ถ้าพูดถึงการวางแผนธุรกิจ SWOT Analysis คงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนคุ้นหูกันอยู่แล้ว แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายต่อหลายคนที่ยังไม่รู้ว่า SWOT Analysis คืออะไร? มีประโยชน์ และสามารถนำไปใช้ในการวางแผนธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน… วันนี้เรามาเจาะลึกถึงการทำ SWOT Analysis กันเลยดีกว่า ขอบอกเลยว่าใครก็ตามที่ทำ ธุรกิจ SME ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด Show
Swot Analysis คือ หลักทฤษฎีการวิเคราะห์ชนิดหนึ่งที่มักใช้วิเคราะห์สถานะขององค์กร หรือธุรกิจ โดยการวิเคราะห์ด้วยวิธีการทำ SWOT จะนำเอาจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กร รวมถึงโอกาสและอุปสรรค เข้ามาใช้พิจารณา และวิเคราะห์สถานะภาพของกิจการ เพื่อประโยชน์ในการใช้วางแผนงาน ตลอดจนการสร้างกลยุทธ์ต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ หรือดำเนินกิจการองค์กรให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงขององค์กรอย่างที่สุด Swot Analysis มีอะไรบ้างการทำ SWOT เพื่อนๆ จะต้องสามารถพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ที่แวดล้อมธุรกิจที่กำลังวิเคราะห์อยู่ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ปัจจัยสำคัญ โดย ทฤษฎี SWOT ธุรกิจ แบ่งออกเป็น ปัจจัยภายในองค์กร (Internal factors) และปัจจัยภายนอกองค์กร (External factors) ดังนี้ 1.จุดแข็ง (Strengths)จุดแข็ง คือ ข้อได้เปรียบของกิจการ หมายถึงลักษณะพิเศษหรือลักษณะเด่นขององค์กรที่เอื้อต่อการประสบความสำเร็จ สามารถนำมาใช้ประโยชน์และใช้แข่งขันกับคู่แข็งได้ ยกตัวอย่างเช่น ความสามารถเฉพาะทางของผู้ประกอบในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการนำนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินกิจการ การทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีของบุคลากรภายในองค์กร การมีความสัมพันธ์ที่ดีหรือมีพาร์ทเนอร์ที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจการขององค์กร ธุรกิจที่ทำลงทุนน้อยและคืนทุนเร็ว 2.จุดอ่อน (Weakness)จุดอ่อน คือ ข้อด้อย ข้อเสีย หรือปัญหาภายในองค์กร ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ ที่สามารถนำไปสู่ความล้มเหลวของการทำธุรกิจได้ ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาด้านการสื่อสารของบุคลากรภายในองค์กร การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ ค่าเช่าที่ในการดำเนินกิจการมีราคาสูง อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมสูง เรื่องราวน่าสนใจ 3.โอกาส (Opportunity)เกิดจากปัจจัยภายนอก ที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในแง่ของการเอื้อประโยชน์ให้กับการดำเนินกิจการของบริษัท โอกาสต่างจากจุดแข็งตรงที่ เป็นปัจจัยที่เกิดจากภายนอกองค์กรแต่ส่งผลในทางที่ดีกับองค์กร เป็นความได้เปรียบที่เอื้อต่อความสำเร็จของการดำเนินกิจการ ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลออกนโยบายที่สนับสนุนอุตสาหกรรมที่กิจการกำลังดำเนินธุรกิจอยู่ เศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น หรือการมีเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยให้การดำเนินกิจการเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น 4.