ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในระยะแรก ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูมิได้เป็นศาสนา มีชื่อเรียกว่า “สนาตนธรรม” หมายถึงธรรมอันไม่รู้เสื่อมสูญ และในกาลต่อมาเรียกว่า “ศาสนาพราหมณ์” อันหมายถึงคำสอนของพราหมณ์ ซึ่งเป็นวรรณะสูงสุดในศาสนา มีหน้าที่ติดต่อกับพรหมคือพระผู้เป็นเจ้า และเป็นผู้รักษาพระเวท จึงถือว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในเชิงโครงสร้างสังคมด้วย ครั้นเวลาผ่านไป ศาสนาพราหมณ์ได้ปฏิรูปหลักคำสอน รวมทั้งนำความเชื่อหลากหลายจากท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งปกรณัมเทพเจ้าหลายองค์มาผสมผสาน และได้เรียกคำสอนว่า “ฮินดูธรรม” แล้วจึงเรียกว่า “ศาสนาฮินดู” ในที่สุด ศาสนาพราหมณ์และศาสนาฮินดูเป็นสายพัฒนาการที่ต่อเนื่องกัน ปัจจุบันในประเทศไทยจึงมักเรียกรวมกันว่า “ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู” Show
หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูมีหลักธรรมอันหลากหลายและยากจะสรุปรวมให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้เพราะพัฒนามาจากรากเหง้าแห่งศรัทธาจากหลากหลายท้องถิ่นและหลายยุคสมัยผสมผสานกัน ภายในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูจึงแตกออกเป็นหลายสำนักคิด ทว่าสำนักคิดที่จะจัดเข้าในกลุ่มปรัชญาฝ่ายฮินดูจะมีความเชื่อตรงกันในหัวข้อต่างๆต่อไปนี้
หลักธรรมสำคัญของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู มีโดยสังเขปต่อไปนี้หลักปรมาตมันและโมกษะคำว่า “ปรมาตมัน” หมายถึงอาตมันหรือตัวตนสูงสุด มีชื่อเรียกอื่นอีก เช่น พรหมัน ปุรุษะ คือพลังธรรมชาติแห่งสกลจักรวาล เป็นปฐมชีพ เป็นจุดกำเนิดแห่งสิ่งทั้งมวล เป็นอมตะ ไม่มีจุดสิ้นสุด และไม่ถูกจำกัดด้วยร่างกาย (ศรีริน) “ชีวาตมัน” หมายถึงชีพของคนและสัตว์ที่แตกออกจากปรมาตมัน มีการเวียนว่ายตายเกิด ถูกจำกัดด้วยร่างกาย และเมื่อร่างกายแตกสลาย ชีพนั้นก็เข้าสู่ร่างกายในชาติใหม่ ประดุจบุคคลผู้ผลัดเสื้อผ้าเก่าไปสวมเสื้อผ้าใหม่ ทั้งนี้ หากบุคคลประพฤติดี ก็จะได้กำเนิดที่ดีในชาติต่อไป เช่นไปเกิดในวรรณะพราหมณ์ ในตระกูลสูง และหากบุคคลประพฤติชั่ว ก็จะได้กำเนิดที่ทราม เช่น ไปเกิดในตระกูลต่ำหรือแม้แต่เป็นสัตว์เดรัจฉาน การจะหลุดพ้นวงจรเวียนว่ายตายเกิดนี้ บุคคลพึงปฏิบัติเพื่อให้บรรลุ “โมกษะ” หรือนิรวาณ คือการพ้นจากกรรมที่เป็นเครื่องร้อยรัดอาตมันกับสงสารวัฏ กลับเข้าสู่ปรมาตมัน อยู่ในศานติชั่วนิรันดร์ หลักอาศรม ๔คำว่าอาศรมหมายถึงที่อยู่อาศัยหรือที่พักพิง ในที่นี้หมายถึงขั้นตอนของชีวิตในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ ขั้น ดังนี้
หลักปุรุษารถะโดยศัพท์มาจาก ปุรุษ + อรรถ หมายถึงประโยชน์ ๔ ประการที่พึงประสงค์ในชีวิตมนุษย์ กล่าวคือ
สำนักปรัชญาต่าง ๆ ฝ่ายฮินดูอนึ่ง นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ปรัชญาฝ่ายฮินดู คือฝ่ายที่นับถือพระเวทได้แตกแขนงออกไปเป็นสำนักต่างๆ อีกมากมาย อาจแบ่งเป็นสำนักใหญ่ ๆ ๖ สำนักดังต่อไปนี้
หลักอาศรม ๔ ของศาสนาพราหมณ์อาศรมในศาสนาฮินดูหมายถึงระยะของชีวิต 4 ระยะซึ่งมีระบุไว้ในเอกสารยุคโบราณและยุคกลางของฮินดู อาศรมทั้งสี่ระยะได้แก่ พรหมจรรยะ, คฤหัสถะ, วานปรัสถะ และ สันยาสะ
หลักธรรมเรื่อง "อาศรม 4" มีความสำคัญอย่างไรหลักอาศรม 4 หมายถึง ขั้นตอนการดำเนินชีวิตของชาวฮินดู เพื่อยกระดับชีวิตให้สูงขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน พรหมจารี ขั้นแรกของชีวิต เป็นวัยที่ต้องศึกษาเล่าเรียน ู คฤหัสถ์ เป็นชีวิตของผู้ครองเรือน วานปรัส เป็นช่วงเวลาที่กระทำประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ คือ การออกบวช สู่ป่าเพื่อฝึกจิตให้บริสุทธิ์
วัยออกบวชเพื่อหาจุดมุ่งหมายในศาสนาพราหมณ์สันยาสี (โมกษะ) เป็นระยะเวลาของการสละชีวิตคฤหัสถ์ของ ผู้ครองเรือน เพื่อเข้าป่าออกบวช เพื่อจุดหมายสูงสุดของชีวิต คือ โมกษะ โดยจะต้องมีศรัทธา และแก่กล้าถึงกับเสียสละทุก อย่าง ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลา 76-100 ปี
มีหน้าที่ต้องศึกษาเล่าเรียนตรงกับวัยใดในหลักอาศรม 4หลักอาศรม ๔
๑) พรหมจรรย์ เป็นวัยศึกษาเล่าเรียน ผู้ชายที่อยู่ในวัยรุ่นจะต้องออกจากบ้านไปอยู่ศึกษา วิชาการจากอาจารย์ คอยปฏิบัติรับใช้อาจารย์พร้อมทั้งเรียนวิชาที่เหมาะกับวรรณะของตน ๒) คฤหัสถ์ เป็นวัยครองเรือนโดยการแต่งงานและตั้งครอบครัว ในขั้นนี้บุคคลต้องประกอบ อาชีพเลี้ยงครอบครัว และสะสมทรัพย์สมบัติไว้ตามความสามารถ
|