คุณผู้หญิงหลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้มาก่อนเลยว่า "อาการคัน" บริเวณจุดซ่อนเร้นบ่อย ๆ เกิดจากอะไร Show หลายคงคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ และไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ความจริงแล้วจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการคัน • การโกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้น ผู้หญิงส่วนหนึ่งที่มีปัญหาหลังการโกนขนจะทำให้เกิดการคันเมื่อขนเริ่มงอกใหม่ อาจต้องปรับเปลี่ยนวิธี เช่น ใช้การตัด เล็ม หรือ การแวกซ์ขนแทน เพื่อป้องกันอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ • สารเคมี สารเคมีบางชนิดมีผลทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นต้น • การติดเชื้อรา การติดเชื้อราบริเวณ หรือภายใน อวัยวะเพศ มักจะพบได้บ่อย ส่งผลให้เกิดอาการคัน แสบร้อน ไปจนถึงอาจมีตกขาวเป็นก้อนไหลออกมา • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบได้มากของคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ส่งผลให้เกิดโรค หนองในแท้ หนองในเทียม หูด หรือเริม ส่งผลให้เกิดความคัน วิธีป้องกัน • เลี่ยงการใส่เสื้อผ้า ชุดชั้นในที่รัดแน่นจนเกินไป • ห้ามเกาผิวหนังบริเวณจุดซ่อนเร้น เพราะอาจทำให้การระคายเคืองรุนแรงขึ้นได้ • เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4-5 ชั่วโมง ในช่วงมีประจำเดือน • เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ส่งผลให้เกิดความคัน • หากเกิดอาการคันแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการคันจะดีหรือหายไป • ทำความสะอาดอวัยวะจากหน้าไปหลังให้สะอาด
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ศูนย์ตรวจสุขภาพสตรี โทร 02-363-2000 ต่อ 2201-2202 รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดี ๆ ได้ที่ Facebook : Paolo
Hospital Samutprakarn คันในร่มผ้า อาการคันยุบยิบที่ทำให้สาว ๆ ไม่สบายตัว เกิดจากอะไร มาดูกัน พร้อมวิธีการดูแลตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดอาการคันในร่มผ้าค่ะ อาการคันในร่มผ้า
หรือคันบริเวณขาหนีบที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่การระคายเคืองทั่วไป ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อต่าง ๆ ไปจนถึงโรคภัยไข้เจ็บที่กระทบต่อสุขภาพ ดังนั้นเมื่อมีอาการก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย ต้องรีบหาทางดูแลรักษาให้ตรงจุด วันนี้เราจะพาสาว ๆ ทุกคนมารู้จักกับอาการคันยุบยิบบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง พร้อมวิธีดูแลตัวเองกันค่ะ คันในร่มผ้า สาเหตุเกิดจากอะไรอาการคันในร่มผ้าของสาว ๆ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้ 1. การระคายเคืองจากสารเคมีหรืออาการแพ้ มักเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี เช่น ขอบยางชุดชั้นใน ผ้าอนามัย น้ำยาซักผ้า ถุงยางอนามัย สบู่ ครีม หรือโลชั่น และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เป็นต้น ทำให้เกิดการระคายเคืองกับบริเวณที่บอบบางอย่างจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้ การเสียดสีของชุดชั้นใน รอยพับที่ผิวหนัง หรือแม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์ก็อาจทำให้เกิดอาการคันในบริเวณนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หากเกิดอาการคันในร่มผ้าจากการระคายเคือง ไม่ควรเกาหรือถู เพราะจะยิ่งทำให้คันมากขึ้นและอักเสบได้ จึงควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม ซึ่งจะช่วยลดการระคายเคืองลง ◆ แพ้ผ้าอนามัย แสบ คัน รักษายังไงดี ◆ คันตามขอบกางเกงใน-เสื้อใน รักษาให้หาย แก้ให้ตรงจุด 2. ความอับชื้น 3. การโกนหรือแว็กซ์ขนน้องสาว
การใช้มีดโกนหรือแว็กซ์กำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศอาจทำให้ผิวที่บอบบางเกิดการอักเสบ บวมแดง และเป็นผื่นคัน มิหนำซ้ำเวลาที่ขนขึ้นมาใหม่ ก็จะยิ่งคันมากกว่าเดิม และมีโอกาสที่จะเกิดขนคุดได้มากขึ้นด้วย จึงไม่ควรโกนหรือแว็กซ์ขนออก แต่ควรเล็มให้สั้นเพื่อป้องกันไม่ให้อับชื้น 4. การสวนล้างช่องคลอด 5. ทรีตเมนต์เพื่อความงาม ผู้หญิงหลายคนหันมาใส่ใจกับจุดซ่อนเร้นมากขึ้น ด้วยการนำทรีตเมนต์ความงามต่าง ๆ มาใช้บำรุง เช่น ทำสปา และการมาสก์บริเวณจุดซ่อนเร้น ซึ่งอาจจะทำให้เนื้อเยื่อช่องคลอดที่บอบบางและอ่อนโยนเกิดการระคายเคืองและคันได้ จึงควรใช้ครีมหรือโลชั่นที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้เพื่อปกป้องผิว รวมทั้งทำให้ผิวแห้งและสะอาด และถ้าอาการคันรุนแรงขึ้น ควรหยุดทำทรีตเมนต์นั้นทันที 6. ความเครียด ◆ 10 วิธีคลายเครียดให้หมดไป ภายในไม่กี่นาที
