ยุค 5g มีเทคโนโลยีอะไรที่พัฒนาบ้าง

      จะเห็นว่าระบบ 5G จะมีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุด (Peak data rate) เพิ่มขึ้น 20 เท่า, อัตราการส่งข้อมูล ที่ผู้ใช้ได้รับ (User experienced data rate) เพิ่มขึ้น 10 เท่า, ความหน่วงของระบบ (Latency) ลดลง 10 เท่า , ความสามารถในการรับข้อมูลในขณะเคลื่อนที่ (Mobility) โดยสามารถรองรับการเคลื่อนที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า, ความหนาแน่นในการเชื่อมต่อ (Connection density) ซึ่งหมายถึงจ านวนอุปกรณ์ที่ระบบสามารถ รองรับได้ เพิ่มขึ้น 10 เท่า, ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโครงข่าย (Energy efficiency) เพิ่มขึ้น 100 เท่า, ประสิทธิภาพการใช้คลื่นความถี่ (Spectrum efficiency) เพิ่มขึ้น 3 เท่า และอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดต่อพื้นที่ (Area traffic capacity) เพิ่มขึ้น 100 เท่า ซึ่งขีดความสามารถที่มากขึ้นเหล่านี้ จะตอบสนองความสามารถใน รองรับการท างานของ ระบบ 5G ใน 3 ด้านหลัก ดังนี้

เมื่อระบบ 5G เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เกิดการรับส่งข้อมูลที่มีความซับซ้อนและมีปริมาณมาก โดยเฉพาะข้อมูลที่มาจากแหล่งข้อมูลใหม่ๆ เช่น ตัวส่งข้อมูลปลายสาย (End Point) หรือที่เรียกว่า IoT (Internet of Things) ที่เราคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี การบริหารจัดการ BIG DATA , AI (Artificial Intelligence), ML (Machine Learning) จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้การรับส่งสัญญาณผ่าน Platform ทั้งเครือข่ายอันเป็น Infrastructure สำคัญนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดเทคโนโลยี 5G และ AI ซึ่งเป็น 2 เทคโนโลยีสำคัญที่กำลัง “มาแรง” ในประเทศไทย และเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยความสำคัญดังกล่าว บทความนี้จะขอพูดถึง AI ผนวกกับนวัตกรรมดิจิทัล 5G ว่าทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้จะสามารถทำงานร่วมกัน และก่อให้เกิด Disruption ที่กระทบอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ  รวมไปถึงส่งผลต่องานวิศวกรรม ธุรกิจ และการบริหารงานทุกชนิดขึ้นได้อย่างไร การผนวกรวมของสองเทคโนโลยีดังกล่าวนับเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถก้าวทันโลกเทคโนโลยีและสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

5G คือวิวัฒนาการของการสื่อสารในรุ่นที่ 5

เมื่อ AI เปี่ยมไปด้วยความชาญฉลาดคล้ายความฉลาดของมนุษย์ มีความสามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้จากการประมวลผลของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ด้วยสาเหตุดังกล่าวหลายคนจึงอาจเกิดความระแวงว่าเทคโนโลยี AI นี้จะมาแย่งงานมนุษย์ และอนาคตข้างหน้า AI จะสามารถยึดครองโลก แล้วมนุษย์จะสูญพันธุ์ ความกลัวดังกล่าวนี้เกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่คนส่วนมากยังไม่เข้าใจมัน

ตอนนี้อาจเกิดข้อสงสัยแล้วว่าเทคโนโลยี 5G จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ  AI  ได้อย่างไร แต่ก่อนจะไปเล่าขยายความถึง 5G อันเป็น Generation ของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่เรากำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เราลองมาไล่เรียงเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายในแต่ละยุคกันก่อน โดยเริ่มจากในยุคแรก ได้แก่ ยุค 1G ในยุคนั้นเราพูดคุยกันด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือระบบอนาล็อก (Analog) ก่อนจะเริ่มพัฒนาการสื่อสารให้ครอบคลุมถึงการส่งข้อความ ไม่ว่าจะเป็น sms หรือ mms อันเป็นจุดเด่นสำคัญของยุค 2G จนกระทั่งพัฒนาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการเข้าสู่ยุค 3G ที่เราสามารถเชื่อมต่อและเล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น (อยู่ระหว่าง 220 Kbps ถึง 42.2 Mbps) จนเข้ามาถึงยุค 4G ที่เราสามารถเห็นภาพ รับฟังเสียง หรือดูหนังออนไลน์ได้ เนื่องจากมีความเร็วหลากหลายระดับให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น 4G LTE (100 Mbps), LTE Advanced (1 Gbps)

