แผนการจัดการเรยี นรู้ มุ่งเนน้ ฐานสมรรถนะและบรู ณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ช้ันสงู พทุ ธศักราช 2560 จดั ทำโดย นายอภสิ ิทธิ์ จิตเที่ยง วทิ ยาลยั เทคนิคร้อยเอด็ อาชีวศกึ ษาจังหวดั ร้อยเอด็ รายการตรวจสอบและอนุญาตใหใ้ ช้ ชื่อวชิ า พลศึกษาเพือ่ งานอาชพี รหสั วชิ า 3000-1608 ท.ป.น. 0-2-1 ควรอนุญาตใหใ้ ช้การสอนได้ ลงช่อื
..................................................... เหน็ ควรอนญุ าตใหใ้ ช้การสอนได้ ลงช่ือ..................................................... ............../......................../.................... อนญุ าตให้ใชก้ ารสอนได้ ลงชอ่ื ..................................................... ผูอ้ ำนวยการวทิ ยาลยั เทคนิคร้อยเอ็ด คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา พลศึกษาเพื่องานอาชีพ รหัสวิชา 3000-1608 เล่มนี้ จัดทำข้ึนเพ่ือใช้ ประกอบการเรียนรู้การสอนตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง ของสำนักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เนื้อหาของแผนการจัดการเรียนรู้ มีดว้ ยกันทง้ั หมด 6 หน่วยการเรียน ประกอบด้วย หนว่ ยที่ 1 หลักการและทฤษฎที างพลศึกษา 2 สปั ดาห์ หน่วยท่ี 2 สมรรถภาพทางกาย 2 สัปดาห์ หน่วยท่ี 3 การทดสอบสมรรถภาพทางกาย 2 สัปดาห์ หนว่ ยที่ 4 การจดั ทำโครงการกีฬาเพอ่ื งานอาชีพ 2 สัปดาห์ หน่วยท่ี 5 วิธกี ารจดั การแขง่ ขันกฬี า 2 สปั ดาห์ หนว่ ยท่ี 6 การจัดการแข่งขันกฬี าสากล 8 สัปดาห์ พร้อมท้ังกจิ กรรม แบบฝึก และแบบทดสอบกอ่ น-หลังเรยี น เพื่อเสรมิ ทักษะความเขา้ ใจแกผ่ ู้เรยี น หวังเปน็ อย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้วิชาพลศึกษาเพื่องานอาชพี เล่มน้ี จะสามารถให้ความร้แู ละ เกดิ ประโยชน์แก่ผสู้ อน ผเู้ รยี น ตลอดจน ผู้สนใจศึกษาทั่วไปเป็นอยา่ งดี ขอขอบคุณ ทุกท่านท่เี ก่ยี วข้องท่ีทำให้ แผนการจัดการเรียนรู้สำเรจ็ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสน้ี นายอภิสิทธ์ิ จิตเที่ยง สารบัญ หนา้ 1.1 ความหมายของหลกั
การและทฤษฎีทางพลศึกษา............................................ หลักสูตรรายวิชา ช่ือวิชา พลศกึ ษาเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 3000-1608 จดุ ประสงค์รายวิชา 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั พนื้ ฐานเรือ่ งความสมบูรณ์ทางกาย สมรรถนะรายวิชา 1. เล่นกีฬาเพื่อออกกำลงั กายอยา่ งสม่ำเสมอตามหลักการทางพลศึกษา คำอธบิ ายรายวิชา ปฏิบตั เิ กีย่ วกับกิจกรรมทางพลศึกษาหรือเลน่ กีฬา โดยใชห้ ลักการทางพลศกึ ษาเพ่ือ หน่วยการเรยี นรู้ ช่ือวชิ า พลศึกษาเพอื่ งานอาชีพ รหัสวิชา 3000-1608 หน่วย ช่ือหนว่ ย จำนวน ท่ีมา 1 หลักการและทฤษฎีทางพลศึกษา 4 / / / / 2 สมรรถภาพทางกาย 2/ / / / // 3 การทดสอบสมรรถภาพทางกาย 4 / / // 4 การจัดทำโครงการกีฬาทางพล 4 / / / ศกึ ษาเพ่อื งานอาชพี 5 วิธกี ารจดั การแขง่ ขนั กฬี า 6/ / // 6 การจดั การแขง่ ขนั กีฬาสากล 16 / / / / / / รวม 36 หมายเหตุ A = หลักสตู รรายวิชา B = การฝกึ สมรรถภาพทางกาย C = รวมกฎ กติกา และพนื้ ฐานการเล่นกีฬา D = พลศึกษาเพื่อพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ E = การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ปฏบิ ัติตนด้านสขุ ภาพ F = สวสั ดิภาพในการเล่นกฬี า G = กติกาการแขง่ ขันฟุตบอล 5 คน H = การจดั ระดบั คะแนนเป็นตัวอักษร I = การทดสอบ และ วดั ผลทางพลศึกษา J = การพฒั นาบคุ ลิกภาพ (Personality development) K = สขุ ภาพตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง L = การทดสอบ และ วัดผลทางพลศึกษา M = การปฐมพยาบาลภาวะบาดเจ็บทางการกฬี าและออกกำลงั กาย N = ประวตั ิกีฬาแบดมนิ ตัน O = ประวตั ิแบดมินตันในประเทศไทย P = ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง Q = ทฤษฎกี ารวดั และ การทดสอบ R = ดัชนีมวลกาย โครงการจัดการเรยี นรู้ ชื่อวชิ า พลศึกษาเพ่ืองานอาชีพ รหสั วชิ า 3000-1608 สัปดาห์ หนว่ ยท่ี/ช่ือหน่วย กิจกรรม/รายการสอน จำนวนคาบ สมรรถนะยอ่ ยและจดุ ประสงคก์ ารปฏบิ ัติ ช่ือวิชา พลศกึ ษาเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 3000-1608 ชอ่ื เรอื่ ง สมรรถนะยอ่ ยและจุดประสงคก์ ารปฏบิ ัติ หน่วยท่ี
2 สมรรถภาพทางกาย 1.บอกหลักการและทฤษฎีทางพลศึกษาได้ หน่วยท่ี 3 การทดสอบสมรรถภาพทางกาย 1. บอกประโยชน์ของการทดสอบสมรรถภาพทางกายได้ นานาชาติ (ICSPFT) ดา้ นทกั ษะ ดา้ นความรู้ แสดงความรเู้ กย่ี วกับการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ดา้ นทักษะ สมรรถนะยอ่ ย (Element of
Competency) จดุ ประสงค์การปฏิบตั ิ (Performance Objectives) 4.3 การเขียนโครงการ 1. บอกความหมายของหลักการเขยี นโครงการ หนว่ ยท่ี 5 วิธีการจดั การแขง่ ขนั กีฬา ด้านทักษะ หน่วยที่ 6 การจัดการแข่งขันกฬี าสากล 1. บอกความหมายของวธิ ีการจดั การแข่งขนั กฬี า ใบงานที่ 6 ... 2.ฝกึ ปฏิบัติการจดั การแขง่ ขันแบบแพค้ ดั ออกได้ จุดประสงคก์ ารปฏบิ ัติ (Performance Objectives) 1. บอกระเบียบการแขง่ ขันกีฬา 1.