◆ 10 สมุนไพรคลายเครียด ช่วยผ่อนคลาย แก้เครียดง่าย ๆ ด้วยของใกล้ตัว 7. วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน ร่างกายของผู้หญิงในวัยทองจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้ผนังช่องคลอดบางและแห้ง จนเกิดการระคายเคืองและคันได้ หากเกิดจากสาเหตุนี้ สามารถใช้ครีมเอสโตรเจน หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ในช่องคลอดเพิ่มความชุ่มชื้น รวมถึงการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น กินสมุนไพรหรืออาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมน ◆ วัยทองก่อนวัย อายุ 30 กว่า ๆ ก็เป็นได้ เหวี่ยงวีนง่าย รีบเช็กสัญญาณเตือน ! ◆ 18 อาการทางกายของผู้หญิงวัยทอง พร้อมวิธีทำให้สตรองเหมือนเคย 8. โรคผิวหนังอักเสบหรือภูมิแพ้ โรคผิวหนังบางชนิดหรือภูมิแพ้เฉพาะบุคคล เช่น โรคผื่นแพ้อักเสบ โรคสะเก็ดเงิน ผื่นแพ้ผิวหนังเดอร์มาโทกราเฟีย (Dermographism) หรือโรคไลเคน พลานัส (Lichen Planus) ซึ่งเป็นอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ก็ทำให้ผิวหนังเกิดผื่นแดงและคันได้ ถ้าสงสัยว่าอาการคันในร่มผ้าเกิดจากโรคต่าง ๆ เหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อแจ้งอาการและรักษาโดยเร็ว ◆ โรคสะเก็ดเงิน ผื่นเล็ก ๆ ขึ้นตามร่างกาย ที่หลายคนไม่รู้ว่าแค่เครียดก็เป็นได้ ◆ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คัน ผิวแพ้ง่าย ดูแลอย่างไรไม่ให้ผื่นเห่อ ◆ โรคผิวหนังอักเสบติดเชื้อ มีอะไรบ้าง ผื่นคันแบบนี้ป่วยโรคอะไร 9. เชื้อรา ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราช่องคลอดที่พบบ่อยที่สุด คือ การติดเชื้อราชนิดแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) แม้จะมีอาการไม่รุนแรงนัก แต่ก็สร้างความรำคาญ เช่น แสบร้อนภายในหรือรอบ ๆ ช่องคลอด ตกขาวข้นขุ่น จับตัวเป็นก้อน ไม่มีกลิ่น ระคายเคือง รู้สึกแสบร้อนระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือขณะปัสสาวะได้ สำหรับใครที่มีอาการคันในร่มผ้าที่เกิดจากเชื้อรา สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ได้แก่ การใช้ครีมทารักษาเชื้อรา ยาเหน็บช่องคลอดที่มีส่วนผสมของน้ำมันทีทรีเจือจาง หรือยาเม็ดสำหรับรับประทาน รวมถึงเลือกกินอาหารเสริมโพรไบโอติกเป็นประจำเพื่อคืนสมดุลของแบคทีเรียและเชื้อราในช่องคลอด เช่น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ เป็นต้น ◆ เชื้อราในช่องคลอด ยังไงก็ไม่รอดถ้ายังทำ 12 พฤติกรรมนี้ ! 10. เชื้อแบคทีเรีย ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (BV) จะทำให้คุณสาว ๆ มีอาการคัน ปวด และแสบร้อนเมื่อปัสสาวะ ตกขาวสีขุ่นคล้ำและมีกลิ่นคาวคล้ายปลาเค็ม โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์ สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ กินอาหารเสริมโพรไบโอติก และควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการรุนแรงขึ้น 11. ตัวโลน แมลงขนาดเล็กที่อยู่ในกลุ่มของปรสิต และอาศัยอยู่กับร่างกายมนุษย์ พบได้มากที่สุดบริเวณอวัยวะเพศ และสามารถติดต่อกันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือการใช้สิ่งของร่วมกัน เมื่อโลนดูดเลือดของเราก็จะปล่อยน้ำลายที่มีสารก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง จึงเกิดตุ่มขึ้นตรงรอยกัด และจะมีอาการคันมาก ๆ ยิ่งเกาก็จะยิ่งติดเชื้อ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือการกำจัดขนบริเวณที่โลนอยู่ออกให้หมด และทายาหรือครีมที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงจำพวกโลนหรือเหา ◆ ตัวโลนคืออะไร คันตา คันที่ลับจนทนไม่ไหว ต้องตรวจดูแล้วล่ะ ! 12. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เช่น หนองใน หนองในเทียม โรคเริมที่อวัยวะเพศ การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) และหูดที่อวัยวะเพศ จะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองภายในหรือรอบ ๆ ช่องคลอดได้ หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาอาจเกิดปัญหาระยะยาวตามมา เช่น โรคเกี่ยวกับกระดูกเชิงกรานอักเสบ ภาวะการมีบุตรยาก หรือภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนี้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคยังสามารถถ่ายทอดถึงทารกที่อยู่ในครรภ์ได้ ◆ โรคหนองในแท้ หนองในเทียม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิต ◆ เริมที่อวัยวะเพศ เกิดจากอะไร อาการเป็นแบบไหน รักษายังไงได้บ้าง ◆ หูดหงอนไก่...