2024 ทำไม บร ษ ทญ ป นถ งอย รอดหล งฟองสบ แตก

ปชป.ง้างปาก “เฉลิม” ไม่สำเร็จ เล่นลิ้น อ้างเป็นความลับ พ.ร.ฎ.ไม่เกี่ยวรัฐบาล

เผยแพร่: 17 พ.ย. 2554 19:45 โดย: MGR Online

ปชป.ง้างปาก “เหลิม” ให้ยอมเผย พ.ร.ฏ.ฉบับพิสดาร ไม่สำเร็จ อัดรับจ๊อบเล่นลิ้น โยนเรื่องเป็นพระราชอำนาจ และ ขรก.ซัดรัฐบาลกำลังจุดไฟกลางน้ำถวายเป็นพระราชกุศล ก่อวิกฤตซ้อนวิกฤต ด้าน “เฉลิม” เล่นลิ้นยกแม่น้ำทั้ง 5 อ้างห้ามเผยความลับ โยน ขรก.เป็นคน ร่าง พ.ร.ฎ.ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ยังไม่ถึงจุดจบ อาจสะดุดที่กฤษฎีกา พร้อมป้อง “ปู” ไม่ร่วมวงทำแผนชั่ว เพราะติดภารกิจ ยอมรับอยากพา “พ่อแม้ว” กลับบ้าน แต่กลัวทำผิดกฎหมาย ขณะที่ ส.ส.ลูกหาบเผลอเชลียร์พลาด ยอมรับ “นช.แม้ว” ได้ประโยชน์

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ตอบกระทู้สด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภา วันนี้ (17 พ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดเรื่อง พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ถามนายกรัฐมนตรี ว่า การตั้งกระทู้ถามเป็นอำนาจของสภา แต่รัฐบาลมักอ้างถึงพระราชอำนาจพูดไม่ได้ เป็นความลับจนกว่าสิ้นกระบวนการ ซึ่งก็ถูกต้อง แต่โดยโบราณราชประเพณี จะมีผู้รับผิดชอบแทนกษัตริย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.266 ทวิ โดยให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบในการถวายคำแนะนำด้วยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ซึ่งก็คือ รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบถวายคำแนะนำ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ฝ่ายค้านจึงมีสิทธิ์ในการตรวจสอบเกณฑ์การให้คำแนะนำของรัฐบาล และขณะนี้กระบวนการถวายยังไม่สิ้นสุด ตนจึงต้องถามแทนประชาชนทั้งประเทศ เพราะวิตกกังวลเนื่องจากมีการปิดห้องลับประชุม กระทำการคล้ายๆ จะมีอะไรพิสดารแตกต่างไปจาก พ.ร.ฎ.อภัยโทษหลายๆ ปีที่ผ่านมา

นายสาทิตย์ ถามว่า รัฐบาลได้ถวายคำแนะนำหลักเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษของปีนี้ แตกต่างจากที่ดำเนินการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ โดยเฉพาะบัญชีลักษณะความผิดแนบท้าย มีการเขียนเป็นบัญชีแนบท้ายไว้ตั้งแต่ในปี 47 ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมา มีการตัดความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.ออกไปหรือไม่ เพราะเท่ากับว่าสิ่งที่ทำนั้นขัดกับนโยบายตัวเอง ที่ประสงค์จะปราบปรามยาเสพติด และการทุจริตให้เด็ดขาด และการถวายคำแนะนำในหลักเกณฑ์ มีการตัดมาตรา 4 และมาตราที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเดิมให้อภัยโทษเฉพาะคนที่ถูกตัดสินว่าผิดแล้วสำนึกด้วยการไปรับโทษ โดยการแก้ไขให้ครอบคลุมถึงผู้ต้องคำพิพากษา แล้วไม่รับโทษ แต่หลบหนีให้สามารถเข้าหลักเกณฑ์เข้ารับอภัยโทษด้วยหรือไม่ คิดว่า รัฐบาลตอบได้เพราะยังอยู่ในขั้นตอนถวายคำแนะนำ และประชาชนสนใจอยากทราบ

