต่างๆ ท่ีติดตั้งมาพร้อมกับเคร่ืองโทรศัพท์
(โปรแกรมเหลา่ นีจ้ ะถูกเรียกว่า แอพ) เชน่ ปฏิทิน เครื่องคิดเลข สมดุ บนั ทกึ นาฬิกา เปน็ ตน้
1.5 ความหมายของระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบท่ีอาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาจัดการกับข้อมูลใน
องค์กร เพื่อให้บรรลุเปา้ หมายทต่ี ้องการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การจัดการในความหมายของระบบ
สารสนเทศมีหลายรูปแบบ เช่น การจัดเก็บ การรวบรวม การประมวลผล การปรับเปล่ียน และการ
เผยแพร่สารสนเทศ เป็นตน้
1.6 องค์ประกอบของสารสนเทศ
1.6.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อุปกรณ์ท่ีเกี่ยวข้องในการจัดกระทากับข้อมูล ท้ังที่
เป็นอปุ กรณ์คอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์อ่นื ๆ เชน่ เคร่อื งคอมพิวเตอร์ เครอื่ งคิดเลข
1.6.2 ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง ชุดคาส่ังหรือโปรแกรมท่ีสามารถส่ังการให้
คอมพิวเตอร์ทางานในลักษณะท่ีต้องการภายใต้ขอบเขตความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ
โปรแกรมนน้ั ๆ
1.6.3 บุคลากร (User) หมายถงึ กลมุ่ คนที่ทางานหรอื เกี่ยวขอ้ งกับระบบสารสนเทศ

15

1.6.4 ขอ้ มลู (Data) หมายถึง ข้อเทจ็ จรงิ ท่ีอยใู่ นรปู แบบต่าง ๆ ไม่วา่ จะเปน็ ตวั หนังสือ แสง
สี เสียง สัญญาณอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ซึ่งขอ้ มลู ที่ดตี อ้ งตรงกบั ความต้องการของผูใ้ ช้

1.6.5 กระบวนการ (Procedure) หมายถึง ขนั้ ตอน กระบวนการตา่ ง ๆ ในการปฏิบตั ิงานใน
ระบบสารสนเทศ
1.7 ลักษณะสารสนเทศท่ีดี

ระบบสารสนเทศที่ดีจะต้องเป็นระบบทสี่ ามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องตา่ งๆ ได้ดีข้นึ โดย
จะตอ้ งมีความถกู ต้องแมน่ ยากวา่ การตัดสนิ ใจโดยไม่ใช้ระบบสารสนเทศ ลักษณะของสารสนเทศท่ดี ี
ควรมลี กั ษณะดังนี้

 มคี วามถูกต้อง เป็นผลทีม่ าจากการประมวลผลขอ้ มูลทถ่ี ูกต้อง ทง้ั วิธีการ
ประมวลผลและความถูกต้องของข้อมูลดิบทนี่ ามาใชใ้ นการประมวลผล

 เข้าใจงา่ ย สารสนเทศที่ได้จะต้องไม่ซ้าซ้อน เขา้ ใจง่าย ไม่แสดงรายละเอียดทีล่ กึ
เกนิ ไป

 มีความเช่ือถือได้ ซึง่ เป็นผลมาจากแหล่งข้อมลู และวธิ ีการรวบรวมขอ้ มลู ทเี่ ช่ือถือ
ได้

 มีความสมบรู ณแ์ ละครบถ้วน ตรงตามความตอ้ งการของผ้ใู ช้งาน
 มคี วามคุ้มทน ทง้ั ในแง่ของเวลาและค่าใช้จ่ายท่ีใชใ้ นการประมวลผลข้อมูล

จนกระทัง่ ไดส้ ารสนเทศออกมา

 มคี วามยดื หยุ่น สามารถนาไปใช้งานไดใ้ นหลายกิจกรรม หรือเปน็ ประโยชนต์ ่อ
หลายกลุม่ บุคคล

 ตรงประเดน็ สารสนเทศน้ันต้องสมั พันธ์กับงานทีจ่ ะใช้สารสนเทศไปชว่ ยพิจารณา
ตดั สนิ ใจ

 ทนั สมยั สอดคล้องกบั สถานการณ์ปัจจบุ นั
 ตรวจสอบได้ ไดแ้ ก่ แหล่งทมี่ าของสารสนเทศหรือแหลง่ ข้อมลู ดิบทีน่ าไป

ประมวลผลจนได้สารสนเทศ
 เขา้ ถึงไดง้ ่าย สารสนเทศทด่ี ตี ้องเขา้ ถึงการใช้งานได้งา่ ย มีความปลอดภยั ในการ

เขา้ ถงึ ขอ้ มูลตามสทิ ธ์ิการเข้าถึงขอ้ มลู ของผใู้ ช้

16

แบบทดสอบหลังเรยี น
รหสั 20001-2001 วิชาคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ ภาคเรยี นที่ 2/2563
ชื่อ...............................................................................แผนก...............................ห้อง....................

