ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ

ควรหาเอกสารชั้นต้นในเรื่องนี้มาอ่านให้ได้ครับ ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญชมพูผู้มีอินทรเนตรอันทรงฤทธิ์จะหามาได้ไหมหนอ

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า

ประกอบ

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 01:24


ฮิฮิ ตามลายแทงไปอ่านแล้วครับ

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า


วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์

เพ็ญชมพู

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 08:20


คำตอบคงอยู่ตรงนี้

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ

ความสุขในครอบครัวเล็กๆนี้เพิ่มขึ้นอีกเมื่อหม่อมมณีให้กำเนิดบุตรชายคนแรก สมพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯยิ่งนัก ทายาทของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯได้รับชื่อว่า ม.ร.ว. เดชนศักดิ์ ส่วนนามสกุลคือ "ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์"

เรื่องนามสกุล เป็นเรื่องขมขื่นของสมเด็จพระปกเกล้าฯอีกเรื่อง หลังสละราชสมบัติ้เสด็จไปประทับที่อังกฤษ แทนที่จะได้อยู่อย่างสงบ เพราะไม่กีดหน้าขวางตาใครอีก ก็กลับถูกบีบคั้นกดดันจากรัฐบาลหลายเรื่องด้วยกัน

รวมทั้งเรื่องรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามฟ้องร้องต่อศาลว่าทรงขนทรัพย์สินเงินทองออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมายและยึดทรัพย์ของพระองค์ท่านรวมทั้งวังศุโขทัยไว้ด้วย ตั้งแต่คดีเพิ่งจะถึงศาล ยังไม่ได้ตัดสินว่าผิดจริง แล้วยังเรียกร้องให้เสด็จกลับมาแก้คดีในเมืองไทย

แม้เรื่องเล็กๆอย่างนามสกุลของพระนัดดาบุญธรรมก็ยังไม่วายเป็นเรื่องขัดข้องขึ้นมาอีกจนได้ เริ่มแรก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงตั้งนามสกุลสำหรับเชื้อสายพระองค์เองว่า "ศักดิเดชน์"(ณ อยุธยา) ในเชิงกฎหมายเราก็คงทราบกันแล้วว่าลูกบุญธรรมเป็นผู้มีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าลูกจริง เพราะเหตุนี้นามสกุลใหม่ที่พระราชทานให้ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯก็มีสิทธิ์จะใช้พอกับพระราชโอรสจริงๆ(ถ้าหากว่ามี) แต่เมื่อแจ้งไปทางเมืองไทยให้ทราบเป็นทางการ เรื่องกลับตาลปัตร ทางคณะผู้สำเร็จราชการกลับตอบมาว่า ไม่สามารถจะทำได้ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯมีนามสกุลเดิมอยู่แล้วคือภาณุพันธุ์ ก็ต้องใช้ภาณุพันธุ์ตามพระบิดาแท้จริง ทั้งนี้เป็นได้ว่ารัฐบาลไม่่ประสงค์จะให้พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯมีสิทธิ์ในเรื่องต่างๆที่สำคัญ เช่นสิทธิ์ในการสืบสันตติวงศ์ หรือเรื่องอะไรอื่นก็ตามที่เป็นสิทธิ์สืบเนื่องจากสมเด็จพระปกเกล้าฯ สมเด็จพระปกเกล้าฯทรงแค้นเคืองมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่พระราชทาน ศักดิเดชน์ เป็นส่วนหนึ่งของ ภาณุพันธุ์ พระนัดดาบุญธรรมน้อยๆที่เกิดมาจึงเป็น ม.ร.ว. เดชนศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า

เพ็ญชมพู

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 09:04


รัชกาลที่ ๗ ทรงตั้งพระทัยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๖ ก่อนพระนัดดาบุญธรรมคือม.ร.ว. เดชนศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์เกิด ๖ ปีว่าให้ใช้นามสกุล "ศักดิเดชน์" และจะเติมเข้ากับ "ภาณุพันธุ์" ก็ได้

เอกสารชั้นต้นในเรื่องนี้คือ พระราชหัตถเลขาถึงพระองค์เจ้าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต

สวนไกลกังวล

วันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๗๕ (พระราชหัตถเลขาฉบับนี้รัชกาลที่ ๗ ทรงเมื่อหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิ.ย.๒๔๗๕ แล้วประมาณ ๘ เดือน เพราะยังนับเดือนเมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่ ดังนั้น มี.ค.ยังใช้พ.ศ.เดิม)