อุปสรรค (Threats)อุปสรรค หมายถึงความเสียเปรียบ หรือผลเสียจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อกิจการ อาจนำมาซึ่งปัญหา และความล้มเหลวของกิจการได้ เช่น เศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น การเพิ่มค่าแรงของแรงงาน หรือ นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ถูกปรับให้สูงขึ้น ตัวอย่าง SWOTมาถึงตรงนี้ เราจะลองมาดูตัวอย่างการวิเคราะห์หรือการทำ SWOT ให้ได้เห็นภาพกันมากขึ้น ยกตัวอย่าง : ธุรกิจโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ จุดแข็ง
จุดอ่อน
โอกาส
อุปสรรค
การทำ SWOT Analysis ถือเป็นเครื่องมือสำคัญของผู้ประกอบการ หรือผู้นำองค์กร เพราะช่วยให้ผู้ประกอบการมองสภาวะภายใต้การดำเนินกิจการของธุรกิจได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ SWOT Analysis ยังมีประโยชน์ในการช่วยวางแผนการดำเนินงาน ในด้านต่างๆ ของกิจการได้ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันจุดแข็งของบริษัท การนำโอกาสที่มีมาใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ และความสำเร็จให้กับกิจการ รวมทั้งการป้องกันและวางแผนจัดการกับจุดอ่อนและอุปสรรค การจัดทำ SWOT Analysis ให้สะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกกิจการ ถือเป็นการทำ SWOT ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจธุรกิจได้อย่างแท้จริง SWOT Analysis คือ เครื่องมือวิเคราะห์แผนธุรกิจที่อยู่คู่หลักการบริหารธุรกิจมาอย่างยาวนาน เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ในบทความนี้ Good Material จะมาเล่าถึง SWOT ว่ามีประโยชน์อย่างไร อะไรคือข้อจำกัด มีหลักการเขียนและวิธีการนำไปใช้อย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของคุณได้ประโยชน์สูงสุดครับTable of Contents
SWOT คือSWOT Analysis คือ ตัวอักษร 4 ตัวที่มาจากภาษาอังกฤษ 4 คำ ประกอบด้วย Strengths , Weaknesses , Opportunities และ Threats
ประวัติและวิวัฒนาการของ SWOTประวัติของ SWOT นั้นค่อนข้างจะคลุมเครือมีที่มาจากหลายแหล่งด้วยกัน ช่วงปี 1960 ถึง 1970 (ช่วงปี พ.ศ.2503) : ในโครงการวิจัยที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด Albert Humphrey ได้พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อประเมินแผนกลยุทธ์ และค้นหาสาเหตุที่การวางแผนขององค์กรในยุคนั้นมักจะล้มเหลว โดยเขาได้บัญญัติเทคนิกการวิเคราะห์ที่ชื่อว่า SOFT โดยที่
คุณ Albert Humphrey รูปภาพจาก wikipedia.org ปี ค.ศ. 1964 หรือ (พ.ศ. 2507) : มีการกล่าวถึงคำว่า SWOT ครั้งแรกในงานสัมมนาที่ชื่อว่า Long Range Planning จัดขึ้นที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในงานนั้น Urick and Orr ได้เสนอแนวคิดการวิเคราะห์ SWOT ซึ่งได้มาจาก SOFT โดยมีการปรับเปลี่ยน แทนที่ F ที่มาจากความผิดพลาด เป็น W : Weaknesses ที่หมายถึงจุดอ่อน หลังการโปรโมทครั้งแรกแที่ประเทศอังกฤษ แนวคิดนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ช่วงปี 1982 หรือ (พ.ศ. 2525) : ได้มีอีกพัฒนาการที่สำคัญของประวัติศาสตร์การวิเคราะห์ SWOT คือ การพัฒนาเมทริกซ์โดยบุคคลที่ชื่อว่า Dr.Heinz Weihrich ได้เสนอให้ใช้เมทริกซ์ 2×2 ในการวิเคราะห์ SWOT โดยเมทริกซ์นี้ได้รับความนิยมในตอนแรกว่า TOWS Matrix ช่วงหลังทศวรรษ 1980 : SWOT ได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและเป็นส่วนสำคัญของกลไลการวางแผนเชิงกลยุทธ์ หากคุณศึกษาประวัติของเครื่องมือหรือแนวคิดการจัดการ จะมีแนวคิดที่คล้ายกันอยู่เป็นจำนวนมากในงานวิจัยต่างๆ แต่มีเพียงไม่กี่เครื่องมือที่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน จากประวัติศาสตร์จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า SWOT Analysis เป็นหนึ่งในเครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด ประโยชน์ของ SWOT Analysisประโยชน์ของ SWOT Analysis คือ คุณไม่มีต้นทุนในการใช้งานเลย หรือถ้ามีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าใจธุรกิจก็สามารถทำการวิเคราะห์ SWOT ได้ และคุณเองยังสามารถนำ SWOT ไปใช้วิเคราะห์คู่แข่งของคุณเพื่อประเมินความเป็นไปได้ของธุรกิจและการแข่งขันอีกด้วย ข้อดีอีกอย่างของ SWOT คือ การมุ่งเน้นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อธุรกิจของคุณ ดังนี้ :
ข้อจำกัดของ SWOT Analysisเมื่อคุณได้ทำการวิเคราะห์ SWOT ควรจำไว้ว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนของการวิเคราะห์แผนธุรกิจเท่านั้น สำหรับปัญหาที่ซับซ้อน คุณต้องทำการวิจัยและวิเคราะห์ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นไปอีก อีกประเด็นหนึ่งสำหรับข้อจำกัดของ SWOT Analysis คือ เครื่องมือนี้ครอบคลุมเฉพาะประเด็นที่ถือได้ว่าเป็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส หรือ ภัยคุกคามเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับปัจจัยที่มีความคลุมเครือหรือเป็นทั้งสองปัจจัยในเรื่องเดียวกัน เช่น ปัจจัยที่เป็นทั้งจุดแข็งพร้อมๆกับจุดอ่อน (ตัวอย่างเช่น คุณเปิดร้านอาหารที่อยู่ในทำเลที่ดีมากเป็นจุดแข็งด้านทำเล แต่ค่าเช่าสถานที่ต่อเดือนสูงมาก ซึ่งอาจจะเป็นจุดอ่อนด้านต้นทุน) และนี่คือข้อจำกัดของการวิเคราะห์ด้วย SWOT :
เมื่อไหร่ควรใช้ SWOT Analysisการวิเคราะห์ SWOT อย่างละเอียดช่วยให้คุณสามารถระบุปัจจัยทั้งภายในและภายนอก แผนภาพและผลการวิเคราะห์จะมีประโยชน์มากขึ้นเมื่อคุณนำสิ่งที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง ก่อนที่จะเริ่มควรมีคำถามที่ชัดเจน การถามคำถามอย่างชัดเจนตรงไปตรงมาและอิงกับสถานการณ์ปัจจุบัน จะช่วยให้คุณค้นพบจุดอ่อนในแผนการ แผนงบประมาณ หรือเป้าหมาย คุณอาจจะใช้เครื่องมืออย่าง “5 Whys” เพื่อช่วยในการหาปัญหาที่แท้จริงและเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น SWOT Analysis จะมีประโยชน์มากในช่วงเริ่มต้นของโครงการหรือเมื่อทีมของคุณประสบปัญหา นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่คุณสามารถใช้ SWOT เพื่อแก้ไขปัญหา
การสร้าง SWOT Analysisเคล็ดลับเกี่ยวกับการวิเคราะห์ SWOTแผนภาพ SWOT มักจะมีความตรงไปตรงมา แต่ขั้นตอนการกรอกข้อมูลอาจจะไม่ง่ายนัก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเมทตริกซ์ที่คุณสร้าง ลองนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะครับ
คำแนะนำก่อนเริ่มวิเคราะห์ SWOT1.รวบรวมคนที่เหมาะสมก่อนอื่นคุณควรรวบรวมคนจากส่วนต่างๆในบริษัท และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีตัวแทนจากทุกแผนกที่เกี่ยวข้องหรืออาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรง จะช่วยให้คุณได้มุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ SWOT ให้ประสบความสำเร็จ 2.โยนความคิดของคุณออกไปการวิเคราะห์ SWOT คล้ายกับการประชุมระดมความคิด หนึ่งในวิธีที่แนะนำคือ ให้แต่ละคนใช้กระดาษโน๊ตหรือ Post it เขียนไอเดียของตัวเองอย่างเงียบๆ ไม่จำเป็นต้องระบุว่ากระดาษแผ่นนั้นเป็นของใคร ซึงจะป้องกันการรวมกลุ่มคิด ป้องกันการกลัวที่จะคิดผิดของพนักงานที่ตำแหน่งต่ำกว่า จะทำให้คุณเห็นถึงเสียงทั้งหมดอย่างแท้จริง หลังจากทุกคนคิดและเขียนไอเดียของตนเองเสร็จแล้วอาจใช้เวลา 5 ถึง 10 นาที รวบรวมกระดาษโน๊ตทั้งหมดมาติดไว้ที่ผนังและจัดกลุ่มของความคิดที่คล้ายกันเข้าด้วยกัน 3.จัดลำดับความคิดเมื่อคุณรวมกลุ่มของความคิดทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะจัดลำดับความคิด วิธีการอาจจะทำโดยการให้ทุกคนมีคะแนนของตนเอง และลงคะแนนโหวตกับหัวข้อที่ตนเองคิดว่ามีความสำคัญจากประเด็นต่างๆ หลังจากการโหวตคุณจะมีรายการแนวคิดที่ถูกจัดลำดับความสำคัญ เพื่อนำไปถกเถียงและสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจต่อไป
ขั้นตอนวิธีการวิเคราะห์ SWOT แต่ละปัจจัยขั้นตอนแรกคือ การวาดเมทริกซ์สำหรับการวิเคราะห์ SWOT ส่วนมากจะวาดเป็นตารางขนาด 2×2 จะแบ่งออกมาได้ 4 ช่องด้วยกัน หนึ่งช่องสำหรับแต่ละด้านของ SWOT เขียนระบุลงไปให้ครบทั้ง 4 ด้าน (ตามรูปที่เราได้ยกตัวอย่างด้านบนครับ) หลังจากนั้นเรามาเริ่มลงรายละเอียดแต่ละปัจจัยของธุรกิจกันเลยครับ Strengths : จุดแข็งจุดแข็งคือสิ่งที่องค์กรของคุณทำได้ดีเป็นพิเศษหรือข้อได้เปรียบที่ทำให้คุณแตกต่าง นึกถึงข้อดีที่องค์กรคุณมีเหนือองค์กรอื่น สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเทคโนโลยี แรงจูงใจในการทำงานของพนักงาน ข้อได้เปรียบในการเข้าถึงวัสดุบางอย่าง หรือกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มส่วนของข้อดีข้อได้เปรียบที่คิดได้ลงในส่วนของจุดแข็ง จากนั้นลองเปลี่ยนมุมมองของคุณดูบ้าง ลองคิดในมุมของคู่แข่งว่าอะไรเป็นจุดแข็ง และอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบัน จะช่วยให้คุณได้มุมมองที่แตกต่างขึ้น ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์จุดแข็ง
Weaknesses : จุดอ่อนมาถึงขั้นตอนนี้คือ การพิจารณาจุดอ่อนขององค์กรอย่าง ซื่อสัตย์! การวิเคราะห์ SWOT จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการ ดังนี้จงเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่คุณไม่พึงประสงค์โดยเร็วที่สุด การพิจารณาจุดอ่อนก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ จุดแข็ง คือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกองค์กรซึ่งควรมุ่งเน้นไปที่ระบบทรัพยากรบุคคล ระบบการทำงาน และประสิทธิภาพของเครื่องจักร คิดถึงสิ่งที่คุณสามารถปรับปรุงได้ และแนวทางปฎิบัติที่ควรหลีกเลี่ยง ลองคิดในมุมของลูกค้า คู่แข่งหรือคนอื่นๆ ว่าเขาเห็นคุณเป็นอย่างไร พวกเขาเห็นอะไรที่คุณมองไม่เห็นหรือไม่ หรืออาจจะใช้เวลาตรวจสอบคู่แข่งของคุณว่าเขาทำได้ดีกว่าในเรื่องใดบ้าง ทำไม อย่างไร และคุณขาดอะไร ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์จุดอ่อน
