Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

Show

รู้หรือไม่ว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเภทและความหลากหลายของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่การทำ CRM ก็ถือว่ามีส่วนต่อเส้นทางของธุรกิจน้อยใหญ่ไม่แพ้กัน เพราะเจ้า CRM นี่แหละที่จะช่วยมัดใจลูกค้าไว้กับร้านหรือแบรนด์ได้

แล้ว CRM ที่ว่านี้คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ใหญ่นัก? 

CRM คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับลูกค้า?

Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

CRM คือ Customer Relationship Management หมายถึง การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าเป็นการมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้าแต่ละราย ยิ่งคุณบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างความภักดีของลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดของร้านได้ด้วย

ดังนั้นธุรกิจและร้านค้าควรมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว เพราะพวกเขาคือปัจจัยหลักที่ช่วยเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้กับร้าน แล้วตัว CRM เองก็มีเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์ให้เป็นไปมากกว่าแค่การซื้อ-ขาย แถมยังข้อดีต่อทั้งร้านและลูกค้าเอง

ตอนนี้ทางร้านและธุรกิจประเภทต่าง ๆ ได้หันมาใส่ใจในเรื่องของ Customer Relationshiop และระบบ CRM ที่เป็นระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ากันมากขึ้น เพราะระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้าเท่านั้น แต่ช่วยสร้างความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty) และรักษาลูกค้าขาประจำของร้านได้ด้วย

CRM ถือเป็นส่วนสำคัญของทุกธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการลูกค้า การตลาด และยอดขาย และหากจะแบ่งย่อยเป็นข้อ ๆ CRM ก็ประกอบไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ :-

  • การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ลูกค้ารายงาน
  • การให้บริการลูกค้าอย่างยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอ
  • การสื่อสารกับลูกค้าเป็นประจำเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้า โปรโมชั่น และอัพเดตต่าง ๆ
  • การโปรโมทส่วนลดของสินค้าที่ลูกค้าชื่นชอบและนำเสนอส่วนลดสุดพิเศษให้
  • การทำการตลาดส่วนบุคคล (Personalised Marketing)
  • การมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า
  • การสร้างความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty) เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับร้านยิ่งขึ้น

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ CRM หรือการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า

Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

ถ้าจะไม่พูดถึงความสำคัญของการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ CRM ก็คงไม่ได้ เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้านั้นมีข้อดี 3 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน คือ 

1. เพิ่มอัตราการกลับมาที่ร้านของลูกค้า

การรักษาลูกค้านั้นหมายถึง การที่ร้านค้าหรือธุรกิจสามารถรักษาลูกค้าไว้ได้เป็นเวลานาน ๆ และหากร้านคุณรักษาลูกค้าไว้ได้มากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อของที่ร้านคุณบ่อยขึ้น

2. สร้างความภักดีของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าจะทำให้คู่แข่งแย่งลูกค้าของคุณไปได้ยากขึ้น และความภักดีของลูกค้าก็เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเจ้าของร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ เพราะลูกค้าขาประจำเต็มใจที่จะใช้จ่ายในร้านของคุณอยู่แล้ว และการรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ก็คุ้มค่ากว่าการหาลูกค้าใหม่ ๆ เสียอีก นั่นหมายความว่าร้านของคุณจะมีกำไรเยอะกว่าเดิม !

3. สร้างความประทับใจของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ชาวมิลเลนเนียลกลายเป็นผู้บริโภคกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว และพวกเขาก็คือกลุ่มที่มีอิทธิพลและอำนาจในการซื้อมากที่สุด และในยุคดิจิตอลนี้ ถ้าชาวมิลเลนเนียลไม่ประทับในสินค้าหรือบริการ พวกเขาก็สามารถทำลายชื่อเสียงของแบรนด์คุณผ่านคอมเม้นต์และรีวิวในโลกโซเชียลมีเดียได้ง่าย ๆ

ยิ่งการแข่งขันในท้องตลาดสูงแล้ว ลูกค้ายิ่งมีตัวเลือกในการซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้นถ้าคุณมีชื่อเสียมากกว่าชื่อเสียง คุณก็จะเสียโอกาสในการขายให้กับคู่แข่งทันที

รู้แบบนี้แล้ว คุณคิดว่า CRM สำคัญในการทำธุรกิจหรือยัง?