ถึงลูกที่รัก

อาทิตย์นี้ฉันไม่ได้หนังสือจากเล็กอีกเปนอาทิตย์ที่ ๒ คงเปนเพราะเมล์แต่ก็เจ้ากรรมที่สุดที่มักจะยุ่งอย่างนี้ พร้อมกับเวลาที่ฉันไม่สบายที่สุดเสมอ หนังสือฉบับก่อนที่เขียนไปนั้น เล็กอาจเห็นว่าฉันตื่นอะไรต่าง ๆ ไม่เปนเรื่อง แล้วก็ไม่มีเหตุยุ่งอะไร เพราะว่ากว่าหนังสือจะไปถึงเล็กเรื่องจะมีหรือไม่มีก็แล้วไปแล้ว อย่างไรก็ดี พวกเราอยู่กันที่นี่กลัวกันจริง ๆ และตกใจกันจริง ๆ ด้วย เราทุกคนรู้ไม่ได้เลยว่าจะถูกเชือดคอเมื่อไร เสียวกันอยู่เสมอ พอมีลืออะไรกันทีหนึ่งก็ตกใจกันแทบตาย เพราะจะไม่เชื่อเสียงลือก็ไม่ได้ เข็ดจากคราวก่อนที่ไม่เชื่อกัน แล้วก็เกิดขึ้นจริง ๆ เวลานี้มีเสียงลืออะไรก็ต้องเชื่อหมด ฉันเองก็เชื่อแน่ว่าความยุ่งยากในเมืองไทยจะต้องมีต่อไปอีกอย่างน้อย ๒๐ ปี เพราะอะไร ๆ มันยุ่ง ๆไปหมด ไม่มีใครไว้ใจกันหมดทั้งเมืองไทย เวลานี้เปนนรกแท้ ๆ.......

กว่าหนังสือจะไปถึงเล็ก เรื่องมันคงเสร็จกันไปแล้วเล็กอาจเห็นฉันพูดมากไป ตื่นมากไปก็ได้ หรือจะได้รับเมื่อฉันตายแล้วก็เปนได้เหมือนกัน ถ้าฉันต้องตายในคราวนี้ ฉันอยากขอให้เล็กทำอะไรสักอย่าง คือ ต่อไปถ้าเล็กมีลูกขอให้ใช้นามสกุลว่า “ศักดิเดชน์ “ ซึ่งเปนชื่อของฉัน และจะเติมเข้ากับ “ภาณุพันธุ์” ก็ได้ แต่ฉันอยากให้มันมีติดอยู่ว่า เล็กเปนลูกของฉันจะทำให้สบายใจมาก เสียใจที่เรื่องสนุกไม่มีเสียเลย เพราะเรากำลัง gloomy กันจัง นั่งมึน และขรึมกันโดยมาก เพราะ คอย ! คอย ! คอย ! วันตาย เมื่อถึงเวลา fight จริง ๆ สบายกว่ามาก

คิดถึงเหลือเกิน

จากพ่อ

ประชาธิปก

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า

NAVARAT.C

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 10:20


พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเลี้ยงพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาตประดุจดังพระราชโอรสของพระองค์เอง สะท้อนให้เห็นในงานพระราชพิธีโกนเกศากันต์ครั้งสุดท้ายในกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.๒๔๗๑ อย่างไรก็ดีในตลอดรัชสมัย ก็มิได้ทรงประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาตเป็นพระราชบุตรบุญธรรม เพราะทรงเกรงจะเกิดจะเกิดปัญหาการสืบสันตติวงศ์เรื่องรัชทายาทของพระมหากษัตริย์นี้แหละ ทั้งๆที่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จะทรงกระทำอย่างไรก็ได้ แม้จะเลี่อนลำดับพระองค์เจ้าขึ้นเป็นเจ้าฟ้าก็มิได้ทรงกระทำ

NAVARAT.C

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 10:25


หากดูบริบททางการเมืองสมัยนั้น หลวงพิบูลสงคราม(แปลก)ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีท่ามกลางความขัดแย้ง และกำลังกำจัดผู้ต้องสงสัยทุกคนที่คิดว่าเป็นศัตรู ถ้าท่านอ่าน “ชะตากรรมของพระยาทรงสุเดช หนึ่งในสี่เสือของคณะราษฎร์”ก็คงจำได้ ในช่วงนี้มีการสร้างพยานเท็จขึ้นมาให้ร้ายกล่าวหาพวกเจ้า ซึ่งพระปกเกล้าถือเป็นหัวแถว แล้วเอาผิดเหยื่อด้วยการลงโทษประหารชีวิตถึง๑๘คน