Opportunities : โอกาสโอกาสคือช่องว่างบางอย่างที่เกิดขึ้นและสามารถส่งผลเชิงบวกกับองค์กรของคุณ แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณต้องเป็นผู้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสนั้นด้วยตนเอง โอกาสมักจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภายนอกองค์กรของคุณ ซึ่งคุณจะต้องคอยจับตาสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในโซเชียลมีเดียและเทรนด์แนวโน้มของอนาคต ในมุมของโซเชียลมีเดียอาจจะเป็นกระแสบางอย่างหรือคลิปไวรัลของเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ช่วยนำเสนอแบรนด์ของคุณออกไป มุมของโอกาสในอนาคตเกิดจากการพัฒนาตลาดที่คุณให้บริการหรือในเทคโนโลยีที่คุณใช้ หรือเทคโนโลยีที่คุณสามารถผลิตได้ ความสามารถในการมองเห็นและใช้ประโยชน์จากโอกาส สามารถสร้างความแตกต่างกับการแข่งขันและช่วยให้คุณเป็นผู้นำในตลาดของคุณ คิดถึงโอกาสดีๆที่คุณสามารถมองเห็นได้ สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่หวังจะเปลี่ยนองค์กรคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะการมองเห็นโอกาสและสร้างข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเพิ่มความสามารถในการแข็งขันของคุณได้ คุณควรตรวจสอบแนวโน้มของตลาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อหาโอกาสไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ นอกจากนี้ นโยบายภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิตล้วนสามารถทำให้เกิดโอกาสที่น่าสนใจได้ทั้งสิ้น ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์โอกาส
Threats : อุปสรรค/ภัยคุกคามภัยคุกคามคือปัจจัยจากภายนอกที่คุณไม่สามารถกำหนดหรือควบคุมได้ รวมถึงสิ่งที่อาจะส่งผลเสียต่อธุรกิจของคุณ เช่น ปัญหาซัพพลายเชน การเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาด หรือ การขาดแคลนพนักงาน สิ่งที่สำคัญคือ คุณจะต้องคาดการณ์สิ่งที่จะเป็นภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และดำเนินการป้องกันก่อนที่คุณจะตกเป็นเหยื่อของสิ่งเหล่านั้นซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ ภัยคุกคามที่น่ากลัวคือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคย คุณจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันต่อกระแสโลก สองตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือเคสของ Nokia ที่เป็นเจ้าตลาดขายโทรศัพท์แต่โดนกระแสของ Smart Phone เข้ามาถาโถมและปรับเปลี่ยนไม่ทันเพราะคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง หรือ เคสของ Kodak ที่ผลิตและเป็นเจ้าตลาดขายกล้องฟิล์มแต่กระแสของผู้บริโภคหันไปใช้กล้องดิจิตอลมากขึ้น เป็นต้น อย่าลืมพิจารณาสิ่งที่คู่แข่งของคุณกำลังทำอยู่เสมอ ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์ภัยคุกคาม
หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกได้หลากหลายและครบทุกมิติมากยิ่งขึ้นคือ PESTEL Analysis ซึ่งประกอบด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : Pestel analysis คือ เทคนิค วิเคราะห์ปัจจัยภายนอก ที่ธุรกิจไม่ควรพลาด ตัวอย่าง SWOT ในการวิเคราะห์กิจการเพื่อให้คุณเข้าใจและเห็นภาพ เราขอวิเคราะห์กิจการ OilPure Thailand ของเรา เพื่อเป็นกรณีศึกษาว่า SWOT เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้วจะมีหน้าตาอย่างเป็นอย่างไร ? OilPure Technology เป็นบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและจดสิทธิบัตรความเป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อย โดยเทคโนโลยีของเราสามารถกรองเพื่อยืดอายุน้ำมันหล่อลื่นในอุตสาหกรรม เช่น น้ำมันไฮดรอลิค