คุณกำลังพยายามค้นหาเกี่ยวกับหัวข้อ บทที่ 5 Motion การเขียนรายงานเพื่อการปฏิบัติงานเชิงวิชาชีพ หน้า 96? Taphoamini.com นำเสนอเนื้อหาทันทีในหัวข้อของ การเขียนบันทึกการปฏิบัติงานประจําวัน ในโพสต์ด้านล่าง. Show
[button color=”primary” size=”small” link=”#” icon=”” target=”false” nofollow=”true”]ดูรายละเอียดในวิดีโอด้านล่าง[/button] รูปภาพธีมการเขียนบันทึกการปฏิบัติงานประจําวันจัดทำโดย Taphoamini.บทที่ 5 Motion การเขียนรายงานเพื่อการปฏิบัติงานเชิงวิชาชีพ หน้า 96บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อสังเคราะห์เครื่องมือที่ดีที่สุดที่นี่: ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรู้ในหัวข้อนี้ได้ที่นี่ อัพเดทข้อมูลล่าสุดที่นี่. ดูเนื้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทที่ 5 Motion การเขียนรายงานเพื่อการปฏิบัติงานเชิงวิชาชีพ หน้า 96.. เรา หวังว่า ข้อมูล เกี่ยวกับ การเขียนบันทึกการปฏิบัติงานประจําวัน ที่เรานำเสนอจะ นำมาซึ่งมูลค่ามากมาย สำหรับคุณ. ผู้คนกำลังมองหาหัวข้อ บทที่ 5 Motion การเขียนรายงานเพื่อการปฏิบัติงานเชิงวิชาชีพ หน้า 96.การเขียนบันทึกการปฏิบัติงานประจําวัน [vid_tags] #บทท #Motion #การเขยนรายงานเพอการปฏบตงานเชงวชาชพ #หนา 3000-1102 การเขียนเชงิ วชิ าชีพ (Career-based Writing) การเขียนเชงิ วชิ าชีพ (Career-based Writing) จุดประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวิชา คาอธิบายรายวิชา จากสื่อประเภทต่าง ๆ เพื่อวางแผนการเขียนตามรูปแบบของเอกสารแต่ละประเภท การเขียนบทความในงานอาชีพ phuntira pratoomcho เกณฑก์ ารวดั ผลและประเมนิ ผล การวดั ผล การประเมนิ ผล 1. ใบงาน 70 คะแนน ช่วงคะแนน เกรด phuntira pratoomcho ความหมายและความสาคญั ของการเขยี น การเขียน คือ การส่ือสารชนิดหนึ่งของมนุษย์ ท่ีต้องอาศัยความพยายาม การเขียนเป็นการแสดงความรู้ ปัจจบุ ันอาจใช้การพมิ พแ์ ทนการเขียนดว้ ยลายมอื ความสาคัญของการเขียน phuntira pratoomcho จดุ ม่งุ หมายของการเขียน การเขียนจะบรรลุผลตามวัตถุประสงค์หรือไม่นั้น สิ่งสาคัญอย่างหน่ึง คือ
การเขียนต้องมีจุดมุ่งหมาย 1) การเขียนเพือการเล่าเรือง > เป็นการนาเรื่องราวที่สาคัญมาถ่ายทอดเป็นข้อเขียน เช่น การเขียนเล่า 2) การเขียนเพอื อธิบาย > เป็นการเขียนเพ่ือช้ีแจงอธิบายวิธีใช้ วิธีทา ข้ันตอนการทา เช่น อธิบายการใช้ 3) การเขียนเพอื แสดงความคิดเห็น > เปน็ การเขยี นเพ่ือวเิ คราะห์ วิจารณ์ แนะนา 4) การเขียนเพือโน้มน้าวใจ >