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตอบแทนนายกรัฐมนตรีว่านายกฯไม่ได้หนีกระทู้ ไม่ได้หนีสภา แต่มีราชการไปประชุมที่อินโดนีเซีย ก่อนจะตอบขอทำความเข้าใจ เพราะตามรัฐธรรมนูญ ม.156 ส.ส.และ ส.ว.มีสิทธิ์กระทู้ถามรัฐมนตรีได้ แต่รัฐมนตรีย่อมมีสิทธิ์ไม่ตอบเมื่อเห็นว่าเรื่องนั้นยังไม่ควรเปิดเผยเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัย หรือ ประโยชน์ของแผ่นดิน แต่เมื่อถามมาก็ต้องฉลองศรัทธาที่ให้ความสนใจ แต่เมื่อเป็นเรื่องลับมันก็เปิดเผยไม่ได้

ที่ถามว่า ถวายคำแนะนำแตกต่างจากฉบับอื่นหรือไม่ คณะรัฐมนตรีแต่ละคณะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจโดยไม่ต้องลอกเลียนแบบใคร ตนยืนยันว่าเราทำตามกฏหมาย และไม่ได้เฉพาะเจาะจงผู้หนึ่งผู้ใด ขั้นตอนการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ มีมาแล้ว 36 ฉบับ ไม่ใช่ออกในช่วงน้ำท่วม แต่ออกในปีมหามงคลในวันเฉลิมพระชนมพรรษา จะได้พระมหากรุณาธิคุณ และรัฐบาลจะออกอย่างไรเป็นเรื่องของรัฐบาล ถ้าทำผิดกฎหมายก็ติดคุก เราไม่ต้องลอกเลียนแบบใคร มีบทบัญญัติไหนบอกต้องลอก แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และอยู่ตามหลักเกณฑ์ เดิมหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล

ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า ไม่มีการระบุชื่อใคร พวกตนมีความรู้ความเข้าใจ ว่า กระทรวงยุติธรรมมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 20 กว่าคน ไปตรวจสอบหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไข จากนั้นมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักปราชญ์ ราชบัณฑิต ทำการยกร่างเสนอต่อ รมว.ยุติธรรม มีหน้าที่เสนอให้ ครม.พิจารณายืนยันว่า รัฐบาลไม่ใช่คนยกร่าง ที่ต้องประชุมลับเพราะเรื่องยังไม่แล้วเสร็จเผยแพร่ไม่ได้ และต้องไปคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ยังไม่รู้อาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ แล้วจะให้ตนตอบรายละเอียดได้อย่างไร และกฤษฎีกามีความเห็นด้วยมาก็เสนอต่อเลขาธิการ ครม.เพื่อให้มีการนำกราบบังคมทูลเป็นพระราชอำนาจโดยแท้ ตนเคยถวายรายงานหลายครั้ง บางรายเห็นสมควรให้อภัยโทษ แต่บางรายบอกไม่เห็นสมควร

นายสาทิตย์ ถามต่อว่า ตนคิดว่า เรื่องนี้สำคัญและใหญ่เกินกว่าจะเล่นลิ้น ปัดความรับผิดชอบว่าเป็นราชการ เพราะมีกฎหมายและโบราณราชประเพณีชัดเจน ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ตอบคำถามที่ว่ามีการตัดบัญชีคนทุจริต และเกี่ยวข้องยาเสพติดออกไปหรือไม่ และแก้ไขมาตราเอื้อคนต้องโทษครอบคุมคนที่หลบหนีให้ได้รับอภัยโทษด้วยหรือไม่ ทั้งที่สามารถตอบได้เพราะเป็นหลักเกณฑ์การถวายคำแนะนำ ก็ไม่ตอบ คนถึงมีการสงสัย เพราะไม่ใช่เรื่องลับ แต่ดูลับๆ ล่อๆ มีอะไรซุกซ่อนอยู่ แต่ต้องถามเพราะดูพิสดาร อยู่ๆ นายกรัฐมนตรี มีธุระไปเยียมคนน้ำท่วมที่สิงห์บุรี แล้วบอกว่าเฮลิคอปเตอร์บินกลับไม่ได้ ทั้งที่ห่างจากกรุงเทพฯ 200 กว่ากิโลเมตร คืนเดียวขี่มอเตอร์ไซด์ก็ถึง