น้ำมันเกียร์ น้ำมันชุบแข็ง ให้กลับมาสะอาดเหมือนน้ำมันใหม่ ช่วยให้ลูกค้าที่ใช้บริการไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันไปอีกอย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี โดยสามารถกำจัด เศษอนุภาค น้ำและความชื้น รวมถึง ค่าความเป็นกรด (TAN : Total Acid Number) ที่เกิดจาก Oxidation ของน้ำมันได้ นี่คือสิทธิบัตรที่บริษัท OilPure Technology จดทะเบียนไว้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทกำลังวางแผนที่จะเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย ในรูปแบบของการบริการ (On Site Service) ภายใต้ชื่อ OilPure Fluid Care โดยบริการของเราจะประกอบไปด้วย การวิเคราะห์น้ำมันหล่อลื่นในปัจจุบันว่ามีสภาพเป็นอย่างไร หลังจากนั้นเครื่องจักรของเราที่ถูกบรรทุกบนรถเทลเลอร์จะเข้าไปให้บริการถึงโรงงานของคุณ นำไปติดตั้งกับถังน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วหรือเครื่องจักรของลูกค้า และมีรายการรายงานผลหลังให้บริการเสร็จ เครื่องจักรและเทคโนโลยีของ OilPure ทำการวิเคราะห์ SWOT ของเราออกมาได้ดังนี้ : จุดแข็ง
จุดอ่อน
โอกาส
ภัยคุกคาม หรือ อุปสรรค
สรุปมาถึงตอนนี้คุณคงทราบแล้วว่า SWOT Analysis คือ เครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณขนาดไหน คุณควรวิเคราะห์ SWOT เป็นประจำเพื่อตรวจหา จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และ ภัยคุกคาม เพื่อที่จะอยู่กับปัจจุบันและวางแผนเพื่อความเติบโตในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด SWOT Analysis สัมพันธ์กับองค์ประกอบใดของแผนธุรกิจSWOT Analysis เป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผนกลยุทธ์เบื้องต้น เพื่อใช้วิเคราะห์สถานการณ์ขององค์กรและกระบวนการทำงานของธุรกิจในปัจจุบัน รวมทั้งสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต ผ่านการวิเคราะห์ปัจจัย 4 ประการ ได้แก่ Strength (จุดแข็ง), Weakness (จุดอ่อน), Opportunities (โอกาส) และ Threats (ความเสี่ยง) สำหรับพัฒนาความสามารถ ...
องค์ประกอบที่สําคัญของแผนธุรกิจ มีอะไรบ้างองค์ประกอบสำคัญของแผนธุรกิจที่ดี จึงต้องคลอบคลุมเนื้อหาหลักที่สำคัญดังนี้. 1. SWOT Analysis. ... . 2. เป้าหมายขององค์กร ... . 3. แผนการตลาด ... . 4. แผนการขาย ... . 5. แผนการผลิต/สั่งซื้อสินค้า ... . 6. แผนการเงิน. องค์ประกอบใดของแผนธุรกิจที่มีความสําคัญมากที่สุด เพราะเหตุใดบทสรุปผู้บริหารเป็นส่วนสำคัญที่สุด เพราะเป็นการสรุปรายละเอียดสั้น ๆ ของแผนธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการ ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้ สามารถใช้โอกาสในตลาดให้เป็นประโยชน์อย่างไร ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเขียนให้เกิดความน่าเชื่อถือมีความเป็นไปได้ “บทสรุปผู้บริหาร” ควรเขียนให้สั้นกะทัดรัด ถึงแม้ว่าบทสรุปผู้บริหารจะ ...
องค์กรทำ SWOT เพื่ออะไรการวิเคราะห์ SWOT หรือ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพเป็นเครื่องมือในการประเมินสถานการณ์สำหรับการประกอบธุรกิจ ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนจากสภาพแวดล้อมภายใน มองเห็นโอกาสและอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอก ตลอดจนผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจทุกประเภท
|