Show
รอยเท้าดิจิทัล : ฝ่ายบุคคลเตือน ตัวตนและความคิดเห็นในโลกออนไลน์มีผลต่อการสมัครงาน
8 กรกฎาคม 2019 ที่มาของภาพ, Getty Images รอยเท้าดิจิทัล หรือ digital footprint กำลังมีบทบาทมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งที่เคยโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ไม่เพียงถูก "ขุด" มาใช้วิพากษ์วิจารณ์ผู้มีชื่อเสียงอย่างนักการเมืองหรือดารา แต่อดีตในโลกออนไลน์ยังส่งผลกระทบต่อบุคคลธรรมดาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในการสมัครงาน ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ปัจจุบันองค์กรธุรกิจจำนวนมากใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียประกอบการพิจารณารับบุคคลเข้าทำงาน นอกเหนือจากการสัมภาษณ์และการทดสอบความสามารถ ดังนั้นคนในตลาดแรงงานจึงควรระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและความคิดเห็นในโลกออนไลน์ เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อการสมัครงาน
ขณะที่นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์แสดงความกังวลว่า การนำรอยเท้าดิจิทัลมาใช้ในการโจมตีกัน จะผลักดันให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมแห่งการ "เซ็นเซอร์ตัวเอง" เพราะทุกคนรู้สึกว่าโดนจับตามองอยู่ตลอดจึง "ไม่กล้าพูดอะไรมากนอกจากโพสต์รูปแมว รูปท่องเที่ยวไปวัน ๆ" รอยเท้าดิจิทัลคืออะไรเว็บไซต์ techterms.com นิยามรอยเท้าดิจิทัลว่า คือ ร่องรอยที่บุคคลทิ้งไว้ขณะท่องอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่เปิด อีเมลที่ส่งหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่ป้อนเข้าสู่ระบบบริการออนไลน์ รอยเท้าดิจิทัลมี 2 ประเภทคือ
ที่มาของภาพ, Getty Images
เอกชนรับ "ส่อง" โซเชียลมีเดียผู้สมัครงานดร.บวรนันท์ นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลฯ กลาวว่า ปัจจุบันองค์กรภาคธุรกิจให้ความสนใจรอยเท้าดิจิทัลของผู้สมัครงานมากขึ้น โดยตรวจสอบจากเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ของผู้สมัคร "โซเชียลมีเดียเหล่านี้เก็บข้อมูลของบุคคลได้ทั้งหมด ทำให้ฝ่ายบุคคลวิเคราะห์ผู้สมัครได้ง่าย และได้ผลมากกว่าการนั่งสัมภาษณ์แบบเดิม ๆ เพราะเราจะรู้ได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องไหนในชีวิต ทัศนคติ วิธีบ่น วิธีคิด" ดร.บวรนันท์กล่าว และยอมรับว่าแนวโน้มนี้นับเป็นเรื่องที่คนที่ในตลาดแรงงานควรตระหนัก แนวโน้มนี้ได้รับการยืนยันจากการสำรวจของสมาคมการจัดการงานบุคคลฯ เรื่องกระบวนการรับสมัครงานของบริษัทเอกชน 350 แห่ง ซึ่งจัดทำเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา "ผลการสำรวจพบว่า 41.19 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่สำรวจ ดูโซเชียลมีเดียของผู้สมัครประกอบการพิจารณาคุณสมบัติเพื่อตัดสินใจรับเข้าทำงาน" ดร.บวรนันท์กล่าว ที่มาของภาพ, Getty Images นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลฯ อธิบายว่าการดูข้อมูลในโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเพราะดูเฉพาะข้อมูลที่ตั้งค่าเป็นสาธารณะ ดร.บวรนันท์เตือนคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ใช้โซเชียลมีเดียมากและกำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานว่า ควรตระหนักถึงสิ่งที่ทำบนโซเชียลมีเดียเพราะสิ่งที่โพสต์อาจส่งผลต่อตัวเองได้ในอนาคต แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินไปเพราะโดยทั่วไปเรื่องที่เป็นสิทธิส่วนบุคคล เช่น การนับถือศาสนาหรือทัศนคติทางการเมืองจะไม่ถูกนำมาประกอบการพิจารณารับเข้าทำงาน "ความน่าเชื่อถือของบุคคลเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นการใช้โซเชียลมีเดียต้องไตร่ตรองให้ดี อย่าลืมมองถึงผลกระทบ เราโพสต์ครั้งหนึ่งแต่มันติดตัวไปทั้งชีวิต ในยุคเทคโนโลยีก้าวหน้าแบบนี้ ทุกคนมีอำนาจอยู่ที่ปลายนิ้ว อยู่ที่ว่าจะใช้อำนาจนั้นให้เป็นประโยชน์กับตัวเรามากน้อยขนาดไหน" รอยเท้าดิจิทัลของคนมีชื่อเสียงคนที่เป็นที่รู้จักในสังคม เช่น ดารา นักการเมืองหรือเน็ตไอดอลดูเหมือนจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากรอยเท้าดิจิทัลของตัวเองมากที่สุด ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีหลายคนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากรอยเท้าดิจิทัลของตัวเอง
