ภาพยนตร์ ภาษาอังกฤษ แปลว่า

6 เหตุผล ที่ทำไม ฝึกภาษาอังกฤษ จากหนัง จึงได้ผลกว่า ฝึกจากหนังสือ เวลาเราเรียนหรือฝึกภาษาอังกฤษจากการอ่านหนังสือ พออ่านไปสักพักเราก็คงรู้สึกเบื่อ แล้วมันจะมีทางไหนที่ทำให้เราเรียนรู้ได้อย่างไม่เบื่อบ้าง หนึ่งในนั้นคือการดูหนังยังไงล่ะ การฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนังเป็นหนึงในวิธีที่จะทำให้ภาษาอังกฤษเราก้าวหน้าแบบกก้าวกระโดด การดูหนัง มันก็สนุกอยู่แล้ว และมันจะดีมากๆถ้าเราจะสนุกไปด้วย และเรียนรู้ภาษาอังกฤษไปด้วย และนี่ คือ 6 เหตุผล ที่ทำไมการฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง ถึงได้ผลกว่า การฝึกจากหนังสือ เหตุผลเหล่านั้น มีอะไรบ้าง มาดูกัน

1. เพราะการดูหนังมันสนุกกว่าเห็นๆ

การเรียนรู้ไปพร้อมๆกับความสนุก ย่อมดีกว่าเรียนรู้แบบน่าเบื่อเสมอ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่ชอบแล้วด้วย ชนิดที่แบบจำได้ทุกอารมณ์และคำพูด ก็ยิ่งเรียนรู้ได้เร็ว และทำให้เราจำรูปแบบประโยคได้ว่า อารมณ์แบบนี้ เราเอาคำพูดเท่ๆแบบนี้มาพูดได้นะ ยกตัวอย่างเช่น ผมชอบหนังเรื่อง Fight Club มากๆ ผมดูเป็นสิบๆรอบ ผมก็จะจำได้อย่างแม่นยำ อย่างเช่น คำพูดในฉากตอนที่ Tyler Durden (รับบทโดย แบรทพิต) ขอให้เอ็ดเวิร์ดนอตัน ต่อยเต็มแรง “I want you to do me a favor. I want you to hit me as hard as you can.” ต่อไปเวลาผมจะขอให้คนอื่นช่วยทำอะไรให้แกมๆบังคับ ผมก็ใช้คำนี้ได้ “I want you to do me a favor.” การดูหนังที่สนุกและตัวเองชอบ จะช่วยให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้นจริงๆ เมื่อเทียบกับการอ่านหนังสือ

2. ภาษาในหนัง คือภาษาที่ใช้ในชีวิตจริง

ในหนังสือเรียน บางทีจะเจอคำศัพท์หรือประโยคโบราณๆที่คนสมัยนี้เขาไม่ค่อยพูดกันแล้ว อย่างเช่น “it’s a quarter to seven” or “it’s raining cats and dogs”. แต่ถ้าในหนัง เราจะได้สิ่งที่เป็นธรรมชาติ ภาษาที่คนใช้พูดกันจริงๆ

3. ได้รู้ความหมายของคำศัพท์ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะคำแปล

เวลาเรียนในห้องเรียน อาจารย์ให้การบ้าน แปลคำศัพท์จากหนังสือ เราก็จะได้แต่แค่คำแปล แต่เราจะนึกไม่ค่อยออกว่า เราจะนำไปใช้ที่ไหน ใช้ยังไง แต่ถ้าในหนัง เราจะรู้ถึงบริบทของคำนั้นๆ รู้ว่าใช้คำนั้นยังไง และใช้เมื่อไหร ยิ่งถ้าดูหนังแนวเดิมๆบ่อยๆ เช่นหนังแนวสืบสวนสอบสวน ก็จะรู้คำศัพท์ และบริบทของคำนั้นๆมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเพิ่งรู้ศัพท์ใหม่แบบที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างคำว่า Detective ที่แปลว่า นักสืบ ร้อยทั้งเก้าสิบเก้าจุดเก้าๆ พอเปิดดิกเสร็จ รู้ความหมายละ แต่ไม่เคยได้ใช้เลย เดี๋ยวก็ลืมคำศัพท์คำนี้

แต่ถ้าเป็นหนังนะ ดูหนังสองสามเรื่องเกี่ยวกับสืบสวนสอบสวนก็พอจะรู้แล้ว Detective แปลว่าอะไร เราสามารถใช้ได้หลายรูปแบบ ทั้งใช้นำหน้าชื่อได้ เช่น Detective Loki จากหนังที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องการลักพาตัวเด็กอย่างหนังเรื่อว Prisoners หรืออาจจะใช้เป็นคำนามบอกอาชีพก็ได้ เช่น He’s a detective