ถ้ายัง ลองดูข้อเท็จจริงพร้อมสถิติต่อไปนี้สิ เผื่อคุณจะเปลี่ยนใจ :-

  • ค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ ๆ นั้นสูงกว่าการรักษาลูกค้าประจำมากถึง 5 – 25% เท่า และ CRM ก็ช่วยให้รักษาลูกค้าประจำและลดอัตราการเสียลูกค้าได้
  • เมื่อลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีจากทางร้าน พวกเขาจะกลับมาที่ร้านบ่อยขึ้น และอัตราการกลับมาของลูกค้าเพียง 5% สามารถเพิ่มกำไรให้ร้านได้มากถึง 25 – 95%​!
  • 73% ของลูกค้าบอกว่าประสบการณ์ที่ได้จากทางร้านนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อสินค้า
  • 95% ของลูกค้าหยุดซื้อของหรือดำเนินการต่าง ๆ (เช่น รีวิวหรือคอมเม้นต์ในโซเชียล) เมื่อเจอประสบการณ์และบริการแย่ ๆ จากทางร้าน
  • 86% ของลูกค้ามีแนวโน้มซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น 25% หากพวกเขาได้ประสบการณ์ดี ๆ จากทางร้าน

เห็นไหมละว่าการมีบริการดี ๆ พร้อมประสบการณ์อันน่าประทับใจ และการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้านั้นสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจของคุณและมีส่วนให้คุณได้เปรียบคู่แข่งมากขนาดไหน! 

ตัวอย่างการใช้ CRM หรือการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าที่ดีที่สุดในไทย

มาดูตัวอย่างร้านค้าในไทยที่มีการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยมกันบ้างดีกว่า และในบทความนี้เราก็มี 2 ร้านด้วยกัน ซึ่งก็คือ

Pomelo

Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

ภาพจาก Pomelo

Pomelo คือ เว็บขายเสื้อผ้าออนไลน์ยอดนิยมในไทย และเรียกได้ว่าเป็นแหล่งช้อปในใจสาว ๆ เลยก็ว่าได้ มีการแยกประเภทสินค้าเพื่อให้ลูกค้าหาสิ่งที่ต้องการเจอง่ายยิ่งขึ้น เช่น แบ่งสินค้าตามเภท, มีฟิลเตอร์กรองราคา, สินค้าลดราคา, สินค้ามาใหม่ และสินค้าขายดี เป็นต้น นอกจากนี้ Pomelo ยังส่งอีเมลแจ้งเตือนลูกค้าที่เพิ่มสินค้าในตะกร้าแต่ลืม หรือส่งโปรโมชั่นสินค้าและส่วนลดวันเกิดไปยังอีเมลส่วนตัวของลูกค้าด้วย

ซึ่งการแบ่งสินค้าเป็นหมวดหมู่นี่เองที่ทำให้ลูกค้าขาช้อปออนไลน์ของ Pomelo ได้ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวและถูกใจยิ่งขึ้น

หากจะถามว่าทาง Pomelo ส่งโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับลูกค้าได้ยังไง คำตอบก็คือ อีเมล เพราะทางแบรนด์จะส่งรายละเอียดหรือโปรโมชั่นของแคมเปญต่าง ๆ ไปยังอีเมลของลูกค้าโดยตรง เช่น อีเมลต้อนรับเมื่อลูกค้าลงทะเบียน, อีเมลแจ้งสินค้าในตะกร้า, อีเมลยืนยันการสั่งซื้อสินค้า, อีเมลแจ้งโปรวันเกิด และอีเมลแจ้งส่วนลดในวันสำคัญหรือเทศกาลต่าง ๆ เป็นต้น 

นอกเหนือจากการตลาดที่ว่านี้แล้ว Pomelo ยังมีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานง่ายเพื่อให้ลูกค้าช้อปเสื้อผ้าออนไลน์ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหนก็ช้อปผ่านแอพ Pomelo ได้เลย!

