ทอง 2 สลึง ขาด ขายได้ เท่า ไหร่ 2564

ช่วงราคาทองลง หลายท่านคงอยากจะเอาทองไปเปลี่ยน ไม่ว่าจะเพราะใส่มานานแล้วเลยอยากปลี่ยนลายทอง สร้อยทองขาด แหวนทองบุบเบี้ยว หรือมีเงินเก็บมากขึ้นก็เลยอยากไปเพิ่มน้ำหนักทอง

ไม่ว่าจะเปลี่ยนลายทอง เพิ่มน้ำหนักทอง ก็จะมีค่าใช้จ่าย ก่อนจะไปร้านทองเรามาเตรียมตัวสักนิด ว่าการเอาทองไปเปลี่ยนลาย เพิ่มน้ำหนักทอง จะต้องเตรียมเงินเท่าไหร่

การเปลี่ยนลายทอง เพิ่มน้ำหนักทอง ที่จริงก็คือการ “ขายทองเก่าแล้วซื้อทองใหม่” นั่นเอง

เช่น กรณีเพิ่มทอง จากแหวนทองครึ่งสลึง เป็นแหวนทอง 1 สลึง ก็คือการนำแหวนทองครึ่งสลึงไปขายคืน แล้วก็ซื้อแหวนทอง 1 สลึงมา เพียงแต่จ่ายเงินส่วนต่างระหว่างเงินค่าขายวงเดิมกับราคาวงใหม่

หรือกรณีเปลี่ยนลายสร้อยทอง 1 บาทเป็นลายใหม่ (ขนาด 1 บาทเท่าเดิม) ก็เช่นกัน คือเหมือนนำทองเส้นเดิมมาขาย แล้วซื้อเส้นใหม่

เช่นเดียวกันกับกรณีแตกสร้อยข้อมือทอง 2 สลึง เป็น 1 สลึง 2 เส้น หรือเปลี่ยนสร้อยข้อมือเป็นสร้อยทอง (เปลี่ยนสินค้า) ก็เป็นการ “ขายทองเก่าแล้วซื้อทองใหม่” เหมือนกัน

ประเด็นที่มักมีการพูดถึงกันบ่อยๆ ก็คือ “ทำไมถึงต้องเพิ่มเงินเยอะจัง” คือเยอะกว่าที่คิดไว้มาก

ข้อนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกับ “ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ” กันก่อน

1. ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ จะมีราคาต่ำกว่าราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง

2. ร้านทองส่วนมากจะเขียน(หรือมีป้าย)แจ้งราคากลางรับซื้อคืนทองรูปพรรณไว้ที่หน้าร้านเป็นราคาต่อกรัม แยกต่างหากจากราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง

3. เวลานำทองรูปพรรณไปขายคืน เราจะไม่ได้ค่ากำเหน็จ หรือค่าลาย(ที่จ่ายไปตอนซื้อ) คืน ไม่ใช่ว่าตอนซื้อมาลายสวย ค่ากำเหน็จแพง แล้วเวลาขายคืนจะได้ราคาแพงไปด้วย เพราะราคารับซื้อคืนทองก็จะคิดแต่ค่าเนื้อทองที่ชั่งได้เท่านั้น

4. เวลาร้านทองรับซื้อคืนทองจากลูกค้า ร้านทองจะคิดน้ำหนักทองตามที่ปรากฎตอนที่ชั่งบนตาชั่ง ไม่ได้ดูจากตัวเลขบนชิ้นทองหรือในใบรับประกัน หรือตามที่เราบอกว่าทองนี้เป็นขนาดกี่บาทหรือกี่สลึง เนื่องจากทองอาจน้ำหนักหายไปเล็กน้อยจากการสึกหรอจากการใช้งาน

5. ราคารับซื้อคืนทองคำแต่ละร้านทองอาจให้ราคาไม่เท่ากันได้ ขึ้นอยู่กับต้นทุนการบริหารจัดการของแต่ละร้านหรือแต่ละท้องที่

6. ราคารับซื้อคืนจริงอาจแตกต่างจากราคากลางได้ เนื่องจากราคากลางประกาศโดยสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย แต่ร้านทองอาจใช้เกณฑ์ของสคบ. ซึ่งมีหลักการคำนวณต่างกัน โดยหลักเกณฑ์ตามประกาศของสมาคมค้าทองฯ จะหักจากราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง 1.8% แต่เกณฑ์ของ สคบ. คือ หัก 5% จากราคารับซื้อคืนทองคำแท่งที่สมาคมฯ ประกาศ

ร้านทองจะคิดราคารับซื้อทองชิ้นเก่าจากลูกค้า แล้วนำมาหักลบกับราคาขายออกทองชิ้นใหม่ (ค่าเนื้อทองที่เพิ่มขึ้น กรณีที่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก บวกกับค่าลาย หรือค่ากำเหน็จ ซึ่งลายแต่ละลายอาจมีค่ากำเหน็จไม่เท่ากัน) จะได้จำนวนเงินที่เราต้องจ่ายเพิ่ม

สรุป ค่าเปลี่ยนทอง คิดจาก (ราคาทองเส้นใหม่ + ค่ากำเหน็จเส้นใหม่) - ราคารับซื้อทองเส้นเก่า = ส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่ม 

