Show
โจทย์ปัญหา
ไม่รู้เรื่องซักอย่างเลยครับ โลภมาก ค่ะ
ขอโทษทีค่ะเขียนตก
ยังไม่เข้าใจใช่ไหม? ลองถามคำถามกับคุณครู QANDA! โจทย์ที่คล้ายกันกับโจทย์ข้อนี้
เพื่อน ๆ อาจคุ้นเคยกับหนังสือเรียนภาษาไทยอย่าง ภาษาพาที วรรณคดีวิจักษ์ หรือภาษาเพื่อชีวิตกันดี แต่รู้ไหมว่าเด็ก ๆ ในอดีตก็มีแบบเรียนภาษาไทยใช้เหมือนกันนะ แถมยังอยู่ในรูปแบบนิทานสนุก ๆ ที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้กันในวันนี้ด้วย ใช่แล้ว ! เรากำลังพูดถึง ‘กาพย์พระไชยสุริยา’ วรรณคดีไทยที่กระทรวงศึกษาธิการเลือกหยิบมาให้เพื่อน ๆ ได้เรียนกันในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ นั่นเอง ผู้แต่งและประวัติความเป็นมาของกาพย์เรื่องพระไชยสุริยาผู้แต่งกาพย์เรื่องพระไชยสุริยาคือสุนทรภู่หรือพระสุนทรโวหารที่เพื่อน ๆ รู้จักกันดี สุนทรภู่เป็นกวีไทยที่มีความชำนาญด้านกาพย์กลอนเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตของสุนทรภู่รุ่งเรืองและเฟื่องฟูมากขณะรับราชการตำแหน่งอาลักษณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) ก่อนจะออกบวชเมื่อมีการผลัดแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ ๓ และกลับเข้ามารับราชการอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ ๔ รูปปั้นสุนทรภู่ที่อนุสาวรีย์สุนทรภู่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ขอบคุณรูปภาพจาก Anoyama บน commons.wikimediaตลอดอายุขัย ๖๙ ปี สุนทรภู่ได้สร้างสรรค์งานวรรณกรรมไว้มากมาย นอกเหนือจาก ‘พระอภัยมณี’ ที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดแห่งกลอนนิทาน สุนทรภู่ยังมีงานวรรณกรรมอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ ‘กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา’ ที่มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับช่วงเวลาในการแต่งไว้ถึง ๓ แบบด้วยกัน ได้แก่ ๑. แต่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๖๘ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๒) ขณะบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดในจังหวัดเพชรบุรี โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นหนังสือเรียนสำหรับเด็ก ๆ ที่ท่านสอน ๒. แต่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๒ - ๒๓๘๕ ขณะบวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ๓. แต่งขณะเป็นฆราวาสและเป็นครูอยู่ที่เพชรบุรี ถึงช่วงเวลาในการแต่งจะไม่เป็นที่แน่ชัด แต่กาพย์เรื่องพระไชยสุริยามีจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการแต่งคือ ‘เพื่อใช้เป็นหนังสือหัดอ่านเขียนคำที่สะกดตามมาตราสำหรับเด็ก’ ดังที่เนื้อความที่กล่าวไว้ว่า…
