Show เกษตรกรรมแบบยั่งยืน กับ “ความสุขแบบชาวบ้าน”ในปัจจุบันนี้ การทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืนมีหลายรูป แบบ แตกต่างไปตามพื้นฐานความเชื่อความเป็นมา และความเหมาะสมกับแต่ละภูมินิเวศ และวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่/ชุมชน และมีการให้ชื่อและความหมายที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะวางอยู่บนหลักการของการดำเนินกิจกรรมที่สอดคล้องกับระบบนิเวศวิทยา สามารถดำเนินต่อไปไดอย่างยั่งยืน โดยไม่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ตัวอย่างรูปแบบเกษตรกรรมแบบยั่งยืนที่สำคัญ อาทิ
เกษตรกรรมแบบยั่งยืน กับ “ความสุขแบบชาวบ้าน” กษตรแบบผสมผสาน จะแตกต่างจาก ไร่นาสวนผสม (Mixed farming) คือเกษตรแบบผสมผสานจะเน้นการเกิดความสมดุลของสภาพแวดล้อมในไร่นา มากกว่าเน้นการปลูกเพื่อการขาย และแตกต่างจาก เกษตรกรรมแบบดั้งเดิม (Traditional AgricultureSystem)
ลักษณะเด่นของวนเกษตรคือ เป็นระบบการปลูกพืชที่มีความต่างระดับของเรือนยอดต้นไม้และระบบราก มีองค์ประกอบที่หลากหลายทางพันธุกรรมและชีวภาพของพืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก(จุลินทรีย์) เน้นการอยู่ร่วมกันเป็นระบบนิเวศที่มีความสมดุลทางธรรมชาติ มีการหมุนเวียนธาตุอาหารตามธรรมชาติ (อันเป็นผลมาจากความหลากหลายชนิดของพืช สัตว์ และจุลินทรีย์)
ฟูกูโอกะอธิบายว่า “ชาวนาเชื่อกันว่าทางเดียวที่จะให้อากาศเข้าไปปรับสภาพเนื้อดินได้ดี คือ ต้องใช้จอบ พลั่ว ใช้ไถ หรือใช้แทรคเตอร์พรวนดิน แต่ยิ่งพรวนมากเท่าไรมันก็จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากเท่านั้น นั่นเป็นการทำให้โมเลกุลของมันแตกกระจายออกจากกัน ซึ่งจะยิ่งทำให้ดินแข็งขึ้น ถ้าปล่อยให้วัชพืชทำงานนี้แทน รากของมันจะชอนลงไปลึกถึง 30-40 ซม. ซึ่งจะช่วยทำให้ทั้งอากาศและนํ้าซอกซอนเข้าไปในเนื้อดินได้ จุลินทรีย์จะแพร่ขยายตัว เมื่อรากเหล่านี้เหี่ยวและเมื่อมันแก่ ไส้เดือนก็จะเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งที่ไหนมีไส้เดือนก็จะขุดดินให้เอง ดินจะอ่อนนุ่ม และสมบูรณ์ขึ้นด้วยตัวของมันเอง มันพรวนตัวเอง โดยไม่ต้องให้มนุษย์มาช่วย เพียงแต่เราปล่อยให้มันทำ”ในแนวคิดของฟูกูโอกะ จะมุ่งเน้นในด้านของการใช้ฟางคลุมดินแทนการทำปุ๋ยหมัก เพราะการใช้ฟางคลุมดินจะช่วยปรับสภาพดินได้เป็นธรรมชาติกว่า เป็นการเดินตามหลักเกณฑ์ของธรรมชาติ และจะเป็นวิธีบำรุงธรรมชาติให้สมบูรณ์ขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งซึ่งแนวคิดเกษตรกรรมธรรมชาติของฟูกูโอกะนี้มาจากฐานความคิดที่เชื่อว่า เกษตรกรรมธรรมชาติสืบสายมาจากสภาวะแห่งความไพบูรณ์ทางจิตวิญญาณของปัจเจกบุคคล เขาเชื่อว่าการบำ รุงรักษาผืนแผ่นดิน และการชำระจิตใจของมนุษย์ให้บริสุทธิ์เป็นกระบวนการเดียวกัน ดังที่เขากล่าวว่า “เป้าหมายสูงสุดของเกษตรกรรมไม่ใช่การเพาะปลูกพืชผล แต่คือการบ่มเพาะความสมบูรณ์แห่งความเป็นมนุษย์”
