สาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้กล้องถ่ายรูปเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต คือข้อใด

  มนุษย์ในสมัยที่ยังไม่มีการประดิษฐ์คิดค้นกล้องถ่ายภาพขึ้นมานั้นใช้การวาดภาพในการบันทึกความทรงจำและสื่อความหมายต่างๆ


แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 19 นั้น  มนุษย์ได้คิดค้นกระบวนการถ่ายภาพขึ้นจากพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ 2 สาขา  คือ

1.) ฟิสิกส์  ได้แก่เรื่องของแสงและกล้องถ่ายภาพ

2.) เคมี  ได้แก่เรื่องเกี่ยวกับสารไวแสงและน้ำยาสร้างภาพ

การ ถ่ายภาพเป็นการรวม 2 หลักการที่สำคัญเข้าด้วยกัน  คือ  การทำให้เกิดภาพจำลองของวัตถุ  ไปปรากฏบนฉากรองรับ  และการใช้สื่อกลางในการบันทึกภาพจำลองให้ปรากฏอยู่ได้อย่างคงทนถาวร

อริสโตเติล  นัก วิทยาศาสตร์ชาวกรีกเป็นผู้บันทึกหลักการแรกไว้เมื่อ 400 ปี ก่อนคริสต์ศักราช  ซึ่งมีใจความว่า..  “ถ้าเราปล่อยให้ลำแสงผ่านเข้าไปทางรูเล็กๆ ในห้องมืด  ถือกระดาษขาวให้ห่างจากรูรับแสงประมาณ 15 ซม. จะปรากฏภาพหัวกลับที่ไม่ค่อยชัดเจนนักบนกระดาษ”  ต่อมาจึงได้ใช้หลักการนี้ในการประดิษฐ์ “กล้องออบคิวรา” ซึ่งเป็นภาษาละติน  หมายถึง  “ห้องมืด”  หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่า “กล้องรูเข็ม” นั่นเอง

วิชาถ่ายภาพตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Photography” มาจากคำศัพท์ในภาษากรีก  โดย “Phos = แสงสว่าง” และ “Graphein = เขียน”  เมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึง “เขียนด้วยแสงสว่าง แต่ในปัจจุบันนี้หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยการทำให้ภาพเกิด ขึ้นโดยใช้แสงสว่างมากระทบกับวัสดุไวแสง และ ครอบคลุมไปถึงการถ่ายรูป  การล้างฟิล์ม  การอัดขยายภาพ  และกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน กล่าวโดยสรุป  วิชาการถ่ายรูปก็คือ  “ความรู้ที่ว่าด้วยกระบวนแห่งการสร้างรูปโดยอาศัยแสงสว่างเข้าช่วย”  นั่นเอง

สำหรับการถ่ายภาพในประเทศไทยนั้น  ได้มีช่างถ่ายภาพคนแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ ท่านสังฆราชฝรั่งเศส นามปาเลอปัว  ส่วนช่างถ่ายภาพชาวไทยคนแรก คือ พระยากระสาปน์กิจโกศล หรือ นายโหมด  ต้นตระกูลอมาตยกุล  ซึ่งมีชื่อเสียงในการถ่ายภาพเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป  และช่างถ่ายภาพที่มีผลงานเก็บรักษาในหอสมุดแห่งชาติจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน นี้ คือ หลวงอัคนีนฤมิตร หรือ นายจิตร เป็นช่างหลวงในสมัยรัชการที่ 4 และ 5 ซึ่งมีผลงานภาพถ่ายบุคคลทุกชนชั้น  และยังมีภาพถ่ายสถานที่  ตลอดจนภาพเหตุการณ์ต่างๆ อีกด้วย