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3363.0

จึงไม่แปลก ในเมื่อนายแปลกคิดว่าพระปกเกล้าจะลดพระองค์ลงมาเป็นหนึ่งในศัตรูของตน ก็ชอบที่จะกวนอวัยวะทุกอย่างเพื่อกลั่นแกล้งท่าน ทำร้ายร่างกายไม่ได้ก็ทำร้ายจิตใจ ดังเช่นเรื่องคดีความที่มีเป้าหมายจะยึดพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่อยู่ในเมืองไทยเป็นอาทิ

ผมจึงอยากอ่านเอกสารชั้นต้นฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วย จะได้วิเคราะห์กันให้กระจะแจ้งกว่านี้


ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า

นางมารน้อย

พาลี

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
ตอบ: 306

ทำงานแล้วค่ะ

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 11:18


" ทรงเลี้ยงพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาตประดุจดังพระราชโอรสของพระองค์เอง สะท้อนให้เห็นในงานพระราชพิธีโกนเกศากันต์ครั้งสุดท้ายในกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.๒๔๗๑"

พระราชพิธีโสกันต์ครั้งสุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์สรุปแล้วคืองานของ พระองค์จิรศักดิ์ใช่ไหมคะ เหมือนเคยได้ยินบางท่านบอกของพระองค์หญิงวิมลฉัตร

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า


สวัสดีทุกๆท่านค่ะ

เพ็ญชมพู

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 12:31


ผมจึงอยากอ่านเอกสารชั้นต้นฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วย จะได้วิเคราะห์กันให้กระจะแจ้งกว่านี้

ขอเสนอเอกสารชั้นรอง เป็น บทความเรื่อง ผลพระคุณ ธ รักษา : พัฒนาการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย (๕๑) คอลัมน์ "มุมมองสองวัย" ของ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณและอิสริยาภรณ์ อุวรรณโณ ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

สำหรับ “ความพอใจที่จะขัดพระราชดำริเสียทุกอย่าง” ของรัฐบาลก็ไม่เคยลดละ แม้กระทั่งเรื่องปลีกย่อย เช่น เมื่อสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงแจ้งคณะผู้สำเร็จราชการซึ่งมีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภาเป็นองค์ประธานให้รับทราบ เรื่องพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต พระโอรสบุญธรรมถือนามสกุล ’ศักดิเดชน์“ ตามพระนามของพระองค์ คือสมเด็จเจ้าฟ้าชายประชาธิปกศักดิเดชน์ เป็นนามสกุล หรือส่วนหนึ่งของนามสกุล และให้ประกาศเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา

คณะผู้สำเร็จราชการตอบว่า ทำไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะอนุญาตให้พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต เปลี่ยนนามสกุลจาก ’ภาณุพันธุ์“ เป็น ’ศักดิเดชน์“ เนื่องจากสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระชนกของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต เป็นต้นตระกูลของราชสกุล ’ภาณุพันธุ์“ และได้รับพระราชทานราชสกุลมาจากพระเจ้าแผ่นดิน

สมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงขัดเคืองมาก มีพระราชหัตถเลขาถึงพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาตว่า “...เรื่องนี้ต้องทำให้สำเร็จในวันหนึ่งให้ได้ และถ้าเราตายกันหมดแล้ว ก็หวังว่าหนูเดชน์ (ม.ร.ว.เดชน์ศักดิ์ โอรสในพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ –ผู้เขียน) มันจะจัดการได้ เพราะกว่ามันจะโต พวกห่าโลกต่าง ๆ คงตายไปแล้ว”

ถ้าหากเพียงต้องการให้ "ศักดิเดชน์" เป็นส่วนหนึ่งของนามสกุล ก็ต้องถือว่าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ

ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า

NAVARAT.C

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 13:01


อ้างถึง

พระราชพิธีโสกันต์ครั้งสุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์สรุปแล้วคืองานของ พระองค์จิรศักดิ์ใช่ไหมคะ เหมือนเคยได้ยินบางท่านบอกของพระองค์หญิงวิมลฉัตร

จากภาพนี้ใช้ไหมครับ เนื้อเรืองบรรยายว่าเป็นพระองค์หญิงวิมลฉัตร

ผิดครับ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ ตามรูปชุดที่แล้วครับ


ม.ร.ว.ท นศ กด ศ กด เดช ภาณ พ นธ
บันทึกการเข้า

hobo

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 13:22


พระมาลาอย่างนี้ พระองค์หญิงไม่น่าจะทรง น่าจะเป็นของเฉพาะผู้ชาย/เจ้านายฝ่ายหน้า ดูคล้ายๆ กันกับเครื่องยศประกอบเครื่องราชปฐมจุลจอมเกล้าครับ