2024 Site pantip.com ทำไม เส อเหล อง ชอบด ถ ก

อาการไอ เป็นปฏิกิริยาตอบสนองอย่างหนึ่งของร่างกายที่มีขึ้นเพื่อกำจัดสารคัดหลั่ง สิ่งระคายเคือง สารแปลกปลอมอื่นๆ และจุลชีพออกจากทางเดินหายใจ การไอประกอบด้วยสามระยะ เริ่มจากการหายใจเข้าเพื่อเพิ่มปริมาตรอากาศและแรงดันในช่องอกและท้อง ส่งผลให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อท้องทำให้เกิดการหายใจออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับการเปิดของกล่องเสียง จึงเกิดเสียงไอพร้อมกับขับเอาสิ่งตกค้างในทางเดินหายใจออกมา

อาการไอ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ตามระยะเวลา ดังนี้

  1. ไอเฉียบพลัน คือ มีระยะเวลาของอาการไอน้อยกว่า 3 สัปดาห์
  2. ไอกึ่งเฉียบพลัน คือ อาการไอที่มีระยะเวลาระหว่าง 3-8 สัปดาห์
  3. ไอเรื้อรัง คือ มีระยะเวลาของอาการไอมากกว่าหรือเท่ากับ 8 สัปดาห์

ไอเรื้อรัง เกิดจากอะไร?

อาการไอเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • การรับประทานยารักษาความดันโลหิตสูงกลุ่ม Angiotensin converting enzyme inhibitors (ACE inhibitors) เป็นระยะเวลานาน
  • โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง แล้วมีน้ำมูกไหลลงคอ
  • การใช้เสียงมาก ทำให้เกิดสายเสียงอักเสบเรื้อรัง
  • เนื้องอกบริเวณคอ กล่องเสียง หรือหลอดลม
  • หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • โรคหืด
  • วัณโรคปอด
  • โรคกรดไหลย้อน

ประมาณร้อยละ 85 ของอาการไอเรื้อรัง มักเกิดจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง แล้วมีน้ำมูกไหลลงคอ โรคหืด และโรคกรดไหลย้อน

ผู้ป่วยบางรายอาจมีสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังมากกว่าหนึ่งชนิด การตรวจวินิจฉัยที่อาศัยความร่วมมือจากแพทย์หลายสาขา เช่น แพทย์หู คอ จมูก อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้และโรคปอด อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร จะทำให้ค้นหาสาเหตุของอาการไอได้ง่ายขึ้น

ไอเรื้อรัง วินิจฉัยได้อย่างไร?

แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยหาสาเหตุของอาการไอเรื้อรังที่เกิดขึ้น โดยแพทย์จะปฏิบัติ ดังนี้

  • การซักประวัติ เช่น การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการไอ (เช่น ฝุ่น ควัน อากาศเย็น), อาการทางจมูกหรือโรคไซนัส, ประวัติโรคภูมิแพ้ของผู้ป่วยและคนในครอบครัว, การสูบบุหรี่, ประวัติการใช้ยากลุ่ม ACE inhibitors, อาการของโรคกรดไหลย้อน (เช่น เรอเปรี้ยว ท้องอืด เจ็บหน้าอก)
  • การตรวจร่างกายโดยเฉพาะในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง และอาจส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น ส่งตรวจภาพถ่ายรังสีของโพรงไซนัสและปอด, การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินหายใจ, การตรวจเสมหะ, การตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอด

ไอเรื้อรัง รักษาอย่างไร?