ตั้งแต่ที่มีการคิดค้นการถ่ายภาพ  จนปรากฏภาพถ่ายแรกของโลกที่เรารู้จักและมีหลักฐานมาถึงวันนี้ในปี ค.ศ.1825 หรือเกือบ 200 ปีมาแล้ว  กล้องถ่ายภาพมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงมาอย่างช้าๆ
เริ่มจากกล้องสำหรับผู้ใช้ทั่วๆ ไปตัวแรกของโลก คือ Daguerrotype ในปี ค.ศ. 1839 จำหน่ายในราคาประมาณ 50 ดอลล่าร์สหรัฐ  กระทั่งปี 1900 หรือประมาณหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา  โกดักก็เปิดตัวกล้องถ่ายภาพรุ่น Brownie สามารถโหลดฟิล์มได้  และมีช่องมองภาพเป็นอุปกรณ์เสริม  ใส่ไว้ทางด้านบน  ราคากล้องรุ่นนี้เพียง 1 ดอลล่าร์สหรัฐ  ได้รับความนิยมอย่างมาก  แต่ก็เป็นกล้องที่หายากมากในปัจจุบัน  การถ่ายภาพระบบดิจิตอลถือกำเนิดขึ้นเมื่อมีการคิดค้น CCD สำหรับใช้บันทึกในกล้องวิดีโอเมื่อปี ค.ศ. 1970  ถัดมาอีกเพียงปีเดียว  ก็มีการส่งข้อความทางอีเมล์เป็นครั้งแรกของโลก โดย Ray  Tomlinsn

ในปี 1974 ก็มีการใช้เทคโนโลยี CCD ร่วมกับกล้องเทเลสโคบขนาด 8 นิ้ว บันทึกภาพดวงจันทร์ด้วยระบบดิจิตอลเป็นภาพแรกที่ความละเอียด 100 x 100 พิกเซล
ปี 1976 Canon ได้ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพ 35 มม. SLR ตัวแรกของโลกที่มีไมโครโปรเซสเซอร์รุ่น AE-1 สำหรับการประมวลผลและควบคุมการทำงาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกล้องระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบในวันนี้  อีกห้าปีต่อมา Pentax ก็ผลิตกล้องรุ่น ME-F ที่ใช้เลนส์ออโต้โฟกัสในกล้อง SLR เป็นตัวแรกของโลก
ปี 1981 Sony เปิดตัวกล้องถ่ายภาพที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้  ถ่ายภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ต้องใช้ฟิล์ม  แต่ยังไม่ใช่กล้องดิจิตอล  เป็นเพียงกล้องโทรทัศน์หรือกล้องภาพนิ่งวิดีโอ  จัดเก็บภาพด้วยแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ขนาด 2 นิ้ว  ใช้ชื่อว่า Sony Mavica (Megnetic Video Camera) บันทึกด้วย CCD ให้ภาพที่มีความละเอียด 570 x 490 พิกเซล (ขนาดของชิพคือ 10 x 12 มม.) ความไวแสงเทียบเท่า ISO 200 ปี

ปี 1986 หรืออีกสองปีต่อมา  Canon ก็ผลิตกล้องภาพนิ่งวิดีโอออกจำหน่ายให้กับนักถ่ายภาพมืออาชีพเป็นครั้งแรก  ในรุ่น RC-701  โดยมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ช่างภาพข่าวเป็นหลัก  ช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น  โดยชื่อรุ่น RC มาจากคำว่า Realtime Camera หรือกล้องที่ได้ภาพทันทีนั่นเอง  มีเลนส์ซูมขนาด 11-66 มม. f/1.2 ราคา 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐ  แต่ถ้ารวมอุปกรณ์รับส่งภาพทางสายโทรศัพท์ครบชุดจะมีราคา 27,000 ดอลล่าร์สหรัฐ  ขนาดของ CCD คือ 6.6 x 8.8 มม.  ความละเอียด 187,200 พิกเซล  ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 1-10 เฟรม/วินาที  ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้  และกล้องรุ่นนี้ได้ถูกช่างภาพข่าว Tom Dillon ของหนังสือพิมพ์ USA Today ถ่ายภาพและตีพิมพ์เป็นภาพข่าวสีภาพแรกที่บันทึกด้วยกล้องภาพนิ่งวิดีโอ โดยบรรณาธิการภาพข่าวได้เห็นภาพดังกล่าวหลังจากที่ช่างภาพบันทึกไปแล้วในเวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น  ทางสมาคมนักข่าวของอเมริกา  เล็งเห็นประโยชน์ของภาพดิจิตอลกับงานข่าว  จึงวางแผนที่จะเปลี่ยนการส่งภาพข่าวจากระบบอะนาล็อกมาเป็นดิจิตอลเพราะช่วยประหยัดเวลาในการส่งภาพได้ถึง 90% ทีเดียว

