ซื้อรถ 1 คัน มีค่าใช้ จ่าย อะไรบ้าง

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

เห็นผู้คนเรือนแสนไปดูรถรุ่นใหม่ในงานจัดแสดงรถแล้ว มานั่งคิดเล่นๆ ว่าถ้าตัดสินใจถอยรถคันใหม่ 1 คัน จากนั้นก็ผ่อนไปเรื่อยๆ ตามสัญญาแล้วจบก็คงจะดีไม่ใช่น้อย แต่โลกความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะทันทีที่เริ่มสตาร์ทรถ ค่าใช้จ่ายจิปาถะตามมาทันที

ทุกวันนี้มีหลายคนไม่น้อยที่ตัดสินใจถอยรถคันใหม่ภายในไม่กี่วัน เผลอๆ กำลังเดินไปทานอาหารกลางวัน แต่ผ่านโชว์รูมรถแล้วไปเตะตาคันหนึ่ง อีกไม่กี่วันถัดมากลายเป็นเจ้าของรถคันนั้นไปเรียบร้อย ถ้าคนนั้นมีกำลังทรัพย์เพียงพอก็คงไร้ปัญหา แต่จะมีปัญหากับคนที่ลืมคิดไปว่านอกจากค่าผ่อนรถรายเดือน ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาเป็นหางว่าว

มาดูกันสิว่า ถ้าจะซื้อรถ 1 คัน เราจะมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่?

1.ค่าผ่อน

รายจ่ายนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนจะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับว่าตอนไปถอยรถนั้น ใช้เงินดาวน์มากน้อยแค่ไหน เพราะค่าผ่อนขึ้นอยู่กับเงินดาวน์ จำนวนปี และอัตราดอกเบี้ย

2.ค่าที่จอด

ถ้ามีบ้านเดี่ยวคงไม่มีปัญหา เพราะจอดในบ้านตัวเองได้ แต่ถ้าอยู่คอนโดมิเนียมก็ต้องจ่ายค่าจอดรายเดือนหรือรายปี แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าใครทำงานอยู่ในออฟฟิศห้องแอร์เย็นๆ ถ้าขับรถไปทำงานก็ต้องเจอค่าที่จอดรถรายเดือนแน่นอน

3.ค่าบำรุงรักษา

ของแน่อยู่แล้ว พอขับไปถึง 15,000 กิโลเมตรก็ต้องเข้าศูนย์ ซึ่งพนักงานคอลเซ็นเตอร์จากโชว์รูมรถที่ซื้อมาจะโทรมาเตือนว่าใกล้ถึงเวลาต้องนำรถไปตรวจสภาพ เหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่าต้องเตรียมเงินเอาไว้ด้วย

4.ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน

ขับใกล้ๆ ก็นานๆ เข้าปั๊มน้ำมัน แต่ขับไกลๆ คงเป็นเพื่อนกับเด็กปั๊ม เพราะมีหวังต้องเติมน้ำมันสัปดาห์ละครั้ง ยิ่งใครชอบเที่ยวอาจต้องเติมมากกว่า 1 ครั้ง ถ้าต้องพึ่งทางด่วนเป็นประจำก็เตรียมเงินไว้ได้เลย

5.ค่าประกันภัยรถยนต์

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท แบบแรกคือประกันภัยแบบภาคบังคับ หรือเรียกว่า พ.ร.บ. ซึ่งรถทุกคันต้องทำ และอีกแบบคือภาคสมัครใจ หรือที่รู้จัก เช่น ประกันภัยชั้น 1 ส่วนจะทำหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถ

6.ค่าต่อทะเบียนรถ

เจ้าของรถจะต้องนำรถมาเสียภาษีทุกปี

7.อื่นๆ

เราไม่รู้หรอกว่าขับรถไปจะเจออะไรบ้าง สมมติว่าแอร์พังก็ต้องซ่อม ขับไปเจอฝนเจอโคลนก็ต้องล้าง หม้อน้ำรั่วก็ซ่อม ยางแตกก็ต้องเปลี่ยน

มาดูตัวอย่างกันว่าในแต่ละเดือนเราต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อรถคันโปรด

ซื้อรถ 1 คัน มีค่าใช้ จ่าย อะไรบ้าง

ตามหลักการวางแผนการเงิน ยอดหนี้ทั้งหมดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 25% ของรายได้รวมในเดือนนั้นๆ เช่น เงินเดือน 20,000 บาท ควรมียอดหนี้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน เงินเดือน 30,000 บาท ควรมีหนี้ไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน หรือเงินเดือน 50,000 บาท ควรมียอดหนี้ไม่เกิน 12,500 บาทต่อเดือน

ดังนั้น ก่อนจะถอยรถคันใหม่ควรคิดให้ดีๆ ก่อนว่าซื้อมาแล้วเงินในกระเป๋าจะตึงมากน้อยแค่ไหน จะมีเงินไปใช้จ่ายเรื่องอื่นๆ มากน้อยแค่ไหน ถ้ารถคันนี้ก่อให้เกิดหนี้สินเพิ่มขึ้นและอาจจะกระทบกับเงินในกระเป๋า เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมคงต้องตัดใจด้วยการชะลอ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยซื้อ

#WealthMeUp

📣 รู้มั้ยว่า ? การมีรถ 1 คัน ไม่ได้จ่ายแค่ค่ารถกับดอกเบี้ยเท่านั้น ! แต่ยังมีค่าอื่นๆ ตามมาอีกด้วย เรียกได้ว่ารวมๆ ต่อปี หลักแสน !! ใครที่อยากออกรถลองมาดูค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ว่านี้กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง จะได้วางแผนการเงินได้อย่างถูกต้อง !

1. ค่างวดต่อเดือน

ซื้อรถ 1 คัน มีค่าใช้ จ่าย อะไรบ้าง
มีรถ 1 คัน เสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?

เมื่อเราเลือกได้แล้วว่าเราจะ ออกรถใหม่ รุ่นไหน คันไหน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การใช้งานของเราเป็นหลัก สิ่งที่ควรเตรียมไว้ก็คือเงินดาวน์ และเงินงวดที่เราจะผ่อนกับไฟแนนซ์ต่อเดือนนั่นเอง

หลังจากที่เราวางเงินดาวน์ไปแล้ว เงินที่เหลือจะถูกเรียกว่า "ยอดจัดไฟแนนซ์" ซึ่งเราจะต้องผ่อนจ่ายรายเดือนทั้งเงินต้นส่วนที่เหลืออยู่และดอกเบี้ย บางรายอาจต้องใช้ผู้ค้ำประกันด้วย

ซึ่งหลายๆ ที่จะมี โปรออกรถใหม่ของรถยนต์ ที่สามารถดาวน์ 0% ได้ แต่ในทางที่ดีเราควรทยอยเก็บเงินสำหรับดาวน์รถก่อน ประมาณ 20-40% ของราคารถ เพราะหากเราดาวน์สูง จะทำให้ผ่อนต่อเดือนน้อยลง แถมบางที่ก็มีดอกเบี้ย 0% ให้ด้วย และยังเป็นการประเมินตัวเองได้ด้วยว่า เราผ่อนต่อเดือนไหวเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าเราผ่อนรถเกินเงินเดือนจนไม่มีเงินเหลือเก็บ หรือมีเงินเหลือไม่พอไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

2. ค่าใช้จ่ายวันออกรถ

ซื้อรถ 1 คัน มีค่าใช้ จ่าย อะไรบ้าง
มีรถ 1 คัน เสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?

  1. เงินดาวน์ และค่าผ่อนรถงวดแรก 🔸 ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เราตกลงกับเซลล์กันตั้งแต่แรกแล้ว โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละค่ายรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นดาวน์น้อยผ่อนนาน หรือดาวน์ 0% ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนแรกของวันรับรถ ซึ่งจะต้องจ่ายทั้งเงินดาวน์ และค่าผ่อนรถงวดแรก

  2. ค่าจดทะเบียน 🔸 ค่าจดทะเบียนรถยนต์แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน แต่ปกติศูนย์จะบวกค่าบริการเพิ่มไปนิดหน่อยให้เป็นเลขที่ลงตัว เช่น 3,500 บาท หรือ 5,000 บาท หากศูนย์ไม่ซัพพอร์ตค่าจดทะเบียนให้ก็ต้องเตรียมเงินจำนวนนี้ไปจ่ายด้วยเช่นกัน แต่หากใครที่ต้องการประหยัดเงินก็สามารถนำรถไปจดทะเบียนเองได้ แต่ขั้นตอนอาจยุ่งยากสักนิด การจ่ายเงินเพิ่มให้ศูนย์จัดการให้จะสะดวกกว่า

  3. ค่ามัดจำป้ายแดง 🔸 ตามปกติศูนย์บริการจะคิดค่ามัดจำป้ายแดงประมาณ 2,000-3,000 บาท และจะจ่ายคืนให้กับลูกค้าเมื่อนำรถกลับมาเปลี่ยนเป็นป้ายขาว และควรเช็คว่าป้ายแดงที่ได้รับเป็นป้ายแดงที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อถูกตรวจสอบ

4.ค่าเบี้ยประกันภัย 🔸 รถยนต์บางค่ายจะไม่มีโปรโมชั่นแถมประกันภัยชั้น 1 ให้ลูกค้า หรืออาจมีเงื่อนไขดอกเบี้ยพิเศษที่บังคับให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าประกันภัยเอง ซึ่งส่วนใหญ่รถป้ายแดงทุกคันจะต้องทำประกันภัยชั้น 1 ตามข้อบังคับของบริษัทไฟแนนซ์ (เว้นแต่ซื้อเงินสด) ดังนั้น จะมีค่าใช้จ่ายราว 20,000-30,000 บาท สำหรับรถขนาด 1.5 ลิตร (ยิ่งรถราคาสูง เบี้ยประกันยิ่งแพง) เพื่อจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันในวันรับรถ

  1. ค่าน้ำมัน 🔸 รถใหม่ส่วนใหญ่จะเติมน้ำมันจากโรงงานมาให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งน้อยมากท่าทางศูนย์บริการจะเติมเพิ่มให้ลูกค้า เมื่อขับรถออกจากศูนย์แล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องนำรถไปเติมน้ำมันในวันที่ออกรถด้วย

  2. ค่าอุปกรณ์เสริม 🔸 หากมีการสั่งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมที่ไม่รวมอยู่ในของแถม ก็จำเป็นต้องนำมาจ่ายในวันรับรถด้วย บางกรณีหากเป็นการติดตั้งเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการจะต้องจ่ายค่าอุปกรณ์นั้นเต็มจำนวนในวันรับรถ โดยจะไม่สามารถนำมารวมกับค่างวดที่ต้องชำระในแต่ละเดือนได้

3. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ซื้อรถ 1 คัน มีค่าใช้ จ่าย อะไรบ้าง
มีรถ 1 คัน เสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?

  1. ค่าพ.ร.บ.ประกันรถยนต์ ประกัน พ.ร.บ. คือประกันภาคบังคับ ซึ่งรถทุกคันที่จะจดทะเบียนกับกรมขนส่งจะต้องมี โดยประโยชน์ก็คือมีไว้สำหรับคุ้มครองผู้ประสบภัย ไม่ว่าจะเป็นคนขับ คนนั่ง คนเดินถนน หรือใครก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ใดก็ตามที่เกี่ยวกับรถนั่นเอง

🔸 โดยอัตราเบี้ยประกันภัยคงที่ (ไม่รวมภาษีอากร) รถแต่ละประเภทคือ รถเก๋ง 600 บาท รถกระบะ 900 บาท และรถตู้ 1,100 บาท

  1. ค่าประกันรถยนต์ โดยประกันภัยรถยนต์หลักๆ ก็จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ประกันภัยชั้น 1, 2+, 3+, 2 และ 3 ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีค่าใช้จ่ายรายปีตั้งแต่หลัก 1,000 บาท ไปจนถึงหลัก 10,000 บาท

  2. ค่าต่อทะเบียนรายปี ราคาอยู่ที่ 1,500-3,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์

  3. ค่าบำรุงรักษา โดยปกติแล้วรถยนต์จะต้องเข้ารับการเช็กระยะทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 6 เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเช็กระยะแต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไป และราคาของรถแต่ละยี่ห้อก็ไม่เท่ากันด้วย เช่น ในการเช็กระยะครั้งแรก (10,000 กิโลเมตร) ก็อาจจะมีค่าน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่อง แต่ในครั้งต่อๆ ไปก็อาจจะมีค่าอะไหล่อื่นๆ ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งานเพิ่มเข้ามา ค่าใช้จ่ายประมาณตั้งแต่ 5,000 บาทต่อปีขึ้นไป ตามระดับของรถ

  4. ค่าเปลี่ยนยาง ทุกๆ 2 ปี หรือประมาณ 50,000 กิโลเมตร อยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อ 4 เส้น

  5. ค่าน้ำมัน ถือเป็นรายจ่ายอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะมันคือค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายบ่อยที่สุด สมมติว่าคิดที่ประมาณ 4,000 บาทต่อเดือน หรือ 48,000 บาทต่อปี

  6. ค่าทางด่วน สมมติว่าคิดที่ประมาณ 1,000 บาทต่อเดือน หรือ 12,000 บาทต่อปี

  7. ค่าที่จอดรายเดือน ที่จอดรถนี่ก็เรื่องใหญ่อีกเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่หอพัก หรือคอนโดที่ไม่มีที่จอดรถให้ เราก็จำเป็นจะต้องเช่าที่จอดรถจ่ายเป็นรายเดือน รายปี ก็ว่ากันไป หรือบางคนขับรถไปจอดใกล้สถานีรถไฟฟ้าแล้วนั่งต่อมา เพื่อความรวดเร็วในการหลีกหนีรถติด ก็ต้องจ่ายค่าที่จอดรถอีกเหมือนกัน คิดที่ประมาณ 800 บาทต่อเดือน หรือ 9,600 บาทต่อปี

  8. ค่าล้างรถ อาจตกเดือนละหลายพันบาทก็เป็นได้ ถ้าอยากลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ ก็ใช้วิธีหันมาล้างรถด้วยตัวเอง สมมติประมาณ 200 บาทต่อครั้ง ล้างทุกๆ 2 เดือน รวมแล้วประมาณ 1,200 บาทต่อปี

4. ค่าออฟชั่นเสริม

ซื้อรถ 1 คัน มีค่าใช้ จ่าย อะไรบ้าง
มีรถ 1 คัน เสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?

ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะมีออฟชั่นอะไรให้รถเราบ้าง แต่ที่แน่ๆ ที่ต้องมี นั่นคือ กล้องติดหน้ารถ เพื่อความปลอดภัยเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดฝันนะครับ

💬 อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การคำนวณรายจ่ายคราวๆ เท่านั้น ใครที่อยากจะซื้อรถ เฮียร์ก็อยากให้วางแผนการเงินดีๆ จะได้ไม่เสียใจทีหลังนะครับ

ถูกใจ