การรักษาอาการไอเรื้อรังที่สำคัญที่สุด คือ การหาสาเหตุของอาการไอ และรักษาตามสาเหตุนั้นๆ นอกจากนี้ การปฏิบัติตัวในขณะที่มีอาการไออย่างถูกต้อง ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น หรือไม่แย่ลง โดยสิ่งที่ผู้ป่วยควรปฏิบัติในขณะที่มีอาการไอ ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้ไอมากขึ้น เช่น สารก่ออาการระคายเคือง ฝุ่น สารเคมี ควันบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง เนื่องจากอากาศที่เย็นสามารถกระตุ้นหลอดลมให้เกิดการหดตัว ทำให้มีอาการไอมากขึ้นได้
  • ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอขณะนอน เช่น นอนห่มผ้า
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ควรหลีกเลี่ยงหรืองดการสูบบุหรี่
  • ถ้าหากอาการไอมีไม่มาก อาจให้การรักษาเบื้องต้นโดยการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการไอ กรณีที่มีเสมหะร่วมด้วย ควรได้รับยาละลายเสมหะ เพื่อให้เสมหะที่เหนียวข้นมากขับออกจากหลอดลมได้ง่ายขึ้น แต่หากผู้ป่วยได้รับยาดังกล่าวแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุ

ยาบรรเทาอาการไอ

ถึงแม้ว่าการใช้ยาบรรเทาอาการไอจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ แต่บางครั้งก็มีความจำเป็น เนื่องจากการไอมีผลรบกวนคุณภาพชีวิต โดยเราสามารถแบ่งยาบรรเทาอาการไอออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ด้วยกัน คือ

  1. ยาบรรเทาอาการไอสำหรับอาการไอแบบมีเสมหะ ได้แก่
  2. ยาขับเสมหะ ออกฤทธิ์ระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจมีการหลั่งสารคัดหลั่งมากขึ้น และไอออกมาได้ง่ายขึ้น เช่น Glyceryl guaiacolate, Ammonium chloride
  3. ยาละลายเสมหะ ออกฤทธิ์โดยทำลายพันธะภายในเสมหะ ทำให้เสมะหะละลายน้ำได้ดีขึ้น เช่น Ambroxol, Bromhexine, Carbocysteine, Acetylcysteine
  4. ยาบรรเทาอาการไอสำหรับอาการไอแห้ง หรือยากดอาการไอ เช่น Dextromethorphan, Codeine เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยการกดศูนย์การไอ มักใช้สำหรับบรรเทาอาการไอที่เกิดจากการแพ้หรืออาการไออื่นๆ ที่ไม่มีเสมหะ เพราะหากใช้ในอาการไอแบบมีเสมหะ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสมหะถูกขับออกมาจากทางเดินหายใจได้ยากขึ้น อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น ง่วง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก

จะเห็นได้ว่าอาการไอเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากโรคที่ไม่ร้ายแรง เช่น โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง ได้แก่ โรคหวัด หลอดลมอักเสบ หรืออาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคร้ายแรง เช่น ปอดอักเสบ เนื้องอกบริเวณคอ กล่องเสียง หรือหลอดลม ได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้วอาการไอยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการไอ และรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ข้อมูลยาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตลอด 24 ชั่วโมง

คราบเหลืองบนเสื้อขาวที่เก็บไว้นาน แก้ยังไงดีครับ

มีปัญหามาให้เพื่อนชาวพันทิปช่วยหน่อยครับ พอดีผมจะหยิบเสื้อมาใส่ในโอกาสพิเศษ แต่เสื้อถูกเก็บไว้นาน มีรอยเหลืองๆตามภาพ เป็นเยอะเลยครับ ทั้งตัว ลองเสริ์จหาวิธีในกูเกิ้ลเหมือนจะเป็นวิธีสำหรับผ้าขาวล้วน เสื้อผมเป็นเสื้อขาวแต่มีสีอื่นด้วย กลัวจะพังไปหมด รบกวนช่วยบอกวิธีที่ได้ผลจริงให้ผมทีนะครับ เสียดายครับซื้อมาแพง ขอบคุณมากครับ

2024 Site pantip.com ทำไม เส อเหล อง ชอบด ถ ก
2024 Site pantip.com ทำไม เส อเหล อง ชอบด ถ ก

0

2024 Site pantip.com ทำไม เส อเหล อง ชอบด ถ ก

คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ

กระทู้ที่คุณอาจสนใจ