และสิ่งที่สำคัญเลย คือรู้ว่า นอกจากรู้ว่า Detective แปลว่าอะไรแล้ว ยังรู้ว่าทำอะไรบ้างอีก อย่างเช่นสุดยอดหนังเรื่อง Seven ที่ แบรดพิทและมอร์แกนฟรีแมนแสดงเป็นนักสืบ เรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว (Killing two birds with one stone.) แบบนี้หนังสือทำไม่ได้นะอิอิ

4. ได้อารมณ์

มีคนบอกว่า อารมณ์ของข้อความที่เราได้ยินนั้น 30% มาจากคำศัพท์หรือข้อความที่เราใช้ แต่อีก 70% ที่เหลือคือ มาจากบริบทต่างๆของผู้พูดเช่น พูดยังไง ยิ้มไหม น้ำเสียงเป็นอย่างไร เสียงดังหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถบอกได้ด้วยหนังสือเรียน

5. ได้คำคม/คำพูดเท่ๆเอาไปใช้ได้ ในแบบที่จำได้แน่นอน

หนังหลายๆเรื่องมักจะมีคำคม และให้ข้อคิดกับเราเสมอ เราสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากคำคมเหล่านั้นได้ หรือนำคำคมเหล่านั้น มาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันเราก็ยังได้

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครเคยดูเรื่อง Spider Man และชอบเรื่องนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก คำคมคำนี้ ผมสามารถเอาคำคมนี้ไปใช้พูดตอนที่ต้องรับผิดชอบงานอะไรที่มันใหญ่โตได้ ฮ่าๆ

“With great power comes great responsibility”

“อำนาจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง”

หรือหนังเรื่อง Fast & Furious 6 ผมก็ได้ข้อคิดและคำคมมา

“Every man has to have a code”

“เป็นลูกผู้ชายจำเป็นต้องมีหลักการ”

หรืออย่างเช่น ผมชอบดู series เรื่อง Law and Order หนังสืบสวนสอบสวน ทุกๆครั้งที่ก่อนที่หนังจะฉาย จะมี intro ตัวนี้มาก่อน ผมก็ฟังจนจำได้

“In the criminal justice system, the people are represented by two separate yet equally important groups. The police who investigate crime and the district attorneys who prosecute the offenders. These are their stories.”

6. เกิดการต่อยอด

เวลาดูหนังที่เราชอบ นอกจากได้ความสนุกแล้ว ผลพลอยได้อีกอย่างที่ได้จากการดูหนังที่ตัวเองชอบและรู้สึกสนุกคือ การค้นหาข้อมูลเชิงลึกของหนังต่อ ซึ่งแน่นอน เราใช้ google ในการค้นหา และผลจากการค้นหาแหล่งที่มา มันก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น หาเพลงที่อยู่ในหนัง หาประวัติ หาที่มาที่ไป หาคนที่คิดเหมือนเรา หารูป หาบทสรุป หาทุกอย่างที่อยากหา ซึ่งทำให้เกิดการต่อยอดแบบไม่รู้จบ
ยกตัวอย่างเช่น ผมดูหนังเรื่อง Warm Bodies รู้สึกว่าเพลงในหนังเพราะมาก ผมก็เซิชหาเพลง ได้เพลงมาสิบกว่าเพลง เปิดฟังจนร้องได้ เฉพาะเพลงนี้ ผมก็ได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษเพิ่มอีกหนึ่งเพลงละครับ นี่ล่ะครับ การต่อยอด

ลองคิดดู ถ้าเราแค่อ่านหนังสือ การต่อยอดมันคงไม่เยอะเท่ากับการดูหนังเรื่องนึงอ่ะเนอะ

~~~~~

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าการการฝึกภาษาอังกฤษจากการอ่านหนังสือไม่ดี ทุกอย่างล้วนมีข้อดีของมันหมด แต่การฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนัง soundtrack นั้น ช่วยในเรื่องการฟังได้มาก พอฟังได้แล้วการพูดก็จะตามมา เพราะเราเลียนแบบจากการฟัง เหมือนเด็กนั่นแหละครับที่ฟังก่อน ค่อยพูดเป็น นี่คือพื้นฐานสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยคือ ความตั้งใจและความสม่ำเสมอ แรกๆ อาจจะยาก แต่เชื่อเถอะครับ สักวันนึง คุณจะฟังแล้วแทบไม่ต้องประมวลผลอะไรเลย เพราะฉะนั้น มาเริ่มดูหนัง Soundtrack กันดีกว่าเนอะ ถ้าใครยังไม่รู้ว่า ทำไมเราควรดูหนัง เสียง soundtrack มากเสียงพากย์ไทย ผมเคยเขียนไว้แล้ว ที่นี่ครับ ไว้ว่างๆจะมาเขียนต่อนะครับ ว่าวิธีฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง soundtrack จะฝึกยังไงดี คอยติดตามนะครับ วันนี้ลาก่อน สวัสดีครับ

Originally published at drhojun.blogspot.com on October 8, 2014.