Show เด็กเพิ่งจบหลายๆ คนมักจะมีปัญหาว่าอ้าว ถึงเวลาสมัครงานแล้ว แต่ทำไมไม่มีอะไรให้เขียนลง CV หรือเรซูเม่เลยล่ะ เป็นเพราะฉันไม่มีประสบการณ์รึเปล่า แล้วแบบนี้จะเขียนอะไรลงเรซูเม่ล่ะ วันนี้เราเลยยกตัวอย่างการเขียน CV ที่ดีสำหรับคนไม่รู้ว่าจะเขียนเรซูเม่หรือว่า CV ยังไงอยู่ จะต้องเขียนอย่างไรคนอ่านถึงจะไม่ปัดโปรไฟล์เราทิ้ง ไปดูกัน! 1. ระดมสมองการวางแผนคือการเริ่มต้นการเขียนที่ดีที่สุด พูดง่ายๆ คือ summarize ตัวเองให้ได้ว่าเรามีอะไรบ้าง ผ่านอะไรมา - เริ่มจากลิสต์ทักษะที่เราทำได้ ความสำเร็จที่ผ่านมา และรางวัลที่เคยได้รับใส่ลงไปก่อน ถ้าเคยฝึกงานหรือทำงานพาร์ทไทม์ที่ดูจะไม่เกี่ยวกับงานที่เราไปสมัคร เช่น งานเสิร์ฟอาหาร เราสามารถเลือกทักษะที่เราได้ฝึกจากงานนี้ไปใช้สมัครงานได้ เช่น การทำงานเป็นทีม, การรับมือกับลูกค้า และการคำนวณรายรับรายจ่าย เป็นต้น แต่ถ้าไม่เคยทำงานมาก่อนเลย ก็อาจจะลองดูว่าขณะเรียนเรามีทักษะอะไรที่ได้ฝึกและทำได้ดี เช่น สามารถทำงานได้ตามกำหนดเวลาตลอด, เข้าเรียนอย่างตั้งใจทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งพูดถึงเรียงความและรายงานที่ได้รับคำชม - ลองเขียนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนแล้วค่อยเอามาเลือก 2. อย่าโกหก (มากเกินไป)หลายๆ คนคิดว่าถ้าใส่คำศัพท์สวยๆ ยากๆ แล้วจะเป็นที่เตะตา แต่ว่าบางทีก็อาจจะดูเวอร์ไป หากเราใส่ประสบการณ์ทำงานหรืออาสาสมัครที่ไม่ได้ทำจริงลงไป ทางบริษัทอาจขอ References ได้ และตัวเราเองนี่แหละที่จะเจอปัญหา ดังนั้นเราจึงไม่ควรโกหกคำโตลงไปใน CV แต่อาจจะใช้คำที่ฟังดูดีขึ้นเล็กน้อยแทน เช่น หากเราได้สอนหนังสือน้องหรือญาติเป็นประจำ ก็อาจจะบอกว่า Tutored Maths for high school kids for 2 years เป็นต้น 3. นำเสนอว่าเรามีสมองถ้าไม่มีประสบการณ์ทำงานเลย ก็เอาประวัติการศึกษาของเรานั่นแหละมาเขียนให้มีประโยชน์ ไม่ต้องใส่ทุกวิชาที่เราเรียน แต่เลือกจัดกลุ่มวิชาที่น่าสนใจ เช่น 3 As, including ___ ___ and ___, 5 Bs, including ___. เป็นต้น โดยเลือกรายวิชาที่คิดว่าผู้ว่าจ้างจะสนใจหรือเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานของเราไปใส่ ส่วนคนที่ยังเรียนไม่จบก็เลือกเฉพาะรายวิชาที่มีอยู่ก็พอ 4. หาประสบการณ์ทำงานเพิ่มเติมถ้า CV มันโล่งจริงๆ ก็ลองไปหาอะไรทำซักหน่อยมั้ย? จะเป็นงานพาร์ทไทม์ การฝึกงาน หรือการเป็นอาสาสมัครก็ได้ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ลองถามญาติๆ ดูว่าขออนุญาตไปฝึกงานในที่ทำงานของพวกเขาได้ไหม การทำแบบนี้ถึงเราจะไม่ได้เงิน แต่เราจะได้ประสบการณ์และความคุ้นเคยกับการทำงานที่ดี แถมยังทำให้เรามีความแตกต่างจากคู่แข่งคนอื่นๆ อีกด้วย การฝึกงานแม้จะได้เงินน้อยหรือไม่ได้เลยก็มีประโยชน์ในการสร้างประสบการณ์ให้เรานะ 5. อย่าเขียนยาวเกินไปโอเค ถึงประวัติเราจะยาวเหยียดและสวยงาม แต่อาจจะไม่ได้ทำให้ผู้คนประทับใจเสมอไป เพราะการอ่าน CV ทางองค์กรต้องอ่านวันละหลายร้อยฉบับ ดังนั้น CV ที่สั้น กระชับ ชัดเจน จะทำให้บริษัทหรือมหาวิทยาลัยเข้าใจเราได้ดีกว่าการพร่ำพรรณาโวหาร ไม่มีใครอยากรู้อัตชีวประวัติของเรา เพราะฉะนั้นใส่อะไรที่เราทำได้จริงๆ ก็พอ (ไม่ควรยาวเกิน 1 หน้ากระดาษ) 6. ใส่ตัวอย่างเข้าไปเยอะๆถ้าไม่มีเนื้อหาจริงๆ ลองยกตัวอย่างให้ทางองค์กรเห็นภาพทักษะเรามากขึ้นก็ได้ เช่น ถ้าเราบอกว่าเราทำงานเป็นทีมได้ดี ลองยกตัวอย่างสถานการณ์ในมหาวิทยาลัย หรือตอนฝึกงานมาเล่าให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ถ้าเป็นพนักงานเสิร์ฟ ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนว่าสิ่งที่ทำคือรับออร์เดอร์ แต่ลองใส่ทักษะที่ได้ เช่น 'appeased difficult customers' (รับมือลูกค้าที่รับมือยาก) หรือ 'managed time effectively in a fast-paced environment' (จัดการเวลาได้ดีเยี่ยมแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เน้นความรวดเร็ว) เห็นไหมว่าฟังดูดีกว่าเก็บจานตั้งเยอะ 7. จัดรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพCV ของเราควรจะอ่านง่ายแม้แค่กวาดสายตาผ่าน โดยในด้านบนควรจะพูดถึงข้อดีที่สุดและน่าประทับใจที่สุดของเราเอาไว้ (ถ้าสมัครบริษัทหรือองค์กรไทย ต้องติดรูป แต่ถ้าสมัครมหาวิทยาลัยหรือที่ทำงานเมืองนอก ไม่ต้องติดรูปนะจ๊ะ) รวมทั้งอีเมลที่ติดต่อได้ (เป็นทางการหน่อยนะไม่ใช่สมัยม.ต้น) และ Personal Statement เล็กๆ ตามด้วยการศึกษา ประวัติการทำงาน ทักษะ และความสำเร็จ (บางที่จะขอให้ใส่งานอดิเรกเข้าไปด้วย) และอย่าลืมทิ้งท้ายข้อมูลติดต่อของผู้อ้างอิงของเรา (อาจารย์หรือเจ้านายเก่า) เพราะทางบริษัทอาจติดต่อพวกเขากลับไปได้... ลองดูตัวอย่างด้านล่างเลย 8. เขียน Personal Statement ให้เหมาะกับงานที่ทำPersonal Statement คือย่อหน้าเปิดของ CV ที่พูดถึงตัวเราแบบสั้นๆ แต่เกี่ยวข้องกับงานหรือมหาวิทยาลัยที่เราต้องการสมัคร พูดง่ายๆ ก็คืออธิบายตัวเราและโกลของเรานั่นเอง พยายามใส่ว่า เราทำอะไรมาแล้ว กำลังทำอะไรอยู่ และตั้งเป้าว่าจะทำอะไรต่อไป (เรามองเห็นอนาคตการทำงานของเราอย่างไร) แต่อย่าใช้คำสรรพนามว่า ‘I’ ถ้าเป็นไปได้ เพราะจะฟังดูไม่เป็นทางการเอาเสียเลย 9. ไม่ต้องบอกเค้าว่าเรามีเรื่องแย่อะไรบ้างการเขียน CV ว่า “หนูไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไร” ไม่ได้ทำให้เราดูเป็นคนถ่อมตัว แต่ทำให้ผู้จ้างอยากจะทิ้ง CV เราลงถังขยะมากกว่า ทางที่ดีลองปรับจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง เช่น ถ้าเคยวาดการ์ตูนกับเพื่อน อาจจะบอกว่า “ได้รับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยการวาดภาพ” หรือถ้าเป็นคนอารมณ์ร้อน อาจบอกว่า “เป็นคนมีความมุ่งมั่นที่จะไปถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด” แทน คงเห็นภาพมากขึ้นกับการเขียน CV อย่าเพิ่งตกใจไปว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์เพราะว่าหลายๆ อย่างที่เราเคยทำก็สามารถเอามาใช้เป็นประสบการณ์ได้นะ :) |