ปี 1997 เป็นปีที่มีกล้องดิจิตอลจากผู้ผลิตนับสิบยี่ห้อ  ทั้งจาก Nikon, Canon, Minolta, Olympus, Kodak, Fujifilm, Casio, Epson, Konica, Kyocera, Panasonic, Ricoh, Samsung, Sanyo, Sony, Sharp, Toshiba, Vivitar และอื่นๆ อีกมากมาย  กล้องส่วนใหญ่ให้ขนาดภาพ 640 x 480 พิกเซล  มีเพียงบางรุ่นที่เกิน 1 ล้านพิกเซล  เช่น  Olympus Camedia C-1400L  ความละเอียด 1.4 ล้านพิกเซล  ออกแบบรูปทรงเป็นตัวแอล (L) คล้ายกับกล้อง SLR Kodak DC210  ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล  จัดเก็บภาพด้วยการ์ด Fuji DS-300  ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล

ปี 1998 ในปีนี้กล้องดิจิตอลถูกผลิตขึ้นมากอีกกว่าหนึ่งเท่าตัว  ส่วนใหญ่มีความละเอียด 1.2-1.5 ล้านพิกเซล  โดยมีกล้องที่โดดเด่นคือดิจิตอล SLR ของโกดักรุ่น DCS 520  ใช้บอดี้ Canon ES1N  ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล  จัดเก็บภาพด้วยฮาร์ดดิสก์ PCMCIA Type III 340 MB

ปี 1999  ตลาดกล้องดิจิตอลเติบโตขึ้นมาก  ในแต่ละเดือนมีกล้องรุ่นใหม่ๆ หลายสิบรุ่น  ส่วนใหญ่มีความละเอียดที่ 2 ล้านพิกเซล  เพียงพอกับการนำไปอัดขยายภาพขนาด 4 x 6 นิ้ว  ให้คุณภาพดีพอสมควร  แม้ว่าจะยังห่างไกลกับการใช้ฟิล์ม  แต่ก็พอยอมรับได้  และ Olympus ก็เปิดตัวกล้องตระกูล C เป็นครั้งแรกในรุ่น C-2020
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน  กล้องดิจิตอลมีการพัฒนาอย่างมาก  ในแต่ละปีมีกล้องรุ่นใหม่ๆ จากหลายสิบยี่ห้อนับร้อยรุ่น  ตั้งแต่กล้องคอมแพคตัวเล็กๆ  จนถึงกล้องรุ่นใหญ่สำหรับมืออาชีพ  ความละเอียดเพิ่มมากขึ้นจาก 2, 3, 4 เป็น 5 ล้านพิกเซล  กล้องคอมแพคบางรุ่นในวันนี้ เช่น Sony DSC-F828  มีความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซล  ส่วนดิจิตอล SLR ก็ขึ้นไปถึง 14 ล้านพิกเซลใน Kodak DSC-Pro14n  กล้องรูปทรงแปลกๆ ใหม่ๆ ถูกผลิตออกมามากมาย  บางรุ่นบางเฉียบเหมือนบัตรเครดิต  บางรุ่นหน้าตาแทบไม่ต่างกับกล้องใช้ฟิล์ม  แต่ที่น่าสนใจมากคือในขณะที่คุณภาพดีมากขึ้น  ราคากลับลดลงอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะกล้องดิจิตอล SLR ระดับ 6 ล้านพิกเซล  จากราคานับล้านบาทเมื่อสี่ปีก่อน  เหลือไม่ถึงห้าหมื่นบาทในปีนี้  รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ์ด CF 128 MB ที่มีราคาประมาณ 20,000 บาทในปี 2000  ถึงปีนี้ลดเหลือเพียงพันกว่าบาทเท่านั้น  ส่งผลให้ตลาดกล้องดิจิตอลมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด  จากเดิมในปี 1996  มียอดขายกล้องดิจิตอลทั่วโลกประมาณ 1 ล้านตัว  แต่ในปี 2002 ที่ผ่านมา  มียอดขายมากกว่า 30 ล้านตัว   ส่วนในเมืองไทยของเราก็มียอดขายนับแสนตัวและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ความเป็นมาก็มีเท่านี้ การพัฒนาการของกล้องรวดเร็วจริงๆ เลย  เห็นด้วยเหมือนกันไหมคะ แล้วอนาคตเราจะเห็นกล้องสิ่งที่เก็บบันทึกความทรงจำของเราถูกพัฒนาไปถึงไหนหน๋อ   พอได้รู้ว่าถึงประวัติความเป็นมาของกล้อง อดคิดถึงเจ้ากล้องตัวแรกในชีวิตที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง   EOS 300  ตอนนี้นอนแน่นิ่งไม่ได้ทำงานเพราะเป็นกล้องซิงเกิลเลนส์

