ผลการวิจัย พบว่า พฤติกรรมการสูบบุหรี่ของนักเรียน เคยสูบบุหรี่ ร้อยละ 18.26 เหตุผลที่สูบบุหรี่ เพราะอยากลองด้วยตนเอง ร้อยละ 72.5 ส่วนใหญ่สูบบุหรี่สำเร็จรูป ร้อยละ 62.5 ปกติสูบบุหรี่วันละ 1 มวน ร้อยละ 37.5 ส่วนใหญ่จะสูบในบางโอกาส ร้อยละ 52.5 ในโอกาสเข้าสังคมกับเพื่อน ร้อยละ 45.0 สถานที่สูบในโรงเรียนส่วนใหญ่ คือ ห้องน้ำ ร้อยละ 40.0 ได้บุหรี่โดยการซื้อเองและได้มาจากเพื่อน ร้อยละ 35.0 ซื้อที่ร้านขายของชำทั่วไป ร้อยละ 50.0 ซื้อบุหรี่แบบขายแยกเป็นมวน ร้อยละ 67.5 พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ เพศ (p-value=0.001) ค่าใช้จ่าย (p-value=0.004) ทัศนคติเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ (p-value=0.004) การรับรู้แนวทางปฏิบัติเรื่องบุหรี่ในโรงเรียน (p-value=0.042) ปัจจัยเอื้อความยากในการเข้าถึงบุหรี่ (p-value=0.001) ปัจจัยเสริมมีเพื่อนสนิทที่ สูบบุหรี่ (p-value=0.001) ดังนั้นโรงเรียนควรมีนโยบายป้องกันการสูบบุหรี่ในโรงเรียนและควรมีการเสริมสร้างทักษะชีวิตในการป้องกันการสูบบุหรี่สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น DownloadsDownload data is not yet available. References1. สำนักควบคุมบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. 2559 -2562. 2559 . [เข้าถึง เมื่อ 29 ต.ค. 2562]. เข้าถึงได้จาก http://btc.ddc.moph.go.th/th/upload/download/files/Second_Nation_Strategic_Plan_TC2016-2019_TH_FULL.pdf Downloads31-12-2021 More Citation Formats Download Citation
ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 (2021): กรกฎาคม - ธันวาคม 2564 บทบทความวิจัย Licenseบทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน (Journal of Health Science and Community Public Health) ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดขอนแก่น และคณาจารย์ท่านอื่นๆในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว |