ในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมยุคปัจจุบันซึ่งมนุษย์พยายามควบคุมสิ่งแวดล้อม ต้องการความสะดวกสบาย โดยอยู่บนพื้นฐานกระบวนการทางอุตสาหกรรมเป็นกระแสหลัก ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะของเสีย (Waste) ที่เกิดขึ้นจำนวนมหาศาลได้ทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมทั้งในรูปของแข็ง ของเหลวและก๊าซ ของเสียที่ทิ้งสู่สิ่งแวดล้อมมี 2 ลักษณะ คือ ของเสียที่เกิดจากการสงเคราะห์ทางเคมี เป็นวัสดุใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนตามธรรมชาติ เมื่อทิ้งสู่สิ่งแวดล้อมแล้วธรรมชาติไม่สามารถกำจัดได้ เช่น พลาสติก ยูรีเทน น้ำมันเครื่อง เป็นต้น แม้ทิ้งเพียงเล็กน้อยธรรมชาติก็ไม่สามารถกำจัดได้ และ ของเสียอีกลักษณะหนึ่งเป็นของเสียที่เริ่มต้นได้มาจากธรรมชาติ เช่น เศษแป้งหรือน้ำตาลจากโรงงานทำอาหาร เป็นต้น เมื่อทิ้งปริมาณไม่มากสิ่งแวดล้อมสามารถกำจัดให้หมดไปได้ แต่ถ้าปริมาณมากก็ไม่สามารถกำจัดได้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์ทิ้งลงไปเหล่านี้ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติไปจากเดิมแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบกลับมาหามนุษย์ในที่สุดได้ ดังนั้นวิถีการดำรงชีวิตของคนในยุคปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงต่อความสมดุลทางธรรมชาติของสิ่งแวดล้อมในอนาคต มนุษย์มีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างแนบแน่นในอดีตปัญหาเรื่องความสมดุลย์ของธรรมชาติตามระบบนิเวศยังไม่เกิดขึ้นมากนัก ทั้งนี้เนื่องจากผู้คนในยุคต้น ๆ นั้น มีชีวิตอยู่ใต้อิทธิพลของธรรมชาติ ความเปลี่ยนแปลงทางด้านธรรมชาติและสภาวะแวดล้อมเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงอยู่ในวิสัยที่ธรรมชาติสามารถปรับดุลย์ของตัวเองได้
• ปัญหาทางด้านภาวะมลพิษที่เกี่ยวกับน้ำ • ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมสลายและหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว เช่น น้ำมัน แร่ธาตุ ป่าไม้ พืช สัตว์ ทั้งที่เป็นอาหารและที่ควรจะอนุรักษ์ไว้เพื่อการศึกษา • ปัญหาที่เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานและชุมชนของมนุษย์ เช่น การวางผังเมืองและชุมชนไม่ ถูกต้อง ทำให้เกิดการแออัดยัดเยียด ใช้ทรัพยากรผิดประเภทและลักษณะ ตลอดจนปัญหาแหล่งเสื่อมโทรมและปัญหาจากของเหลือทิ้งอันได้แก่มูลฝอย สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม ผลที่เกิดจากปัญหาสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมของชาติ ประเทศไทยก็ไม่แตกต่างไปจากที่กล่าวมา และสภาพของความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ฐานะของประเทศก้าวรุดไปข้างหน้า การพัฒนาโดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติเป็นพื้นฐาน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับด้านเดียวนั้นได้ทำให้สภาพแวดล้อมของชาติตกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมจนเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นปัญหาพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเหลืออยู่เพียง 25% ของพื้นที่ประเทศ การลดลงอย่างรวดเร็วของพื้นที่ป่าไม้นั้น เกิดจากการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ปัญหาที่ดิน ซึ่งมีการใช้ที่ผิด ๆ อยู่เสมอ ๆ ปัจจุบันพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ ถูกใช้เพื่อการเกษตรโดยขาดการวางแผน ซึ่งทำให้ยากต่อการป้องกันและแก้ไขความเสื่อมของดิน หรือการนำพื้นที่ดินที่เหมาะสมต่อการเกษตรไปใช้ประโยชน์ในการตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยของชุมชน ตลอดจนความขัดแย้งในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การทำเหมืองแร่ในป่าสงวนหรือการสร้างเขื่อนในเขตป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร ปัญหาน้ำเสีย ซึ่งเกิดจากการปล่อยของเสียจากแหล่งชุมชน จากโรงงานอุตสาหกรรม จนทำให้แหล่งน้ำเสื่อมคุณภาพ ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำที่สะอาด ปัญหามลพิษของอากาศ ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ยานพาหนะ ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ปริมาณของสารพิษ อาทิ คาร์บอนมานอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน ตะกั่ว และฝุ่นละอองปะปนอยู่ในอากาศมาก จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพและทรัพย์สิน ปัญหาเสียงอึกทึก ที่เกิดจากยานพาหนะโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดอยู่ในชุมชนใหญ่ ๆ ที่มีประชากรอยู่หนาแน่น อาทิ กรุงเทพฯ เป็นต้น ปัญหาขยะมูลฝอยที่เกิดจากการทิ้งของเสียจากชุมชนที่มีอัตรามากเกินกว่าจะเก็บทำลายได้หมด นอกจากนี้การทิ้งขยะมูลฝอยแบบมักง่ายยังได้ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นกับสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ อาทิ น้ำเน่าเสีย อากาศเป็นพิษ ปัญหาสารเป็นพิษ ซึ่งเกิดจากสารเคมีที่ใช้ปราบศัตรูพืชและสารพิษที่เป็นโลหะหนักจากโรงงานอุตสาหกรรมและรถยนต์ สารเคมีที่ใช้ในอาหาร ซึ่งบางชนิดใช้เวลานานกว่าจะสลายตัวจากการสำรวจได้พบสารพิษตกค้างอยู่ในผักในดินที่เพาะปลูก ในแหล่งน้ำ สัตว์น้ำ ซึ่งได้มีการสะสมตัวเองเพิ่มมากขึ้นจนส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูงเกินความปลอดภัยต่อชีวิต ความสำคัญประการหนึ่งในการที่จะรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมของชาติเอาไว้ให้ได้ก็คือ การจะต้องเข้าใจว่า ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น การใช้วิธีการแก้ไขเป็นจุด ๆ ไปนั้นไม่เป็นการช่วยให้ปัญหานั้นยุติลงได้ ซึ่งสามารถให้ผลดีได้เพียงชั่วคราว แต่อาจกลายเป็นปัญหาให้เกิดกับสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ได้อีก การแก้ปัญหาที่ถูกต้องนั้นจะต้องใช้หลักวิชาของนิเวศวิทยามาช่วยในการจัดการกับทรัพยากรธรรมชาติ ศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทุกครั้งเพื่อที่จะให้สิ่งแวดล้อมของชาติ ไม่ถูกทำลายให้เสื่อมโทรมไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเพื่อที่จะรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมของชาติให้ดีไว้ตลอดไป |