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเกษตรอินทรีย์ยังมีการกำหนดมาตรฐานกระบวนการผลิตที่ชัดเจนมีการตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน จนถึงขั้นกำหนดเป็นระเบียบกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการผลิตและการติดฉลากโฆษณาผลิตภัณฑ์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ความสุข ความพอเพียงผลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่เกษตรกรหันมาทำ เกษตรกรรมแบบยั่งยืนก็คือ แม้จะไม่รํ่ารวยเงินทอง แต่ก็รํ่ารวยความสุขตัวอย่างบทเรียนจากพื้นที่รูปธรรมในการทำเกษตรกรรมยั่งยืนของชุมชนแม่ทา ตำบลแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า การทำ เกษตรกรรมยั่งยืนทำ ให้เกิดการเรียนรู้และเกิดความรู้ และการเรียนรู้/ความรู้นี้เองที่ทำ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชน คือทำ ให้เกิด “ความสุข” ซึ่งความสุขในที่นี้ก็คือการได้ทำอะไรโดยอิสระ ได้ทำในสิ่งที่ตนเองถนัดและสนใจ ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมีความอบอุ่นเข้าใจกันในครอบครัว มีเวลาพักผ่อนอย่างพอเพียง มีเวลาให้กับชุมชนและสังคม และที่สำคัญคือมี “ความเป็นไท” เป็นเจ้าเป็นนายตนเอง อีกทั้งมี “ปัญญา” ที่จะเป็นภูมิคุ้มกันต่อปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบตนเอง โดยเฉพาะปัญหาจากภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนความสุขในระดับชุมชนก็คือ การมีความสงบสุขของชุมชน มีความสามัคคี มีความปลอดภัย มีความสามารถในการร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และมีความสามารถในการจัดการทรัพยากรของชุมชน นอกจากนี้ ในด้านสิ่งแวดล้อม ดิน นํ้า ป่า ก็ดีขึ้น ไม่มีสารพิษในสิ่งแวดล้อมและผลผลิต มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น และสามารถจัดการให้สืบทอดได้อย่างยั่งยืนด้วยวิถีการจัดการของชุมชนเองหรือตัวอย่างบทเรียนจากพื้นที่รูปธรรมของสมาชิกชมรมเกษตรปลอดสารพิษเพื่อสุขภาพ บ้านพิงพวย-นารัง 127 ครอบครัว (2 หมู่บ้าน) จังหวัดสุรินทร์ พบว่า ในด้านครอบครัว เครือญาติภายหลังจากที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ทั้งคนเฒ่า คนแก่ เด็ก เยาวชน ผู้นำ สมาชิกคนอื่น ๆ การได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทำให้ครอบครัว เครือญาติมีเวลาปรึกษาหารือกัน มีเวลาพูดคุยกันและมีความเข้าใจกันมากขึ้น และเกิดความสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชนที่มีรากฐานจากทุนเดิมอยู่แล้วคือ เครือญาติ ฉะนั้นไม่ว่าจะปลูกอะไรเมื่อให้ผลผลิตแล้ว จะเก็บไว้ให้สมาชิกในครอบครัวและแบ่งปันให้ญาติพี่น้องก่อน ที่เหลือจึงค่อยขายให้คนอื่น และในด้านสุขภาพ ตัวเกษตรกร ครอบครัวและเครือญาติ ก็มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีจิตใจร่าเริงแจ่มใสดี ส่วนในด้านเศรษฐกิจ ทุกครอบครัวสามารถลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตรได้ โดยมีการปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ มีการหาวัสดุทดแทนที่มีในท้องถิ่น ด้วยการเริ่มต้นตั้งแต่การปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อเป็นปุ๋ยพืชสดในการปรับปรุงบำรุงดิน ใช่การทำปุ๋ยหมัก โดยการใช้ปุ๋ยคอก แกลบ รำ นํ้าหมัก กากนํ้าตาล ทำปุ๋ยหมักแทนการใช้ปุ๋ยเคมี มีการทำสารสกัดกำจัดศัตรูพืชจากการหมักสารสะเดาและนํ้าส้มควันไม้ แทนการใช้ยาปราบศัตรูพืช ช่วยให้ลดต้นทุนทางเศรษฐกิจของเกษตรกรลดลงได้จริงในระดับครอบครัว ส่วนในด้านหนี้สิน