ภายใต้การทำงานบนเครือข่าย 5G ที่มาพร้อมกับความกว้างของแบนด์วิดธ์ (Bandwidth) ที่เพิ่มขึ้นอันขยายขีดจำกัดให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ได้เพิ่มมากขึ้นสำหรับในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งความหน่วงเวลาที่ลดลงยังช่วยให้การถ่ายทอดสตรีมมิ่งวิดีโอเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่สะดุด ทั้งยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ภายในพริบตาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ หรือภาคประชาชนต่างก็ต้องการนำเอาเทคโนโลยีที่มีความเร็วสูงในระดับ 5G มาใช้เป็นเป็นพื้นฐานหลักสำคัญในการพัฒนาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันแทบทั้งสิ้น

จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นแล้วว่าการพัฒนาขึ้นของทั้ง 2 เทคโนโลยี ได้แก่ 5G และ AI ก่อให้เกิดทั้งความท้าทายใหม่  (New challenges) และ โอกาสใหม่ (New opportunities) ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีการใช้ทั้ง 2 เทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน


5G Develop AI

5G ช่วนให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ในหลากหลายส่วน

หัวข้อนี้เราจะมาเริ่มไขข้อสงสัยที่ว่า 5G จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ  AI  เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ได้อย่างไร จากที่เกริ่นมาข้างต้นจะเห็นว่าในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยี 5G จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว การเชื่อมโยงข้อมูลมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ เช่นการเชื่อมโยงข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นจากเครื่องมือ IoT ที่เรามักคุ้นหน้าคุ้นตากันในรูปแบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รอบตัวของเรานั่นเอง จากการพัฒนาดังกล่าวช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาล หรือที่มีความซับซ้อนเชิงรูปแบบ

แน่นอนว่าการที่อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับสมาร์ทโฟนและเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจจับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว จะสามารถทำงานเชื่อมต่อกันได้อย่างอัจฉริยะจำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารระหว่างกันผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดย AI จะเข้ามาช่วยเรียนรู้ ค้นหา และวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ เทคโนโลยี 5G จะช่วยรับมือกับการไหลของข้อมูลปริมาณมากที่มาจากอุปกรณ์บ้าน ๆ ธรรมดา ๆ ที่เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดแนวคิดของ Edge Analytics มีความหมายอย่างกว้าง ๆ ก็คือการสร้างโมเดลวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) รูปแบบใหม่ ผ่านการกระจายข้อมูลไปประมวลผลบนเครื่องมือปลายทางโดยไม่มีจุดศูนย์กลางของระบบ  ยกตัวอย่างเช่น การใช้หุ่นยนต์ที่มี RFID (Radio Frequency Identification) ในการตรวจนับสินค้าในคลังผ่านเทคโนโลยี IoT โดย 5G จะช่วยเชื่อมต่อข้อมูลจากหุ่นยนต์หลายตัว เข้าสู่ระบบออนไลน์ให้เกิดขึ้นได้อย่างเสถียรและสุดท้ายจะนำ AI มาใช้ในส่วนของการสร้างและจดจำแผนที่ของคลังสินค้า เพื่อไม่ให้หุ่นยนต์เดินไปนับสินค้าในตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งที่มีหุ่นยนต์ตัวอื่นตรวจเช็คไปก่อนหน้าแล้ว


AI Develop 5G

AI ช่วยประมวลผลข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์ในหลากหลายกิจกรรม

และในทางกลับกันลองนึกภาพว่าเราจะสามารถใช้ ระบบ AI กับ 5G เพื่อพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคม ให้เป็น Communication ที่สมบูรณ์ได้อย่างไร เมื่อ AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและกุญแจสำคัญในการใช้ปรับปรุงระบบไร้สายโดยการมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายด้านระบบไร้สายที่สำคัญ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ให้กับทั้งระบบเครือข่ายเทคโนโลยี 5G และ อุปกรณ์ต่าง ๆ โดย AI จะใช้ Machine learning ในการเรียนรู้เพื่อลดความซับซ้อนในการจัดการเครือข่าย 5G โดยการช่วยระบุ node ที่มีความจำเป็นน้อยและอาจตัดออกจากเครือข่ายได้และตรวจสอบการใช้งานให้มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด ช่วยระบุปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งวินิจฉัย และแก้ไขปัญหาของเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ มากไปกว่านั้นยังสามารถคาดเดาปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงจากรูปแบบการใช้งานย้อนหลัง นอกจากนี้ AI ยังช่วย บริษัทโทรคมนาคมในการออกแบบบริการ 5G ใหม่ ๆ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อให้แน่ใจว่ามีทรัพยากรเครือข่ายที่เพียงพอและระบุตำแหน่งที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น AI ในอุปกรณ์ (AI on Device) จะช่วยปรับปรุงระบบในอุปกรณ์นั้น ๆ แบบ end-to-end โดย AI จะเรียนรู้อัลกอริธึมและรูปแบบของสัญญาณคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ที่ซับซ้อนของอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสัญญาณ รวมไปถึง เพิ่มวงจรชีวิตของแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน และที่สำคัญยังเพิ่มประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งานโดยเทคโนโลยี AI


So, what’s next?

