การเรียกคืนยอดเงินและการสอบถามหน้านี้พิมพ์ขึ้นเมื่อ Nov 21, 2022 หากต้องการเวอร์ชันปัจจุบัน โปรดไปที่ https://help.shopify.com/th/manual/payments/chargebacks Show
หากคุณรับบัตรเครดิตในร้านค้าของคุณ คุณก็มีแนวโน้มจะต้องจัดการกับการคืนยอดเงินและการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อผู้ถือบัตรประสบปัญหากับการเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิต พวกเขาสามารถติดต่อธนาคารเพื่อโต้แย้งกาเรียกเก็บเงินได้ จากนั้นธนาคารจะทำการเรียกคืนยอดเงินหรือสอบถาม ผู้ถือบัตรอาจเป็นหนึ่งในลูกค้าของคุณหรือผู้ที่เชื่อว่าบัตรของพวกเขาถูกใช้ในร้านค้าของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต หากธนาคารของผู้ถือบัตรทำการเรียกคืนยอดเงิน ธนาคารจะยึดยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืนจากคุณทันที ธนาคารของผู้ถือบัตรยังเก็บค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงินจากคุณอีกด้วย หากธนาคารของผู้ถือบัตรทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง พวกเขาจะไม่ยึดยอดเงินที่มีการโต้แย้งหรือเก็บค่าธรรมเนียมทันที คุณสามารถยุติกรณีการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้หลายวิธี บริษัทที่ออกบัตรเครดิตให้ผู้ถือบัตรมักจะตรวจสอบหลักฐานต่างๆ แล้วจึงยุติกรณีการเรียกคืนยอดเงินโดยอาจให้คุณชนะหรือฝ่ายผู้ถือบัตรชนะ หากคุณชนะข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงิน คุณจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืน และ Shopify จะคืนค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงิน หากผู้ถือบัตรชนะข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงิน ผู้ถือบัตรจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืน หากคุณใช้งาน Shopify Payments และคุณจะได้รับการเรียกคืนยอดเงิน จำนวนเงินจะถูกหักออกจากการรับชำระเงินที่มีให้บริการถัดไปของคุณ หากคุณใช้งาน Shopify Payments และยอดเงินที่ร้านค้าจะได้รับมีจำนวนเงินไม่เพียงพอสำหรับใช้ในการคืนสินค้า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งของคุณ
กระบวนการเรียกคืนยอดเงินกระบวนการทั่วไปสำหรับการเรียกคืนยอดเงินมีดังต่อไปนี้:
หากคุณคัดค้านการเรียกคืนยอดเงินสำเร็จ ธนาคารของผู้ถือบัตรจะคืนยอดเงินที่มีการโต้แย้งให้คุณ และ Shopify จะคืนค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงิน หากคุณชนะข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงินเพียงบางส่วน ธนาคารของผู้ถือบัตรจะคืนยอดเงินที่มีการโต้แย้งเพียงบางส่วนให้คุณ และ Shopify จะยังคืนค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงิน หากผู้ถือบัตรเรียกคืนยอดเงินสำเร็จ คุณจะไม่ได้รับทั้งยอดเงินที่มีการโต้แย้งและค่าธรรมเนียมคืน ค่าธรรมเนียมการคืนยอดเงินเมื่อธนาคารเรียกยอดเงินคืนจากคุณ ธนาคารจะเก็บค่าธรรมเนียมการดำเนินการจากคุณด้วย หากคุณเป็นฝ่ายชนะในข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงิน Shopify จะคืนค่าธรรมเนียมส่วนนี้ให้คุณ รายการต่อไปนี้เป็นรายละเอียดค่าธรรมเนียมการดำเนินการในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค
กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี่นับเป็นกระบวนการโดยทั่วไปสำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริง:
หากกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจบลงโดยคุณเป็นฝ่ายชนะ คุณจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืน หากผู้ถือบัตรเป็นฝ่ายชนะ บริษัทบัตรเครดิตจะยึดยอดเงินที่มีการโต้แย้งและเก็บค่าธรรมเนียมจากคุณ แก้ปัญหาการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงคุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อมูลได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ ติดต่อลูกค้ารายดังกล่าวคุณสามารถพูดคุยกับลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อทางโทรศัพท์หรืออีเมลเพื่อตรวจสอบว่าคุณสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ หากลูกค้าเห็นพ้องว่าไม่จำเป็นต้องเรียกคืนเงิน ลูกค้าจะต้องติดต่อธนาคารและขอให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไป คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินมาด้วย แสดงหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากธนาคารของผู้ถือบัตรทำการเรียกคืนยอดเงินหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง คุณจะมีเวลาจำกัดในการส่งหลักฐานว่าการเรียกเก็บเงินนั้นถูกต้อง ช่วงเวลาที่คุณต้องส่งหลักฐานขึ้นอยู่กับบริษัทบัตรเครดิตและสาเหตุของการเรียกคืนยอดเงิน ตรวจสอบกับบริษัทบัตรเครดิตเพื่อดูระยะเวลาที่จำกัดสำหรับกรณีการเรียกคืนยอดเงิน ประเภทของหลักฐานที่คุณควรส่งขึ้นอยู่กับเหตุผลที่ผู้ถือบัตรขอการเรียกคืนยอดเงินหรือการสอบถามเก็บหลักฐานของคุณที่เกี่ยวข้องและตรงประเด็น และลองพิจารณาการใช้ข้อมูลประกอบต่อไปนี้:
หากคุณจะเพิ่มเอกสารหรือรูปภาพใดๆ คุณควรจัดรูปแบบเอกสารหรือรูปภาพดังกล่าวให้สามารถดูได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องขยายภาพหรือครอบตัด เราขอแนะนำให้เลือกรูปภาพที่มีความคมชัดสูงและสามารถพิมพ์ออกมาเป็นสีขาวดำได้อย่างกระจ่างชัด เนื่องจากธนาคารหลายแห่งเปิดรับหลักฐานการเรียกคืนยอดเงินผ่านเครื่องแฟกซ์ อย่างไรก็ดี เราไม่แนะนำให้ส่งลิงก์เป็นหลักฐาน หากคุณใช้ Shopify Payments เครื่องมือของ Shopify จะเติมข้อมูลที่มีอยู่ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะใช้เพื่อส่งการตอบกลับไปยังบริษัทบัตรเครดิตให้คุณโดยอัตโนมัติในวันที่ครบกําหนด ทั้งนี้ คุณสามารถเพิ่มหลักฐานเพิ่มเติมไปยังการตอบกลับได้ก่อนวันครบกําหนด ซึ่งวันที่ครบกําหนดคือ 7 ถึง 21 วันหลังจากที่มีการยื่นเรื่องการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากคุณปิดหรือหยุดร้านค้าของคุณชั่วคราว และคุณได้รับอีเมลเกี่ยวกับการเรียกคืนยอดเงิน คุณจะต้องเข้าไปที่ลิงก์ในอีเมลเพื่อเข้าสู่ระบบและชำระเงินซื้อแผนใหม่เพื่อเปิดร้านค้าอีกครั้ง หลังจากที่คุณเปิดร้านค้าอีกครั้งแล้ว คุณสามารถส่งหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อการปฏิเสธการเรียกคืนยอดเงินได้ หากคุณไม่เปิดร้านค้าของคุณอีกครั้ง ระบบจะส่งเฉพาะข้อมูลการธุรกรรมเบื้องต้นพร้อมกับการเรียกคืนยอดเงิน หากคุณใช้ผู้ให้บริการการชำระเงินจากภายนอก คุณควรติดต่อผู้ให้บริการของคุณเพื่อหาวิธีส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตนั้นๆ ยอมรับการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงยอมรับการเรียกคืนยอดเงินหากคุณคิดว่าการเรียกคืนยอดเงินถูกต้อง คุณสามารถยอมรับการเรียกคืนยอดเงินโดยไม่ส่งหลักฐานใดๆ ลูกค้าจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืนและคุณจะไม่ได้รับค่าธรรมเนียมการเรียกคืนยอดเงินคืน ดำเนินการคืนเงินเพื่อยุติการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากคิดว่าเหตุผลเบื้องหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างถูกต้องยุติธรรม คุณสามารถดำเนินการคืนเงินเต็มจำนวนสำหรับคำสั่งซื้อเพื่อยุติการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ทันที หากคุณจะคืนเงินเพียงบางส่วน การเรียกคืนยอดเงินเต็มจำนวนจะยังคงเกิดขึ้นได้ หากคุณออกเงินเต็มจำนวน ผู้ถือบัตรจะไม่สามารถเริ่มการเรียกคืนยอดเงินได้ เหตุผลในการเรียกคืนยอดเงินและการตรวจสอบข้อเท็จจริงประเภทหลักฐานที่คุณควรส่งไปยังบริษัทบัตรเครดิตเพื่อแก้ไขปัญหาการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นอยู่กับเหตุผลที่ลูกค้าแจ้งเพื่อปฏิเสธการชำระเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริง ลูกค้าอาจโต้แย้งการเรียกเก็บเงินด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:
การหลอกลวงการเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็น ในการรับมือกับการเรียกเก็บเงินที่หลอกลวง คุณสามารถลองติดต่อลูกค้าที่วางคำสั่งซื้อได้ ลูกค้าอาจลืมว่ามีการซื้อหรือการซื้อดังกล่าวอาจดำเนินการโดยลูกหลาน เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว ลูกค้าเห็นพ้องว่าการเรียกเก็บเงินถูกต้อง คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารและแจ้งให้ธนาคารทราบว่าลูกค้าต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน นอกจากนี้ คุณก็ควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตดังกล่าว รวมถึงใบแจ้งที่ลูกค้าระบุว่าตนต้องการให้ยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน หากคุณคิดว่าลูกค้าเข้าใจผิดหรือแจ้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คุณควรส่งหลักฐานต่อไปนี้ไปยังบริษัทบัตรเครดิต:
หากคุณต้องการตรวจสอบคำสั่งซื้อทั้งหมดก่อนดำเนินการให้คุณสามารถ จัดเก็บการชำระเงินด้วยตนเองได้ การจัดเก็บการชำระเงินของคำสั่งซื้อด้วยตนเองช่วยให้คุณสามารถดูการ วิเคราะห์การหลอกลวง แบบเต็มรูปแบบสำหรับคำสั่งซื้อก่อนที่คุณจะตัดสินใจจัดการคำสั่งซื้อและยอมรับการชำระเงิน การตรวจสอบคำสั่งซื้อที่มีความเสี่ยงสูงช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยง การเรียกคืนยอดเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ การจัดการคำสั่งซื้อที่มีความเสี่ยงสูงอาจส่งผลให้เกิดการปฏิเสธชำระเงินจำนวนเป็นจำนวนมาก หากคุณได้รับการเรียกคืนยอดเงินเป็นจำนวนมากแล้วการประมวลผลการชำระเงินจะถูกปิดการใช้งานและคุณอาจถูกลบออกจาก Shopify Payments บริษัทบัตรเครดิตสามารถคืนเงินที่ถูกหักไปแล้วสำหรับบัตรที่ถูกขโมยหลังจากที่จัดการคำสั่งซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว Shopify จะช่วยคุณรวบรวมหลักฐานสำหรับค่าบริการใดก็ตามที่ถูกโต้แย้ง อย่างไรก็ตาม ธนาคารที่ออกบัตรเครดิตจะเป็นผู้ตัดสินใจในการคืนเงิน ไม่ใช่ Shopify แต่อย่างใด ทั้งนี้ Shopify จะไม่ครอบคลุมบริการคืนเงินที่ถูกหักไปแล้วจากธนาคาร ไม่รู้จักการเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็น ในการรับมือกับการเรียกเก็บเงินที่ไม่รู้จัก ให้คุณลองติดต่อลูกค้ารายดังกล่าว บางครั้งลูกค้าอาจลืมว่ามีการซื้อหรือการซื้อดังกล่าวอาจดำเนินการโดยลูกหลาน เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว ลูกค้าเห็นพ้องว่าการเรียกเก็บเงินถูกต้อง คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารและแจ้งให้ธนาคารทราบว่าลูกค้าต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน นอกจากนี้ คุณก็ควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตดังกล่าว รวมถึงใบแจ้งที่ลูกค้าระบุว่าตนต้องการให้ยกเลิกการเรียกเก็บเงิน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
ทำซ้ำการเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็น หากคุณไม่ได้เรียกเก็บเงินกับลูกค้าซ้ำสองครั้ง ให้คุณลองติดต่อลูกค้าเหล่านั้น และแสดงรายละเอียดให้ลูกค้าทราบว่าการเรียกเก็บเงินเหล่านั้นเป็นการเรียกเก็บเงินสำหรับสินค้าหรือบริการที่ต่างกัน ลูกค้าเห็นพ้องว่าการเรียกเก็บเงินถูกต้อง คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารและแจ้งให้ธนาคารทราบว่าลูกค้าต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน หากลูกค้าไม่ยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากคุณได้พูดคุยกับพวกเขา คุณจำเป็นต้องส่งหลักฐานว่าการเรียกเก็บเงินทั้งสองครั้งเป็นยอดเงินของสินค้าหรือบริการที่แยกกัน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