เป็นการเขียนที่ผู้เขียนมีจุดประสงค์ท่ีจะชักจงู โน้มน้าวใจให้ผู้อ่านยอมรับ 5) การเขยี นเพือกจิ ธรุ ะ > เป็นการเขยี นท่ีผูเ้ ขยี นมจี ุดประสงคอ์ ย่างใดอย่างหน่ึง การเขียนชนดิ น้ี phuntira pratoomcho มารยาทในการเขียน 1) ใช้ถอ้ ยคาสุภาพไพเราะ หลกี เล่ียงคาหยาบ ไม่ใช้อารมณ์ ความรู้สกึ ส่วนตนหรืออคติ 2) เขยี นขอ้ ความหรืองานเขียนทเ่ี ป็นจริง ได้ศึกษา ค้นควา้ และตรวจสอบว่าถกู ต้องแล้ว ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว 3) เขยี นให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ใช้สระ พยญั ชนะ และวรรณยุกต์ให้ถกู ตอ้ ง ใช้ถ้อยคาที่เหมาะสมกับเนื้อหา 4) เขียนส่ิงท่ีมีคุณค่าอันจะก่อให้เกิดความสุขให้เกิดความสงบสุขแก่คนในสังคม และประเทศชาติ ทาให้ 5) การไมค่
ดั ลอกงานเขยี นของผ้อู ื่น โดยอ้างวา่ เป็นผลงานของตนเอง เม่ือยกข้อความหรอื งานเขียน phuntira pratoomcho การเขยี นโครงการ โครงการ หมายถึง การวางแผนล่วงหน้าท่ีจัดทาขึ้นอย่างมีระบบ ประกอบด้วยกิจกรรมย่อยหลายกิจกรรมที่ต้องใช้ ลักษณะของโครงการทดี ี phuntira pratoomcho ขนั้ ตอนการเขียนโครงการ 1. วิเคราะหป์ ญั หาหรอื ความตอ้ งการ ดาเนินการโดย ศกึ ษาสภาพแวดล้อมเพื่อคน้ หาปญั หา กาหนดสภาพแห่งการหมดปัญหา กาหนดแนวทางแกไ้ ข 2. เขยี นโครงการ โดยมเี ทคนิค ดังน้ี 2.1 ก่อนลงมือ ต้องตงั้ คาถามและตอบคาถาม 6 W 1 H 2.1.1 W1 = WHO หมายถึง คาถาม “ใครเปน็ ผู้ดาเนนิ โครงการ” 2.1.2 W2 = WHAT หมายถึง คาถาม “จะทาอะไรบ้าง” 2.1.3 W3 = WHEN หมายถงึ คาถาม “จะทาเม่อื ไหร่” 2.1.4 W4 = WHERE หมายถึง คาถาม “จะดาเนินโครงการท่ไี หน” 2.1.5 W5 = WHY หมายถงึ คาถาม “จะทาโครงการนีไ้ ปทาไม” 2.1.6 W6 = With หมายถงึ คาถาม “ใครเป็นผ้ไู ด้รบั ประโยชน์” 2.1.7 H1 = HOW หมายถึง คาถาม “จะดาเนินโครงการอยา่ งไร” 2.2 ศึกษาเกณฑ์การคัดเลือกโครงการ 2.3 ลงมือเขียนโครงการ โดยใช้ภาษาเขียนทีก่ ระชับ ส่ือความหมายได้ชัดเจน phuntira pratoomcho การเขียนโครงการตอ้ งสามารถตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. โครงการอะไร หมายถงึ ชือ่ โครงการ 7. ทาเม่อื ใดและนานแคไ่ หน หมายถงึ 8. ใครทา หมายถงึ 9. บรรลวุ ตั ถุประสงค์และเปา้ หมายหรอื ไม่ หมายถึง 10. ได้อะไรเมือ่ สิน้ สุดโครงการ หมายถึง phuntira pratoomcho 5 ทกั ษะทตี ้องมีในงานเขยี นบทความ 1. มีเอกลักษณ์ของตัวเอง บทความท่ีเขียนขึ้นมาจะมีคุณค่าและเป็นท่ีต้องการในตลาดได้น้ันเกิดจากสไตล์การเขียนของนักเขียน 2. มีความเข้าใจในผู้อ่านทีเป็นกลุ่มเป้าหมาย ต้องรู้ว่าจะเขียนให้ใครอ่านแล้วสามารถคิดออกมาได้ว่าจะเขียนบทความเก่ียวกับ 3. ไม่คัดลอกงานเขียนบทความของนักเขียนคนอืน ในขณะท่ีมีคนอีกนับพันหรือหม่ืนเขียนบทความเก่ียวกับเร่ืองเดียวกันบนโลก 4. มีความรู้พื้นฐานเกียวกับการตลาดของเวปไซต์ SEO มีความเข้าใจหลักการทางานเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักของบทความ 5. เปน็ ผู้เชียวชาญในการใช้สือสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เฟสบุค ทวิตเตอร์ บล็อกเกอร์ และอื่น ๆ มันเป็นสิ่งสาคัญมากที่จะต้อง phuntira pratoomcho ความหมายและประเภทของรายงาน ความหมายของรายงาน “รายงาน” เป็นคานาม แปลว่า เรื่องราวที่ไปศึกษาค้นคว้าแล้วนามาเสนอที่ประชุมครูอาจารย์หรือผู้บังคับบัญชา เป็นต้น เป็นคากริยา แปลว่า บอกเร่ืองราวของการงาน เช่น รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ (อาไพวรรณ ทัพเป็นไทย อ้างถึงใน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 , 2546: 953) รายงาน (report) เปน็ เอกสารทางวิชาการทน่ี กั ศกึ ษารวบรวมและเรยี บเรยี งข้ึนจากการศกึ ษาค้นคว้าเร่อื งใดเรื่องหนึ่งเพื่อให้เสริม ความรแู้ ละทกั ษะในรายวิชาที่กาลังศึกษาอยู่ (พูลสขุ เอกไทยเจรญิ , 2539 : 2) สรุปได้ว่ารายงานเปน็ การนาเสนอเรอ่ื งราวทางวิชาการซึ่งเปน็ ผลจากการศึกษาค้นควา้ เรือ่ งใดเรื่องหนึ่งอย่างมีระบบ มีการวิเคราะห์ อย่างมีเหตุผล และอ้างอิงหลักฐานที่มาอย่างมีหลักเกณฑ์แล้วนามาเรียบเรียงอย่างมีข้ันตอน และเขียนหรือพิมพ์ให้ถูกต้องตาม แบบแผนที่กาหนดถือว่ารายงานเป็นส่วนหน่ึงของการประเมนิ ผลการศกึ ษา ประเภทของรายงาน รายงานโดยทวั่ ๆ ไปแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทใหญ่ คอื 1. รายงานท่วั ไป 2. รายงานทางวชิ าการ ดังน้ี 1. รายงานทัวไป เปน็ รายงานทีเ่ สนอข้อเทจ็ จริงในเรือ่ งตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วกบั องคก์ ารสถาบันหรอื ข้อคดิ เห็นของบุคคล ความเคล่ือนไหว ของเหตุการณ์ สถานการณ์อย่างใดอย่างหน่ึงซ่ึงได้ดาเนินการไปแล้ว หรือกาลังดาเนินการอยู่ หรือจะดาเนินการต่อไปเพ่ือให้ ผ้เู กย่ี วขอ้ งทราบ ได้แก่ 1.1 รายงานในโอกาสต่าง ๆ เช่น รายงานแสดงผลงาน เป็นรายงานซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่รายงานผลการปฏิบัติงาน ต่อผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงานหรือผู้สนใจทราบ ข้อเขียนที่เป็นคากล่าวรายงานในพิธีเปิด -ปิดการอบรมสัมมนา การแข่งขันกีฬา การประกวด ฯลฯ เป็นการรายงานให้ทราบถึงความเป็นมาของงาน การดาเนินงาน ผู้ร่วมงาน กาหนดระยะเวลาของงาน และลงท้าย ดว้ ยการเชญิ ประธานในพธิ ีกล่าวเปดิ หรือปดิ งาน phuntira pratoomcho ประเภทของรายงาน (ตอ่ ) 1.2 รายงานการประชุม เป็นคานามแปลว่า รายละเอียดหรือสาระของการประชุมท่ีจดไว้เป็นทางการ
(พจนานุกรม 1.3 รายงานข่าว คือ การรายงานโดยใช้วิธีเขียนหรือพูด เพ่ือรายงานเร่ืองราวหรือเหตุการณท์ ี่เกิดขึ้น ผู้รายงานได้แก่ 1.4 รายงานเหตกุ ารณ์ เป็นรายงานซ่ึงเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นผู้รายงานเพื่อบอกเร่ืองราวเหตุการณ์หรือ 2. รายงานทางวิชาการ คือ รายงานผลของการศึกษาค้นคว้าวิจัยเก่ียวกับเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งมุ่งเสนอผลท่ีได้ตามความ phuntira pratoomcho การเขยี นรายงานการประชมุ การจดรายงานการประชมุ ต้องคานงึ ถึง การจดรายงานการประชุม อาจทาได้ 3 วิธี เลขานกุ ารของทป่ี ระชุมปรกึ ษาหารอื กนั และกาหนด รปู แบบรายงานและระเบยี บวาระการประชมุ ตวั อยา่ งการเขยี นรายงานการประชุม