ของฝากตัวร้ายที่ติดต่อได้จากเพศสัมพันธ์ 13. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะ ไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปวดกระดูกเชิงกราน รู้สึกแสบร้อนเวลาปัสสาวะ และปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น ซึ่งถ้าบริเวณที่ติดเชื้ออยู่ใกล้ท่อปัสสาวะจะทำให้มีอาการคันในร่มผ้าร่วมด้วย หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและหาแบคทีเรีย รวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะในการรักษา 14. โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมักจะมีผิวที่แห้ง ทำให้เกิดความผิดปกติทางผิวหนังต่าง ๆ เช่น ตุ่มนูนแข็ง ผิวหนังหนาเป็นปื้น รวมถึงอาการคันในร่มผ้าบริเวณก้นและอวัยวะเพศ สามารถรักษาด้วยการใช้โลชั่นหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้น และควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติอยู่เสมอ 15. โรคมะเร็งปากช่องคลอด ถ้ามีอาการคัน เลือดออกผิดปกติ หรือปวดบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปากช่องคลอด ซึ่งแม้โรคนี้จะพบได้ยาก แต่ถ้าเกิดอาการขึ้นมาก็ไม่ควรเพิกเฉย เพราะถ้าตรวจเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถรักษาให้หายขาดได้นะคะ คันในร่มผ้า รุนแรงแค่ไหนถึงควรไปพบแพทย์
เมื่อสาว ๆ เกิดอาการคันในร่มผ้า อย่าปล่อยปละละเลย ควรสังเกตตัวเองว่าอาการคันที่เป็นผิดปกติหรือไม่ และรีบไปหาหมอ เมื่อเกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้ - อาการคันรุนแรง และเริ่มรบกวนชีวิตประจำวันหรือการนอนหลับ โดยแพทย์อาจทำการตรวจบริเวณอวัยวะเพศ และซักถามอาการ จึงสามารถวินิจฉัยโรคที่เป็น พร้อมให้การรักษาที่ถูกวิธีต่อไป ซึ่งอาจแนะนำให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือใช้ยารักษาร่วมด้วย คันในร่มผ้า ใช้ยาทาแบบไหน ต้องกินยาอะไร ?วิธีรักษาอาการคันในร่มผ้า สามารถทำได้ทั้งใช้ยาทาและยากิน ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาให้ละเอียดว่า อาการคันนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร หรือควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์และเภสัชกร เพื่อให้ได้ยาในกลุ่มที่ถูกต้องและรักษาได้ตรงจุดที่สุด โดยยาทาและยากินที่นิยมใช้บรรเทาและรักษาอาการคันในร่มผ้า มีกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้ • กลุ่ม Corticosteroid เช่น Hydrocortisone หรือ Clobetasol เป็นยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สำหรับรักษาอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หรือโรค Lichen Sclerosus • กลุ่ม Metronidazole (Flagyl), Metronidazole (MetroGel) gel หรือครีม Clindamycin (Cleocin) สำหรับรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย • ยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาอาการคันที่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในเทียม โรคหนองใน และ Trichomoniasis • กลุ่มครีมหรือยาเหน็บต้านเชื้อรา เช่น Miconazole (Monistat 1), Clotrimazole, Butoconazole หรือ Tioconazole (Vagistat-1) หรือยาต้านเชื้อรา เช่น Fluconazole (Diflucan) สำหรับรักษาอาการคันที่เกิดจากการติดเชื้อรา • ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน สำหรับอาการคันที่เกิดจากภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน • กลุ่มยาแก้แพ้ (Antihistamine) บรรเทาอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้ นอกจากนี้อาจมียากลุ่มอื่น ๆ ที่แพทย์จะสั่งให้ ในกรณีที่อาการคันเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วด้วย คันในร่มผ้า ดูแลและป้องกันอย่างไร ?
สาว ๆ สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลตัวเองง่าย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงอาการคันในร่มผ้าได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้ • ไม่ควรเกาหรือถูบริเวณจุดซ่อนเร้น
เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรงและอักเสบได้ อาการคันในร่มผ้า หรือคันบริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอด เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย เมื่อรู้สาเหตุแล้ว
ก็จะรักษาและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องคันอีกต่อไป ! |