Show
ระบบ OSI 7 Layers มีไว้ทำไม?ในปัจจุบันการใช้ Network เป็นที่แพร่หลาย ซึ่งใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การดูหนัง ฟังเพลง หรือการสื่อสารกัน ดังนั้นในการใช้ Network นั้น ต้องมีตัวกลางหรือค่ามาตรฐานกลาง ที่เรียกว่า OSI 7 Layers หรือ Open System Interconnection 7 Layers ซึ่งจะมาช่วยทำให้ง่ายต่อการจัดการพัฒนา แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งองค์การ ISO หรือ International Organization for Standard เป็นผู้กำหนดมาตราฐานนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นมาตราฐานของการสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ OSI 7 Layers มีอะไรบ้าง ?ในที่นี้เราจะอธิบายให้ทุกท่านได้เห็นภาพของชั้น Layer ต่างๆ ตาม OSI Model ดังนี้ ชั้นที่ 1 Physical LayerPhysical Layer หรือชั้นกายภาพ ซึ่งมีหน้าที่กำหนดมาตราฐานของสัญญาณทางไฟฟ้า มาตราฐานของ Conector สายไฟต่างๆ มาตราฐานของสาย Coaxial, Lan, Fiber Optic รวมทั้งแรงดันทางไฟฟ้าและมีหน่วยการรับส่งข้อมูลเป็น Bits ชั้นที่ 2 Data Link LayerData Link Layer หรือชั้นสื่อกลางของการส่งข้อมูล เนื่องจากข้อมูลจากชั้นสื่อสารฟิสิคัลอาจมีสัญญาณรบกวนหรือข้อผิดพลาดปะปนมาพร้อมกับสัญญาณ ดังนั้นชั้น Data Link จึงต้องมีกระบวนการตรวจจับ และแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ข้อมูลที่อยู่ใน Layer นี้ จะมีลักษณะเป็น Frame คือมีส่วนหัว(Header) และส่วนท้าย(Trailer) ปะมาด้วยส่วนของ Header จะมีข้อมูลที่ใช้ในการส่ง เช่นตำแหน่งของผู้รับ ชนิดของ Frame ส่วนของ Trailer จะเป็นข้อมูลที่เอาไว้เช็คความถูกต้องของข้อมูล Layer นี้มีข้อกำหนดมาตราฐานที่ใช้ในการโอนถ่ายข้อมูล ที่เรียกว่า Protocol มีหน่วยข้อมูลคือ Frame โดยแบ่งหน้าที่ออกเป็น
ตัวอย่างของ Protocol เช่น Ethernet, Token Ring, IEEE 802.3/202.2, Frame Relay, FDDI, HDLC, ATM, MPLS ชั้นที่ 3 Network LayerNetwork Layer หรือชั้นที่จัดการเรื่องติดต่อสื่อสารข้ามผ่านระบบ Network การส่งข้อมูลจากโฮสต์หนึ่งไปยังอีกโฮสต์หนึ่งในเครือข่ายที่ต่างกัน เป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Layer 2 กับ Layer 4 มีหน่วยข้อมูลคือ Packets โดยแบ่งหน้าที่ออกเป็น
ตัวอย่างของ Protocol เช่น IP, Novell IPX, ARP, ICMP ชั้นที่ 4 Transport LayerTransport Layer ทำหน้าที่ส่งมอบข้อมูลในลักษณะ Process-to-Processโดยการส่งมอบข้อมูลระหว่างโปรเซสจากต้นทางไปยังปลายทางต้องทำได้อย่างถูกต้อง โดยโปรเซส คือ โปรแกรมประยุกต์ใดๆ ที่รันอยู่บนเครื่องโฮสต์ โดยแบ่งหน้าที่ออกเป็น
ตัวอย่างของ Protocol เช่น TCP, UDP, SPX ชั้นที่ 5 Session LayerSession Layer เป็นชั้นที่ทำหน้าที่ควบคุมการสื่อสาร การจัดการแลกเปลี่ยนข่าวสารที่เกิดขึ้นระหว่างโฮสต์ ซึ่งอาจโต้ตอบกันแบบ Simplex, Haft-duplexหรือ Full-Duplex โดยการสื่อสารที่กำลังดำเนินการอยู่ ณ ขณะใดขณะหนึ่งเรียกว่า Session ซึ่งหลายๆ Session อาจเกิดจากการทำงานของคนเพียงคนเดียว หรือหลายคนก็ได้ เช่น การสนทนา โดยแบ่งหน้าที่ออกเป็น