คาสั่ง / คาช้แี จง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ถี ูกต้องทสี่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว

1. คาว่า “คอมพวิ เตอร์” มาจากภาษาอะไร

ก. ภาษาลาติน ข. ภาษากรีก

ค. ภาษาฝรงั่ เศส ง. ภาษาเยอรมัน

2. ข้อใดบอกความหมายของคอมพิวเตอร์ได้ถูกต้อง
ก. เคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ ใี่ ชง้ านตามความต้องของเราผู้ใช้งาน
ข. เครือ่ งมืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ชนิดหน่งึ ท่สี ามารถรบั ข้อมูล สามารถประมวลผลขอ้ มูล สามารถจดั เกบ็

ข้อมลู และแสดงผลข้อมลู ออกมาใหเ้ ห็น
ค. เครื่องมือทีส่ านักงานใช้ทางานในองค์กรใดองค์กรหนึง่
ง. เครอื่ งที่นาอปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนกิ สต์ ่างๆ นามาประกอบเข้ากันแลว้ เกดิ เป็นเคร่ือง

คอมพิวเตอร์ข้ึนมา

3. “รปู รา่ งเหมือนโนต้ บุ๊ค ไม่มแี บตเตอร่ภี ายในตัวเคร่อื ง ใช้ไฟฟ้า” เปน็ ลกั ษณะของคอมพวิ เตอร์

ประเภทใด

ก. เนต็ บุ๊ค ข. แท็บเล็ต

ค. เดสก์ท็อป ง. เดสกโ์ น้ต

4. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์

ก. หน่วยรบั เข้า ข. หน่วยความจา

ค. หนว่ ยสนบั สนนุ ง. หนว่ ยประมวลผล

5. หนว่ ยความจาแบง่ ออกได้กี่แบบ อะไรบ้าง
ก. 2 แบบ หน่วยความจาสงู หนว่ ยความจาต่า
ข. 2 แบบ หน่วยความจาหลกั หนว่ ยความจารอง
ค. 3 แบบ หน่วยความจาหลัก หน่วยความจารอง หนว่ ยความจาแฟลช
ง. 3 แบบ หนว่ ยความจาสูง หน่วยความจาตา่ หน่วยความจาแฟลช

6. Fingerprint เป็นส่วนประกอบใดของเครื่องคอมพวิ เตอร์

ก. อุปกรณ์อินพตุ ข. อุปกรณ์เสริม

ค. อุปกรณ์เอาต์พุต ง. อุปกรณเ์ ก็บข้อมลู

17

7. ข้นั ตอนใดในการทางานของคอมพิวเตอร์ ที่ทางานคู่ขนานกนั
ก. ประมวลผลและแสดงผล
ข. รับขอ้ มูลและประมวลผล
ค. รับข้อมูลและแสดงผลข้อมูล
ง.ประมวลและหนว่ ยความจา

8. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องเกยี่ วกับการทางานของคอมพวิ เตอร์
ก. รบั ข้อมูลหรือคาสั่งผา่ นอุปกรณ์นาเข้าข้อมลู นาไปเกบ็ ไว้ทหี่ น่วยความจารอง จากนั้นนาไป

ประมวลผลแลว้ นาผลที่ได้ไปเก็บไว้ในหน่วยความจาหลกั พรอ้ มแสดงออกทางอปุ กรณแ์ สดงผล
ข. รบั ข้อมูลหรือคาส่งั ผา่ นอปุ กรณ์นาเข้าข้อมลู นาไปเกบ็ ไว้ทห่ี นว่ ยความจาหลัก จากนั้นนาไป

ประมวลผลแลว้ นาผลทไ่ี ด้ไปเก็บไว้ในหนว่ ยความจาแฟลช พรอ้ มแสดงออกทางอปุ กรณแ์ สดงผล
ค. รับข้อมูลหรอื คาสง่ั ผ่านอปุ กรณน์ าเข้าข้อมูล นาไปเกบ็ ไว้ทีห่ น่วยความจาหลัก จากน้นั นาไป

ประมวลผลแลว้ นาผลที่ได้ไปเก็บไว้ในหน่วยความจารอง พรอ้ มแสดงออกทางอปุ กรณ์แสดงผล
ง. รบั ขอ้ มูลหรือคาสัง่ ผา่ นอปุ กรณน์ าเข้าข้อมลู นาไปเก็บไว้ทฮี่ ารด์ ดิสก์ จากนั้นนาไปประมวลผล