บริหารจดั การแข่งขันกฬี าสากลได้ ตารางวิเคราะหห์ ลกั สตู รรายวชิ า ช่ือวิชา พลศึกษาเพ่ืองานอาชีพ รหัสวิชา 3000-1608 พุทธิพสิ ัย พฤติกรรม ความรู้ความจำ ลำ ัดบความสำ ัคญ หนว่ ยท่ี 1 20 10 5 5 - 40 20 100 4 หลักการและทฤษฎีทางพลศกึ ษา หน่วยท่ี 2 20 10 5 5 - 40 20 100 5 สมรรถภาพทางกาย หน่วยท่ี 3 20 10 5 5 - 40 20 100 5 การทดสอบสมรรถภาพทางกาย หนว่ ยที่ 4 20 5 5 10 - 40 20 100 3 การจดั ทำโครงการกีฬาทางพลศึกษาเพอื่ งานอาชพี หน่วยที่ 5 20 5 5 10 - 40 20 100 2 วธิ กี ารจัดการแข่งขันกีฬา หนว่ ยที่ 6 20 10 5 5 - 40 20 100 1 การจดั การแข่งขันกีฬาสากล รวม 120 50 30 40 240 120 600 ลำดับความสำคญั 2354 12 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 หนว่ ยท่ี 1 ช่ือวชิ า พลศกึ ษาเพอื่ งานอาชพี เวลาเรยี นรวม18คาบ ช่อื เรือ่ ง ความสำคัญของหลักการและทฤษฎีทางพลศึกษา จำนวน 4 คาบ หวั ข้อเร่อื ง 1. ความหมายหลกั การและทฤษฎีทางพลศกึ ษา 2. จุดมุ่งหมายทางพลศกึ ษา 3. ประเภทของพลศกึ ษา สาระสำคัญ/แนวคดิ สำคญั สุขภาพของมนุษย์ในการดำเนินชีวติ ประจำ มีสมรรถภาพเปน็ สงิ่ หน่ึงที่บ่งบอกถึงประสทิ ธภิ าพของตัว บุคคลนั้นๆ ผู้ที่มีสมรรถภาพทางกายท่ีดี ย่อมเป็นผู้ที่มีคุณภาพในการดำเนินชีวิตที่ดีไปด้วย เพราะจะทำให้ หน้าท่ีการงานที่ทำอยู่เกิดคุณภาพท้ังยังไม่เจ็บป่วยง่าย ดังน้ันสมรรถภาพทางกาย เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพ่ือ ประกอบกบั พัฒนาสขุ ภาพร่างกาย สมรรถนะ แสดงความรู้เก่ียวกับหลักการและทฤษฎที างพลศึกษา จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. บอกความหมายของหลกั การและทฤษฎีทางพลศึกษาได้ 2. อธบิ ายความสำคญั ของหลักการและทฤษฎที างพลศึกษาได้ 3. บอกจดุ มุ่งหมายทางพลศกึ ษาได้ 4. บอกประเภทของหลักการและทฤษฎีทางพลศกึ ษาได้ เนอื้ หาสาระ หลักการและกระบวนการของพลศึกษา สขุ ภาพและนันทนาการ สุขศกึ ษา พลศึกษาและนนั ทนาการมีความสำคญั ยิ่งตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ เพราะครอบคลุมเร่ืองสุขภาพท่ี พน้ื ฐานจำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยูข่ องมนุษย์ การมสี ุขภาพท่ดี นี ัน้ เป็นทม่ี นุษยท์ กุ คนปรารถนา เพราะหาก ไดเ้ รียนรู้วิชาการหลกั การตา่ งๆเกยี่ วกับการดแู
ลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอและปฎบิ ัตติ าม ทำใหด้ ำรง พลศึกษา มงุ่ เน้นให้บคุ คลใชก้ ิจกรรมการเคลอื่ นไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกมและกีฬา เป็นเครื่องมือใน พัฒนาโดยรวมท้งั ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทงั้ สมรรถภาพ เพอ่ื สขุ ภาพและ สุขศกึ ษา มงุ่ เนน้ พฒั นาพฤตกิ รรมด้านความรู้ เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม และการปฎิบัติเกี่ยวกบั
สุขภาพควบคู่ สุขภาวะ หรอื ภาวะของมนษุ ยท์ ่ีสมบรู ณท์ งั้ ทางกาย จิตใจ สังคม และสติปญั ญา ซ่งึ ทุกคนควรจะได้เรียนรู้ สขุ ภาพ 1.1 พัฒนาระบบกล้ามเนอื้ ใหม้ ขี นาดใหญ่ขน้ึ และมีความแข็งแรงมากขึน้ 2.พัฒนาทางดา้ นจิตใจ เอื้อเฟอ้ื เผ่อื แผ่ การดำเนนิ ชีวติ ในปัจจุบนั เตม็ ไปดว้ ยการแข่งขัน เอารดั เอาเปรยี บ แกง่ แยง่ ชงิ ดชี ิงเดน่ ท้งั สิ่งแวดลอ้ มเป็นพษิ ความสดชน่ื สนุกสนาน เป็นตน้ กิจกรรมพลศกึ ษา หากอยภู่ ายใต้การจัดและการดำเนนิ การของผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ จะส่งเสรมิ ให้ ผู้ทอี่ อกกำลงั กายอยา่ งสม่ำเสมอจะมคี วามสามารถในการแก้ปัญหา มีความสามารถในการคดิ อย่าง สือ่ การเรยี นรู้ อนิ เทอรเ์ น็ต , เบาะ, นาฬกิ าจับเวลา ,สนามมาตรฐาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาหท์ ี่ 1-2) สปั ดาห์ท่ี 1 กิจกรรมท่ี 1.1 หลกั การและทฤษฎีทางพลศกึ ษา การวัดผลและประเมินผล แบบประเมนิ ผลกจิ กรรมท่ี 2.1 งานที่มอบหมาย แบบฝึกหัด ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสำเร็จของผู้เรียน กจิ กรรมท่ี 1.1 หลกั การและทฤษฎที างพลศกึ ษา เอกสารอา้ งองิ กรณี บญุ ชัย. (2540) AAHPERD Health-Related Physical Fitness. กรุงเทพฯ : ภาควชิ าพลศกึ ษา บันทกึ หลังการสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั
การเรียนรู้ 2. ผลการเรียนของนักเรยี น/ผลการสอนของครู/ปัญหาทพ่ี
บ 3. แนวทางการแก้ปญั
หา ลงชอื่ ............................................... ลงชื่อ............................................... แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 หน่วยท่ี 2 ช่อื วิชา พลศึกษาเพ่ือพฒั นาสุขภาพ เวลาเรียนรวม18คาบ หวั ขอ้ เรอ่ื ง 1.ความหมายสมรรถภาพทางกาย 2.ความสำคัญของสมรรถภาพทางกาย 4.ประโยชนข์ องการมสี มรรถภาพทางกาย สาระสำคัญ/แนวคดิ สำคญั สขุ ภาพของมนษุ ย์ในการดำเนนิ ชีวิตประจำ มีสมรรถภาพเป็นสิ่งหนึ่งท่ีบง่ บอกถึงประสทิ ธภิ าพของตัว บุคคลน้ันๆ ผู้ที่มีสมรรถภาพทางกายท่ีดี ย่อมเป็นผู้ท่ีมีคุณภาพในการดำเนินชีวิตที่ดีไปด้วย
เพราะจะทำให้ ประกอบกบั พฒั นาสุขภาพร่างกาย สมรรถนะ แสดงความรู้เกี่ยวกบั สมรรถภาพทางกาย จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1.บอกความหมายของสมรรถภาพทางกายได้ 6.อธิบายลักษณะของผมู้ ีสมรรถภาพทางกายท่ดี ีได้ เน้ือหาสาระ 1.1 ความหมายของสมรรถภาพทางกาย สรุปไดว้ า่ สมรรถภาพทางกาย หมายถึงความสามารถของบุคคล ในอันทจี่ ะใช้ระบบต่างๆของร่างกายประกอบ ติดต่อกัน โดยไม่แสดงอาการเหน็ดเหน่ือยให้ปรากฏและร่างกายสามารถฟื้นตัวสู่สภาพปกติได้ในเวลา “ความสามารถ” นักพลศึกษาและนักศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของคำว่า สมรรถภาพทางกาย และ วรศักดิ์ เพียรชอบ (2527 : 98) สมรรถภาพทางกาย หมายถึง ความสามารถของร่างกายท่ีจะปฏิบัติ คลาร์ค (Clarke,1976:14) กล่าวว่า สมรรถภาพทางกาย หมายถึง ความสามารถในการประกอบ กจิ กรรมประจำวนั ดว้ ยความกระฉับกระเฉง ว่องไว ปราศจากความเหนด็ เหน่อื ย เม่ือยล้า และมีพลังงานเหลือ จอหน์ สัน และสโตรเบอร์ก ( Johnson and Stolberg , 1971 : 9-10 ) กล่าววา่ สมรรถภาพทาง 1. สมรรถภาพของระบบไหลเวียนโลหิตและหายใจ (Cardio –Respiratory Fitness) 3. ความแข็งแรง (Strength) วิริยา บุญ ชัย (2529 : 106) ได้ให้ความหมายของคำว่า “สมรรถภาพทางกลไก” หมายถึง ปรับตวั และการแบกของ เป็นต้น สมรรถภาพทางกลไกเป็นสมรรถภาพทางการเคล่ือนไหวเฉพาะสว่ นของร่างกายทีแ่ สดงออกในลักษณะต่าง ๆ เช่น ความสามารถในการวิ่ง การกระโดด การหลบหลีก การจับ การปีนป่าย การว่ายน้ำ การขี่ม้า การยก รา่ งกายที่จะใช้ประสาทการเคล่ือนไหวของกล้ามเน้ือเย่ือ ข้อต่อและยังรวมไปถึง การใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่ ๆ จรวย แก่นวงษ์คำ และอุดมพิมพา (2518 :15) ได้ให้ความหมายของสมรรถภาพทางกลไก หมายถึง สรุปได้ว่า สมรรถภาพทางกาย หมายถึง ความสามารถของร่างกายและจิตใจทสี่ ามารถใชอ้ วัยวะตา่ งๆ ของ 1.2 ความสำคัญของสมรรถภาพทางกาย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายทั้งปวง เหมือนด่ังคำกล่าวทางศาสนาที่ว่าไว้ คือ “ อโรคยาปรมา ลาภา” ทางร่างกาย สภาวะทางโภชนาการ สุขนสิ ัยและสุขปฏิบัติ สภาวะทางจติ ใจ สตปิ ัญญาเเละสภาวะทางอารมณ์ท่ี สุขภาพจิตท่ีเเจ่มใส อยู่ในร่างกายที่เเข็งเเรง “ หมายความว่า การที่บุคคลจะมีสุขภาพท่ีสดชื่นเเจ่มใสได้นั้น ปกตติ ลอดจนทรรศนะของบุคคลทางด้านคณุ ธรรม หรือศลี ธรรมอันดงี าม จะเป็นผลรวมให้ตัวบุคคลผู้น้นั เปน็ ทรัพยากรบคุ ลทกุ ระดบั เราสามารถกลา่ วโดยสรปุ ได้วา่ การมสี มรรถภาพทางกายท่ดี ีจะชว่ ยใหเ้ กิดผล 3 ด้าน กลไกการหายใจ 1.2.1 ผลต่อสขุ ภาพทางร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจมีความเเข็งเเรงมีประสิทธิภาพในการทำงานมากข้ึน - อัตราการเต้นของหัวใจหรืออัตราชีพจร ต่ำลง - หลอดเลือดมีความยดื หยุ่นตัวดี - ปรมิ าณของเมด็ เลือดและสารฮโี มโกลบนิ เพิ่มมากขน้ึ เพ่ิมขึ้นเนื่องจากปอดขยายใหญ่ข้ึน การฟอกเลือดทำได้ดีข้ึน - อัตราการหายใจต่ำลง เน่ืองจากปอดมี 3. ระบบกลา้ มเนือ้ กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ข้ึน เพราะมีโปรตีนในกล้ามเนื้อมากข้ึนเส้นใยกล้ามเนื้อโต ขน้ึ - การกระจายของหลอดเลือดฝอยในกล้ามเนื้อมากขึ้น ทำใหก้ ล้ามเนื้อสามารถทำงาน ได้นาน หรือมีความ 4. ระบบประสาท การทำงานเกิดดุลยภาพ ทำให้การปรับตัวของอวัยวะต่างๆ ทำได้เร็วกวา่ การรับรู้ 5. ระบบต่อมไร้ท่อ การทำงานของต่อมท่ีผลิตฮอรโ์ มน ซึ่งทำหน้าที่ในการเคลื่อนไหวร่างกายได้เป็น ปกติ และมปี ระสิทธิภาพ เช่น ต่อมไทรอยด์ ตอ่ มหมวกไต
และต่อมในตบั ออ่ นเปน็ ตน้ และการขับถา่ ยของเสยี เปน็ ไปได้ด้วยดี ประทบั ใจเเก่ผูพ้ บเหน็ 8. มภี มู ติ า้ นทานโรคสูง ไม่มกี ารเจบ็ ป่วยงา่ ย ช่วยใหอ้ ายยุ นื ยาว ผ้อู ่ืนไดด้ ี มีความสดช่ืนร่าเรงิ
อยู่เสมอ จากการที่สมาชิกในครอบครัวเป็นผู้ที่มีสมรรถภาพทางกายดี เป็นผลทำให้ครอบครัวมีความอบอุ่น เป็น ปกึ แผ่นม่ันคง แต่ละคนตา่ งทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล 1.2.3 ผลตอ่ สงั คมประเทศชาติของสมรรถภาพทางกาย ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ผลผลติ ของชาตกิ ส็ ามารถเพ่ิมขึ้นได้ ประเทศชาติก็เจริญก้าวหน้า การพฒั นาประเทศก็ ดำเนินไปได้ด้วยดี ประเทศมั่นคง อีกด้านหนึ่งถ้าประชาชนมีประสิทธิภาพทางกายดีประกอบกับมี ความสามารถทางด้านกีฬา เม่ือมีการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศ ยังจะสามารถมีโอกาสได้รับชัยชนะ สร้าง ชอื่ เสียงให้แก่ประเทศชาตไิ ด้อกี ทางหน่ึงด้วยองคป์ ระกอบสมรรถภาพทางกาย ผทู้ ี่มสี มรรถภาพทางกายที่ดี ส่งผลให้การปฏิบัติงานในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
ได้มีการ 1.3.1 สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ (Health – Related Physical Fitness) ความสามารถของระบบตา่ งๆ ในรา่ งกายประกอบด้วย ความสามารถเชิงสรีรวทิ ยาด้านต่างๆ ท่ี การมีสุขภาพดี ความสามารถหรือสมรรถนะเหล่านี้ สามารถปรับปรุงพัฒนาและคงสภาพได้ โดยการออกกา 1. องค์ประกอบของร่างกาย ( Body Composition) ตามปกติแล้วในร่างกายมนุษย์ประกอบ ดว้ ย กลา้ มเนื้อ กระดูก ไขมัน และ สว่ นอื่นๆ แต่ในส่วนของสมรรถภาพทางกายน้ัน หมายถงึ สัดส่วนปริมาณ 2. ความอดทนของระบบไหลเวียนเลือด (Cardio respiratory Endurance) หมายถึง ระยะเวลายาวนานได้ ทาได้ของขอ้ ต่อหรือกลมุ่ ขอ้ ต่อ มดั ใดมัดหน่งึ หรอื กลุ่มกล้ามเน้ือ ในการหดตัวซา้ ๆ เพื่อต้านแรงหรือความสามารถในการหดตวั คร้งั เดยี วได้เป็น ระยะเวลายาวนาน กล้ามเน้อื มัดใดมดั หนึง่ หรอื กลุ่มกลา้ มเนอ้ื สามารถออกแรงต้านทานได้ ในช่วงการหดตวั ๑ ครัง้ Related Physical Fitness) ความสามารถของร่างกายท่ีช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ 1. ความคล่อง ( Agility) หมายถึง
ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคล่ือนท่ีได้อย่างรวดเร็ว 2. การทรงตัว ( Balance) หมายถึง ความสามารถในการรักษาดุลของร่างกายเอาไว้ได้ทง้ั ในขณะอยู่ กบั ทแี่ ละเคลื่อนท่ี กลมกลนื และ มีประสทิ ธิภาพ ซึ่งเป็นการทางานประสารสอดคล้องระหวา่ งตา-มอื -เท้า ของร่างกายในการหดตัวเพื่อทางานด้วยความเร็วสูง แรงหรืองานที่ได้เป็นผลรวมของความแข็งแรงและ ความเรว็ ท่ใี ช้ในชว่ งระยะเวลาสน้ั ๆ เช่น การยนื อย่กู ับที่ กระโดดไกล การทุ่มนา้ หนัก เป็นตน้ ส่งิ เร้าต่างๆ เชน่ แสง เสยี ง สัมผสั 1.4 ประโยชน์ของการมีสมรรถภาพทางกายทีด่ ี 1. ทาให้ทรวดทรงดี 1.5
ประเภทของการออกกำลงั กาย 1. การฝึกแบบไอโซโทนิค (Isotonic exercise) เป็นการฝึกโดยให้กล้ามเนื้อยืดหด มีน้ำหนัก 2. การฝึกแบบไอโซเมตริค (Isometric exercise) เป็นการฝึกโดยให้กล้ามเน้ือเกิดการตึงตัว 3. การฝึกแบบไอโซคิเนติค (Isokinetic exercise)
เป็นการฝึกแบบผสมผสานกัน เพื่อให้ 1.5.2 แบง่ จากลกั ษณะการใช้ออกซเิ จน 1. การฝึกแบบแอโรบิค (Aerobic exercise) คือการฝึกที่ขณะฝึกผู้ออกกำลังกายจะไม่กั้น 2. การฝึกแบบแอนแอโรบิค (Aerobic exercise) คือการฝึกที่ขณะทำการออกกำลังกายผู้ฝึก จะกล้ันหายใจชว่ งสนั้ ๆ จะไม่ต้องการออกซเิ จนเข้าส่รู า่ งกาย เชน่ วงิ่ ระยะส้นั วา่ ยน้ำระยะสน้ั เปน็ ตน้ 1.6.1 ผูม้ ีสมรรถภาพทางกายดียอ่ มจะทาใหร้ ่างกายได้มกี ารเจรญิ เตบิ โตได้อย่างเต็มท่ี กล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกายเตบิ โตไดส้ ัดส่วน มีความแขง็ แรง ทนทาน สามารถทางานต่างๆ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ งาม คล่องแคล่ว กระฉบั
