รอนโดฟอร์ม (Rondo Form) รูปแบบของเพลงแบบนี้จะมีแนวทำนองหลัก (A) และแนวทำนองอื่นอีกหลายส่วน ส่วนสำคัญคือแนวทำนองหลักทำนองแรกจะวนมาขั้นอยู่ระหว่างแนวทำนองแต่ละส่วนที่ต่างกันออกไป เช่น ABABA ABACA ABACADA ����� ��յ�ѡɳ� �����ٻẺ� ���ѡɳ���Ф�������ѹ��Ѻ �ٻ��ҧ, �ç���ҧ,���͡�èѴͧ��� �͡�ҡ����ٻẺ�ѧ���º��Ѻ��ҧ��¢ͧ��������ҷ���դ��������������ҧ��� ���͡�èѴ�����������㹡���Ҵ�Ҿ 㹴�������¶֧�ç���ҧ�����ẺἹ㹡�û�оѹ���ŧ���ѡɳФ���¡Ѻ��û�оѹ����������¡�ͧ���͡���˹觢ͧ�ӷ���ͧ�����������Ҩ�դ�� ���� �� ��˹�� � �·���仾�����ա�á�˹��ٻẺ��С�����Ѵ��ǹ��ҧ � ���ҧ�Ѵਹ �ա�èѴ�ѧ��� ˹ѡ � ��, ����¤�ŧ (Phrase),����¤ (Period),�ش�ѡ���§ (Cadence) ��С�è� (ending) �������ҹ��������ҧ��觷���ͧ���������ҧ��������֡�����������������ѧ 1) ����¤�ŧ (Phrase) 㹷ҧ����ն����˹��·����鹷���ش�ͧ�ŧ����դ�������ó�㹵�� 2) ����¤�˭� (Period) ����¤����Сͺ���� 2 ����¤��ѡɳл���¤�Ӷ��-����¤�ӵͺ �Ode to Joy� from Symphony No.9 (Ludwig van Beethoven) 3) ��þѡ���§���ͨش�ѡ���§(Cadence) 㹡����ҹ ���� �ٴ ������ͧ�շ��ѡ���§�����¡����¤��� � �͡���Ѵਹ����Ѻ㹷ҧ����ա������ǡѹ ���¡��� ���þѡ���§ ���ͨش�ѡ���§� (Cadence) - �ٻẺ (Musical Forms) ���͡�� 5 �������˭� � �ѧ��� 1) �ٻẺ��ÿԤ (Strophic Form) ���ѡɳТͧ�ŧ��ͧ������Ƿӹͧ���ǵ�ʹ���ա������¹������ͧ �ٻẺ�� AAA ����������ͧ�ӹͧ����������ͧ������� � �ٻẺ�� ABCDE 2) �ٻẺ亹��� (Binary Form) ���ѡɳТͧ�ŧ����� 2 �� (two part form) �ٻẺ�繡�ö����еͺ �������Ҩ����������ǡ��� �� A:B, AABB, ABAB 3) �ٻẺ������ (Ternary Form) ���ѡɳТͧ�ŧ����� 3 �� (tree part form) ���ͷӹͧ��ѡ 3 �ѡɳ�������ǹ��ҧ����ǹ���ᵡ��ҧ仨ҡ��ǹ�������ǹ���� �� ABA, AABA �ٻẺ�������Ҩ���¡�� ��ٻẺ�ŧ� (Song form) �����ŧ�·��� � ��ѡ���ç���ҧẺ��� 4) �ٻẺ�����������ͪ�� (Theme and Variations) ���ٻẺ����Сͺ������ǹ�Ӥѭ 2 ��ǹ ��� ��� (Theme) ���ͷӹͧ��ѡ ��� �����ͪ�� (Variations) ������ǹ����ա������¹�ŧ�ҡ�ӹͧ��ѡ �� A A1A2A3 5) �ٻẺ�� (Rondo form) ���ѡɳТͧ����鹷���Ƿӹͧ��ѡ�������ѡɳТͧ�ŧ����պ��͡����� ����Ǥ�� �Ƿӹͧ��ѡ�ӹͧ�á��ǹ��Ѻ�����������ҧ������ǹ����ҧ�ѹ �ٻẺ�� ABACADA ใบหน้าของเหล่าแกนนำพันธมิตรแห่งหนี่วาบิดกระตุกเล็กน้อย ภายในใจอดมิได้บังเกิดความรู้สึกขัดแย้งอย่างใหญ่หลวง ถึงแม้คำตอบแรกที่ผุดขึ้นจะเป็นการปฏิเสธ ทว่าเมื่อครู่พวกมันทั้งสองฝ่ายมิใช่เพิ่งจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อปกป้องไตรภูมิร่วมกันหรอกหรือ? ผู้สะสมพฤกษาตินิรันดร์กระทั่งยังเป็นบุคคลแรกที่สละชีวิตระเบิดร่างเพื่อสร้างความเสียหายแก่ผู้เฒ่าหยวน… ไม่ว่าเจ้าแห่งเต๋าสุภูติหรือแกนนำสูงสุดที่ล่วงลับอย่างพระตถาคตาหรือนักพรตตรีวิสุทธิ์ล้วนเคยคบหาสนิทสนมกับผู้สะสมพฤกษชาตินิรันดร์เป็นการส่วนตัว หากหลังจากการสละชีวิตของมันพันธมิตรแห่งหนี่วาก็เอ่ยปากขับไล่ทวารไร้ช่องจากไตรภูมิ เช่นนั้นใช่ออกจะเกินเลยไปหรือไม่? อย่างไรก็ตามถึงแม้พวกมันจะมีความเข้าใจในตัวเจ้าสรรพอสูรว่ามิใช่ชนชั้นกระหายอำนาจหรือชมชอบการฆ่าฟัน ทว่าในอนาคตต่อจากนี้เล่า? หากทวารไร้ช่องให้กำเนิดยอดอัจฉริยะรุ่นใหม่ขึ้นมา ผู้ใดสามารถรับประกันว่ามหาสงครามจะไม่เกิดขึ้นอีก? พวกมันสามารถวางใจปล่อยให้ชนวนแห่งหายนะเช่นทวารไร้ช่องอยู่ร่วมในไตรภูมิต่อไปจริงหรือ? “อุดรทมิฬ ท่านเห็นว่าอย่างไร?” คำถามของพระเมตไตรยชักนำให้สายตาของทั้งหมดเลื่อนไปยังใบหน้าของจี้หนิง จี้หนิงในปัจจุบันคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของไตรภูมิอย่างไร้ข้อกังขา ความคิดเห็นของเขามีน้ำหนักไม่น้อยกว่าหนี่วาเมื่อครั้งบรรพกาล “อนุญาตให้พวกมันอยู่ร่วมในไตรภูมิต่อไปเถอะ” จี้หนิงผงกศีรษะกล่าวเสียงราบเรียบ “ว่ากระไร?” เหล่าแกนนำของพันธมิตรแห่งหนี่วาพากันส่งเสียงอุทาน ส่วนใบหน้าของแกนนำทวารไร้ช่องล้วนระบายไปด้วยความปิติยินดี เจ้าสรรพอสูรอาจพบเผชิญความยุ่งยากระหว่างที่ท่องไปในห้วงแห่งความปั่นป่วนแต่จะมากจะน้อยยังสมควรเอาชีวิตรอดต่อไปได้ ทว่าบุคคลอื่นเล่า? ทายาทรุ่นหลังของพวกมันเล่า? หากลูกหลานของชาวโลกเอกภพไร้ช่องสามารถใช้ชีวิตในไตรภูมิสืบไปย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด “แต่ก่อนหน้านั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องให้สัตย์สาบานชั่วชีวิตก่อน” จี้หนิงโบกมือส่งศิลาคำสาบานออกมาขณะที่กล่าวสืบต่อ “สัตย์สาบานชั่วชีวิต?” “สิ่งนั้นคือศิลาคำสาบาน?” เจ้าสรรพอสูรตลอดจนแกนนำทั้งสองฝ่ายต่างส่งเสียงอุทานออกมา “ถูกแล้ว” จี้หนิงพยักหน้ากล่าวยืนยัน “ประเสริฐ นับแต่นี้ปัญหาที่ค้างคาในใจของพวกเรามานานปีจะถูกกำจัดไป” เจ้าสรรพอสูรเปล่งเสียงหัวเราะด้วยความยินดีออกมาเป็นครั้งแรก