นอกจากไม่มาแล้ว ตอนเช้าบินกลับมาตอน 10.00 น.แทนที่จะรีบเข้าประชุม ครม.กลับไปถ่ายทีวีก่อน ประชุมเสร็จ ครม.บอกพูดไม่ได้เป็นความลับ บางคนบอกเสียชีพอย่าเสียสัตย์ สาบานอะไรไว้ข้างใน หรือให้ไว้ก่อนเลือกตั้ง คำถามคือ มีเรื่องอะไรที่ลึกลับพูดไม่ได้ เพราะผิดปกติตั้งแต่ยุค ที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา มีการกระทุ้ถามด่วนเมื่อวันที่ 13 ก.ย นายกฯมอบ รมว.ยุติธรรม ขณะนั้น ขอเลื่อนเพราะติดราชการ แต่ปรากฏว่า ก่อนจะตอบ ครม.มีมติ ครม.ว่า ห้ามไปตอบวุฒิสภา ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ วันนี้มีการตอบแบบเล่นลิ้นในสภา ทำให้คนสงสัยว่า ตกลงเรื่องนี้มีอะไรซับซ้อนถึงพูดไม่ได้ หรือพูดแล้วอาจเกิดกระแส หรือมีอะไรเกี่ยวข้องกับนายกฯในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อน ถึงขั้นต้องวางแผนไม่เข้าร่วมประชุม ครม.หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า เป็นการกล่าวหานายกฯ จะทำให้ประชาชนทางบ้านเข้าใจผิดหาว่านายกฯมีเจตนาไม่เข้าร่วม ครม.เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่มีการชี้แจงแล้วว่าเครื่องบินที่นายกฯใช้ไปตรวจเยี่ยม ไม่มีเรดาร์สำหรับกลางคืน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และ พ.ร.ฎ.อภัยโทษมันได้ประโยชน์ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวหรืออย่างไร ประชาชนอีกหลายคนก็ได้ประโยชน์ เมื่อมาถึงช่วงนี้ นายสมศักดิ์ ได้รีบปิดไมค์ทันที และตัดบทไม่ให้พูดต่อ

ต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงคำถามครั้งที่สองว่า ตนไม่ใช่คนเล่นลิ้น แต่ยึดหลักกฎหมายและตอบตรงไปตรงมา หากเรื่องนี้บรรลุเป้าหมายจะมีประชาชน 26,000 คน ที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้ ส่วนที่มีการไปเพิ่มเรื่องทุจริต ยาเสพติด รู้หรือไม่ คำว่าทุจริตคืออะไร คือการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ควรได้ด้วยชอบโดยกฎหมาย สำหรับตนเองหรือผู้อื่น กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ ซื้อที่ดินไม่ใช่เรื่องการทุจริต แต่ผิด กม.ป.ป.ช. มาตรา 100 และศาล 9 คน 5 คน บอกผิด อีก 4 คนบอกไม่ผิด เราต้องเชื่อคำพิพากษาของศาล และต่อมาศาลแพ่งรัชดาบอกสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะให้คืนเงินเรื่องก็จบ ฉะนั้น อย่ามาเข้าใจเอาเอง อย่านึกแองว่าตนเล่นลิ้นตนบอกว่าอยากเอา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน แต่ตนทำไม่ได้ เพราะสุภาษิตละติน บอกว่า มีรัฐที่ไหนต้องมีกฎหมายที่นั่น ไม่มีลับลมคมใน ข้อบังคับเรื่องจริยธรรมของ ส.ส.ข้อ 17 สมาชิกจะต้องรักษาความลับการประชุมในสภาที่กระทำเป็นการลับ ห้ามนำไปเปิดเผยแก่ผู้ใดเว้นแต่ปฏิบติตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ครม.ก็ต้องมีการรักษาความลับ ระเบียบจริยธรรมที่สำนักนายกฯออก ครม.ต้องมีการรักษาความลับ ตนไม่ได้คิดเองและเรื่องนี้ละเอียดอ่อนพูดไม่ได้ ตนไม่กลัวใครต้าน แต่เมื่อประกาศแล้วก็ต้องใช้ ทุกคนจะรู้หมดไม่มีอะไรต้องปกปิด