กระเฉง สมาธใิ นการศึกษาเลา่ เรยี นไดด้ ี 1.6.4 ผู้มีสมรรถภาพทางกายดีในวัยเด็กจะทาให้เด็กคนนน้ั เป็นผทู้ ี่มีความกระตือรอื ร้น มีความเช่อื ม่ัน 1.6.5 ผู้ท่ีมีสมรรถภาพทางกายดีย่อมจะควบคุมนา้ หนกั ของตนเอง เพราะได้ออกกาลังกายอยู่เปน็ ประจา 1.6.6 ผู้มีสมรรถภาพทางกายดี ย่อมจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานประสานกันระหว่างระบบ วิธีปอ้ งกนั โรคนกี้ ด็ ว้ ยการออกกาลังกายเปน็ ประจา เพอ่ื ให้มสี มรรถภาพทางกายดีนั่นเอง กลา้ มเนื้อหลงั ตอนล่างถา้ กล้ามเนอื้ น่มี สี มรรถภาพดแี ลว้ จะช่วยในการปอ้ งกันโรคปวดหลงั เม่ือมีอายุมากข้ึนได้ ด้วย สื่อการเรยี นรู้ อนิ เทอร์เน็ต , เบาะ, นาฬกิ าจบั เวลา ,สนามมาตรฐาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาห์ท่ี 3-4) สปั ดาห์ที่ 3 กิจกรรมท่ี 1.1 สมรรถภาพทางกาย การวัดผลและประเมนิ ผล แบบประเมนิ ผลกจิ กรรมท่ี 2.1 แบบทดสอบก่อนเรยี น และ หลงั เรียน งานท่มี อบหมาย แบบฝึกหัด ผลงาน/ช้ินงาน/ความสำเรจ็ ของผู้เรียน กิจกรรมที่ 1.1
สมรรถภาพทางกาย เอกสารอา้ งองิ กรณี บุญชัย. (2540) AAHPERD Health-Related Physical Fitness. กรุงเทพฯ : ภาควิชาพลศึกษา คณะ การกฬี าแหง่ ประเทศไทย. (2536). การฝึกสมรรถภาพทางกาย. กรุงเทพฯ : ไทยมติ รการพมิ พ.์ บนั ทึกหลงั การสอน 1. ผลการใชแ้
ผนการจัดการเรียนรู้ 2. ผลการเรยี นของนกั เรยี น/ผลการสอนของครู/ปญั
หาที่พบ 3.
แนวทางการแก้ปัญหา ลงช่ือ............................................... ลงชอ่ื ............................................... ตัวแทนนกั เรยี น ครผู ู้สอน แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 หนว่ ยที่ 3 ชอื่ วิชา พลศึกษาเพื่อเพ่อื งานอาชพี เวลาเรยี นรวม36คาบ หวั ขอ้ เร่อื ง 1.
ความหมายของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 3. ประโยชน์ของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5. แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย มาตรฐานนานาชาติ (ICSPFT) สาระสำคญั /แนวคดิ สำคญั สมรรถภาพทางกาย เป็นส่ิงสำคัญของมนุษย์ ซึ่งแต่ละกิจกรรมต่างๆ หรือการทำงานใดๆ จะใช้ กายจึงมีความจำเป็นของมนุษย์
เพื่อใช้แบบทดสอบการวัดสมรรถภาพทางกาย เพ่ือให้เหมาะสมกับงานหรือ สมรรถนะ แสดงความร้เู กยี่ วกบั การทดสอบสมรรถภาพทางกาย จดุ ประสงคก์ ารปฏิบัติ 1. สามารถบอกความหมายของสมรรถภาพทางกายได้ 2. สามารถอธิบายความสำคัญของการทดสอบสมรรถภาพทางกายได้ เน้อื หาสาระ 2.1 ความหมายของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ร่างกายท่ีต้องการวัดเพ่ือประเมินระดับความสามารถว่าดีมากน้อยเพียงใดโดยเฉพาะ ความแข็งแรงของ การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ด้วยแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตรฐานระหว่างประเทศที่ ICSPFT ความสามารถของรา่ งกายหรอื ส่วนต่างของร่างกายที่ต้องการวัดเพื่อประเมินระดับความสามารถว่าดีมากน้อย เพยี งใดโดยเฉพาะ ความแข็งแรงของกลา้ มเนื้อ ความทนทานของกลา้ มเน้ือ ความเร็ว พลงั กล้ามเนือ้ ความออ่ น สมรรถภาพทางกายด้านตา่ งๆ นมี้ ีความจาเปน็ และสำคญั แตกต่างกันออกไปตามแตช่ นดิ กฬี า ฉะนั้นการทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักกีฬา กเ็ พอ่ื วเิ คราะห์ปจั จยั ต่างๆ นาผลทไ่ี ด้ไปปรับปรุง รปู แบบในการพัฒนานกั กฬี าตอ่ ไป การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ( Physical Fitness Test) มีจุดประสงค์เพื่อทราบถึงสมรรถภาพของผู้เข้า นำไปประเมินสถานภาพของรา่
งกายและความกา้ วหน้า ถ้าผเู้ ขา้ รบั การทดสอบนั้นมีโปรแกรมการเสริมสรา้ งสม สมรรถภาพทางกาย ผู้ทดสอบจะทราบถึงการเปล่ียนแปลงว่าสมรรถภาพด้านใดที่มีการพัฒนาขึ้นหรือยัง 2.3 ประโยชนข์ องการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 2.3.1 ทาใหท้ ราบระดับความสามารถของตนเองหรือผทู้ ีถ่ กู ทดสอบวา่ ระดบั
สมรรถภาพทางกายท่ี 2.3.2 ทาใหท้ ราบถงึ การพัฒนาของสมรรถภาพทางกายและสามารถนาไปปรบั ประยกุ ตโ์ ปแกรมการ 2.3.3 สมรรถภาพทางกายเปน็ ตัวช้ีวัดอีกดา้ นในการคดั เลอื กนักกฬี าของผูฝ้ ึกสอน 2.3.4 ระดับสมรรถภาพทางกายที่ได้จากการทดสอบจะเป็นตัวกำหนดหรือข้อพิจารณาในการเลือก 2.4 ขอบขา่ ยของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย กายท่ชี ัดเจนจะทาให้ผู้ฝึกสอนกฬี าสามารถมองภาพชดั เจนมากข้นึ ดงั ท่ี กองวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า กรมพล ศึกษา ไดแ้ บ่งขอบข่ายการทดสอบสมรรถภาพทางกายไวด้ งั น้ี จานวนเปอรเ์ ซ็นตไ์ ขมนั ใต้ผิวหนงั พลงั กล้ามเนือ้ ความเร็ว ความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไว เป็นตน้ 2.4.3 การทดสอบสมรรถภาพแอโรบคิ เป็นการวัดความสามารถในการในการใช้ออกซิเจนสูงสดุ ของ จักรยาน การทดสอบก้าวข้ึนลงม้านง่ั เปน็ ต้น ร่างกายขณะออกกาลังกาย หรือเป็นการวัดความทนทานของกล้ามเนื้อที่มีต่อกรดแลคติกท่ีเกิดจาก กระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกายโดยไม่ใช้ออกซิเจน เช่น
การว่ิงทดสอบความเร็วระยะส้ัน การ 2.5 แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตรฐานนานาชาติ (ICSPFT) แบบทดสอบท่ีเหมาะสมสำหรับผู้สนใจท่ัวไปและสามารถทดสอบด้วยตนเองได้ คือ แบบทดสอบสมรรถภาพ ทางกายมาตรฐานนานาชาติ ใช้ชือ่ ยอ่ ว่า ICSPFT ( International Committee Standard of Physical 1.