แล้วที่เจ๋งไปกว่านั้น ลูกค้าจะได้รับแจ้งเตือนทุกครั้งที่มี Flash Sale สามารถบันทึกสินค้าชิ้นโปรดไว้ได้ เผื่ออยากกลับมาช้อป สินค้าจะได้ไม่ตกหล่นและไม่ต้องเสียเวลาหาใหม่อีกรอบ แล้วทาง Pomelo ยังแนะนำสินค้าที่ใกล้เคียงกับความชอบของลูกค้าหลังจากที่พวกเขาช้อปหรือบันทึกสินค้าใน Wishlist ด้วย

Sizzler

Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

ภาพจาก Sizzler Thailand

Sizzler หรือ ซิสเลอร์ ร้านสเต็กสไตล์ตะวันตกชื่อดังยอดนิยมของเราชาวไทยก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของร้านที่บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและใช้หลัก CRM ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากจะมีจุดเด่นที่สลัดบาร์ฟรีแล้ว ยังมีเมนูต่าง ๆ ให้เลือกทานหลากหลาย ที่สำคัญทางร้านมักจะมีโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้ทานคุ้มค่าเป็นประจำ

และในยุคดิจิตอลนี้แล้ว ลูกค้าสามารถเช็คเมนูของร้าน ข่าวสาร หรือสาขาร้านได้ง่าย ๆ บนเว็บไซต์จบครบที่เดียว โดยตัวเว็บไซต์จะมีส่วนของเมนู, ข่าวสารโปรโมชั่น, สาขาร้าน, สมาชิกออนไลน์ และบัตรกำนัลเงินสด เมื่อลูกค้าเข้ามาที่เว็บไซต์ก็จะได้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล ทำให้ลูกค้าประทับใจในตัวร้านมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของสมาชิกนั้น ทาง Sizzler จะแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้

  • Green Level – ลูกค้าที่ลงทะเบียน Emember จะได้รับ E-Coupons แบบฟรี ๆ
  • Gold Level – ลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายครบ 8,000 บาทใน 12 เดือน หรือซื้อบัตรสมาชิก Sizzler Member Card 399 บาท จะได้รับทั้ง E-Coupons ฟรี ส่วนลด 10% เมื่อจ่ายด้วยเงินสด/ส่วนลด 5% เมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิต และรับฟรี Combination Platter มูลค่า 399 บาทในเดือนเกิด
  • Diamond Level – ลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายครบ 16,000 บาท ใน 12 เดือน รับฟรี E-Coupons, ส่วนลด 10% เมื่อจ่ายด้วยเงินสด/ส่วนลด 5% เมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิต, ฟรี Combination Platter มูลค่า 399 บาทในเดือนเกิด ทั้งยังมี Welcome Pack ให้ด้วย 

ด้วยระบบสมาชิกที่น่าดึงดูดและสเต็กเมนูเด็ดต่าง ๆ นี่เองที่ทำให้ Sizzler ประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านอาหารและอยู่ในวงการมานานกว่า 27 ปีในไทย (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535)

จะเห็นว่าร้านค้าปลีกและร้านอาหารชื่อดังในไทยต่างก็หันมาใช้ระบบสมาชิกและบริหารความสัมพันธ์ลูกค้ากันหมดแล้ว เพราะในยุคนี้ลูกค้าขาประจำของร้านคือกลุ่มหลักที่ช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตนั่นเอง แล้วร้านค้าหรือธุรกิจของคุณละเริ่มใช้หลัก CRM เข้ามาช่วยหรือยัง ถ้าอยากลองใช้หลักการนี้แล้วก็ไปดูเคล็ดลับที่เราเตรียมมาฝากได้เลย!