สัตย์สาบานชั่วชีวิตคือกลไกสำคัญที่ใช้สร้างความสงบปรองดองในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วห้วงแห่งความปั่นป่วน น้ำใจไมตรีหรือความจงรักภักดีสามารถจางหายไปในห้วงเวลาอันยาวนานของชีวิตอมตะ มีเพียงคำสาบานเท่านั้นที่จะคงผูกมัดพวกมันตลอดไป แกนนำทุกระดับของพันธมิตรแห่งหนี่วาและทวารไร้ช่องผลัดกันกระทำสัตย์สาบานชั่วชีวิตที่หน้าคราบสังขารของผู้เฒ่าหยวนนั้นเอง… ……… “จี้หนิง” เจ้าแห่งเต๋าสุภูติส่งเสียงเรียกหลังการกระทำสัตย์สาบานชั่วชีวิตของทั้งสองฝ่ายจบลง บรรยากาศที่ปกคลุมทั้งหมดในตอนนี้ผ่อนคลายเบาบางลงกว่าเดิมมากนัก “ข้าคิดว่าพวกเราสมควรจัดการเรื่องหลังให้กับพวกมัน” เจ้าแห่งเต๋าสุภูติชี้นิ้วไปยังซากสังขารจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล่องลอยเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วสนามรบ “ถูกแล้ว” จี้หนิงพยักหน้าเห็นพ้อง “เทพอัคนี ใช้พลังของท่านส่งพวกมันสู่สุคติเถอะ อย่าให้ผู้ใดสามารถล่วงเกินคราบสังขารเหล่านี้ได้อีก… อสูรวายุ ท่านเห็นด้วยหรือไม่?” เจ้าแห่งเต๋าสุภูติหันไปกล่าวกับเจ้าแห่งเต๋าเทพอัคนีและเจ้าสรรพอสูร “ตกลง” เจ้าสรรพอสูรผงกศีรษะรับ การฌาปนกิจถือเป็นพิธีศพที่ใช้อย่างแพร่หลายในกรณีที่สุดยอดฝีมือหรือเทพอสูรเสียชีวิตลง ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดใช้อวิชชาปลุกซากของพวกมันขึ้นมาหรือลักลอบนำไปหลอมสร้างเป็นสมบัติวิเศษเฉกเช่นเกาทัณฑ์เทพราหูที่หลอมขึ้นจากร่างของผู้บุกรุกนอกไตรภูมิ เปลวอัคคีอันร้อนแรงพลันพวยพุ่งออกจากปลายนิ้วของเจ้าแห่งเต๋าเทพอัคนี นี่คือ ‘อัคคีศักดิ์สิทธิ์’ ที่มันเพาะสร้างขึ้น แม้ยังอ่อนด้อยกว่าอัคคีนิรันดร์ปฐมกาล อัคคีสุริยันทองคำ หรืออัคคีแห่งจู้หรงซึ่งเป็น ‘อัคคีบรรพกาล’ อยู่บ้าง แต่ยังเพียงพอที่จะเผาผลาญคราบสังขารที่แข็งแกร่งน้อยกว่าสมบัติวิเศษอันดับกำเนิดจักรวาลขั้นสูงสุดได้อย่างไม่มีปัญหา อัคคีศักดิ์สิทธิ์สีขาวบริสุทธิ์ลุกไหม้ครอบคลุมไปทั่วทั้งสนามรบ ทำหน้าที่ชำระล้างและไว้อาลัยแด่นักรบผู้กล้าทั้งหมดท่ามกลางสายตาสงบสำรวมที่แฝงด้วยความเศร้าสร้อยของเหล่าผู้รอดชีวิต “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสูญสลายเป็นวัฏจักรที่มิอาจเปลี่ยนแปลง วันนี้พวกมันแม้จากไปแต่เรื่องราวทั้งหลายจะคงอยู่ในความทรงจำของไตรภูมิไม่มีวันลบเลือน” เจ้าแห่งเต๋าสุภูติกล่าวเสียงแผ่วเบา “สุ่ยเหริน เสินหนง ฝูซี สามจอมจักรพรรดิแห่งมวลมนุษยชาติ…” เจ้าสรรพอสูรส่งเสียงขานรับ “ตถาคตา… ตรีวิสุทธิ… พฤกษชาตินิรันดร์… จูหมิง… ก้งกง… หัตถ์อสูร… นามของพวกมันจะถูกกล่าวขานในตำนานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ สัตว์อสูร และเทพอสูร… ทั้งในหมู่ผู้ฝึกตนวิถีพุทธและเต๋า… ในฐานะวีรชนผู้กล้าของพันธมิตรแห่งหนี่วาและทวารไร้ช่องไปตลอดกาล…” จี้หนิงหลับตาลงรับฟังคำสดุดีผู้เสียชีวิตที่ดังกังวานไปทั่วห้วงแห่งความว่างเปล่า บุคคลเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับใดล้วนคู่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ พวกมันคือผู้ชักนำไตรภูมิผ่านห้วงวิกฤตเข้าสู่ความรุ่งเรืองสถาพรในยุคถัดไป ไม่สำคัญว่าที่สุดแล้วมนุษยชาติจะรักษาความเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ในไตรภูมิต่อไปอีกนานเพียงไหน หรือต่อให้ในวัฏจักรเอกภพข้างหน้าไตรภูมิจะถึงกาลล่มสลายและก่อเกิดโลกเอกภพใบใหม่ขึ้นทดแทนอีกกี่ครั้ง ตราบใดที่ทายาทแห่งไตรภูมิยังสืบสาย วีรกรรมของผู้กล้าทั้งหลายก็จะยังเป็นที่เล่าขานไม่มีวันลบเลือน… “ถูกแล้ว พวกมันจะคงอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป” จี้หนิงสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกที่พลุ่งขึ้นจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ… สหายเหล่านี้เมื่อครู่ยังร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่กับตน “ข้าขอสาบาน… แม้ต้องรอคอยไปอีกนับร้อยนับพันวัฏจักรเอกภพหรือต่อให้ต้องใช้เวลายาวนานยิ่งกว่านั้น สักวันหนึ่งข้าจะครอบครองพลังขั้นสูงสุดในฐานะผู้ฝึกตนและหวนกลับมาชุบชีวิตของสหายเหล่านี้ ข้าจะให้พวกเราทั้งหมดได้ร่วมดื่มฉลองอย่างพร้อมหน้ากันอีกครั้ง!” จี้หนิงลอบสัตย์สาบานกับตนเอง ถึงตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องออกค้นหาตำหนักฟ้าครามเขาก็ยังจะเดินทางเข้าสู่ห้วงแห่งความปั่นป่วนเพื่อฝึกฝนและพัฒนาตนเอง เป้าหมายสูงสุดที่เขามุ่งไขว่คว้าคือการชุบชีวิตของผู้ที่แก่นแท้แห่งวิญญาณถูกทำลายให้กลับคืนมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะยากเย็นหรือยาวนานสักเพียงไหนก็ขอมุ่งไปโดยไม่คิดเสียใจภายหลัง! ……… ด้วยสภาพของไตรภูมิในปัจจุบันที่โครงสร้างหลักถูกทำลายและสูญเสียยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมาก ภาระเร่งด่วนของจี้หนิงและเหล่าแกนนำจึงเป็นการฟื้นฟูพวกมันกลับมา พวกเขาเริ่มต้นด้วยการจัดตั้งตำหนักสวรรค์และยมโลกของไตรภูมิทั้งหมดขึ้นมาใหม่โดยมีจี้หนิงและเจ้าแห่งเต๋าสุภูติรับบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมสังสารวัฏหกวิถีให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เจ้าแห่งเต๋าสุภูติอาศัยความรู้แจ้งในเต๋าแห่งมิติและเวลาเข้าซ่อมเสริมกลไกสำคัญซึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนสังสารวัฏหกวิถี ขณะที่จี้หนิงคอยส่งพลังเข้าสนับสนุนในฐานะผู้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งและบริสุทธิ์ที่สุดในไตรภูมิ “นับจากบัดนี้เป็นต้นไปผู้ฝึกตนในวิถีแห่งความเป็นอมตะจะต้องมีขั้นตอนอันเข้มงวดในการรับศิษย์หรือถ่ายทอดเคล็ดวิชา!” “วิถีแห่งเต๋ามิอาจถ่ายทอดออกไปโดยง่าย!” ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของความสูญเสียจากมหาสงครามคือภาระที่ไตรภูมิต้องแบกรับได้ลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดวิกฤตการณ์ขึ้นมาอีกครั้ง การรับศิษย์หรือถ่ายทอดวิถีแห่งเต๋าของเหล่าผู้ฝึกตนจึงถูกจำกัดควบคุมอย่างเข้มงวด คำสั่งที่ถูกถ่ายทอดจากแกนนำสูงสุดของไตรภูมิยุคใหม่ส่งผลให้ค่ายสำนักขนาดใหญ่ทั้งหมดถอนตัวออกจากทางโลก บ้างจัดตั้งที่พำนักแห่งใหม่บนยอดเขาอันสูงชัน บ้างอพยพโยกย้ายเข้าสู่ดินแดนอันเร้นลับ ส่งผลให้การเดินทางเข้าสู่วิถีแห่งความเป็นอมตะยากเย็นกว่าที่ผ่านมานับร้อยเท่า สามร้อยปีนับจากมหาสงครามครั้งที่สองสิ้นสุด “ไตรภูมิเปลี่ยนไปแล้ว…” ชายชราในชุดพรตกล่าววาจากับเด็กหนุ่มชุดขาวขณะทอดตาจ้องมองผืนดินอันไพศาลจากเหนือหมู่เมฆ “เนื่องจากวิถีสู่การฝึกตนเต็มไปด้วยความยากเข็ญ ยอดฝีมือเกือบทั้งหมดที่มีส่วนในการรบราฆ่าฟันจึงมีพลังฝีมือไม่เกินสาวกตำหนักม่วง ข้อพิพาทแย่งชิงทรัพยากรในการฝึกตนก็ลดลงไปมากมาย หากเปรียบกับที่ผ่านมานับว่าสงบสุขกว่านัก” “ถูกแล้ว” จี้หนิงผงกศีรษะเห็นพ้อง เขาเองก็มีความรู้สึกว่าไตรภูมิยุคใหม่ผ่านการผลัดใบจนมีสภาพดีกว่าก่อนหน้านี้อย่างเทียบกันไม่ติด “เจ้ายังยืนยันที่จะเดินทางจากไป?” เจ้าแห่งเต๋าสุภูติหันกลับมาจ้องมองจี้หนิง “ข้าไม่มีหนทางเลือกอื่นอีก” จี้หนิงกล่าวตอบเสียงราบเรียบหากเจ้าแห่งเต๋าสุภูติซึ่งรู้จักเขาเป็นอย่างดีทราบว่าศิษย์รักกำลังบอกใบ้ว่าตนเองตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขเร้นลับประการหนึ่ง “บุตรีของเจ้าเล่า?” “ขณะที่ตัวข้าออกเดินทางเข้าสู่ดินแดนไร้ไพศาล ร่างแฝดจะจัดตั้งตำหนักเซียนในสถานที่ไม่ไกลจากไตรภูมิ ทำหน้าที่ปกปักหมิงเยี่ยและเฝ้ารักษาไตรภูมิแทนข้า ระหว่างนั้นหากว่ามีโอกาสข้ายังจะหาทางกำจัดแม่ทัพวิญญาณเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุแทรกซ้อนภายหลัง” “ประเสริฐ” เจ้าแห่งเต๋าสุภูติเผยอยิ้มออกมา มันเข้าใจดีว่ามิอาจเรียกร้องให้ยอดฝีมือระดับจี้หนิงหรือหนี่วาจมอยู่ในไตรภูมิตลอดไป หนี่วาถือกำเนิดเป็นเทพอสูรจึงมิอาจสร้างร่างแฝดแตกต่างจากจี้หนิงซึ่งถือกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ การที่เขาสามารถทิ้งร่างแฝดไว้ดูแลไตรภูมิก็นับว่าไม่เลวแล้ว “พลังฝีมือของร่างแฝดเจ้าในตอนนี้เป็นอย่างไร?” “ต่อให้บุคคลระดับเดียวกับผู้เฒ่าหยวนบุกเข้ามาอีกก็ไม่มีอันใดต้องกังวล” จี้หนิงตอบอย่างมั่นใจ ร่างแฝดของเขาในตอนนี้ครอบครองพลังเทียบได้กับผู้อมตะอาวุโสที่มีจินตันชั้นที่หนึ่ง เมื่อบวกกับกระบวนท่าใจกระบี่สมควรรับมือเทพบรรพกาลชั้นสูงสุดได้อย่างไม่มีปัญหา “เจ้าดูบุตรีของเจ้า” รอยยิ้มของเจ้าแห่งเต๋าสุภูติขยายกว้างขึ้นไปอีก จี้หนิงเขม้นมองผ่านห้วงแห่งความว่างเปล่า เมื่อพบเห็นจี้หมิงเยี่ยอาศัยศักดิ์ฐานะของคุณหนูผู้สูงศักดิ์จากตระกูลมนุษย์สามัญนำเหล่า ‘สาวใช้’ กลั่นแกล้งก่อกวนปัญญาชนผู้หนึ่งก็ได้แต่โคลงศีรษะเปล่งเสียงหัวเราะออกมา เปรียบเทียบกับอดึตที่ได้แต่ซ่อนตัวในโลกแห่งคูหาตรีดาราเสี้ยวจันทร์และอาจถูกบังคับให้อพยพเข้าสู่ห้วงแห่งความปั่นป่วน การได้เห็นนางใช้ชีวิตอย่างอิสระร่าเริงเช่นนี้ย่อมนับเป็นบทสรุปอันเลอเลิศที่สุด “ขอเพียงนางสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสงบเช่นนี้ตลอดไปข้าก็พอใจแล้ว” ……………………………………………………. DE เล่ม 23 จบลงที่จุดนี้ การแปลไทยแบบเทาๆและเอาแต่ใจของเซียวเปียกลี้ก็จบลงที่จุดนี้เช่นกัน เรื่องราวการผจญภัยของจี้หนิงยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเล่ม 45 ทว่าดังที่เคยเกริ่นไว้ ด้วยสภาพและแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าในปัจจุบันการยุติลงที่เล่มนี้ถือว่าดีต่อตนเองและผู้อ่านที่กรุณาติดตามผลงานมาอย่างยาวนานที่สุดแล้ว |