โดยเบื้องต้นสุทรภู่ได้แต่งกาพย์พระไชยสุริยาเพื่อถวายพระอักษรแก่เจ้าฟ้าชายกลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี พระอัครชายา ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้แต่งมูลบทบรรพกิจ (หนึ่งในตำราภาษาไทยที่ใช้ในโรงเรียนหลวงขณะนั้น) ก็มีการสอดแทรกกาพย์พระไชยสุริยาลงไปในบทเรียนนี้ด้วย แถมในปัจจุบัน กาพย์พระไชยสุริยายังปรากฏในบทเรียนที่เพื่อน ๆ กำลังเรียนกันอยู่ในตอนนี้อีก เรียกได้ว่ากาพย์เรื่องพระไชยสุริยานั้นเป็นบทเรียนที่อยู่กับเด็กไทยในยุครัตนโกสินทร์มาอย่างยาวนานจริง ๆ เรื่องย่อของกาพย์พระไชยสุริยาณ เมืองสาวัตถี ‘พระไชยสุริยา’ เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองมีพระนางสุมาลีเป็นมเหสี ทั้งสองปกครองเมืองอย่างผาสุกจนกระทั่งเหล่าเสนาข้าราชการจนถึงเหล่าภิกษุสงฆ์เริ่มประพฤติตนมิชอบ บ้านเมืองเริ่มวุ่นวาย ประชาชนเดือดร้อนเพราะเกิดอาเพศ พระไชยสุริยา พระนางสุมาลีและชาวเมืองจึงต้องหนีลงเรือสำเภาออกจากเมืองไป แต่ระหว่างทางก็เกิดพายุพัดจนเรือแตก พระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีขึ้นฝั่งได้และรอนแรมอาศัยอยู่ในป่า จนกระทั่งพระฤาษีเล็งเห็นกาลกิณี ๔ ประการที่ทำให้บ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ จึงโปรดเทศนาพระไชยสุริยาและพระนางสุมาลี ทั้งสองพระองค์เลื่อมใสจึงออกบวช ประพฤติตนตั้งมั่นในศีลในธรรม และได้เสวยสุขบนสวรรค์ในท้ายที่สุด ลักษณะคำประพันธ์ของกาพย์พระไชยสุริยากาพย์เรื่องพระไชยสุริยาเป็นวรรณคดีเพียงเรื่องเดียวของสุทรภู่ที่ใช้กาพย์ในการแต่งทั้งเรื่อง โดยแต่งด้วยคำประพันธ์ถึง ๓ ชนิด ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ซึ่งมีฉันทลักษณ์ดังนี้
กาพย์ยานี ๑๑ หนึ่งบาทจะมี ๑๑ คำพอดี โดยแบ่งเป็นวรรคหน้า ๕ คำ และวรรคหลังอีก ๖ คำ คำสุดท้ายของวรรค ๑ จะสัมผัสกับคำที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ จะสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ และมีคำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสระหว่างบทไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ในบทถัดไปเพื่อเชื่อมสัมผัสระหว่างบท การแต่งกาพย์ยานี ๑๑ จะพบในแม่ ก กา แม่กก แม่กด แม่กบ และนอกจากกาพย์พระไชยสุริยา เพื่อน ๆ สามารถพบกาพย์ยานี ๑๑ ได้อีกในวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ เช่น คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทยศาสตร์สงเคราะห์ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน และกาพย์เห่เรือ
ส่วนกาพย์ฉบัง ๑๖ หนึ่งบทจะมี ๑๖ คำ/พยางค์ โดย ๑ บท มี ๓ วรรค มีสัมผัสบังคับอยู่ที่คำสุดท้ายของวรรคแรกและวรรคที่สอง ส่วนคำสุดท้ายของวรรคที่สามใช้ส่งเข้าบทถัดไป เพื่อน ๆ สามารถพบกาพย์ฉบัง ๑๖ ในวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น บทพากย์เอราวัณ ที่เพื่อน ๆ จะได้เรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ก็แต่งด้วยกาพย์ฉบัง ๑๖ เช่นเดียวกัน ส่วนในกาพย์พระไชยสุริยาเราจะพบกาพย์ฉบัง ๑๖ ได้ในบทของแม่ ก กา แม่กง แม่กม และแม่เกย
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ หนึ่งวรรคจะมี ๔ คำ หนึ่งบทมีทั้งหมด ๗ วรรค รวมเป็น ๒๘ คำพอดี โดยคำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ จะสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ จะสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ จะสัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๕ และคำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ จะสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๖ เราสามารถพบกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ได้ในบทแม่กน ถอดคำประพันธ์เรื่องกาพย์พระไชยสุริยากาพย์พระไชยสุริยามีเนื้อเรื่องอย่างนิทาน การเล่าเรื่องจะเริ่มจากมาตราตัวสะกดแรกอย่างแม่ ก กา ไล่ตามมาตราไปจนถึงแม่เกยเป็นมาตราสุดท้าย โดยแม่ ก กา ส่วนแรกจะแต่งด้วยกาพย์ยานี ๑๑ และกาพย์ฉบัง ๑๖ ประกอบด้วยบทนำจากกวี บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง จนถึงตอนที่พระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีต้องรอนแรมในป่า
เริ่มด้วยบทนำจากกวี การแสดงความเคารพนบนอบครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นจึงเล่าถึงพระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีซึ่งปกครองเมืองสาวัตถี บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น เหล่าข้าราชการก็ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี มีการติดต่อค้าขายกับพ่อค้าจากต่างแดน ชาวเมืองก็ประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ผลผลิตดีและมีความสุขโดยถ้วนหน้า
พระไชยสุริยาจึงพาพระนางสุมาลีขึ้นเรือสำเภา ขนเสบียง ผู้คน และข้ารับใช้เพื่อลี้ภัยออกจากเมืองสาวัตถี เรือแล่นไปในทะเลกว้างวันแล้ววันเล่าก็ไม่พบแผ่นดิน เมื่อถามเหล่าเสนาถึงความกว้างของทะเลก็ไม่มีใครตอบได้ ผู้ที่รู้ว่าทะเลกว้างใหญ่เพียงใดก็มีแต่พญาสัมพาที ซึ่งเป็นพญานกขนาดใหญ่เท่านั้น แม้กระทั่งนกและปลาที่อยู่ในทะเลนั้นก็ยังเด็กมาก ไม่รู้เช่นกันว่าทะเลกว้างใหญ่เพียงไหน เรือแล่นไปในทะเลเรื่อย ๆ ทั้งสองพระองค์ทอดถอนพระทัยและรู้สึกว้าเหว่เป็นอย่างมาก
เรือสำเภาแล่นไปจนเจอกับพายุใหญ่พัดจนเรือแตกกระจาย ผีน้ำก็เข้ามาซ้ำเติมทำให้เรือล่มและอับปางลง พระไชยสุริยาคว้ามือพระนางสุมาลีและใช้ผ้าสไบมาต่อเข้าไว้กับตัวเพื่อไม่ให้พลัดออกจากกัน ส่วนคนอื่น ๆ ก็จมน้ำ ถูกจระเข้และตัวเหราคาบไปกิน ในเวลาค่ำพระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีจึงพบกับแผ่นดิน พบต้นไทรและได้อาศัยเป็นที่นอน
บทต่อมาเป็นแม่กนและมีแม่ ก กา ผสมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทบทวนตัวสะกดที่เรียนไปแล้ว เหตุการณ์เล่าถึงพระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีต้องอาศัยและนอนในป่า พระนางสุมาลีก็ถวายงานปรนนิบัติดูแลให้พระไชยสุริยาได้รับความสะดวกสบาย ทั้งสองพระองค์ใช้ขอนไม้นอนแทนหมอน เมื่ออยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย พระไชยสุริยาจึงสอนพระนางสุมาลีสวดมนต์เพื่อป้องกันภัย จากนั้นจึงเป็นการบรรยายทิวทัศน์และความสวยงามของป่าในยามค่ำคืน จนกระทั่งรุ่งเช้า พระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีจึงเริ่มออกเดินทางต่อไปในป่า
บทต่อมาแต่งด้วยตัวสะกดในแม่กง พร้อมทบทวนแม่กนไปด้วย บทนี้บรรยายธรรมชาติและกล่าวถึงพรรณไม้และสัตว์ในป่า ต้นไม้ที่อยู่ในบทนี้ เช่น ต้นไกร ต้นกร่าง ต้นยางยูง ต้นตะลิงปลิง ต้นมะปริง ต้นประยงค์ ต้นคันทรง ฝิ่น ต้นฝาง ต้นมะม่วง ต้นพลวง ต้นพลอง และต้นช้องนาง สัตว์ทั้งหลายเช่น กวาง หงส์ ไก่ป่า นกยูงทอง นกกะลิง นกกะลาง นกนางนวล ไก่ฟ้าพญาลอ นกนางแอ่น นกเอี้ยง นกอีโก้ง นกค้อนทอง อีเก้ง ละมั่ง และช้าง ก็เดินเล่นและส่งเสียงร้องกันอยู่ในป่า