9 เคล็ดลับในการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า

Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

ตอนนี้เจ้าของร้านอย่างคุณคงจะเห็นถึงความสำคัญของการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าหรือ CRM กันแล้วใช่ไหมล่ะ​? และถ้าคุณไม่รู้ว่าต้องเริ่มใช้หลักการนี้ในธุรกิจร้านค้าปลีก ธุรกิจร้านอาหาร หรือธุรกิจบริการของคุณยังไง ก็ลองดูเคล็ดลับดังต่อไปนี้ :- 

1. เก็บสะสมและอัพเดตข้อมูลลูกค้าเป็นประจำ

ใช้ข้อมูลลูกค้าอันมีค่าให้เป็นประโยชน์ ลองดูข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้าและความสนใจของลูกค้า จากนั้นก็แนะนำสินค้ามาใหม่หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้า เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญอย่างวันเกิดก็ส่งข้อความสุดพิเศษไปอวยพรพร้อมโปรโมชั่นที่ตรงใจ ทั้งนี้อย่าลืมอัพเดตข้อมูลอย่างเบอร์โทรและอีเมลของลูกค้าเป็นประจำ จะได้ไม่อัพเดตข้อมูลข่าวสารผิดที่เวลาต้องการมอบข้อเสนอดี ๆ ให้ลูกค้า

2. เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ

คุณต้องแน่ใจว่าร้านของคุณมีสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ควรตรวจสอบคุณภาพสินค้าในสต๊อกและสินค้าที่วางขายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ กล่องไม่บุบหรือเสียหาย เพราะแม้ว่าที่ร้านจะมีสินค้าตุนไว้เยอะ แต่ถ้าเกิดสภาพสินค้าเก่าหรือไม่พร้อมขาย ลูกค้าก็คงไม่ประทับใจสักเท่าไหร่ ดังนั้นควรหมั่นเช็คสินค้าเป็นประจำ เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดเมื่อมาที่ร้านของคุณ

 3. เทรนพนักงานให้พร้อม

แน่นอนว่าเมื่อมาที่ร้าน ลูกค้าของคุณจะเจอกับพนักงานเป็นอย่างแรก ดังนั้นพนักงานขายและพนักงานที่ให้บริการลูกค้าควรจะมีทักษะขายและมีใจรักในการบริการ เมื่อลูกค้ามาที่ร้านก็พร้อมต้อนรับและดูแลอย่างเต็มที่ ลองอบรมพนักงานให้มอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าดู ซึ่งนอกจากการขายแล้ว พนักงานก็อาจจะแนะนำสินค้าหรือให้ความสนใจกับลูกค้าจนสัมผัสได้ว่าพวกเขาคือลูกค้าคนพิเศษ แต่ก็อย่าจู่โจมหรือเข้าถึงลูกค้ามากจนพวกเขารู้สึกอึดอัด ลองสอนให้พนักงานปฏิบัติต่อลูกค้าในแบบที่พวกเขาอยากโดนปฏิบัติดู รับรองเวิร์กแน่ ๆ 

4. พูดคุยสื่อสารกับลูกค้าตลอดเวลา

ทางร้านควรติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเป็นประจำและแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโปรโมชั่นล่าสุดหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง การทำเช่นนี้จะทำให้ลูกค้าไม่ลืมว่าร้านของคุณยังอยู่และยังใส่ใจพวกเขา อย่าลืมทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับโปรโมชั่น ส่วนลด และข้อเสนอต่าง ๆ พร้อมกับแสดงให้ลูกค้าสัมผัสได้ว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งของร้านด้วย โดยคุณสามารถสื่อสารสิ่งเหล่านี้ได้หลากหลายช่องทาง เช่น โพสต์เฟสบุ๊ค, ไอจี, ไลน์, อีเมล, จดหมาย หรือจะบอกลูกค้าเวลาลูกค้ามาที่ร้านก็ได้

5. กระตุ้นให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็น

ด้วยพลังของโซเชียลมีเดียแล้ว ธุรกิจร้านค้าของคุณสามารถใช้ช่องทางนี้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้สินค้าและบริการของร้านได้ แล้ววิธีนี้ก็จะทำให้ลูกค้าเห็นว่าความคิดเห็นของพวกเขาไม่สูญเปล่า และมั่นใจได้ว่าทุกคำถามที่สงสัยกับทุกปัญหาหาการใช้งานก็จะได้รับการแก้ไขและไม่ถูกเพิกเฉยแน่นอน

และถ้าหากลูกค้ามีปัญหาในการใช้งานใด ๆ แนะนำให้รีบแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าต้องรู้สึกแย่กับสินค้าและบริการของร้านคุณ แล้วการที่ร้านคุณใส่ใจในฟีดแบ็คและประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าเช่นนี้เองที่จะทำให้ร้านของคุณเป็นที่น่าประทับใจในสายตาลูกค้ามากยิ่งขึ้น นั่นก็เพราะคุณจะพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้มากขึ้นเรื่อย ๆ จากความคิดเห็นของพวกเขายังไงล่ะ

6. ให้รางวัลลูกค้า

มีใครบ้างไม่ชอบของรางวัล ? แล้วการแจกรางวัลให้กับลูกค้าก็เป็นวิธีอันยอดเยี่ยมในการสร้างความภักดีของพวกเขา (Customer Loyalty) โดยรางวัลที่ว่านี้อาจจะเป็นของขวัญฟรี, ส่วนลด, สินค้าตัวอย่าง, หรือสินค้าสุดพิเศษจากทางร้านก็ได้ สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้อของที่ร้านของคุณอีก ทั้งยังทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษของร้านอีกด้วย

7. ต้อนรับลูกค้าอย่างเต็มใจ

ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพนักงานที่ร้านเต็มใจต้อนรับและให้บริการตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในร้าน เพียงแค่ทักทายและกล่าวต้อนรับเมื่อลูกค้าเดินเข้ามาในร้านก็ทำให้พวกเขาประทับใจได้แล้ว และวิธีนี้ก็จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายที่ร้านได้มากขึ้นอีกด้วย

8. อย่าลืมกล่าวขอบคุณ

อย่าลืมกล่าวขอบคุณลูกค้าเสมอ เพราะคำง่าย ๆ คำเดียวนี้จะทำให้ลูกค้าของคุณแฮปปี้ทันทีหลังซื้อสินค้าหรือบริการจากทางร้าน ลองฝึกให้พนักงงานแคชเชียร์ขอบคุณลูกค้าทุกครั้งและส่งข้อความ/อีเมลไปขอบคุณอีกครั้ง รับรองว่าลูกค้าจะประทับใจในการบริการของร้านคุณมากขึ้นแน่นอน

นั่นก็เพราะหัวใจสำคัญของร้านค้า/ธุรกิจประเภทต่าง ๆ คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า คล้ายกับการสร้างมิตรภาพดี ๆ กับเพื่อน ซึ่งถ้าหากคุณพยายามใส่ใจและทุ่มเวลาให้กับลูกค้า ยังไงพวกเขาก็จะปฏิบัติกับคุณเช่นนั้นแน่นอน

9. ใช้ระบบ CRM

ปัจจุบันมีระบบ CRM หลายแบรนด์ที่น่าพิจารณา ดังนั้นถ้าจะให้เจ้าของธุรกิจอย่างคุณเลือกใช้งานก็คงเลือกยากกันสักหน่อย แล้วจะเลือกยังไงถึงจะบริการความสัมพันธ์ลูกค้าให้ได้ผลพร้อมกับบริหารจัดการร้านด้านอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำตอบง่าย ๆ ก็คือ เลือกระบบที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติสิ จะได้ลดภาระงานและการดูแลร้านได้ในตัวด้วย เท่านี้คุณก็จะยังคงได้เปรียบในการทำธุรกิจแล้ว 