ส่วนประกอบของกล้องถ่ายภาพ

          ส่วนประกอบที่สำคัญของกล้องถ่ายรูปกล้องถ่ายรูปที่นิยมมากในปัจจุบัน แม้จะมีความสามารถ และคุณลักษณะแตกต่างกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบ คล้ายคลึงกันคือ

          1. ตัวกล้อง (Body) ทำหน้าที่เป็นห้องมืด ป้องกันแสงภายนอกเข้าไปถูกฟิล์มที่บรรจุอยู่ภายในและเป็นที่ยึดส่วนประกอบ ตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการถ่ายรูป

 

          2. เลนส์ (Lens) ทำหน้าที่รับแสงสะท้อนจากวัตถุ ส่งไปยังฟิล์มที่บรรจุอยู่ในตัวกล้องฟิล์มจะบึนทึกภาพเอาไว้ กล้องบางชนิดสามารถถอด เปลี่ยนเลนส์ได้ตามความต้องการ เช่น กล้องประเภท SLR (Single len Reflex)หรือเรียกว่ากล้องสะท้อนเลนส์เดี่ยว เลนส์จะผนึกอยู่ข้างหน้าตัวกล้อง ซึ่งมีขนาด ความยาวโฟกัสแตกต่างกัน เช่น50 มม . 35 มม . 105 มม . เป็นต้น

 

          3. ช่องมองภาพ (View Finder) ปกติช่องมองภาพจะอยู่ด้านหลังของตัวกล้องเป็นจอมองภาพ เพื่อช่วยในการประกอบ และจัดองค์ประกอบของภาพ ให้มีความสวยงามตามหลักของศิลปะการถ่ายรูป

 

          4. ชัตเตอร์ (Shutter) ทำหน้าที่ควบคุมเวลาฉายแสง (Exposure Time) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความไวของชัดเตอร์ (Shutter Speed)

 

          5. แผ่นไดอะแฟรม (Diaphram) ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณความเข้มของการส่องสว่างของแสงที่ตกลงบนแผ่นฟิล์ม มีลักษณะเป็นแผ่นโลหะบาง ๆ หลาย ๆ แผ่นซ้อนเหลี่ยมกันอยู่

 

         6. รูรับแสง (Aperture) เป็นรูเปิดของแผ่นไดอะแฟรมให้มีขนาดต่าง ๆ ตามต้องการ เช่น เมื่อต้องการให้แสงเข้ามากก็เปิดรูรับแสงให้มีขนาดใหญ่ และทางตรงกันข้าม ถ้าต้องการปริมาณแสงเข้าไปถูกฟิล์มน้อยก็เปิดรูให้เล็กลง การเปิดขนาดของรูรับแสงแตกต่างกันนี้มีตัวเลข

หลักการทำงานของกล้องถ่ายภาพ
หลักการทำงานของกล้องถ่ายภาพ คือ การที่แสงสะท้อนจากวัตถุเดินทางเป็นเส้นตรงผ่านช่องเล็กๆ ของกล่องสี่เหลี่ยม เกิดภาพของวัตถุบนฉากรองรับด้านตรงกันข้ามเป็นภาพหัวกลับ อันเป็นหลักการของการสร้างกล้องรูเข็มในสมัยโบราณ ปัจจุบัน กล้องถ่ายภาพได้พัฒนามาโดยลำดับ เช่น มีการนำเอาเลนส์นูนไปติดตั้งที่ช่องรับแสงที่มีขนาดเล็ก เพื่อช่วยรวมแสงให้เข้าไปในตัวกล้องให้มากขึ้น ทางด้านตรงกันข้ามของเลนส์เป็นตำแหน่งที่ตั้งวัสดุไวแสงหรือฟิล์ม สามารถปรับตัวเลนส์เพื่อให้เกิดภาพที่ชัดเจนบนฟิล์มได้ มีการติดตั้งไดอะแฟรมปรับให้เกิดช่องรับแสงขนาดต่างๆ รวมทั้งมีส่วนที่เรียกว่าชัตเตอร์ ทำหน้าที่ควบคุมเวลาในการเปิด-ปิด ม่าน เพื่อให้ปริมาณแสงตกกระทบกับฟิล์มตามความเหมาะสม และยังมีช่องเล็งภาพเพื่อช่วยในการจัดองค์ประกอบของภาพถ่ายให้เกิดความสวยงาม