ว่ิงเร็ว 50 เมตร (50 Meter Sprint) 3. แรงบบี ของมือ ( Grip Strength) 2.5.1 ว่ิงเร็ว 50 เมตร (ไมต่
้องย่อตวั ในทา่ ออกวิ่ง) เม่ือไดย้ ินหรอื เหน็ สญั ญาณปล่อยตัวใหผ้ เู้ ข้าทดสอบวิ่งใหเ้ ร็วท่ีสุดจนผ่านเส้นชัยควร ผู้จับเวลา 1 คน อาจจับเวลาทีเดียว 2 คนได้โดยใช้นาฬิกาจับเวลา 2 เรือน มือละข้างหรือ เพศ ตารางที่ 2.1 คะแนนว่งิ 50 เมตร หญิง (วนิ าที) 10 7.6 7.0 7.0 7.1 9.0 8.7 8.8 8.4 2.5.2 ยนื กระโดดไกล ซ้อมเหว่ียงแขนทั้งสองไปข้างหน้าพร้อมกับก้มตัว เม่ือได้จังหวะเหว่ียงแขนไปข้างหน้าอย่างแรง พร้อมกับ บันทึกระยะทางที่ทำได้เป็นเซนติเมตร เอาระยะที่ไกลท่ีสุดจากการทดสอบ 2 คร้ัง ดูคะแนน ตารางที่ 2.2 คะแนนยืนกระโดดไกล เพศ ชาย (เซนตเิ มตร) หญงิ (เซนตเิ มตร) อายุ 15 16 17 18 15 16 17 18 2.5.3 แรงบีบของมอื ให้ผ้ทู ดสอบใช้มือถูหรือสมั ผัสผง Magnesium เพ่ือกนั ลื่นแล้วจับเคร่ืองมือวดั ใหเ้ หมาะสมท่ีสุด แล้ว ให้ออกแรงบีบมือจนสดุ แรง ระหว่างบีบมือห้ามให้มือหรือเครื่องวดั ถกู ส่วนใดของร่างกายและห้ามเหว่ียง บันทกึ คร้ังท่ที ำได้มากท่ีสุดของแต่ละขา้ งไว้ ดูจากคะแนนตารางท่ี 2.3 ตารางท่ี 2.3 คะแนนแรงบบี ของมือ เพศ ชาย (กก.) หญิง (กก.) อายุ 15 16 17 18 15 16 17 18 2.5.4 ลกุ นั่งใน 30 วนิ าที จัดผู้เข้าทดสอบเป็นคู่ ให้ผู้เข้าทดสอบคนแรกนอนหงายบนเบาะ เข่างอต้ังเป็นมุมฉาก ของผู้เข้าทดสอบคนแรง (หันหน้าเข้าหากัน) มือทั้งสองกำและกดข้อเท้าไว้ให้ข้อเท้าติดพื้นเม่ือผู้ให้สัญญาณ ภายในเวลา 30 วนิ าที ตารางที่ 2.4 คะแนนลุกนัง่ ใน 30 วินาที เพศ ชาย (ครั้ง) หญงิ (คร้ัง) อายุ 15 16 17 18 15 16 17 18 2.5.5 ดงึ ข้อ งอแขนหอ้ ยตวั 1. ดึงข้อชายอายุ 12 ปขี ้นึ ไป จัดระดับราวเดีย่ วให้สงู พอท่เี ม่ือเข้าทดสอบห้อยตวั จนสดุ แลว้ เท้า ท่าคว่ำมือห่างกันเท่าช่วงไหล่ เอาม้ารองออกแล้วให้ผู้เข้าทดสอบปล่อยตัวจนแขน ลำตัว และขา เหยียดตรง ใหค้ าวพน้ ราวได้ 2 คร้ังตดิ กนั ให้ยุติการทดสอบ 2. งอแขนห้อยตัว สำหรับชายอายุตำ่ กวา่ 12 ปี และหญิง จัดม้ารองเท้าใกล้ราวเด่ียวให้สูงพอ เดิมใหน้ านที่สดุ ถา้ คางต่ำลงถงึ ราวใหย้ ตุ ิการทดสอบ ตารางที่ 2.5 คะแนนดงึ ข้อชายและงอแขนหอ้ ยตัวหญิง เพศ ชาย (ครงั้ ) หญงิ (วินาที) อายุ 15 16 17 18 15 16 17 18 2.5.6 วิ่งเก็บของ เม่ือได้ยินสัญญาน “เข้าท่ี” เมื่อพร้อมแล้วผู้ปล่อยตัวสั่ง
“ไป” ให้ผู้ทดสอบวิ่งไปหยิบท่อนไม้ในวงกลม 1 บนั ทึกเวลาต่งั แต่ “ไป” จนถึงท่อนไมท้ อ่ นท่ี 2 อ่านละเอียดถึงทศนยิ มอันดบั แรกของวินาทีเอา ตารางท่ี 2.6 คะแนนวงิ่ เกบ็ ของ เพศ ชาย (วินาที) หญิง (วินาท)ี อายุ 15 16 17 18 15 16 17
18 2.5.7 นง่ั งอตัว/งอตวั ไปขา้ งหน้า ต่ังไม้วัด เหยียดแขนตรงขนานกับพ้ืนและค่อย ๆ ก้มตัวลงไปข้างหน้าใช้ปลายน้ิวมือดันแกนที่วัดเลื่อนไป บันทึกระยะเซนติเมตร ถ้าเหยียดเลยปลายเท้าบันทึกค่าเป็น “บวก” ถ้าไม่ถึงปลายเท้าให้ค่า เปน็ “ลบ” ใชค้ า่ ทด่ี ที ่ีสุดจากการทดสอบ 2 ครั้ง ดูคะแนนจากตารางท่ี 2.7 ตารางท่ี 2.7 นัง่ งอตัว/งอตัวไปขา้ งหน้า เพศ ชาย (เซนติเมตร) หญงิ (เซนตเิ มตร) อายุ 15 16 17 18 15 16 17 18 2.5.8 วงิ่ ระยะไกล (วงิ่ 1,000 เมตร 800 เมตร) ผู้ทดสอบหญงิ วงิ่ 800 เมตร รักษาความเรว็ ให้คงทีถ่ ้าไมส่
ามารถทนความเหนือ่ ยไดอ้ าจหยดุ เดินแล้ววงิ่ ต่อ หรอื เดนิ ไปจนครบระยะทาง ตารางที่ 2.8 วิ่งระยะไกล (วง่ิ 1,000 เมตร 800 เมตร) เพศ ชาย (นาที) หญิง (นาท)ี อายุ 15 16 17 18 15 16 17 18 สอื่ การเรยี นรู้ แบบทดสอบ กิจกรรมการเรยี นรู้ (สัปดาหท์ ี่ 3) สปั ดาห์ที่ 1 กิจกรรมท่ี 2 ทดสอบสมรรถภาพทางกาย การวัดผลและประเมินผล แบบประเมนิ
ผลกิจกรรมท่ี 3 งานท่มี อบหมาย แบบฝึกหดั ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสำเร็จของผูเ้ รียน กจิ กรรมที่ 3 ทดสอบสมรรถภาพทางกาย เอกสารอา้ งองิ พูลศกั ด์ิ ประถมบุตร. (2532). การทดสอบและวดั ผลทางพลศกึ ษา. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร.์ บนั ทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั
การเรียนรู้ 2. ผลการเรียนของนักเรียน/ผลการสอนของครู/ปัญหาทพี่
บ 3.