องค์ประกอบของการประชุม ยอมรับ คน 2 คน พูดจา มีระเบยี บ มีความ phuntira pratoomcho การประชมุ ทีมปี ระสทิ ธภิ าพ บรรลุ นาไปปฏบิ ตั ิ ผู้เข้าประชุม ประหยดั และ การประชุม พึงพอใจ phuntira pratoomcho ข้ันตอนของกระบวนการประชุม เตรียมการ นัดผ้เู ข้าร่วม ดาเนินการ ผลการประชุม ปอ้ นกลบั นาผลการประชุม ประเภทของรายงานวชิ าการ รายงานวิชาการแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท ดงั น้ี (ในรายวิชาหนึ่งอาจมีรายงานได้หลายเรื่อง) รายงานในวิชาใดจะมีเนื้อหาอยู่ในขอบข่ายวิชานั้น โดยอาจใช้วิธีการศึกษาค้นคว้า 1.2 ภาคนิพนธ์ หรอื รายงานประจาภาค (Term paper) มีลักษณะเช่นเดียวกับรายงานเพียงแต่เร่ืองที่ใช้ทาภาคนิพนธ์จะมี 2. รายงานการค้นควา้ วิจยั แบ่งได้เปน็ คาตอบหรอื ความรเู้ พิ่มเตมิ ต้องมีความรใู้ หมท่ ี่ยงั ไมเ่ คยมกี ารศึกษาวิจยั มากอ่ น มวี ิธีดาเนินการอย่างมีระเบียบ มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน 2.2 วิทยานพิ นธ์ หรือ ปริญญานิพนธ์ (Thesis or Dissertation)
มีลักษณะเช่นเดียวกับรายงานการวิจัยและถือเป็นส่วนหน่ึง phuntira pratoomcho การใช้ภาษาในการเขยี นรายงาน 1. ควรใช้ภาษาหรอื สานวนโวหารเปน็ ของตนเองทเี ขา้ ใจงา่ ยและถกู ต้อง phuntira pratoomcho การเขียนรายงานทางวิชาการ ส่วนประกอบของรายงานทางวิชาการหรือรายงานการวิจัย มสี ว่ นประกอบ 3 สว่ น คือ ส่วนประกอบตอนต้น ตอนกลาง และท้าย ดงั นี้ phuntira pratoomcho การเขยี นจดหมายธุรกจิ ทคี วรคานงึ ถงึ การเขยี นจดหมายธุรกิจ แบง่ ออกเปน็ 3 ระยะ ดงั น้ี แน่นอนก่อนว่าจะเขียนเรื่องใดบ้าง และต้องหาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนหากเป็นจานวน วัน เวลา สถานที่ และเง่ือนไขต่าง ๆ 3.เขียนทาไม เพือ่ จะได้ระบวุ ตั ถปุ ระสงค์ลงไปใหช้ ัดเจน แนน่ อน เช่น เพ่ือขอความรว่ มมือ เพื่อแจ้งใหท้ ราบ เพอื่ ใหพ้ จิ ารณา เป็นตน้ phuntira pratoomcho ความหมายและจดุ ประสงค์ของการโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ ความหมาย ใด ๆ ใหป้ ระชาชนเห็นหรอื ทราบข้อความ ใหล้ กู คา้ สนใจซื้อสนิ ค้าและบริการนั้น ๆ ปัจจุบันมีหลายช่องทาง เช่น ทางวิทยุ โทรทัศน์ แผ่นป้าย อินเตอร์เน็ต หมายถึง : การติดต่อสื่อสารเพ่ือเสรมิ สรา้ งความเข้าใจอันถกู ต้องต่อกัน จุดประสงค์ 1. เพ่ือให้ประชาชนรูจ้ กั สนิ คา้ หรือบริการนัน้ ๆ 2. เพอื่ ใหป้ ระชาชนสนใจสนิ คา้ หรอื บริการนั้น ๆ 3. เพื่อเผยแพร่ความรู้ และข่าวสารของหน่วยงานให้บุคคลทั่วไปได้ทราบเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ ดี กบั กล่มุ เป้าหมาย 4. เพอ่ื ลดปญั หาความขัดแย้งและเข้าใจผิด 5. เพอ่ื สร้างภาพลกั ษณ์ท่ดี ี phuntira pratoomcho หลักการเขยี นโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ 1. เขียนตามความเปน็ จริง phuntira pratoomcho phuntira pratoomcho |