ดวงตามนุษย์กับกล้องถ่ายภาพ
           ส่วนประกอบและการทำงานของดวงตามนุษย์กับกล้องถ่ายภาพจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยมีส่วนสำคัญแบ่งได้เป็น ส่วนคือ
1. ส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาพ ทั้งดวงตาและกล้องถ่ายภาพจะมีส่วนที่เป็นเลนส์ ในดวงตาของมนุษย์ ก่อนที่แสงจะตกกระทบเลนส์ต้องผ่านชั้นของเยื่อที่เรียกว่าคอร์เนีย (Cornea) ทำหน้าที่ช่วยเลนส์ในการหักเหแสงให้ภาพตกลงบนจอตาพอดี เลนส์ของกล้องถ่ายภาพมีระบบกลไก เปิด-ปิด ให้แสงผ่านเข้าไปยังแากหลังควบคุมเวลาด้วยชัตเตอร์ (Shutter) ส่วนดวงตาควบคุมด้วยหนังตา (Eyelid) ในส่วนหนึ่งของเลนส์ถ่ายภาพจะมีไดอะแฟรม (Diaphragm) สามารถปรับให้เกิดช่องรับแสง (Aperture) ขนาดต่างๆ เช่นเดียวกับดวงตาจะมีส่วนที่เรียกว่าม่านตา (Iris) ตรงกลางของม่านตาจะมีช่องกลมเรียกรูม่านตาหรือพิวพิล (Pupil) เป็นทางให้แสงผ่าน สามารถปรับให้มีขนาดต่างๆ กันโดยอัตโนมัติ เช่น ในที่ๆ มีแสงสว่างมากรูม่านตามจะปรับให้มีขนาดเล้ก ส่วนในที่ๆ มีแสงสลัวๆ รูม่านตาจะปรับให้มีขนาดกว้างขึ้น
2. ส่วนที่ไวแสง ได้แก่ ส่วนที่เป็นฉากหลังในกล้องถ่ายภาพจะเป็นตำแหน่งที่ตั้งวัสดุไวแสง ได้แก่ ฟิล์มส่วนในดวงตา ได้แก่ จอตาเป็นฉากรับภาพ เรียกว่า เรตินา (Retina) ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานประสาท ประกอบด้วยเส้นประสาทไวต่อแสงและเชื่อมโยงไปยังส่วนที่ทำหน้าที่ในการรับความรู้สึกเกี่ยวกับการมองเห็น ทำให้ทราบถึงรูปร่าง ขนาด ลักษณะของพื้นผิว 

 

อ้างอิง

ขอขอบคุณอาจารย์จรัส   บุณยธรรมมาที่ได้ให้ผมได้ตั้งกระทู้ได้ครับ

ที่มา  http://www.abpensode.com/index.php?option=com_content&task=view&id=173&Itemid=47
ที่มา  http://www.a-price.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=565283&Ntype=3

http://www.oknation.net/blog/PCU-tapra/2009/09/19/entry-7

http://www.learners.in.th/blogs/posts/361505

http://medinfo.psu.ac.th/radiology/rt/camera/content2.html

http://medinfo.psu.ac.th/radiology/rt/camera/content3.html

สาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้กล้องถ่ายรูปเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต คือข้อใด

Author: Tuemaster Admin

ทีมงานจากเว็บไซต์ติวกวดวิชาออนไลน์ที่ดีที่สุด !! สำหรับ การเรียนออนไลน์ ม.ปลาย (ม.4, ม.5, ม.6)