แนวทางการแก้ปัญหา ลงชือ่ ............................................... ลงชือ่ ............................................... ตัวแทนนักเรยี น ครูผ้สู อน แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 4 หน่วยที่ 4 ชื่อวิชา พลศึกษาเพอ่ื งานอาชพี เวลาเรยี นรวม36คาบ หวั ข้อเรือ่ ง 1.
หลักการเขียนโครงการการแข่งขันกีฬา สาระสำคญั /แนวคิดสำคญั การเสริมสร้างสุขภาพและสมรรถภาพทางกายท่ีดีของมนุษย์น้ันคือ การออกกำลังกายอย่างถูกต้อง เหมาะสม ดังน้ันการออกกำลังกายอยา่ งถูกต้อง ขัน้ ตอน และวิธกี ารจึงเป็นปัจจัยสำคัญ ท่ีช่วยส่งเสริมสุขภาพ พัฒนาท้งั รา่ งกาย อารมณ์ สังคม ส่วนการรู้จักหาค่าดชั นมี วลกาย เป็นเรื่องสำคญั
ในการมาประกอบคิดคำนวณ สมรรถนะ แสดงความรู้เก่ียวกบั การออกกำลงั กายเพอ่ื สุขภาพและกาหาดชั นมี วลกาย จุดประสงคก์ ารปฏิบัติ 1. สามารถบอกขน้ั ตอนการเขยี นโครงการกฬี าได้ 2. สามารถอธบิ ายระเบยี บการแขง่ ขนั กีฬาได้ เนือ้ หาสาระ การเขียนโครงการ สว่ นประกอบของการเขียนโครงการ โครงการ ผ้ดู ำเนินโครงการ หรอื ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ ความเปน็ มาของโครงการ วตั ถุประสงค์ ดังน้ันส่วนนำจึง ตอ้ งเขียนใหล้ ะเอียดเพ่อื มงุ่ หมายให้ผอู้ ่าน และบุคคลท่ีทำงานร่วมกนั หรอื ผ้ทู มี่ ีหนา้ ทตี่ ดั สินใจอนมุ ัติใหท้ ำ ความระมัดระวงั ในเรือ่ งการใช้ภาษาให้ถกู ตอ้ งได้ใจความ เพอื่ ม่งุ ช้ปี ระเดน็ สำคัญของโครงการใหช้ ัดเจน วิธีดำเนนิ การหรอื ขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิอย่างละเอยี ด ถ้าขนั้ ตอนการทำงานมีความสลบั ซับซ้อนมากเท่าใด ผู้เขียน ตอ้ งพยายามเรยี งลำดบั ขนั้ ตอนการทำงานอยา่ งมรี ะบบและเขยี นแยกเปน็ ตอนๆเพ่ือไม่ทำใหผ้ ู้อา่ นสับสน ท้ังนี้ 3. สว่ นขยายความ หมายถึง ส่วนประกอบต่างๆทีบ่ อกรายละเอียดเกีย่ วกับกลมุ่ เป้าหมาย ซึ่งเปน็ แจกแจงคา่ ใชจ้ ่ายอย่างละเอยี ดก็ได้ และส่วนของประโยชน์หรอื ผลทค่ี าดวา่ จะได้รบั จากการดำเนนิ การตาม ส่วนขยายความเหลา่ นเ้ี ป็นสว่ นท่ีสำคญั เช่นเดียวกบั ส่วนนำ เพราะจะขยายความให้บคุ คลที่ดำเนินการรว่ มกัน ดยี ่งิ ขนึ้ เม่อื ไดท้ ราบว่าผลทจ่ี ะไดร้ บั นั้นเปน็ ประโยชน์อยา่ งไร และงบประมาณค่าใช้จ่ายจดั สรรใหไ้ ด้หรอื ไม่ อยา่ งไร โครงการแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ดังน้ี กำหนดไว้ ไดแ้ ก่ ชอ่ื โครงการ ชอ่ื บคุ คลหรือหนว่ ยงานที่รบั ผดิ ชอบ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย 2. การเขียนโครงการเชงิ เหตุผล หรือการจัดทำโครงการแบบเหตุผลเชงิ ตรรกวทิ ยา (Logical Framework รปู
แบบหรือหัวข้อในการเขยี นโครงการข้างตน้ อาจจะมีหัวข้อและรายละเอียดแตกต่างกนั ไปตามลกั ษณะหรือ เพิ่มเติมหวั ขอ้ ที่มีความสำคัญเขา้ ไป เชน่ โครงการทางดา้ นวิชาการ อาจตอ้ งมกี ารเพ่มิ หัวขอ้ เอกสารอ้างอิง เปน็ การเขียนโครงการโดยละเอียด การตั้งช่ือโครงการต้องมคี วามชัดเจน เหมาะสม และเฉพาะเจาะจง เป็นท่เี ขา้ ใจได้โดยง่ายสำหรบั ผู้นำ โครงการ และจุดมุ่งหมายของโครงการ เชน่ โครงการประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ
ารการวางแผนเขียนโครงการ โครงการ โครงการอาจระบชุ ื่อแผนงานไว้ด้วย ทัง้ นี้เพื่อใหเ้ กดิ ความชัดเจนมากยงิ่ ขนึ้ และเปน็ การแสดงใหเ้ ห็นว่า คดิ แบบแยกส่วนไดใ้ นระดบั หน่งึ การเขยี นโครงการจะตอ้ งระบุหนว่ ยงานทร่ี ับผิดชอบในการจัดทำโครงการนน้ั ๆ โดยจะตอ้ งระบุ โครงการความรว่ มมือระหว่างหนว่ ย การเขยี นหนว่ ยงานที่รับผดิ ชอบกต็ ้องระบุหนว่ ยงานทร่ี บั ผิดชอบ
โครงการทุกโครงการจะตอ้ งมผี ู้ทำโครงการรับผิดชอบดำเนนิ งาน ตามโครงการทเ่ี ขียนไว้ไม่ว่าตนเอง พชื กต็ อ้ งระบุตำแหน่งในโครงการนนั้ ไปดว้ ย สว่ นตำแหน่งอ่ืนๆ รองลงมาในโครงการอาจจะเขียนรวมๆ ว่าเป็น รนั ดร์ ยง่ิ ยวด มีตำแหน่งเปน็ เลขานกุ ารของโครงการขยายพันธุ์พืช เปน็ ต้น 4. หลกั การและเหตุผล หลักการและเหตุผล เป็นส่วนสำคญั ท่ีแสดงถงึ ปญั หาความจำเป็นหรือความต้องการท่ีตอ้ งมีการจัดทำ หลกั การและเหตุผลผเู้ ขียนโครงการจำเปน็ ต้องเขียนแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ปัญหาหรอื ความต้องการ พรอ้ มทง้ั
ระบุ องค์การ หรือหน่วยงานเจ้าของโครงการและเป็นการวางรากฐานไปสสู่ ภาพทีพ่ งึ ประสงคใ์ นอนาคตขององคก์ าร 5. วัตถุประสงคแ์ ละเป้าหมาย ของโครงการ โดยวตั ถุประสงคจ์ ะเปน็ ข้อความทแี่ สดงถงึ ความต้องการทจี่ ะกระทำส่งิ ตา่ งๆ ภายในโครงการให้ ปรากฏผลเปน็ รปู ธรรม ซง่ึ ขอ้ ความทใ่ี ช้เขียนวัตถุประสงค์จะตอ้ งชัดเจนไม่คลุมเครือ สามารถวดั และ กบั ระดับและขนาดของโครงการ เชน่ ถ้าเปน็ โครงการขนาดใหญ่ วตั ถุประสงคก์ จ็ ะมลี ักษณะที่กว้างเป็น วตั ถุประสงค์เฉพาะถงึ อยา่ งไรก็ตามการเขียนวตั ถุประสงคใ์ นโครงการแต่ละระดับ แตล่ ะขนาดจะต้องมี โครงการขนาดใหญ่ S = Sensible (เป็นไปได้) หมายถงึ วัตถุประสงค์จะตอ้ งมคี วามเป็นไปได้ ในการดำเนนิ งานโครงการ A = Attainable (ระบุสงิ่ ทต่ี อ้ งการ) หมายถึง วัตถปุ ระสงค์ที่ดีต้องระบุสง่ิ ทีต่ อ้ งการดำเนินงาน อย่างชัดเจน T = Time