แล้วนาผลท่ไี ด้ไปเกบ็ ไวใ้ นหน่วยความจาหลัก พร้อมแสดงออกทางอุปกรณ์แสดงผล

9. “หน่วยเกบ็ สถานะขอ้ มูลที่มีความเร็วในการเขา้ ถึงข้อมลู สูง” เปน็ องค์ประกอบสว่ นใดของ
คอมพวิ เตอร์

ก. หน่วยรบั เข้า
ข. หนว่ ยความจารอง
ค. หนว่ ยประมวลผล

ง. หนว่ ยความจาหลัก

10. ขอ้ ใดคือความหมายของระบบสารสนเทศ
ก. ระบบทีน่ าเทคโนโลยีมาจดั การกับข้อมูลเพือ่ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายท่ีต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ
ข. ระบบที่สามารถวเิ คราะห์ สงั เคราะห์และประเมินผล
ค. ระบบของคอมพวิ เตอร์
ง. ถูกทกุ ข้อ

11. “ชดุ คาสงั่ หรอื โปรแกรมส่ังการใหค้ อมพิวเตอร์ทางาน” เป็นองค์ประกอบสว่ นใดของระบบ

สารสนเทศ

ก. ฮาร์ดแวร์ ข. ข้อมูล

ค. ซอฟต์แวร์ ง. กระบวนการ

18

12. ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะสารสนเทศทดี่ ี
ก. เขา้ ถงึ ง่าย
ข. ตรงประเดน็
ค. มคี วามรวดเรว็
ง. ตรวจสอบได้

13. ข้อมลู สารสนเทศ คอื อะไร
ก. ผลลัพธ์ของการทางาน
ข. ขอ้ มูลท่ีมกี ารประมวลผลแล้ว
ค. ข้อมูลที่ไดร้ บั การกรองและเรียบเรยี งที่สามารถนาไปใช้งานได้
ง. ความเปน็ จรงิ ท่ยี ังเป็นข้อมูลดบิ ซึง่ ไม่ได้ผา่ นการประมวลผลใด ๆ

19

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
รหสั 20001-2001 วิชาคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ ภาคเรียนท่ี 2/2563
ชอ่ื ...............................................................................แผนก...............................ห้อง....................

คาส่ัง / คาช้ีแจง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ีถกู ต้องที่สุดเพียงข้อเดยี ว

1. คาว่า “คอมพิวเตอร์” มาจากภาษาอะไร
ก. ภาษาลาติน

2. ข้อใดบอกความหมายของคอมพิวเตอร์ไดถ้ ูกต้อง
ข. เครื่องมืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ชนิดหนึ่งทส่ี ามารถรบั ข้อมลู สามารถประมวลผลขอ้ มลู สามารถจดั เก็บ

ข้อมลู และแสดงผลข้อมูลออกมาให้เหน็
3. “รปู รา่ งเหมือนโน้ตบคุ๊ ไม่มีแบตเตอรภ่ี ายในตัวเครอ่ื ง ใชไ้ ฟฟ้า” เป็นลกั ษณะของคอมพิวเตอร์
ประเภทใด

ง. เดสก์โน้ต
4. ข้อใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์

ค. หน่วยสนับสนุน
5. หนว่ ยความจาแบ่งออกได้กีแ่ บบ อะไรบ้าง

ข. 2 แบบ หนว่ ยความจาหลัก หนว่ ยความจารอง
6. Fingerprint เป็นสว่ นประกอบใดของเคร่ืองคอมพิวเตอร์

ก. อปุ กรณ์อนิ พตุ
7. ขั้นตอนใดในการทางานของคอมพิวเตอร์ ทท่ี างานคขู่ นานกนั

ง. ประมวลและหน่วยความจา
8. ข้อใดกล่าวถกู ต้องเกย่ี วกบั การทางานของคอมพิวเตอร์

ค. รบั ขอ้ มลู หรอื คาส่งั ผา่ นอปุ กรณ์นาเข้าข้อมลู นาไปเกบ็ ไว้ที่หน่วยความจาหลกั จากนน้ั นาไป
ประมวลผลแลว้ นาผลทไ่ี ด้ไปเกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจารอง พรอ้ มแสดงออกทางอปุ กรณ์แสดงผล
9. “หน่วยเก็บสถานะขอ้ มลู ที่มีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลสูง” เป็นองค์ประกอบส่วนใดของ
คอมพวิ เตอร์

ง. หนว่ ยความจาหลัก
10. ขอ้ ใดคือความหมายของระบบสารสนเทศ

ก. ระบบท่นี าเทคโนโลยมี าจดั การกบั ข้อมูลเพอื่ ให้บรรลเุ ป้าหมายท่ีต้องการอยา่ งมีประสิทธิภาพ