สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน 1.การบูรในตู้เสื้อผ้า ก็ช่วยได้ วิธีการ : • ใส่การบูรบดละเอียด 10 กรัมลงในน้ำมันมะพร้าว 1 ถ้วย• ผสมให้เข้ากัน• นำมาทาบริเวณที่มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ• ถูหรือนวดเบาๆ ประมาณ 5 -10 นาที หรือปล่อยให้น้ำมันซึมลงผิว• ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ค้างคืน เพื่อให้การบูรช่วยควบคุมภาวะเหงื่อออกมากเกินไปในระหว่างการนอนหลับ• เพื่อให้เห็นผลที่ดีให้ทำซ้ำทุกวัน 2. ชาดอกคาโมมายล์ หอม ชื่นใจ แถมไม่มีเหงื่อ ดอกคาโมไมล์ที่มีกลิ่นหอมมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและสามารถขจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นได้ 3. น้ำส้มสายชูกำจัดเหงื่อที่เท้า *วิธีการ : * • เติมน้ำสะอาด 1 ลิตรในอ่างแช่เท้า• เติมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยแล้วผสมให้เข้ากัน สามารถใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือ น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ แทนน้ำส้มสายชูธรรมดาก็ได้นะคะ• แช่เท้าในน้ำประมาณ 30 นาที• เช็ดเท้าให้แห้ง วิธีนี้จะช่วยควบคุมเหงื่อที่ออกมากเป็นพิเศษได้อย่างดี และช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกและทำให้เท้าของคุณแห้งสนิท บอกลาเหงื่อและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้เลยค่ะ 4. ใช้เกลือเป็นส่วนผสม วิธีการ: 5. ถั่วเขียว และน้ำนม พิชิตเหงื่อบริเวณหน้าและลำคอ *วิธีการ : * • นำถั่วเขียว 1 ช้อนโต๊ะมาคั่วในกระทะ• นำมาบดให้เป็นผงละเอียด• เติมนม 1 ช้อนโต๊ะลงไป ผสมให้เข้ากัน• นำมาทาบริเวณหน้าและลำคอ• ทิ้งไว้ 15 – 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น• ทำซ้ำ 2 -3 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยลดปริมาณเหงื่อที่ออกบริเวณใบหน้าและลำคอได้อย่างดี 6. น้ำจากต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี (Wheatgrass Juice) *วิธีการ : * • ดื่มน้ำจากต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี 1 ถ้วยทุกเช้าตอนท้องว่าง หากใครทานเพียวๆ ไม่ได้ ให้นำน้ำจากต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี 1 ถ้วยมาผสมกับน้ำก่อนแล้วค่อยดื่มนะคะ•
วิธีนี้จะช่วยลดปัญหาเหงื่อออกมากได้อย่างดี ต้นกล้าอ่อนข้าวสาลีอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด 7. น้ำแตงกวาลดเหงื่อที่หน้า *วิธีการ : * • นำแตงกวา 1 ลูกมาคั้นน้ำแตงกวา• นำน้ำแตงกวาคั้นไปแช่ในตู้เย็น 1 – 2 ชั่วโมง หรือจะทิ้งไว้ 2 – 3 วันก็ได้• นำสำลีแผ่นมาจุ่มในน้ำแตงกวา และนำมาวางไว้ที่ใบหน้า• ทิ้งไว้ 20 นาที หรือจนกว่าจะแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด• ทำแบบนี้ 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลาไม่กี่สัปดาห์แล้วเพื่อนๆ จะพบถึงความเปลี่ยนแปลงกับเหงื่อที่ออกบริเวณใบหน้าได้อย่างชัดเจน เพราะแตงกวามีฤทธิ์สมานแผลและช่วยในการควบคุมเหงื่อได้ด้วยค่ะ คราวนี้ความเครียด หรือความอายที่มีก็จะหมดไป แถมของที่เราแนะนำก็หาได้ง่ายตามท้องตลาด เพื่อนๆลองเลือกสูตรที่คิดว่าเข้ากับเรา และลองทำเป็นประจำดูนะคะ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆ แนะนำว่าให้ลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง
และจะได้รักษาอย่างตรงจุดค่ะ วันนี้ไปก่อนน้า บ๊ายบาย >///< ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook |