จะเห็นได้ว่าภาครัฐให้ความสนใจกับการใช้พลังงานในประเทศเป็นอย่างยิ่ง การที่ประชาชนรวมถึงหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยกันใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่าจะช่วยให้ภาครัฐสามารถประหยัดงบ ประมาณได้อย่างมหาศาล Show 1.ปิดสวิตช์ไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อเลิกใช้งาน สร้างให้เป็นนิสัยในการดับไฟทุกครั้งที่ออกจากห้อง 2. เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน ดูฉลากแสดงประสิทธิภาพให้แน่ใจทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ หากมีอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ต้องเลือกใช้เบอร์ 5 3. ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งที่จะไม่อยู่ในห้องเกิน 1 ชั่วโมง สำหรับเครื่องปรับอากาศทั่วไป และ 30 นาที สำหรับเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 4. หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศบ่อยๆ เพื่อลดการเปลืองไฟในการทำงานของเครื่องปรับอากาศ 5. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่กำลังสบาย อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศา ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10 6. ไม่ควรปล่อยให้มีความเย็นรั่วไหลจากห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ตรวจสอบและอุดรอยรั่วตามผนัง ฝ้าเพดาน ประตู ช่องแสง และปิดประตูห้องทุกครั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศ 7. ลดและหลีกเลี่ยงการเก็บเอกสาร หรือวัสดุอื่นใดที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย และใช้พลังงานในการปรับอากาศภายในอาคาร 8. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนโดยรอบห้องที่มีการปรับอากาศ เพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากการถ่ายเทความร้อนเข้าภายในอาคาร หากอากาศไม่ร้อนเกินไป ควรเปิดพัดลมแทนเครื่องปรับอากาศ จะช่วยประหยัดไฟ ประหยัดเงินได้มากทีเดียว 9. ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน ใช้หลอดผอมจอมประหยัดแทนหลอดอ้วน ใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ หรือใช้หลอด คอมแพคท์ฟลูออเรสเซนต์ 10.อย่าใช้กระดาษหน้าเดียวทิ้ง ให้ใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าใช้ทั้งสองหน้า ให้นึกเสมอว่า กระดาษแต่ละแผ่น ย่อมหมายถึงต้นไม้หนึ่งต้นที่ต้องเสียไป จริง ๆ แล้วยังมีวิธีประหยัดพลังงานอีกมากมายที่เราสามารถทำได้ อย่างเช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือใช้จักรยาน และใช้บริการรถสาธารณะแทนการขับรถส่วนตัว แต่บางอย่างก็ต้องยอมรับว่า ค่อนข้างลำบากที่จะทำ ดังนั้นวิธีประหยัดพลังงานที่เราแนะนำ ก็น่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่ปฏิบัติตามได้ง่าย ๆ เนอะ ประเทศสหรัฐฯ ใช้พลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คิดเป็นสัดส่วนหนึ่งในห้าจากแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า ทั้งหมด ในปีค.ศ. 1948 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ให้เงินสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ประมาณ 91,100 ล้าน เหรียญสหรัฐฯ แต่ยังไม่ปรากฎผลสำเร็จอย่างเด่นชัด อีกทั้ง หลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้หลายฝ่ายเกิด ความกังวลถึงความปลอดภัยของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ ดังนั้น การสนับสนุนทุนการวิจัยเพื่อหาแหล่ง พลังงานทางเลือกอื่นๆ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการพัฒนาเป็นแหล่งพลังงานใหม่ที่สามารถทดแทนพลังงานฟอสซิลใน ปัจจุบัน ทั้งนี้ การสนับสนุนทุนการวิจัย น่าจะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวที่ได้ประสิทธิผลสูงสุดเพื่อเป็นการป้องกันปัญหา วิกฤตด้านพลังงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตพลังงาน คือ ความสามารถที่จะทำงานได้โดยอาศัยแรงงานที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติโดยตรง และที่มนุษย์ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดัดแปลงมาจากพลังงานตามธรรมชาติ พลังงานเป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์ในโลกปัจจุบัน และทวีความสำคัญขึ้นเมื่อโลกยิ่งพัฒนามากยิ่งขึ้น