(เวลา) หมายถงึ วตั ถุประสงค์ท่ีดีจะต้องมีขอบเขตของเวลาทีแ่ น่นอนในการปฏบิ ัติงาน ในการปฏบิ ัติงานไดอ้ ยา่ งชดั เจนและเขา้ ใจงา่ ยดังนนั้ การเขยี นวัตถุประสงคจ์ ึงควรใช้คำ ทแ่ี สดงถึงความตัง้ ใจ ตัวอยา่ งการเขยี นวตั ถุประสงค์โครงการ เช่น - เพื่อให้สามารถเลือกสรรวธิ กี ารอันเหมาะสมในการพัฒนาคณุ ภาพนิสิตฝึกสอน นอกจากนยี้ งั มคี ำทคี่ วรหลีกเลยี่ ง ในการใชเ้ ขยี นวัตถุประสงคข์ องโครงการ เพราะเปน็ คำทม่ี คี วามหมายกวา้ ง ได้แก่คำว่า เข้าใจ ทราบ ค้นุ เคย ซาบซ้งึ ร้ซู ้ึง เชอ่ื สนใจ เคยชิน สำนึก และยอมรบั เป็นตน้ ดังตวั อยา่ ง - เพ่อื ให้เข้าใจถึงการดำเนินงานโครงการ - เพ่ือให้สามารถทราบถึงความเปน็ มาของปัญหาการปฏิบตั ิการ สำหรบั การเขยี นเป้าหมาย ต้องเขยี นให้ชดั เจนเพื่อแสดงใหเ้ ห็นผลงานหรือผลลพั ธ์ทีร่ ะบคุ ณุ ภาพ หรอื ปริมาณ ขา้ วโพดฝักอ่อนคุณภาพชัน้ ท่ี 1 จำนวน 10 ตนั หรือโครงการอบรมการขยายพนั ธุ์พชื เป้าหมาย คือ เม่อื สน้ิ สุด 6. วธิ ีดำเนนิ การ กิจกรรม โดยจะแสดงใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจนต้ังแต่ต้นจนจบกระบวนการวา่ มีกจิ กรรมใดทจ่ี ะตอ้ งทำเพอื่ ให้บรรลุ ปฏิบตั ิงานอีกครง้ั หนง่ึ สามารถลงมอื ปฏบิ ตั ิงานได้ โดยจะเขยี
นรายละเอียดแต่ละงานทตี่ ้องทำ มีใครเป็นผรู้ บั ผิดชอบในงานน้นั บ้าง ในการควบคุมโครงการ จงึ เขยี นเป็นแผนภูมแิ ทง่ หรือแผนภูมขิ องแกนท์ โครงการว่าใช้เวลาทั้งหมดเท่าใดโดยแสดงให้เห็นจดุ เร่ิมตน้ และสิ้นสุดของโครงการโดยระบุ วันเดือน ปี
ที่ โครงการนั้นดว้ ยเพื่อใชเ้ ปน็ รายละเอยี ดประกอบการพิจารณา อนุมัติโครงการ ครุภณั ฑ์และปจั จัยอน่ื ๆ ที่จำเป็นตอ่ การดำเนนิ โครงการนนั้ ๆ หลักในการกำหนดงบประมาณและทรัพยากร จดั ทำโครงการ โดยจะต้องจดั เตรียมไวอ้ ยา่ งเพียงพอและจะต้องใชอ้ ย่างประหยัด หลักการในการจัดทำ ทุกอย่างใหค้ ้มุ ค่าที่สดุ และได้คณุ ภาพของผลงานดที ่ีสุด พอใจในผลงานทีเ่ กิดข้นึ โดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ประหยดั ท่ีสุด และได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า ประสทิ ธผิ ล กำหนดไว้ ทงั้ น้เี พื่อใหท้ ุกฝา่ ยปฏิบัติงานไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่อื งคลอ่ งตัว และมปี ระสทิ ธิภาพสงู สดุ หลกั การในการจดั ทำงบประมาณโครงการและจดั สรรทรัพยากร โครงการดงั กล่าวบางคร้งั เรยี กว่า 4E'S ซึง่ เป็นหลกั สำคัญของการบริหารงานโดยทัว่ ไปหลกั การหน่งึ งบประมาณและทรพั ยากรดว้ ย เช่น จากงบประมาณแผ่นดนิ งบประมาณเงินรายไดข้ องหนว่ ยงาน งบประมาณ ใชก้ ับโครงการฝึกอบรมเป็นสว่ นใหญ่ และเปน็ โครงการท่สี ามารถดำเนนิ การได้โดยงา่ ย เนื่องจากไมต่ ้องพึ่งพา 10. การติดตามและประเมนิ ผลโครงการ ประเมนิ ผลโครงการไว้ใหช้ ดั เจน ทัง้ นี้อาจจะตอ้ งระบุบคุ คลหรอื หน่วยงานท่ีรบั
ผดิ ชอบในการประเมินโครงการ ดำเนนิ การ หรือจะระบุเวลาชดั เจนว่าจะประเมนิ ทกุ ระยะ 3 เดอื น เป็นตน้ โดยอ้อม โดยระบุใหช้ ัดเจนว่าใครจะไดร้ บั ผลประโยชนแ์ ละผลกระทบน้นั ไดร้ บั ในลกั ษณะอย่างไร ทั้งในเชิง นอกจากสว่ นประกอบทง้ั 11
รายการที่ไดก้ ล่าวแล้ว การเขยี นโครงการแบบประเพณนี ิยมยังอาจมี ดำเนนิ งานเพื่อใหโ้ ครงการบรรลุวัตถปุ ระสงคท์ ก่ี ำหนดไว้ ในกรณีทผี่ ้ทู ำโครงการไม่ไดเ้ ป็นผูเ้ ขียนโครงการเอง ปญั หาในการเขยี นโครงการ อยใู่ นปัจจุบันเป็นตวั กำหนดกิจกรรมในโครงการ เมอ่ื เป็นเช่นนหี้ ากเปน็ โครงการทีด่ ียอ่ มนำมาซ่ึงคณุ ภาพและ 1. ขาดบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถทีแ่ ท้จริงในการเขยี นโครงการ โครงการจำนวนไม่น้อยทเี่ ขยี นข้ึน โดย โครงการเขยี นโครงการโดยไดร้ ับการมอบหมายจากผบู้ งั คับบัญชาผลจากการเขียนโครงการในลักษณะน้จี ะทำ 2. ระยะเวลาท่ใี ช้ในการเขยี
นโครงการ หลายโครงการประสบปญั หาเกย่ี วกบั การจัดทำโครงการในระยะอนั สัน้ พอ เมอ่ื เขยี นโครงการข้ึนมาแลว้ จงึ ขาดความชดั เจนของข้อมูล จงึ เป็นปัญหายุง่ ยากในการนำเอาโครงการไป 3. ขาดวัตถุประสงคท์ ีช่ ดั เจน ในการเขียนโครงการบางโครงการขาดวตั ถปุ ระสงค์ท่ีชัดเจนในการเขียนโครงการ ส่ือการเรียนรู้ แบบฝึก กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สัปดาห์ท่ี 4) สัปดาห์ที่ 1 กิจกรรมที่ 4.1 หลกั การเขยี นโครงการ การวดั ผลและประเมนิ ผล กิจกรรมที่ 4.1 การเขียนโครงการ งานทม่ี อบหมาย แบบฝึกโครงการ ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสำเร็จของผู้เรียน กิจกรรมที่ 4.1 การเขยี นโครงการ เอกสารอ้างองิ Barrow, Harold M. and McGee, Rosemary. (1997). A Practical Approach to Baumgartner,Ted A. and Jackson, Andrew S. (1982). Measurement for Evalution in บันทึกหลงั การสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ 2. ผลการเรยี นของนกั เรยี น/ผลการสอนของคร/ู