ในแม่กก เล่าถึงความลำบากของพระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีที่ต้องรอนแรมในป่า กินเผือก มันเผา และผลไม้เป็นอาหาร ท่ามกลางบรรยากาศน่าวังเวงของป่ายามเย็นที่เต็มไปด้วยฝูงลิงค่างและฝูงสุนัขจิ้งจอก ทั้งสองพระองค์นอนเคียงกันอยู่บนเนินเขา พระไชยสุริยารู้สึกสงสารพระนางสุมาลีเป็นอย่างมากที่ต้องมาตกระกำลำบาก พร้อมปลอบใจและสัญญาว่าจะดูแลพระนางเป็นอย่างดี
ในแม่กบ กวีกล่าวถึงพระฤาษีบูชาไฟที่อาศัยอยู่ในป่า จากการบำเพ็ญเพียรยาวนานทำให้พระฤาษีเป็นผู้รู้แจ้ง เห็นความเป็นไปต่าง ๆ ในโลกและจักรวาล เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและอาเพศครั้งใหญ่ในเมืองสาวัตถี พระฤาษีก็รู้ว่าเหตุเหล่านี้เกิดจาก ‘กาลกิณี ๔ ประการ’ ได้แก่ ๑. การเห็นผิดเป็นชอบ คนชั่วทำร้ายคนดี ๒. ลูกศิษย์คิดล้มล้างครูอาจารย์ ลูกไม่รู้บุญคุณพ่อแม่ ๓. การเบียดเบียน ฆ่าฟันกันเองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ๔. โลภมากและมีจิตริษยาไม่เกรงกลัวบาป
บทส่งท้ายของกวีเล่าถึงจุดประสงค์ในการแต่งกาพย์พระไชยสุริยาที่ตั้งใจให้เป็นตำราอ่านเขียนสำหรับเด็ก พร้อมสั่งสอนให้ตั้งใจศึกษา รู้จักเกรงกลัวครูอาจารย์ แนะนำเรื่องบุญบาป และหากผู้ใดเห็นว่ากาพย์เรื่องพระไชยสุริยานี้มีประโยชน์ก็ขอให้แบ่งบุญนั้นให้กวีด้วย คุณค่าและข้อคิดจากกาพย์พระไชยสุริยานอกจากจะเป็นบทเรียนเขียนอ่านสำหรับเด็กที่สนุกสนาน สอดแทรกคุณธรรมและคำสอนทางศาสนา กาพย์พระไชสุริยายังมีคุณค่าในแง่อื่น ๆ อีกมาก เช่น ๑. สะท้อนรูปแบบของหนังสือสำหรับเด็กหัดอ่านเขียนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่ออ่านจบจะได้เรียนรู้ฉันทลักษณ์ของกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ได้เรียนรู้ตัวสะกดครบทุกมาตรา ทั้งแม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม และแม่เกย ๒. สะท้อนค่านิยมการเคารพพระรัตนตรัย พ่อแม่ และครูบาอาจารย์ ดังที่ปรากฎในบทนำนี้
๓. สะท้อนอัจฉริยภาพของกวีในการแต่งบทเรียนที่สนุกและคำนึงถึงลำดับการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น การทบทวนตัวสะกดในมาตราก่อนหน้า การสอดแทรกข้อคิดและคติธรรมลงไปในบทเรียน ซึ่งทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่ในเส้นเรื่องหลักตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ ๔. มีการประมวลพรรณไม้และชื่อสัตว์ป่ามาให้เด็ก ๆ ได้รู้จัก เช่น
๕. มีการใช้วรรณศิลป์โดยใช้ภาพพจน์ประเภทสัทพจน์ (เลียนเสียงธรรมชาติ) ทำให้ผู้อ่านได้ยินเสียงธรรมชาติ เช่น
๖. มีการเล่นสัมผัสพยัญชนะเพื่อความไพเราะ เช่น
๗. สร้างจินตภาพให้ผู้อ่านได้เห็นภาพตาม โดยเฉพาะในบทพรรณา เช่น