การผลิตพลังงานค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นการผลิตพลังงานที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีในการผลิตมากยิ่งขึ้น แหล่งพลังงานมีหลากหลายทั้งพลังงานที่ได้จากการผลิตโดยมนุษย์ และพลังที่ได้จากธรรมชาติ สามารถแบ่งแหล่งพลังงานที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ได้ เป็น พลังงานจากซากฟอสซิล มวลชีวภาพ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานไฟฟ้าและพลังงานนิวเคลียร์ การใช้พลังงานต้องคำนึงถึงการประโยชน์ที่ได้รับ และผู้ใช้ต้องเห็นความสำคัญของพลังงานซึ่งในปัจจุบันเรากำลังเผชิญกับปัญหาราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น การใช้พลังงานต้องรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพ จะต้องมีการวางแผน และควบคุมการใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดมีการลดการสูญเสียพลังงานทุกขั้นตอน มีการตรวจสอบและดูแลการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา เพื่อลดการรั่วไหลของพลังงาน หรือที่เรียกว่า การอนุรักษ์พลังงาน เมื่อทุกอย่างบนโลกล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังงาน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากพลังงานหมดโลก? ทุกคนรู้ว่าปัญหาเกี่ยวกับพลังงานสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย แต่เราตระหนักปัญหานี้จริงๆ แล้วหรือยัง? ปัญหาด้านพลังงานของไทย คือ ผลิตพลังงานได้ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ส่งผลให้งบประมาณด้านพลังงานสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับมลพิษที่เกิดจากการบริหารจัดการผลิตไม่ถูกวิธี และอีกมากมายที่อยู่รอบตัว ซึ่งส่งสัญญาณเตือนให้เราแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา พลังงานเป็นพื้นฐานสำคัญของทุกชีวิต การอนุรักษ์พลังงานจึงเป็นทางหนึ่งที่ “ทุกคน” ควรจะทำ ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อมีหนึ่งคนทำ ขยายไปเป็นระดับองค์กร ย่อมส่งผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศอย่างแน่นอน 3 เหตุผลที่ต้องใส่ใจการอนุรักษ์พลังงาน1. ในอนาคตการใช้พลังงานจะมีแต่สูงมากขึ้นเรื่อยๆจำนวนประชากรในประเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเศรษฐกิจของประเทศปรับตัวดีขึ้นอ้างอิงจากรายงานสถานการณ์พลังงานไทยปี 2561 ทำให้การใช้ การผลิต การนำเข้าพลังงานเกือบทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากแหล่งน้ำมันสำเร็จรูปและไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานหลัก จากตารางจะเห็นได้เลยว่าการใช้ การผลิต การนำเข้าพลังงานในขั้นต้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อการใช้พลังงานสูงขึ้นจนไม่เพียงกับความต้องการ จึงต้องนำเข้าเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น นั่นหมายความว่าภาระค่าไฟฟ้าก็สูงขึ้นตามไปด้วย ในอนาคตการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่รีบใส่ใจการอนุรักษ์พลังงานในวันนี้ แล้วจะเริ่มต้นวันไหนล่ะ? 2. ลดผลกระทบเชิงลบต่อโลกโลกพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมาก แต่สภาพสิ่งแวดล้อมกลับแย่ลง มนุษย์ใช้พลังงานเพื่อความสะดวกสบาย ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย นี่คือตัวอย่างผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นกับโลก โลกร้อน อากาศเป็นพิษ ฝนกรด …และยังมีอีกหลายผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้เราใส่ใจกับโลกมากขึ้น 3. เพื่อความยั่งยืนในอนาคต ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมและผู้คนปัญหาขาดแคลนพลังงานดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่จากแนวโน้มการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นทุกปีตามการเติบโตของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ ภาวะขาดแคลนพลังงานอาจจะใกล้เข้ามามากกว่าที่คิด เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ที่เราใช้อยู่กำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ ด้วยอัตราการใช้พลังงานแบบทุกวันนี้ อาจจะทำให้ก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยหมดในอีก 10 ปีข้างหน้า ปัญหาของทุกคนที่ควรช่วยกันแก้ไขไม่ใช่แค่เรื่องพลังงานที่ลดน้อยลง หรือมลพิษต่างๆ แต่เราควรมองไปข้างหน้าอีกหลายสิบปีว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้คนรุ่นใหม่มีพลังงานใช้ และได้อาศัยอยู่ในโลกที่น่าอยู่ต่อไป แนวทางการใช้เทคโนโลยีในการอนุรักษ์พลังงานเมื่อเราเข้าใจสถานการณ์พลังงาน รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโลกแล้ว สิ่งที่ต้องคิดต่อมาคือ “เราจะทำอย่างไรดีเพื่ออนุรักษ์พลังงาน?” และนี่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกัน “การอนุรักษ์พลังงาน” หมายถึง การผลิตและการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้พลังงาน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลดลง นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงได้ด้วย เราไปดูแนวทางกันว่า ถ้าวันนี้เราอยากช่วยโลกอนุรักษ์พลังงานแล้ว ควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี? 1. ประหยัดการใช้พลังงานสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ทันทีคือประหยัดการใช้พลังงาน โดยเริ่มจากความตั้งใจของตนเองก่อน และขยายไปในระดับครัวเรือนและองค์กร ดังนี้ วิธีประหยัดพลังงานสำหรับใช้ในครัวเรือน วิธีประหยัดพลังงานในระดับองค์กร 2. เพิ่มการใช้พลังงานทดแทนพลังงานทดแทน หมายถึง พลังงานที่สามารถใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิง แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พลังงานสิ้นเปลือง คือ พลังงานทดแทนที่ใช้แล้วหมดไป ได้แก่ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ นิวเคลียร์ หินน้ำมัน และทรายน้ำมัน เป็นต้น พลังงานหมุนเวียน คือ พลังงานทดแทนที่ใช้แล้วสามารถหมุนเวียนมาใช้ได้อีก ได้แก่ แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล น้ำ และไฮโดรเจน เป็นต้น จากข้อมูลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 1,200 เมกะวัตต์ นอกจากการพัฒนาโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักแล้ว การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนควบคู่ด้วยก็เป็นอีกทางเลือกที่ควรทำ ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม อยู่ในกลุ่มแหล่งพลังงานที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วสูงสุด ซึ่งช่วยให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าลดลง สำหรับการใช้พลังงานทดแทนในระดับครัวเรือนในปัจจุบันอาจทำได้ไม่เต็มที่นัก แต่ยังมีการแก้ไขข้อกฎหมายลายประการเพื่อช่วยเหลือในจุดนี้อยู่ เช่น การเปิดให้ประชาชนใช้งานโซลาร์เซลล์และสามารถขายไฟฟ้าได้ รวมถึงการตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนที่ทุกคนมีส่วนร่วม เป็นต้น 3. ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยจัดการพลังงานพลังงานทดแทน อย่างเช่นพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม เป็นพลังงานสะอาด และเป็นทางออกที่น่าสนใจเพื่อแก้ปัญหาด้านพลังงาน แต่ข้อเสียของพลังงานทดแทนคือมีราคาสูงและไม่ค่อยมีเสถียรภาพ จึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานหลักได้อย่างแพร่หลายมากนัก ทีม ExpresSo จาก ปตท. ซึ่งเป็นทีมที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน เราเข้าใจข้อดีและข้อเสียของพลังงานทดแทน จึงได้เข้าร่วมกับองค์กรด้านพลังงานระดับโลกอย่าง Energy Web Foundation (EWF) อีกทั้งจับมือกับบริษัทเซอร์ทิส (Setris) และ Startup ด้านพลังงาน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มช่วยบริหารจัดการข้อมูลพลังงาน (Energy Management) ด้วยแนวทางและระบบรูปแบบใหม่ อาทิ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ผู้ใช้สามารถประเมินทิศทางการใช้ไฟฟ้าในอนาคตได้อย่างแม่นยำ และรองรับการพัฒนา Smart City ต่อไป สรุปพลังงานมีจำกัด ในขณะที่ประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความต้องการของคนที่ไม่สิ้นสุด สภาวะขาดแคลนพลังงานจึงไม่ใช่เรื่องที่ดูห่างไกลอีกต่อไป กลับไปที่คำถามแรก “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพลังงานหมดโลก?” แทนที่จะตอบคำถาม ExpresSo เลือกที่จะตั้งคำถามต่อไป “แล้วจะทำอย่างไรให้เรามีพลังงานใช้ในอนาคตอย่างยั่งยืนล่ะ?” และหน้าที่ของเราก็คือค้นหาวิธีการเพื่อแก้ไขปัญหา
การที่เราแต่ละคนช่วยกันอนุรักษ์พลังงานอาจจะเหมือนเป็นแค่หยดน้ำเล็กๆ แต่เมื่อหยดน้ำรวมตัวกันสุดท้ายก็สามารถกลายเป็นมหาสมุทรได้ แทนที่จะรอให้ปัญหาพลังงานทวีความรุนแรงขึ้น…จะดีกว่าไหมถ้าวันนี้เราเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหา? |