เกษตรกร(สมาชิกชมรมฯ) ส่วนใหญ่ เปนหนี้สินที่เกิดจากภาคการเกษตร คือการกู้เงิน ธกส. มาลงทุนทำนาในแต่ละปี หลังจากหันมาทำเกษตรปลอดสารพิษแล้วจึงได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับหนี้สินทมี่ อี ยู่โดยจะไม่พยายามสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ ในด้านสิ่งแวดล้อมพบว่าการทำเกษตรปลอดสารเคมีลดปริมาณสารเคมีตกค้างในดินช่วยให้ดินอุดมสมบูรณ์ มีธาตุอาหารมากขึ้น โดยสังเกตจากหน้าดินที่ร่วนซุย มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยอาศัยอยู่ เช่น ไส้เดือน แมลง ส่วนแหล่งนํ้าก็สะอาดมากขึ้น สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ มีคำพูดของชาวบ้านที่สะท้อนความหมายของการมีความสุขของบุคคล ครอบครัวชุมชน และสภาพแวดล้อมโดยรวมได้เป็นอย่างดีก็คือ “อยู่ดี กินแซบนอนแจบฝันดี หมดหนี้มีเงินใช้ ให้อภัยเข้าใจกัน” มาถึงตอนนี้ เมื่อเกษตรกรมี “ความสุขแบบชาวบ้าน” จากการทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืนแล้ว เรื่องคงยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะสิ่งที่น่าสนใจต่อไปก็คือ กระบวนการจัดการของเกษตรกร หรือชุมชนเพื่อดำรงความยั่งยืนต่อไปในอนาคต จะเป็นอย่างไรติดตามตอนต่อไปครับ ขอบคุณข้อมูล จาก หนังสือชุมชนเข้มแข็งและประชาสังคม มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เกษตรธรรมชาติ หมายถึงอะไรเกษตรธรรมชาติ คือ ระบบเกษตรที่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสอดคล้อง สร้างผลผลิตพืชและสัตว์ให้เหมาะสมกับระบบนิเวศของพื้นที่ โดยไม่แบ่งแยกทุกสิ่งออกจากธรรมชาติ พยายามแทรกแซงการใช้ปัจจัยการผลิตและเทคโนโลยีทางการผลิตให้น้อยที่สุด ทำให้ระบบการเกษตรและธรรมชาติเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างเป็นองค์รวม เพื่อให้เกษตรกรสามารถมีชีวิตอยู่ ...
เกษตรธรรมชาติมีองค์ประกอบอะไรบ้างถึงแม้ไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี ไม่มีการใช้สารเคมีทางการเกษตรใดๆ แต่ป่าก็อยู่ได้อย่างสมบูรณ์ เกษตรธรรมชาติก็เช่นกัน เราสามารถเรียนรู้และศึกษาจากสภาพธรรมชาติของป่า และใช้เป็นหลักการในการทำการเกษตรธรรมชาติได้ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนอันได้แก่ ดิน พืช และแมลง คือการปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดี การใช้ระบบการปลูกพืชหลายชนิด และ ...
หัวใจหลักของเกษตรธรรมชาติคืออะไรหลักของเกษตรธรรมชาติ เราต้องดึงศักยภาพของดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งดินที่มีชีวิตจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับดินในพื้นที่ได้ และแนะนำให้เปลี่ยนชนิดพืชที่ปลูกลงดินนั้นๆ เพื่อให้พืชชนิดนั้นกับดินปรับตัวเข้าหากัน ความหนาของหน้าดินก็ส่งผลต่อจำนวนพืชที่ปลูกลงแปลงโดยตรง หากชั้นหน้าดินหนาหมายความว่ามีธาตุอาหารในดินมาก ก็ ...
เกษตรธรรมชาติมีเทคนิคปฏิบัติอย่างไรวิธีการเกษตรธรรมชาติจะเน้นที่การป้องกันโรคและแมลงมากกว่าการรักษาโรคหรือจัดการศัตรูพืชซึ่งเป็นการจัดการที่ปลายเหตุ ซึ่งการป้องกันปัญหาโรคพืช วัชพืชและแมลงศัตรูพืชจะเน้นที่การบำรุงพืชให้แข็งแรง โดยเริ่มตั้งแต่การปรับปรุงดินไปจนถึงการจัดการระหว่างการเพาะปลูก ดังนี้
|