ชั้นที่ 6 Presentation LayerPresentation Layer เป็นชั้นสื่อสารที่นำเสนอเกี่ยวกับการแปลงข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และการบีบอัดข้อมูลให้มีรูปแบบและความหมายเดียวกันเนื่องจากคอมพิวเตอร์แต่ละระดับ อาจใช้รหัสแทนข้อมูลที่แตกต่างกันได้ เช่น บนพีซีใช้รหัส ASCII หรือ Unicode ส่วนเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ใช้รหัส EBCDIC ซึ่งถ้าไม่มีกระบวนการจัดการกับรหัสแทนข้อมูลที่แตกต่างกัน จะทำให้การนำเสนอข้อมูลระหว่างสองระบบเกิดความผิดพลาด โดยแบ่งหน้าที่ออกเป็น
เป็นชั้นสื่อสารที่มุ่งเน้นการติดต่อกับผู้ใช้ อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ โดยจะมี User Interface เพื่อสนับสนุนงานบริการต่างๆ เช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การเข้าถึงข้อมูลและถ่ายโอนข้อมูล และการบริการอื่นๆ ชั้นที่ 7 Application LayerApplication Layer เป็น Layer ที่อยู๋ใกล้กับ Users มากที่สุด โดยจะเป็น Protocol ต่างๆที่ใช้ในการสื่อสารกับ Users เช่น HTTP, FTP, HTTPS นิยมใช้กับ Software เพื่อง่ายต่อการใช้งานและเข้าถึงกับ Users เช่น หาก Users ต้องการใช้ Protocol HTTP เพื่อท่องโลก Internet ก็จะใช้ Browser เช่น Firefox, Chrome, etc เพื่อเรียกใช้ Protocol ดังกล่าวนั่นเอง ตัวอย่างงานบริการบนชั้น Application Layer
อธิบาย OSI 7 Layers ในมุมมองของผู้ส่งข้อมูล-ผู้รับข้อมูลOSI 7 Layers ก็คือระบบมาตรฐานกลาง ที่ทำให้เราเข้าทำให้ง่ายต่อการจัดการพัฒนา แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ดังที่กล่าวไป อธิบายการทำงานง่ายๆ เบื้องต้นให้เห็นภาพก็คือ OSI 7 Layers เปรียบเทียบกับ TCP/IPTCP/IP หรือ Transmission Control Protocol / Internet Protocol เป็นชุดโปรโตคอลการสื่อสารที่ใช้อุปกรณ์เครือข่ายที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ได้รับการพัฒนาโดย ARPANET ซึ่งมีการจัดเรียงอยู่ 4 Layers ทำให้สามารถเปรียบเทียบกับ OSI Model ได้ง่าย ชั้น Applicationชั้น Application ของ TCP/IP จะเสมือนรวมชั้น Application ชั้น Presentation และชั้น Session เข้าเป็นชั้นเดียวกันโดยมีหน้าที่เป็นส่วนในการติดต่อระหว่างผู้ใช้งานกับ ส่วนบริการต่างๆ เช่น การโอนย้านไฟล์ (FTP), การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (SMTP) หรือบริการในการควบคุมเครื่องระยะไกล (Telnet) ตัวอย่างของ Protocol
ชั้น Transportชั้น Transport ของ TCP/IP จะทำน้าที่เช่นเดียวกับ Transport ของ OSI Model คือ จัดเตรียมข้อมูลในการรับ-ส่ง เพื่อควบคุมการรับ-ส่งข้อมูลให้มีเสถียรภาพเชื่อถือได้ รวมทั้งการตัดแบ่งข้อมูลเป็นส่วนย่อย ตัวอย่างของ Protocol
ชั้น Internetชั้น Internet จะทำหน้าที่เช่นเดียวกับชั้น Network ของ OSI Model ในการเลือกเส้นทางการส่งข้อมูลรวมทั้งสร้างสภาวะการเชื่อมต่อ และ สภาวะยกเลิกการเชื่อมต่อ ตัวอย่างของ Protocol
ชั้น Network Interfaceชั้น Network Interface จะทำหน้าที่แปลง IP Address เป็นหมายเลขประจำตัวทางฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์เครือข่าย เพื่อใช้ในการรับ-ส่งข้อมูลในระดับกายภาพ รวมทั้งการสร้างสัญญาณไฟฟ้าสำหรับการรับ-ส่งข้อมูลตามมาตรฐานทางฮาร์ดแวร์ที่ใช้ เช่น ระบบ อีเธอร์เน็ต หรือ โทเค็นริง ซึ่งจะคล้ายกับการรวม ชั้น Data Link และ ชั้น Physical ของ OSI Model เข้าด้วยกัน ตัวอย่างของ Protocol Ethernet, Token Ring, IEEE 802.3/202.2 |