การลงทุนในทองคำเป็นการลงทุนที่มีมานาน และได้รับความนิยมเพราะเป็นทรัพย์สินที่มีความมั่นคงและปลอดภัยสูงเมื่อเทียบกับพันธบัตรหรือตลาดหุ้น แต่สิ่งที่จะพลาดไม่ได้ในการซื้อขายก็คือการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำ เพราะส่งผลต่อผลประโยชน์ที่ผู้ลงทุนจะได้รับ นักลงทุนจึงต้องเช็คราคาทองคำและแนวโน้มราคาทองคำในอนาคตอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งมีปัจจัยหลักๆ อยู่ 5 ข้อที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดโลกและตลาดในประเทศ

1. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ US Dollar movement

การซื้อขายทองคำใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นการแลกเปลี่ยน ดังนั้นการขึ้นลงของเงินดอลลาร์จึงสร้างผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำ โดยจะแปรผกผันกับค่าของเงินดอลลาร์ กล่าวคือเมื่อค่าเงินดอลลาร์สูงขึ้นหรือแข็งค่า ราคาทองคำจะต่ำลง ขณะที่เมื่อค่าเงินดอลลาร์ต่ำลงหรืออ่อนค่า ราคาทองจะสูงขึ้น สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะนักลงทุนจะลงทุนในเงินดอลลาร์เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าเพราะปลอดภัยกว่า แต่ถ้าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ก็จะลงทุนในทองคำมากขึ้น

2. อัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยแปรผกผันกับราคาทองคำคล้ายค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำทันที เช่น ถ้าประกาศปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น หมายความว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนค่าเงินดอลลาร์ก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเมื่อค่าเงินดอลลาร์สูงขึ้น ราคาทองจะลดลง ในทางตรงกันข้ามถ้าประกาศปรับดอกเบี้ยนโยบายลง หมายความว่าเศรษฐกิจเริ่มแย่ นักลงทุนก็พลอยลดความเชื่อมั่นลง ค่าเงินดอลลาร์จะปรับตัวลดลง ผกผันกับราคาทองที่จะปรับตัวสูงขึ้น ดังเช่นสถานการณ์ราคาทองคำที่เกิดขึ้นตลอดปี 2562 ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 3 รอบ ราคาทองคำจึงสูงขึ้น จนมีจุดที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปีทีเดียว

3. นโยบายการเงิน

ราคาทองคำได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินจากธนาคารต่างๆ ทั่วโลกเสมอ และจะได้รับผลกระทบมากเมื่อเป็นธนาคารจากประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐฯ เพราะเงินลงทุนจะเกิดขึ้นมากกับสิ่งที่มีผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนต่ำเสมอ ดังนั้นหากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น นักลงทุนก็มักนำเงินไปลงทุนในเงินฝาก หรือพันธบัตรต่างๆ และมีการเทขายทองคำมากขึ้นเพื่อนำไปลงทุน ราคาทองจึงลดลงนั่นเอง

4. อัตราเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อคือภาวะที่ค่าเงินน้อยลง ทำให้ราคาสินค้าต่างๆ มีราคาสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อ จะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าทุกชนิด รวมถึงทองคำ และน้ำมัน แปลว่าเงินเฟ้อกับราคาทองคำและน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งเงินเฟ้อมาก ราคาทองยิ่งสูงมาก ในทางกลับกันถ้าเงินเฟ้อลดลง ราคาทอง ราคาน้ำมัน ก็ลดลงด้วย

5. อุปสงค์-อุปทาน

อุปสงค์ (Demand) ในที่นี้คือความต้องการใช้ทองคำ เกิดขึ้นจาก 3 กลุ่มหลัก คือ ภาคเครื่องประดับ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์ และภาคการลงทุนและทุนสำรองในประเทศ ทั้ง 3 กลุ่มนี้มีส่วนในการกำหนดราคาทองคำ เพราะถ้ากลุ่มนี้มีความต้องการสูง ราคาทองคำก็จะสูง แต่ความต้องการต่ำลง ราคาก็จะต่ำลง
อุปทาน (Supply) ในที่นี้คือความต้องการขายทองคำ เกิดขึ้นจาก 3 กลุ่มหลัก คือ ผลผลิตทองคำจากเหมืองทอง แรงขายจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ และปริมาณทองคำเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ ซึ่งความต้องการของกลุ่มนี้จะแปรผกผันกับราคาทองคำ คือ ถ้าความต้องการขายทองสูง ราคาทองจะต่ำลง แต่ถ้าความต้องการขายต่ำ ราคาก็จะสูงขึ้นนั่นเอง

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าราคาทองคำมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบ ดังนั้นราคาจึงเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอยู่เสมอ และนักลงทุนในทองคำอาจไม่สะดวกในการติดตามข่าวต่างๆ ครอบคลุมทุกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาซื้อขาย ดังนั้นการมีเครื่องมือที่ช่วยบอกราคาในแต่ละช่วงเวลาจึงเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีในปัจจุบัน สามารถเช็คราคาทองคำได้ทั้งแบบประจำวัน และแบบย้อนหลังได้ที่เว็บไซต์ aagold-th.com ซึ่งปรากฏอยู่ในรูปแบบตาราง และกราฟ แบ่งประเภท ความบริสุทธิ์ และช่วงเวลาอย่างชัดเจน ทำให้ดูได้ง่าย สะดวกต่อการใช้เป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจลงทุนซื้อขายทองคำ

ทองคํา 2 สลึงขายได้เท่าไร

ทองสองสลึงขายได้กี่บาท 2565

แหวน2สลึงจำนำได้กี่บาท

เปลี่ยนสร้อยคอขาด2สลึงกี่บาท