นอกจากนี้กาพย์เรื่องพระไชยสุริยายังแฝงแนวคิดและประเด็นอื่น ๆ อย่างศาสนาและการเมืองไว้ในเนื้อเรื่องด้วย และอีกความโดดเด่นที่เรามองข้ามไปไม่ได้ก็คือการใช้กาพย์พระไชยสุริยาเป็นบทสวดในการสวดโอ้เอ้วิหารราย ซึ่งเป็นการสวดที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมทีการสวดโอ้เอ้วิหารรายนั้นใช้มหาชาติคำหลวงเป็นบทสวด จนกระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ก็ได้มีการ สวดรอบศาลารายรอบพระอุโบสถในวัดพระศรีรัตนศาสดารามทั้ง ๑๒ ศาลา ซึ่งกรมธรรมการ (หน่วยงานที่รับผิดชอบการสวดในขณะนั้น) มีจำนวนข้าราชการในกรมค่อนข้างน้อย และผู้ฟังก็ไม่ค่อยสนใจการสวดเทียบมูลบทนัก รัชกาลที่ ๔ จึงโปรดเกล้าให้นักเรียนโรงทานมาสวดตามหนังสือกาพย์เรื่องพระไชยสุริยาของสุนทรภู่ การสวดโอ้เอ้วิหารรายจึงใช้กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาเป็นบทสวดมาจนถึงทุกวันนี้ ว่าแต่การสวดโอ้เอ้วิหารรายจะเป็นอย่างไร ? ถ้าเพื่อน ๆ สนใจก็ตามไปสวดโอ้เอ้วิหารรายกับครูหนึ่งในแอปพลิเคชัน StartDee ได้เลย ! ขอบคุณข้อมูลจาก:
Reference: “พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร).” Wikipedia, Wikimedia Foundation, 25 Aug. 2020, th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%28%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2_%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A3%29. พระสุนทรโวหาร (ภู่). th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%28%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%88%29#cite_note-thingsasian-2. กาลกิณี ๔ ประการที่เกิดขึ้นกับเมืองสาวะถีประกอบไปด้วยอะไรบ้างเมืองสาวัตถีของพระไชยสุริยาก่อนที่จะล่มจมลงนั้น สุนทรภู่ได้บรรยายเอาไว้ว่า มีแต่ “ค่ำเช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอล่อกามา” นับว่าเป็นเมืองบาปหนา น้ำฟ้าดินจึงได้ลงโทษ ด้วยเกิดเหตุเป็นกาลกิณี 4 ประการคือ 1.เห็นผิดเป็นชอบ 2.อันธพาลครองเมือง 3.ข่มเหงรังแกฆ่าฟันกันเอง 4.โลภมากและมีแต่จับผิดริษยากันไปมา
กาลกิณี 4 ประการ คือ อะไร มี อะไร บ้างประเด็นของน้ำท่วมและแผ่นดินไหวที่ปรากฏในเมืองสาวัตถีนั้น เป็นเหตุมาจาก”กาลกิณีสี่ประการ ได้แก่ ๑. การเห็นผิดเป็นชอบ ไม่อยู่ในธรรมเนียมประเพณี ขาดความซื่อสัตย์ ๒. ความไม่มีสัมมา-คารวะของผู้อ่อนอาวุโส ๓. การประพฤติส่อเสียด ทำร้ายกัน ๔.ความโลภ ริษยา “ หนทางที่จะรอดพ้นจากกาลกิณีดังกล่าวนั้น บุคคลควรเป็นผู้มีความศรัทธาต่อ ...
อุทกภัยในเรื่องกาพย์พระไชยสุริยาเกิดจากอะไรพระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาวัตถีมีมเหสีชื่อสุมาลี บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์เป็นสุขมานาน ต่อมาข้าราชบริพารและผู้มีอำนาจพากันลุ่มหลงใน กิเลสตัณหา และอบายมุขนานา เที่ยวข่มเหงราษฎรจนเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เป็นเหตุให้ธรรมชาติเกิดวิปริต น้ำป่าไหลบ่าท่วมเมือง ผู้คนล้มตาย สาวัตถีกลายเป็นเมืองร้าง
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยามีคุณค่าในเรื่องใดบ้างกาพย์พระไชยสุริยา เป็นผลงานประพันธ์ของสุนทรภู่ แต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อใช้สำหรับเป็นแบบเรียนเรื่องตัวสะกด อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของวรรณคดีเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นคุณค่าในด้านสังคมและการเมือง กล่าวคือ เสนอภาพการล่มสลายของเมือง อันเนื่องมาจากการประพฤติทุจริตของผู้มีอำนาจ เหตุการณ์ในเมืองสาวัตถีจึงเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ ...
|