วันนี้ (11 พ.ย. 2563) เมื่อ 102 ปีที่แล้ว สงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งได้ยืดเยื้อยาวนานกว่า 4 ปี ได้ยุติลง เมื่อเยอรมนี (ฝ่ายมหาอำนาจกลาง) ได้ติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตรขอเจรจาสงบศึก ในวันที่ 6 พ.ย. 2461 (ค.ศ. 1918) และทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสงบศึกบนรถไฟ ณ เมืองคองเปียน ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2461 (ค.ศ. 1918) จึงถือให้ทุกวันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ และในประเทศไทยได้กำหนดให้วันที่ 11 พ.ย. ของทุกปีเป็น “วันที่ระลึกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1” เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2460 (ค.ศ. 1917) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์ได้ทรงประกาศร่วมรบกับฝ่ายสัมพันธมิตร โดยได้ส่งกองทหารอาสาจำนวน 1,284 นาย จากกองทัพบกรถยนต์และกองบินทหารบกไปยังฝรั่งเศส นับเป็น 1 ใน 3 ประเทศในเอเชียที่ประกาศร่วมสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร การเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ของไทยในครั้งนั้น ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติหลายประการ โดยนอกจากจะได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์โลกและความเป็นเอกราช ความสามารถ และศักยภาพของไทยแล้วนั้น ยังทำให้ประเทศต่าง ๆ ในโลก โดยเฉพาะชาติสัมพันธมิตร ยุโรปและอเมริกา ได้รู้จักประเทศไทย ซึ่งเปิดทางสู่การแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ ที่ไทยเสียเปรียบประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอังกฤษและชาติต่าง ๆ ในยุโรป 13 ประเทศ ที่เคยทำสัญญาผูกมัดประเทศไทย ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญในการฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยและเสรีภาพทางการค้ากับตะวันตก นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้มีโอกาสเข้าร่วมลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพที่กรุงปารีส และได้ก้าวสู่การเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก โดยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติ (The League of Nations) เมื่อปี 2462 (ค.ศ. 1919) อีกด้วย อนึ่ง ภายหลังการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 เหล่าทหารอาสาสมัครได้เดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2462 (ค.ศ. 1919) โดยได้เชิญอัฐิของทหารไทยที่เสียชีวิตในราชการสงคราม จำนวน 19 นาย กลับสู่ภูมิลำเนาด้วย โดยในการนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์เป็นที่บรรจุอัฐิ และเป็นอนุสรณ์สถานถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น และได้พระราชทานนามว่า “อนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลก ครั้งที่ 1” เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมแห่งการเสียสละของเหล่าทหารอาสา และได้มีการจัดพิธีวางพวงมาลาในวันที่ 11 พ.ย. ของทุกปี ในส่วนของประเทศฝรั่งเศสนั้น จะมีการจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ณ ประตูชัย (Arc de Triomphe) กรุงปารีส ประกอบด้วยพิธีสำคัญต่าง ๆ อาทิ การตรวจแถวธงและการตรวจแถวทหาร การวางพวงมาลาและการเติมน้ำมันไฟบริเวณหลุมศพทหารนิรนามตรงกลางประตูชัย โดยประธานาธิบดี การขานนามผู้สละชีวิตเพื่อฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และการยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ภาพจาก : google และ @Elysee คือ สงครามแห่งความขัดแย้งระดับโลกที่เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ.1914 ถึงค.ศ.1918 ระหว่างฝ่ายพันธมิตรกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่1 1.ผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 2.การเกิดลัทธิจักรวรรดินิยม ชาติมหาอำนาจในยุโรปได้ขยายอำนาจและอิทธิพลออกไปสู่ดินแดนนอกทวีป 3. การเกิดลัทธิชาตินิยม เป็นความรู้สึกรักและภูมิใจในชาติของตนอย่างรุ่นแรง 4.