การเชื่อมต่อสื่อสารผ่าน 5G ผนวกกับประสิทธิภาพการประมวลผลด้วย AI จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์

เมื่อทั้งเทคโนโลยี 5g และ AI สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีก่อให้เกิดรูปแบบการบริการ หรือ นวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อลดข้อผิดพลาด และอำนวยความสะดวก ให้มนุษย์อย่างเรามากยิ่งขึ้นส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งเป็นเหตุให้ในอนาคตปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคือรูปแบบของธุรกิจที่ตอบโจทย์กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น ภาคการแพทย์ ที่การรักษาทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การผ่าตัดที่ไม่ต้องให้หมอเดินทางไปผ่าตัดในสถานที่ห่างไกลหรือในกรณีเร่งด่วนที่สามารถผ่าตัดหรือทําการรักษาคนไข้ได้เสมือนอยู่ในห้องผ่าตัด หรือ ภาคการเงินการธนาคาร ที่ระบบ Mobile Banking เข้ามาแทนที่ ไม่ต้องทําธุรกรรมผ่านเจ้าหน้าที่ธนาคาร ขณะเดียวกันการวิเคราะห์สินเชื่ออาจใช้ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์แทนพนักงานได้มากขึ้น เป็นต้น

การเกิด 5G ที่จะมาพร้อมการประมวลผลใน Big data โดย AI คือเป็น game changer ที่แท้จริง ที่จะเปลี่ยนโลกทั้งโลกที่จะไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ เรามาอยู่ในช่วงเวลาที่ เทคโนโลยีทุกอย่างมาบรรจบในเวลาเดียวกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน IoT เป็นตัวแปรสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนวิถีการทำงานและความเป็นอยู่ของเราไปได้อีกไกลอย่างแท้จริง


ที่มา

1. https://towardsdatascience.com/5g-ai-on-device-intelligence-1003f8432086

2. https://www.qualcomm.com/news/onq/2020/02/04/5gai-ingredients-fueling-tomorrows-tech-innovations#:~:text=5G%20is%20making%20AI%2Dpowered,of%20new%20and%20enhanced%20experiences

ให้นักเรียนยกตัวอย่างยุค 5G มีเทคโนโลยีอะไรที่พัฒนาบ้าง

5G เป็นเครือข่ายไร้สายที่ถูกพัฒนาและเริ่มใช้ในปีพ.ศ. 2561 เป็นต้นมา เทคโนโลยีพื้นฐานได้แก่คลื่นความถี่ (Millimeter wave bands 26, 28, 38, และ 60 GHz) มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 20 จิกะบิตต่อวินาที MIMO (Multiple Input Multiple Output - 64-256 antennas) ประสิทธิภาพสูงซึ่งเร็วกว่า 4G ถึง 10 เท่า 5G ย่านความถี่ต่ำและกลางใช้ ...

ยุค 5G มีการใช้เทคโนโลยีแบบใด

เทคโนโลยี 5G ใช้เซลล์ไซต์ที่ส่งข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุ เช่นเดียวกับเครือข่ายเซลลูลาร์ยุคก่อนหน้านี้ เซลล์ไซต์เชื่อมต่อกับเครือข่ายด้วยเทคโนโลยีไร้สายหรือการเชื่อมต่อแบบมีสาย เทคโนโลยี 5G ทำงานโดยการเปลี่ยนวิธีการเข้ารหัสข้อมูลที่เพิ่มจำนวนคลื่นวิทยุพาหะที่ผู้ให้บริการสามารถใช้งานได้

5G มีการพัฒนาการอย่างไร

เราจะเห็นว่าระบบ 5G จะมีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุด (Peak data rate) เพิ่มขึ้น 20 เท่า, อัตราการส่งข้อมูล ที่ผู้ใช้ได้รับ (User experienced data rate) เพิ่มขึ้น 10 เท่า, ความหน่วงของระบบ (Latency) ลดลง 10 เท่า , ความสามารถในการรับข้อมูลในขณะเคลื่อนที่ (Mobility) โดยสามารถรองรับการเคลื่อนที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า, ...

เทคโนโลยี 5G สามารถนำไปพัฒนาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีอื่นอย่างไรบ้าง?

เทคโนโลยี 5G จะทำให้อัตรา ความเร็วในการส่งข้อมูลแบบไร้สายนั้น เทียบเท่ากับการเชื่อ มต่อแบบไฟเบอร์เทคโนโลยี 5G จึงจะมีบทบาทสาคัญในด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เกษตรกรรม ยานยนต์ การขนส่ง สิ่งก่อสร้าง พลังงาน การเงิน สุขภาพ อุตสาหกรรมการผลิต การบันเทิงความมั่นคงปลอดภัย และพฤติกรรมผู้บริโภค