หากคุณเรียกเก็บเงินจากลูกค้าสองครั้งสำหรับสินค้าหรือบริการเดียวกันจริง คุณจำเป็นต้องยอมรับการเรียกคืนยอดเงิน การสมัครสมาชิกถูกยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็น ในการแก้ไขการเรียกคืนยอดเงิน คุณควรติดต่อลูกค้าของคุณ เพราะเป็นหนทางหนึ่งที่คุณจะสามารถอธิบายว่าพวกเขาเข้าใจผิดอย่างไร หรือเจรจาตกลงร่วมกันได้ หากคุณได้ข้อสรุปการเจรจาแล้ว คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาและแจ้งว่าพวกเขาต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน คุณควรส่งหลักฐานในการพูดคุยนี้ไปยังบริษัทบัตรเครดิต หากคุณคิดว่าลูกค้าไม่ได้ยกเลิกการสมัครสมาชิกก่อนการเรียกเก็บเงิน คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายกเลิกการสมัครสมาชิกหลังจากมีการเรียกเก็บเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิต คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
หากคุณเรียกเก็บเงินจากลูกค้าหลังจากพวกเขายกเลิกการสมัครใช้งาน คุณจำเป็นต้องยอมรับการเรียกคืนยอดเงิน ไม่ได้รับสินค้าการเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็น คุณควรลองติดต่อลูกค้าก่อนเพื่อตรวจสอบว่าปัญหาคืออะไร หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินดังกล่าว คุณควรแนบหลักฐานว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไว้กับการตอบกลับที่คุณส่งไปยังบริษัทบัตรเครดิต หากคุณไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวกับลูกค้าได้ คุณควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตเพื่อแสดงว่าลูกค้าได้รับสินค้าหรือบริการก่อนมีการดำเนินการเรียกคืนยอดเงิน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
สภาพสินค้าไม่น่าพึงพอใจการเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็น เริ่มต้นโดยติดต่อลูกค้าของคุณ หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินดังกล่าว คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิต หากลูกค้าไม่ได้พยายามส่งคืนสินค้าหรือยกเลิกบริการก่อนดำเนินการเรียกคืนยอดเงิน หรือคุณให้สินค้าหรือบริการทดแทนแก่ลูกค้าไปแล้ว โปรดส่งหลักฐานการดำเนินการมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าคุณได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้กับลูกค้าไปแล้วหรือยังไม่ได้ดำเนินการก็ตาม คุณควรส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปยังบริษัทบัตรเครดิต คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
เครดิตไม่ได้รับการประมวลผลการเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็น เริ่มต้นโดยติดต่อลูกค้าของคุณ คุณไม่สามารถคืนเงินได้หลังจากดำเนินการเรียกคืนยอดเงินไปแล้ว แต่คุณสามารถอธิบายสถานการณ์หรือหาวิธีอื่นในการแก้ไขปัญหานี้ได้ หากลูกค้าร้องขอกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริง คุณจึงสามารถดำเนินการคืนเงินได้ หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินหรือกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิต หากคุณไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ และคิดว่าการเรียกคืนยอดเงินนั้นไม่ถูกต้อง คุณควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตว่าคุณได้คืนเงินลูกค้าก่อนมีการดำเนินการเรียกคืนยอดเงินหรือกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว หรือลูกค้ารายนั้นไม่มีสิทธิ์ในการขอคืนเงิน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
ทั่วไประบบจะทำเครื่องหมายการคืนยอดเงินเป็น วิธีแก้ไขปัญหาการคืนยอดเงินทั่วไป คุณควรเริ่มโดยพยายามติดต่อลูกค้า เพื่อตรวจสอบว่าสิ่งใดเป็นปัญหา หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินดังกล่าว และคุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิตด้วยเช่นกัน หากลูกค้าไม่ต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน คุณควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตว่าการเรียกเก็บเงินนั้นถูกต้อง คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
|