นอกจากนี้แล้วก็ต้องบอกว่าโชคดีมาก ๆ ที่เทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยให้คุณสามารถใช้งานระบบ CRM และจัดการเรื่องต่อไปนี้ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก :-

  • เก็บสะสมและบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า
  • ติดตามพฤติกรรมการซื้อสินค้าและความชอบของลูกค้า
  • มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าของคุณ
  • คาดการณ์ยอดขายได้อย่างแม่นยำ
  • เชื่อมต่อกับบัญชีโซเชียลมีเดีย
  • มอบประสบการณ์และทำการตลาดที่เป็นส่วนตัวและตรงใจให้กับลูกค้า
  • อัพเดตข้อมูลข่าวสารกับลูกค้าได้ง่าย ๆ ผ่าน SMS
  • วางแผนจัดโปรโมชั่นและข้อเสนอต่าง ๆ เองได้

แล้วระบบ CRM นี้ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย!

แล้วแบบนี้คุณจะรออะไรอยู่ล่ะ?

เราหวังว่าตอนนี้คุณจะเข้าใจในการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและเห็นถึงความสำคัญของ CRM มากยิ่งขึ้นแล้ว และปัจจุบันก็มีร้านค้าหรือธุรกิจมากถึง 91% ที่ใช้โปรแกรม CRM ช่วยบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้ร้านค้าเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับลูกค้าดีกว่าเดิมนั่นเอง

ต้องบอกว่าในโลกที่มีการแข่งขันสูงแบบในปัจจุบันนั้น ธุรกิจร้านค้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าได้ดีเท่านั้นถึงจะอยู่ยาว

แล้วคุณจะรออะไรอยู่ละ?

ใช้งานระบบ CRM บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าง่าย ๆ เลยตอนนี้!

Crm คืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

CRM คืออะไร ตัวอย่าง

ระบบ CRM หรือโปรแกรม CRM ชื่อเต็มๆคือ Customer Relationship Management หรือเรียกเป็นภาษาไทยที่ง่ายๆคือ ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและการจัดการทีมขาย โดยส่วนมากระบบจะเน้นใช้งานเพื่อจัดการพฤติกรรมและข้อมูลลูกค้าเป็นส่วนใหญ่เช่น ข้อมูลบริษัท ลูกค้า ช่องทางการสื่อสารกับลูกค้า สินค้าและพฤติกรรมการซื้อเป็นต้น เพื่อให้องค์กร ...

CRM มีของอะไรบ้าง

CRM Software ที่มีดังๆ ในตลาด.
Salesforce..
Pipedrive..
Insightly..
Microsoft Dynamic CRM..
Sugar CRM..
Zendesk..
vTigerCRM..

ความหมายของ CRM คืออะไร

CRM หมายถึงระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management) ในปัจจุบัน เมื่อคุณได้ยินเกี่ยวกับ CRM แล้ว ส่วนใหญ่จะหมายถึงซอฟต์แวร์ CRM ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำหน้าที่เป็นที่เก็บข้อมูลเดียวเพื่อนำกิจกรรมด้านการขาย การตลาด การสนับสนุนลูกค้ามารวมกัน และปรับปรุงกระบวนการ นโยบาย และบุคลากรของคุณในแพลตฟอร์มเดียว ...

CRM ใช้ทำอะไร

CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management หมายถึง การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือความพึงพอใจของลูกค้าหรือผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า ตั้งแต่การนำเสนอสินค้าหรือบริการ ไปจนถึงการทำให้เกิดการซื้อซ้ำๆ เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุก Customer Journey ของลูกค้าอย่างแท้จริง เช่น ออกแบบ ...