ปัญหาที่พบ 3. แนวทางการแกป้ ญั
หา ลงชือ่ ............................................... ลงช่ือ............................................... ตัวแทนนกั เรียน ครูผ้สู อน แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 หนว่ ยที่ 5 ชื่อวิชา พลศกึ ษาเพือ่ งานอาชพี เวลาเรียนรวม18คาบ หัวข้อเรอ่ื ง 1. หลักการและวธิ จี ัดการแขง่
ขัน 4. วธิ ีจัดการแขง่ ขนั แบบผสมผสาน สาระสำคญั /แนวคดิ สำคัญ การออกกำลังกาย และการเล่นกีฬา อาจได้รบั อุบัติเหตุ หรือบาดเจ็บโดยไม่ได้แก้ แต่การบาดเจ็บจะ สมรรถนะ แสดงความรู้เกย่ี วกบั การปฐมพยาบาลภาวะบาดเจบ็ ทางการกีฬาและการออกกำลังกาย จดุ ประสงค์การปฏบิ ัติ 1. สามารถอธบิ ายวิธีการจัดการแขง่ ขนั ในรปู แบบตา่ งๆได้ เนือ้ หาสาระ ส่ือการเรยี นรู้ แบบทดสอบ กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สัปดาห์ที่ 8-10) สัปดาห์ที่ 8 กจิ กรรมท่ี 5.1 แบบฝึกการจัดการแขง่ ขนั แบบพบกนั หมด สปั ดาห์ท่ี 10 กิจกรรมที่ 5.3 แบบฝึกการจดั การแขง่ ขันแบบผสมผสาน การวดั ผลและประเมนิ ผล กิจกรรมที่ 5.1 แบบฝึกการจัดการแข่งขนั แบบพบกนั หมด กิจกรรมที่ 5.3 แบบฝกึ การจัดการแขง่ ขนั แบบผสมผสาน งานที่มอบหมาย แบบฝกึ หัด ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสำเรจ็ ของผู้เรียน กจิ กรรมท่ี 5.1 แบบฝึกการจัดการแขง่ ขันแบบพบกนั หมด กิจกรรมที่ 5.2 แบบฝึกการจัดการแข่งขนั แบบแพค้ ดั ออก สาระเนือ้ หา วิธกี ารจดั การแขง่ ขนั ชนิดของการแขง่ ขนั ตัวอยา่ ง ถ้ามีผเู้ ข้าแข่งขัน 8 ทีม ตามตารางน้ี หมายเลข 8 เปน็ ผู้ชนะเลิศ หมายเลข 4 เป็นรองชนะเลศิ หลักท่ี 2 ถา้ จำนวนผเู้ ขา้ แขง่ ขันไมเ่ ป็นกำลงั สองของสอง ถึงแมจ้ ะเป็นเลขคู่เชน่ 6, 12, 8 เป็นต้น
ก็ กำลัง 4 คือ 16 ซึ่งขาดไป 5 ทมี เพราะฉะนัน้ 5 ทีมนี้จะได้บาย โดยไมต่ อ้ งทำการแข่งขนั ในรอบแรก การ ตวั อย่าง ถ้ามผี ู้เข้าแข่งขนั 11 ทีม ตามตารางน้ี หมายเลข 6 เป็ นผู้ชนะเลศิ หมายเลข 10 เป็ นรองชนะเลศิ วิธีหาจานวนคร้ัง และ รอบทที่ าการแข่งขนั - หาจานวนคร้ัง เพ่อื ความสะดวกแก่การกาหนดวนั แข่งขนั จึงควรทราบว่า “จานวนคร้งั ที่เขา้ แข่งขนั จะน้อยกว่าจานวนผูเ้ ขา้ แข่งขนั อยู่ 1 เสมอ” เช่น มีผูเ้ ข้าแข่งขนั 8 คน ก็มีการแข่งขนั 7 คร้ัง หากมี 11 ทีม ก็ แข่งขนั 10 คร้งั เป็นตน้ - หาจานวนรอบ ให้ดูจากจานวนเต็มของกาลงั สองของสอง คือ “จานวนรอบที่ทาการแข่งขันจะ เพ่มิ ข้ึน 1 ตามลาดบั ของกาลงั สองของสอง” เช่น ผแู้ ข่งขนั ไมเ่ กิน 2 คน จะทาการแขง่ ขนั 1 รอบ ผแู้ ข่งขนั เกิน 2 คนแต่ไม่เกิน 4 คน จะทาการแข่งขนั 2 รอบ ผแู้ ข่งขนั เกิน 4 คนแต่ไม่เกิน 8 คน จะทาการแข่งขนั 3 รอบ ผแู้ ข่งขนั เกิน 8 คนแตไ่ ม่เกิน 16 คน จะทาการแขง่ ขนั 4 รอบ วิธกี ารจัดการแข่งขนั แบบแพ้สองคร้ังคัดออก ใชห้ ลกั การแบบเดียวกบั แพค้ ร้ังเดียวคดั ออก โดยการแข่งขนั แพ้ 2 คร้ังคดั ออกน้ี จะแบ่งออกเป็น 2 ตัวอย่าง มีทมี เข้าแข่งขัน จานวน 6 ทมี บาย 2 ทีม การแข่งขนั แบบชมเชย ( Consolation)
เป็นวธิ ีการแข่งขนั แบบเดียวกบั แพ้ 2 คร้ังคดั ออก แต่ต่างกนั อยตู่ รงทฝี่ ่ ายแพซ้ ่ึงอยทู่ างซา้ ยมือเช่นกนั ชนะคดั ออก ( Consolation ) วธิ ีการจัดการแข่งขนั แบบพบกนั หมด เป็ นการแข่งขันท่ีทุกทีมที่เข้าแข่งขันจะต้องพบกันท้ังหมด ไม่ว่าจะเป็ นผูแ้ พห้ รือผูช้ นะก็ตอ้ ง แขง่ ขนั กบั ทีมอืน่ ๆ ตลอดไปจนครบทกุ ทีม ส่วนการแพห้ รือชนะข้นึ อยกู่ บั คะแนนทีก่ าหนดให้ ชนะได้ 2 คะแนน เสมอได้ 1 คะแนน แพไ้ ด้ 0 คะแนน เม่ือทุกทีมทาการแข่งขนั กนั หมดแลว้ จากคะแนนที่ไดไ้ วจ้ ากการแข่งขนั แต่ละคร้ัง ทีมใดไดค้ ะแนน มากท่ีสุดกเ็ ป็น “ผชู้ นะเลิศ” การหาจานวนคร้ังที่ทาการแข่งขัน หลัก เอาจานวนทีมท่ีเข้าแข่งขันต้ัง คูณด้วยจานวนทีมที่เขา้ แข่งขนั ลบดว้ ยหน่ึง แล้วหารด้วย 2 สูตร M = N ( N – 1 ) M = Matches คือ จานวนคร้ังทีท่ าการแข่งขัน 2 22 การแข่งขันแบบพบกนั หมด อาจจดั ได้ 2 แบบคือ 1-2 2-3 3-4 4-5 5-6 แบบตาราง (Chart) การจดั คแู่ บบน้ียงั มปี ระโยชน์อ่นื ๆ อีก คอื ตัวอย่าง 7 ทมี แข่งขันภายใน 7 วัน หลกั การลงวนั แข่งขนั หลกั การจดั วิธีการจดั การแข่งขันรวมกนั หรือผสม 1. แบบพบกนั หมดตามดว้
ยพบกนั หมด ( League follow by league ) ตัวอย่าง มีผเู้ ขา้ แข่งขนั 16 ทมี จดั แข่งขนั แบบพบกนั หมดตามดว้ ยแพค้ ดั ออก ( แบบท่ี 2 ) รอบที่ 1 จดั แบ่งสายพบกันหมด ผ้ชู นะเลิศในแต่ละสาย สายท่ี 1 มีทีม จดั 1-2 2-3 3-4 3 1, 2, 3, 4 1-3 2-4 1-4 สายที่ 2 มีทีม จดั 5-6 6-7 7-8 8 5, 6, 7, 8 5-7 6-8 5-8 สายท่ี 3 มีทมี จดั 9-10 10-11 11-12 10 9, 10, 11, 12 9-11 10-12 |