“พวกที่คิดว่าทำเพื่อคนๆ เดียว ช่วยเหลือนักโทษหนีคดี แค่คิดก็ผิดแล้ว ไม่อายบ้างหรือที่พูดแบบนี้ ประชาชนเลือกพวกผมมา 265 คน ผมหาเสียงแบบนี้ ไม่ปิดบังตรงไปตรงมา ก็ตัดสินไปแล้วด้วยประชาชนก็บอกไปแล้วว่าปีนี้เป็นปีมหามงคล 84 พรรษา และคณะกรรมการที่ร่างเรื่องนี้ก็มาจาก รมว.ยุติธรรม คนที่แล้ว คัดเลือกแต่งตั้งเอาไว้ ทำไมพวกผมจะไม่รักเกียรติยศ ฝ่ายค้านถามแบบเหน็บแนม ว่า รัฐบาลที่แล้วตามล่าทักษิณ รัฐบาลนี้ไม่ตามล่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกผม พ.ร.ฎ.นี้จะบรรลุเป้าหรือไม่ ไม่ใช่รัฐบาล และยังมี คกก.อีกชุดจะมากลั่นกรองว่าใครจะได้รับสิทธิ์ ตาม พ.ร.ฎ.นี้หรือไม่ ไม่ใช่ เฉลิม หรือ ยิ่งลักษณฺ นี่คือ ความรอบคอบของรัฐบาลชุดนี้ สมัยพวกท่านเป็นรัฐบาลคดี 91 ศพไม่คืบหน้า พอพวกเรามาสองเดือนกว่า คืบหน้าไปแล้ว ทหารบอกชัดเจนว่าปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาล”

ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงกรณีที่นายกฯไม่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ครม.ว่า เพราะไปราชการต่างจังหวัด พร้อมกับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เสร็จแล้วไปค้างที่สิงห์บุรี พอรุ่งเช้าเลขาธิการ ครม.มาแจ้งให้ตนทำหน้าที่ประธานประชุม เพราะเบอร์ 1 เบอร์ 2 ไม่อยู่ ก็ต้องมาเบอร์ 3 ส่วนที่เมื่อกลับมาทำไมไม่เข้าประชุม ก็เมื่อมอบหมายให้ตนแล้วจะมาทำไม ส่วนที่บอกทำไมลับ ก็เพราะระเบียบบอกว่าลับ ตนกลัวเพราะรัฐธรรมนูญ ระบุผู้ใดส่อจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัด รธน.หรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืน ตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเอาความลับมาเปิดเผย วุฒิสภามีอำนาจถอดออกจากตำแหน่งได้ ตนกลัวถูกถอดถอน เพราะกว่าจะเป็นรัฐบาลได้มันลำบากยากเข็ญ เพราะชะตาชีวิตตนเป็นรัฐมนตรีมา 7 ครั้ง แต่เป็นระยะสั้นๆ คราวนี้อยากอยู่ครบและบวกอีก 4 ปี จึงต้องระมัดระวังมาก

ด้าน นายสาทิตย์ กล่าวว่า คนรับจ๊อบมันต้องพลิ้วอย่างนี้จริงๆ เพราะไม่ยอมคอบตำถาม ที่ตนถามเรื่องง่ายๆ ว่า การถวายคำแนะนำเรื่องหลักเกณฑ์ มีการตัดบัญชีลักษณะความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.หรือไม่ และผู้ได้รับประโยชน์คือผู้ที่หนีคดีใช่หรือไม่ และมีผลประโยชน์อะไรทับซ้อนกับนายกฯ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความลับเลย ถ้าบอกว่าตัด หรือไม่ตัดก็จบ ถ้าตัดตามความผิดตามลักษณะของกฎหมาย ป.ป.ช.ถ้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับคนๆ เดียว ใครบ้างจะได้กี่คน ที่บอกว่าจะได้ 26,000 คน แสดงว่า มีหลักเกณฑ์แล้ว

ส่วนคำถามที่สาม เพราะมีหลายคนกังวลว่า ถ้ารัฐบาลถวายคำแนะนำโดยการตัดเรื่องกฏหมาย ป.ป.ช. แปลว่าต่อไปนี้ใครก็ตามที่รวยแล้วโกง โกงแล้วผิด ผิดแล้วถูกตัดสิน มีอำนาจออกกฎหมายมาลบล้างความผิดของตนเองได้ คุกก็จะมีไว้ขังคนจน เป็นการทำลายหลักนิติธรรม และหลักนิติรัฐอย่างชัดเจน