ดาบสองคมของรอยเท้าดิจิทัลดร. เพ็ญจันทร์ โพธิ์บริสุทธิ์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียสเตท - ฟูลเลอร์ตัน สหรัฐอเมริกา ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียมักจะคิดว่าโซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีคนจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือข้อความที่โพสต์ได้ "สิ่งที่คนลืมไปคือโซเชียลมีเดียเป็นสภาพแบบที่คุณถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาโดยคนในเครือข่ายคุณ ทีนี้มันเป็นปัญหาเพราะเวลใครพูดอะไรที่ขัดกับสิ่งที่เราคิดว่า 'ดีงาม' ก็จะมีการเอาคนไปรุมถล่ม" ดร.เพ็ญจันทร์กล่าวว่าเมื่อพูดถึงรอยเท้าดิจิทัล ในสังคมที่ก้าวหน้าจะนำข้อมูลนี้ไปใช้ประโยชน์กล่าวคือ นำรอยเท้าดิจิทัลไปรวบรวมและประมวลเป็น big data ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ดูพฤติกรรมผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การบริหารจัดการความเสี่ยง วางแผนการตลาด หรือแม้แต่กำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศ แต่ในสังคมไทย รอยเท้าดิจิทัลกลับถูกนำมาใช้เพื่อการโจมตีคนที่เห็นต่างหรือการ "ล่าแม่มด" "พอเป็นแบบนี้ มันก็มีผลกับเราตรงที่เราก็อาจจะเลือกโพสต์หรือไม่โพสต์อะไร เพราะโดนจับตามองอยู่ตลอด สุดท้ายก็กลายเป็นสังคมที่เราเซ็นเซอร์ตัวเอง ไม่กล้าพูดอะไรมากนอกจากโพสต์รูปแมว รูปท่องเที่ยวไปวัน ๆ แต่เราลืมตั้งคำถามใหญ่คือ ทำไมสังคมไทยเป็นแบบนี้ ทำไมเราใช้เรื่องบางเรื่องในการเล่นงานคนที่คิดต่างจากเรา หรือทำลายคู่แข่งทางการเมือง ทำไมเราไม่เปิดพื้นที่ให้เกิดการตั้งคำถามหรือตรวจสอบผู้มีอำนาจ" ดร.เพ็ญจันทร์ตั้งคำถามทิ้งท้าย ร่องรอยดิจิตอลมีกี่ประเภทรอยเท้าดิจิทัลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
รอยเท้าดิจิทัล ของผู้ใช้งานที่เจตนาบันทึกไว้ในโลกออนไลน์ ข้อมูลที่เราตั้งใจเปิดเผยโดยที่เรายินยอมหรือรู้ตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทร ชื่อโปรไฟล์ รวมถึงสิ่งที่เราตั้งใจโพสต์ รูปภาพ ข้อความ การกดถูกใจ รีทวีต หรือ การแชร์โลเคชัน เป็นต้น
การทิ้งรอยเท้าดิจิทัล มีอะไรบ้างรอยเท้าดิจิทัลหมายถึงร่องรอยทั้งหมดที่คุณทิ้งไว้ในขณะที่คุณใช้อินเทอร์เน็ต นี่คือข้อมูลที่ส่งทางออนไลน์เช่นการลงทะเบียนแบบฟอร์มอีเมลและไฟล์แนบการอัปโหลดวิดีโอหรือภาพดิจิทัลและการส่งข้อมูลในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ทิ้งร่องรอยของข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณและสิ่งที่คุณทำไว้ให้ผู้อื่นดูทางออนไลน์
ข้อใดเป็นการทิ้งร่องรอยดิจิทัลร่องรอยดิจิทัล คือ ร่องรอยที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและโลกไซเบอร์กระทำการต่าง ๆ ในโลกดิจิทัล เช่น การใช้งานอัปโหลดข้อมูลส่วนตัว ไฟล์งาน รูปภาพ การใช้งานสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ โดยระบบต่าง ๆ ของอินเทอร์เน็ตจะบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งาน เช่น ชื่อ และข้อมูลส่วนตัว วันเดินปีเกิด ตำแหน่งงาน ผลงาน ข้อมูลการศึกษา ประวัติ ...
รอยเท้าดิจิทัล คือข้อใดDigital footprint หรือ รอยเท้าดิจิทัล อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสารพัดรูปแบบได้ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการใช้งานทุกขั้นตอนเพื่อลดช่องโหว่ในการใช้ประโยชน์จากการใช้งานของมิจฉาชีพ...
|