ผลกระทบของการใช้พลังงานที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้าง

ผลกระทบของการใช้พลังงานที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้าง

การผลิตพลังงานเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของมลพิษทางอากาศที่เป็นตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อน เราแบ่งประเภทพลังงานออกเป็นสองอย่าง คือ “พลังงานสะอาด” และ “พลังงานปนเปื้อน” ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบันเราสามารถมีช่องทางในการสร้างพลังงานสะอาดได้เพิ่มขึ้นหลายวิธี ช่วยลดมลพิษทางอากาศคืนความอุดมสมบูรณ์แก่ธรรมชาติ อย่างไรก็ตามพวกมันก็ยังมีข้อเสียอยู่เช่นกัน เรามาดูประเภทของแหล่งพลังงานที่แต่ละประเภทว่าแตกต่างกันอย่างไร

ประเภทพลังงานหลักของโลก

1.ถ่านหิน

ถ่านหิน เป็นตัวสร้างมลพิษมากกว่าแหล่งพลังงานอื่นๆ การเผาถ่านหินทำให้เกิดเขม่า หมอกควัน ฝนกรดส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดของเสียมากมายรวมถึงกากตะกอน สารเคมีที่เป็นพิษและความร้อน ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตพลังงานนับตั้งแต่การขุด การขนส่ง การจัดเก็บ จนถึงการเผาไหม้ล้วนก่อให้เกิดมลพิษทั้งสิ้น มันเป็นแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลชั้นดีของโลกที่ถูกใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามมันก็จะหมดไปในที่สุด มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าเราจะมีถ่านหินใช้ต่อไปได้อีก 100 ปี ในปัจจุบันนี้มีโรงงานถ่านหินเริ่มปิดตัวลงหลายแห่งทั่วโลก โดยไม่มีการรายงานว่ามีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกเลย

2.ก๊าซธรรมชาติ

แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติมากเกินไป เช่นเดียวกับถ่านหิน เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมรวมถึงสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนที่มันก่อต่ำกว่าพลังงานถ่านหินและน้ำมัน แต่ปัญหาของมันไม่ได้อยู่ตรงนี้เนี่ยสิ การขุดเจาะก๊าซธรรมชาติเพื่อขนส่งลำเลียงไปในท่ออาจส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของก๊าซมีเทน มันเป็นส่วนประกอบหลักของก๊าซธรรมชาติที่แข็งแกร่งกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 35 กระบวรการขุดเจาะยังเป็นสาเหตุการเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมในบริเวณ มีโอกาสที่นะมลพิษลงสู่แหล่งน้ำใกล้เคียง เคยมีรายงานบันทึกไว้ชัดเจนว่าน้ำใต้ดินที่อยู่ใกล้กับหลุมก๊าซซึ่งปนเปื้อนด้วยก๊าซทำให้เป็นแหล่งน้ำที่อันตราย

3.พลังงานนิวเคลียร์

พลังงานนิวเคลียร์เป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่พลังงานสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เมื่อเทียบกับพลังงานชนิดอื่นๆ มันถือว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด เนื่องจากพลังงานนิวเคลียร์ปราศจากการปล่อยมลพิษ ลดการปล่อยคาร์บอนประมาณ 2.4 พันล้านตันต่อปี แย่หน่อยที่มันก็มีข้อเสียเช่นกันเพราะแต่มันก่อให้เกิดกากกัมมันตภาพรังสีระดับสูง ที่มีอันตรายแตกต่างจากขยะอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไประดับความเป็นอันตรายของกากนิวเคลียร์ลดลง ดังนั้นของเสียที่เกิดจากการผลิตพลังงานนิวเคลียร์จะต้องได้รับการจัดการอย่างปลอดภัยสูงสุด นั่นจึงเป็นต้นทุนมหาศาลที่ต้องจ่าย

ผลกระทบของการใช้พลังงานที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้าง

การสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปของพลังงานความร้อนและพลังงานศักย์ การสะสมความร้อนมีข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ค่อนข้างมาก คือจะไม่สามารถไว้ใช้ประโยชน์เป็นเวลายาวนานได้ ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้ในเวลาสั้นๆ เช่น การทำน้ำให้ร้อน เพื่อใช้ประโยชน์ภายในบ้าน หรือการถนอมรักษาอาหาร การตากแห้งต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ผลผลิตการเกษตรและอื่นๆ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในการใช้พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์โดยตรงก็ตาม แต่มนุษย์ก็เรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์พลังงานแสงแดดมาหลายพันปีแล้ว ส่วนพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่มีการสะสมและทำให้เกิดพลังงานศักย์ ได้แก่ พลังงานลม พลังงานน้ำ ซึ่งสามารถใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้พลังงานส่วนนี้ เกิดจากการถ่ายเทความร้อน และการทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำและอากาศที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ พลังงานบางชนิดจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 50 ล้านปี ส่วนใหญ่อยู่ในระดับลึกจากพื้นดินมาก โดยอาศัยอุณหภูมิแรงกดดันและเวลาที่เหมาะสม จะทำให้เกิดวัสดุพลังงานที่มีคุณภาพและนำไปใช้ในการผลิตและการบริโภคที่หลากหลายได้

เมื่อมีการนำพลังงานจากดวงอาทิตย์มาใช้จะพบว่า การใช้พลังงานที่ได้จากการสะสมความร้อน จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด แต่สำหรับการใช้ฟืนและถ่าน มีผลกระทบต่อสภาพป่าโดยตรง ถ้าเป็นถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน จะมีผล
กระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมดังนี้

  • นับตั้งแต่การสำรวจ ขุดเจาะ การแต่งแร่ การขนส่ง การแปรรูป การจัดส่ง และการใช้ประโยชน์ นั่นคือ การสำรวจและการขุดเจาะ จะทำให้มีน้ำโคลนท่วมนองไปในแปลงเกษตรหรือในทะเล
  • มีการสูญเสียพื้นที่ป่า สูญเสียแหล่งผลิตสัตว์ น้ำในแหล่งน้ำ
  • การเผาไหม้จะทำให้ก๊าซพิษนานาชนิด นับตั้งแต่ก๊าซออกไซด์ของกำมะถัน ออกไซด์ของไนโตรเจน คาร์บอนได้ออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน และอื่นๆ
  • การลำเลียงขนส่งสินแร่ และวัสดุพลังงานออกจากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ จะทำให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ป่า เกิดการเสียสมดุลของระบบนิเวศทั้งทางบกและทางน้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงานนั้นๆ
  • การจัดส่งไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไปตามสายส่งแรงงสูงเข้าไปในป่าทำให้มีการเสียพื้นที่ป่าเป็นอย่างมาก ซึ่งการสูญเสียพื้นที่ป่านี้ นอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ การผลิตทางการเกษตรและคุณภาพสิ่งแวดล้อมแล้ว
  • ทำให้ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสังคมของมนุษย์อีกด้วย
  • การใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติของมนุษย์ ได้แก่ คุณภาพน้ำ ทั้งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินมีการปนเปื้อน มีอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การผลิตทางการเกษตร คุณภาพอากาศจากการเผาไหม้ วัสดุพลังงาน เสียงดังจากการใช้พลังงานในการคมนาคมขนส่ง เป็นต้น

แนวโน้มของปัญหาจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรพลังงานชนิดต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากการเพิ่มจำนวนประชากรและการขยายตัวการผลิต ดังนั้นความจำเป็นในการใช้พลังงานจึงเพิ่มขึ้น และเป็นเหตุให้มีการนำพลังงานชนิดต่างๆ จากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติออกมาใช้ เมื่อมีการแข่งขันทางการผลิต ทั้งภายในและระหว่างประเทศ ทำให้มีการพยายามลดต้นทุนการผลิตและขาดความระมัดระวังป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

การแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงาน จะต้องทำหลายด้านพร้อมกัน ทั้งด้านการป้องกันและแก้ไข โดยจะต้องมีการกำหนดมาตรฐานและกฎหมายที่เอื้อต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจในการจัดหาและใช้พลังงานอย่างถูกต้องและไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการเสริมบทบาทของทุกฝ่ายในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า

ทางด้านผู้บริโภคจะเริ่มด้วยการทำความเข้าใจผลกระทบจากการใช้พลังงานที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและปรับเปลี่ยนวิถีการใช้พลังงานละทรัพยากรอื่นๆ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีบทบาทและส่วนร่วมในการรณรงค์เผยแพร่และสร้างจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม