เดิมนั้นยูโกสลาเวียอยู่ใต้อาณัติของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีซึ่งขณะนั้นมีเพียงเซอร์เบียและมอนเตเนโกรที่เป็นรัฐอิสระ ต่อมาเมื่อ ค.ศ. 1918 ทั้งฝ่ายเซอร์เบีย โครเอเชีย และสโลวีเนียได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ “ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย” ปกครองโดยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์แห่งเซอร์เบีย ถึง ค.ศ. 1934 กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ถูกปลงพระชนม์มกุฎราชกุมารเป็นรัชทายาท แต่อยู่ภายใต้การดูแลของคณะผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ค.ศ. 1944 จอมพลโจซิฟ ติโต้ ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์เข้ายึดยูโกสลาเวียแล้วแต่งตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีจัดการเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย” จอมพลติโต้นี้เองที่ถือเป็นบุรุษเหล็กสามารถทาให้ยูโกสลาเวียรวมตัวกันได้เหนียวแน่น ซึ่งประกอบไปด้วย 6 สาธารณรัฐ ได้แก่ โครเอเชีย สโลวีเนีย เซอร์เบียมอนเตเนโกร มาซิโดเนีย บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา(ซึ่งต่อมาก็แยกตัวออกเป็นคนละประเทศ) นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีอีก 2 มณฑลอิสระคือ โคโซโวและวอยวอดินา ปัญหาที่เกิดขึ้นในยูโกสลาเวียเป็นเรื่องของเชื้อชาติ ศาสนา ประวัติศาสตร์ เช่น สโลวีเนียและโครเอเชียตั้งอยู่ทางตะวันตกและทางเหนือ เคยอยู่ในอาณัติของอาณาจักรโรมันก่อนจะสืบทอดมาถึงจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี วัฒนธรรมส่วนใหญ่จึงค่อนไปทางยุโรป เป็นศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ส่วนรัฐอื่นๆตั้งอยู่ทางใต้เคยอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรไบแซนไทน์และจักรวรรดิออตโตมานพื้นฐานของวัฒนธรรมเป็นแบบมุสลิม บ้างก็ไปข้างศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ นี่เป็นการพูดถึงพื้นฐานอย่างกว้างๆซึ่งเป็นต้นตอของความขัดแย้งที่ดารงอยู่ลึกๆตลอดเวลาแม้จะรวมตัวเป็นประเทศเดียวกัน จอมพลโจซิฟ ติโต้จะบอกให้เขาเป็นคอมมิวนิสต์ก็ได้ เป็นจอมเผด็จการก็ได้ แต่ต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งที่ติโต้สามารถสร้างเอกภาพของความแตกต่างหลากหลายในแต่ละสาธารณรัฐให้รวมตัวเป็นประเทศหนึ่งเดียวได้เคยมีผู้นิยมชมชอบความสามารถของติโต้เกี่ยวกับเรื่องนี้สะท้อนความเห็นว่าเอกภาพทั้งหมดที่ทาให้ยูโกสลาเวียรวมตัวกันอยู่ได้นานน่าจะมี 3-4 เหตุปัจจัย ซึ่งจะจริงหรือไม่จริงไม่ทราบ? แต่ผมว่าน่าสนใจรับฟังเอาไว้
1. คงเป็นบารมีส่วนตัวของติโต้ รวมทั้งการใช้อานาจอย่างเด็ดขาดและเข้มแข็งในสไตล์เผด็จการ องค์ประกอบเหล่านี้ทาให้เขาสามารถกดอานาจอื่นๆเอาไว้ได้ 2. การที่เขาเป็นกึ่งคอมมิวนิสต์และกึ่งเผด็จการ เข้าใจว่าการใช้อุดมการณ์สังคมนิยมเป็นลัทธิและระบอบในการครอบงาปกครองประเทศ เพราะการหล่อหลอมโดยหลักการสังคมนิยมนั่นเองอาจเป็นอีกปัจจัยที่สามารถกดและทาให้แต่ละสาธารณรัฐไม่อาจคิดไปเป็นอื่นหรือแยกตัวเองออกไป 3. การปกครองของติโต้นั้นเป็นการผูกขาดทางอานาจ เขาประกาศใช้รัฐธรรมนูญให้ตัวเองเป็นผู้นาตลอดกาลเงื่อนไขเช่นนี้จึงเท่ากับเป็นการควบคุมอานาจเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จยากที่ใครจะกระด้างกระเดื่องสี่…น่าจะมีส่วนจากอิทธิพลบารมีของสหภาพโซเวียตในตอนนั้นซึ่งคอยช่วยเหลือประคับประคองต่อกัน จนกระทั่ง ค.ศ. 1980 จอมพลติโต้ถึงแก่อสัญกรรม พลันนั้นรอยร้าวต่างๆที่สะสมตัวมานานทั้งด้านวัฒนธรรมศาสนา และประวัติศาสตร์ ก็ถึงจุดที่ระเบิดออก เริ่มจาก ค.ศ. 1989 เมื่อสโลโบดัน มิโลเซวิชได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อีก 2 ปีถัดมาโครเอเชียและสโลวีเนียก็ประกาศเอกราชในช่วงที่มีการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ถัดไปอีกปีบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาก็แยกตัวเป็นเอกราชอีก จากนั้นในแต่ละดินแดนก็วุ่นวายสับสน บางแห่งมีการสู้รบเข่นฆ่ากันเองตายเป็นเบือ จนทุกวันนี้ยูโกสลาเวียถูกแยกออกเป็น 8 ประเทศผมมีข้อคิดว่าอานาจผูกขาดที่มีมหาบุรุษอย่างติโต้เป็นศูนย์กลาง เมื่อมหาบุรุษสิ้นไปพร้อมกับการล่มสลายของลัทธิที่ผูกติดอยู่กับศรัทธาของตัวบุคคลมันไม่มีอะไรเป็นสายเส้นโยงใยยึดเอาไว้อีก ทุกอย่างที่เคยยิ่งใหญ่ก็ย่อมแตกสลาย จนกระทั่ง ค.ศ. 1980 จอมพลติโต้ถึงแก่อสัญกรรม พลันนั้นรอยร้าวต่างๆที่สะสมตัวมานานทั้งด้านวัฒนธรรมศาสนา และประวัติศาสตร์ ก็ถึงจุดที่ระเบิดออก เริ่มจาก ค.ศ. 1989 เมื่อสโลโบดัน มิโลเซวิชได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อีก 2 ปีถัดมาโครเอเชียและสโลวีเนียก็ประกาศเอกราชในช่วงที่มีการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ถัดไปอีกปีบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาก็แยกตัวเป็นเอกราชอีก วันที่วางขาย 26 มีนาคม 2561 ความยาว 170 หน้า (≈ 35,849 คำ) ราคาปก 170 บาท (ประหยัด 30%) การล่มสลายของยูโกสลาเวีย The Fall Of Yugoslavia ยูโกสลาเวียคือชื่อของดินแดนหนึ่งซึ่งเคยเกิดขึ้น-ตั้งอยู่และสูญสลายไป และถือเป็นดินแดนหนึ่งที่มีอายุไม่ถึง 100 ปี วันที่วางขาย 26 มีนาคม 2561 ความยาว 170 หน้า (≈ 35,849 คำ) ราคาปก 170 บาท (ประหยัด 30%) |