“ร.ต.อ.เฉลิม เป็นคนพูดเองว่าที่ทำไปเป็นปีมหามงคล ปกติรัฐบาลพึงถวายสิ่งดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แต่สิ่งที่กำลังทำก่อให้เกิดกระแสความขัดแย้งในสังคมอย่างกว้างขวาง เหมือนจุดไฟกลางน้ำท่วมที่เป็นมหาวิกฤต เอาวิกฤต ซ้อนวิกฤต ขอถามว่า สิ่งที่ท่านกำลังทำเป็นสิ่งดีๆ หรือไม่ และที่มีการสงสัยว่าไปตัดเรื่องการทุจริตออก ให้คนทุจริตได้รับอภัยโทษ ช่วยคนหนีคดีไม่สำนักผิดให้ได้รับประโยชน์ด้วย รัฐบาลบังควรที่กระทำเรื่องเช่นนี้หรือไม่”

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวชี้แจงว่า คำถามเรื่องรับจ๊อบ ยืนยันว่า ไม่ได้รับจ๊อบและไม่พลิ้ว แต่ตนทำตามกฎหมาย และมีการถามย้ำซ้ำซาก นักกฎหมายดูถ่ายทอดสดเขาร้องไห้ว่าไม่เข้าใจขนาดนี้หรือ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่เรื่องทุจริต พูดหลายครั้งไม่เข้าใจ รายละเอียดใน พ.ร.ฎ.ยืนยันว่า ยังเปิดเผยไม่ได้ ถ้ากฤษฎีกาไม่เอาด้วยจะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าจะออกมาตามร่างหรือไม่ จะมีปัญหากับประชาชนอย่างไร ใจเย็นๆ สักนิด คำว่า ขี้โกง คำว่ารวยแล้วโกง หนีคดี พูดอย่างนี้มากี่ปีแล้ว แพ้ซ้ำซาก แพ้ไม่เข็ด ยังเดินอย่างนี้ต่อไป ตนบอกได้เลยรอบหน้าชนะ150 ประชาชนเขารู้รัฐบาลทำอะไร ต้องระวัง ต้องคำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม มีที่ไหนอยากให้ฆ่ากัน โดยเฉพาะตนขี้กลัว จำได้หรือไม่ตอนที่ตนไปกระบี่ มีประชาชนจะมารุมทุบตีกระทืบตน แต่ตนก็บอกว่าไม่สู้ แล้วตนจะให้เรื่องนี้มีความขัดแย้งได้อย่างไร แต่ที่ตนตอบไม่ได้ เพราะมันยังไม่สำเร็จ ยังหาจุดไม่ได้ ตอบไปก็ซ้ำซาก แต่ยืนยันว่า รัฐบาลทำโปร่งใส ไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะผู้หนึ่งผู้ใด และอยู่ใต้กรอบของกฏหมาย การเมืองมันเท่ากัน นักการเมืองไม่มีใครกลัวใคร ถามมาตอบไป ด่ามาด่ากลับ

ต่อมา นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์พาดพิง ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ถูกคนกระบี่จะรุมทุบตี ว่า ไม่ใช่ความจริง เพียงแต่มีกลุ่มพันธมิตรฯได้รับการส่งสัญญาณว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะมาภาคใต้ ขอให้ต้อนรับหน่อย พวกเขาก็มาหา แต่ไม่ได้ทุบตี และ ร.ต.อ.เฉลิม ติดอยู่ในโรงแรมลงมาไม่ได้ เสียฟอร์มรัฐมนตรีจนต้องใช้ช่องสุนัขออกออกจากโรงแรมหนีไป

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับว่า ตนไปกระบี่เมื่อมีคนมาประท้วงจะให้เข้าใจคนจังหวัดไหน และต้องใช้ช่องทางสุนัขรอดหลบออกมา จะให้หนีเปิดเผยหรืออย่างไร เพราะไม่สบายใจที่ต้องทะเลาะกับประชาชน