ปรารถนาจะเห็นชาติของตนมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือชนชาติอื่น โดยการสร้างกองทัพให้เข้มแข็งรุกรานชนชาติอื่น ภาพบุคคลสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 บิสมารค์ ชาวเยอรมัน การรวมกลุ่มของยุโรปก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ฝ่ายไตรภาคี Triple Alliance ประกอบด้วย เยอรมัน ออสเตรเลีย-ฮังการี และอิตาลี หมายเหตุ ก่อนการจัดตั้งเป็น Triple Alliance ได้มีการรวมกลุ่ม ชื่อว่า Triple Emperor (สัญญาสันนิบาตสามจักรพรรดิ) ประกอบด้วย เยอรมัน ออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ฝ่ายไตรพันธมิตร Triple Entente ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ลำดับเหตุการณ์การเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 -ออสเตรีย-ฮังการีประกาศสงครามกับ เซอร์เบีย (เข้ากับพวกสลาฟ) -รุสเซียและฝรั่งเศสเข้าช่วยเหลือเซอร์เบีย -เยอรมันเข้าช่วยเหลือออสเตรีย-ฮังการี -เยอรมันบุกผ่านเบลเยี่ยมเพื่อต่อสู้กับฝรั่งเศส -แต่เบลเยี่ยมได้รับความเป็นกลางจากอังกฤษ -ดังนั้นอังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมัน -อังกฤษและฝรั่งเศสจึงประกาศสงครามกับออสเตรีย-ฮังการี การแบ่งฝ่ายในสงครามโลกครั้งที่ 1 (อาศัยผลประโยชน์เป็นสำคัญ) ฝ่ายมหาอำนาจกลาง •ออสเตรีย-ฮังการี • เยอรมัน • ตุรกี • บัลกาเรีย ฝ่ายสัมพันธมิตร เซียร์เบีย รุสเซีย (รัสเซีย) ฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น อิตาลี โปรตุเกต โรมาเนีย ไทย จีน สหรัฐอเมริกา สนามเพลาะในสงครามโลกครั้งที่ 1 สนามเพลาะ คือแนวตั้งรับในการทำสงคราม ด้วยการขุดหลุมเพลาะเป็นแนวยาวเหยียดหลายแนวสลับซับซ้อนกัน ไป ด้านหน้าทำการสร้างลวดหนามไว้ต้านทานทหารของฝ่ายข้าศึก ทหารจะอาศัยอยู่ในรูที่ ขุดเข้าไปใต้ดินเพื่อหลบลูกกระสุนปืนใหญ่ของข้าศึกและใช้หลับนอนอยู่อาศัย พอข้าศึกบุก ก็จะเข้าไปประจำในสนามเพลาะทำการยิงปืนยาวสกัดข้าศึกที่ดาหน้าฝ่าแนวลวดหนาม เข้ามารวมทั้งใช้ปืนกลและปืนใหญ่ของฝ่ายเดียวกันช่วยยิงสกัดข้าศึกด้วย พอจะทำการรุกทหารก็จะขึ้นจากสนามเพลาะของตนวิ่งข้ามเขตปลอดคน(No man land) ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 1 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศคู่สงครามทั้ง 2 ฝ่าย 2. ประเทศผู้แพ้สงครามถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญา ได้แก่ สนธิสัญญาแวร์ซายส์ ทำกับประเทศเยอรมัน สนธิสัญญาตรีอานอง ทำกับประเทศฮังการี สนธิสัญญาเนยยี ทำกับประเทศบัลแกเรีย สนธิสัญญาแซงต์แยร์แมง ทำกับประเทศออสเตรีย สนธิสัญญาแซฟส์ ทำกับประเทศตุรกี 3.มีคำแถลงการณ์ 14 ประการของประธานาธิบดีวูดโรล์ วิลสัน นำไปสู่การตั้งองค์การสันนิบาตชาติ (อเมริกาไม่เข้าร่วม/และไม่มีกำลังทหาร) 4 ตุลาคม ค.ศ. 1918 เยอรมนีได้ส่งคำร้องขอยุติสงครามไปยัง วูดโรว์ วิลสัน ประธานาธิบดีของสหรัฐในขณะนั้น วูดโรว์ วิลสัน ได้ยื่นเงื่อนไขในการยุติสงคราม 4.เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกได้รับความเสียหายจากสงคราม 5. ทำให้จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของยุโรป ได้ล้มสลายลง เช่น จักรวรรดิรัสเซีย จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และจักรวรรดิออตโตมันต้องล่มสลายลง 6.เกิดประเทศใหม่ในยุโรป เช่น เชคโกสโลวาเกียและยูโกสลาเวียแยกออกจากรัสเซีย ออสเตรีย ฮังการี ถูกแยกออกจากกัน โปแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย แยกเป็นประเทศใหม่ ประเทศไทยกับสงครามโลกครั้งที่ 1 เหตุผลที่ไทยต้องเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่1 ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ ๖ โดยไทยต้องเข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตร เพราะต้องการแก้ไขความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญาเบาร์ริ่งสมัยรัชกาลที่ ๔ ผลของการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1ของประเทศไทย ไทยเข้าร่วมสงคราม อยู่ฝ่ายสัมพันธมิตร |