ลักษณะสำคัญของวิธีการบัญชีต้นทุนช่วงการผลิต มีดังต่อไปนี้ |
ต้นทุนช่วง นอกจากหน้าที่การจัดการด้านการบัญชีเกี่ยวกับเพื่อสะสมข้อมูลวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต (ดังกล่าวไว้ในบทที่ 3,4 และ 5) แล้ว ฝ่ายบัญชียังมีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว เพื่อนำเสนอรายงานต่อฝ่ายบริหาร และฝ่ายต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ในด้านการบริหารงาน ตลอดจนนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการจัดทำงบการเงินด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นวิธีการในการรวบรวมและนำเสนอรายงานดังกล่าวจะอยู่ในรูปแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับว่าระบบบัญชีของกิจการที่ใช้อยู่ เป็นระบบใด กล่าวคือ หากกิจการที่มีการผลิตสินค้าตามคำสั่งลูกค้า ซึ่งมีเอกลักษณ์ และลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป กิจการนั้น ก็อาจใช้ “ระบบบัญชีต้นทุนงานสั่งทำ” แต่หากกิจการใดที่มีการผลิตสินค้าคราวละมากๆ ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ และสินค้ามีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกัน กิจการนั้นๆ ก็อาจใช้ “ระบบบัญชีต้นทุนกระบวนการ” ดังได้กล่าวไว้แล้วในเรื่องของระบบบัญชีตามลักษณะการผลิตสินค้า ในบทที่ 2 |
---------เนื่องจากวิธีการในการรวบรวม สะสมข้อมูล และนำเสนอรายงานด้านบัญชีต้นทุน ของระบบบัญชีต้นทุนทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ในบทนี้จึงจะขอกล่าวถึงเฉพาะ “ระบบบัญชีต้นทุนงานสั่งทำ” ส่วน “ระบบบัญชีต้นทุนกระบวนการ” จะกล่าวไว้ในบทต่อไป |
|
----------ระบบบัญชีต้นทุนงานสั่งทำ(Job order costing) หมายถึง ระบบบัญชีที่ใช้ในการรวบรวม สะสม ข้อมูลต้นทุนการผลิตสินค้าของกิจการ ที่การผลิตสินค้าตามคำสั่งของลูกค้า กล่าวคือกิจการจะรับงานจากลูกค้าเป็นรายๆ ไป แต่ละรายจะมีคำสั่งซื้อที่แตกต่างกันไป กิจการจะทำการผลิตสินค้าเป็นรุ่น ๆ สินค้าแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์ และลักษณะพิเศษแตกต่างกันไป ซึ่งอาจใช้วัตถุดิบหรือเวลาผลิตต่างกัน ทำให้ต้นทุนที่เกิดขึ้นแตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้น ในการรวบรวมและสะสมต้นทุน จึงจำเป็นต้องแยกเป็นของงานแต่ละชิ้น สินค้าแต่ละรุ่น เป็นจำนวนเท่าใด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายบริหารในการนำไปใช้ในการตัดสินใจ เช่น การกำหนดราคาขาย การวางแผนการผลิต ตลอดจนให้ประโยชน์ในการควบคุมและวัดผลการปฏิบัติงานของพนักงาน หรือ ลูกจ้างอีกด้วย |
ี |
----------ในส่วนของการบันทึกบัญชีสำหรับระบบบัญชีต้นทุนงานสั่งทำ จะเป็นการบันทึกโดยโอนต้นทุนวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต เข้างานระหว่างทำตามปกติ (ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในบทที่ 3,4 และ 5) สำหรับกิจการที่เลือกใช้การบันทึกบัญชีในระบบบัญชีแบบต่อเนื่อง (Perpetual) แต่ถ้ากิจการใดเลือกใช้การบันทึกบัญชีในระบบบัญชีแบบสิ้นงวด (Periodic) ก็ไม่จำเป็นต้องบันทึกโอนบัญชีดังกล่าว |
|
---------ตามระบบบัญชีต้นทุนงานสั่งทำนั้น กิจการจำเป็นต้องรวบรวมและสะสมข้อมูลต้นทุนการผลิตที่เกิดขึ้นของงานแต่ละชิ้น หรือสินค้าแต่ละรุ่นไว้ใน “บัตรต้นทุนงานสั่งทำ” (Job order sheet) |
---------บัตรต้นทุนงานสั่งทำ |
---------บัตรต้นทุนงานสั่งทำ หมายถึง บัตรซึ่งใช้ในการบันทึกการเกิดขึ้นของต้นทุนการผลิตอันได้แก่ วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใช้จ่ายการผลิต ของงานแต่ละงาน สินค้าแต่ละรุ่น โดยบัตรต้นทุนงานสั่งทำนี้ จะทำหน้าที่เป็นบัญชีย่อยของบัญชีงานระหว่างทำ กล่าวคือ ไม่ว่ากิจการจะรับงานจากลูกค้ามากน้อยเพียงใด กิจการก็จะมี “บัญชีแยกประเภทงานระหว่างทำ” เพียงบัญชีเดียว แต่จะมี “บัตรต้นทุนทุนงานสั่งทำ” ของลูกค้าแต่ละรายประกอบ ดังนั้น ต้นทุนที่เกิดขึ้นในบัตรต้นทุนงานสั่งทำแต่ละใบเมื่อนำมารวมกันแล้ว จะต้องเท่ากับบัญชีคุมงานระหว่างทำ |
---------รายละเอียดที่ปรากฏในบัตรต้นทุนงาน โดยส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย ชื่อลูกค้า ลักษณะและรูปแบบของงาน เลขที่งาน(ซึ่งจะมีการกำหนดเมื่อรับงาน) เพื่อความสะดวกในการจดบันทึก และค้นหาข้อมูล วันรับและส่งมอบงาน วันเริ่มและสิ้นสุดการผลิต และที่สำคัญคือ ข้อมูลต้นทุนแต่ละรายการ (วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต)ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ในบัตรต้นทุนงานสั่งทำยังต้องแสดงถึงข้อมูลเกี่ยวกับ ราคาขายซึ่งบางกิจการอาจใช้วิธีบวกเพิ่ม(Mark up) จากต้นทุน การผลิต กำไรขั้นต้น ตลอดจนกำไรสุทธิ |
การคำนวณหน่วยเทียบเท่าหน่วยที่ผลิตเสร็จ (Equivalent Units)
ในการผลิตจริงเมื่อมีการใส่วัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายการผลิตเป็นจำนวนมากและอย่างต่อเนื่องกันไป
การผลิตจะต้องมีการรับหน่วยนำเข้าใหม่มาแทนที่ตลอดเวลาทำให้ผลออกมาจะมีทั้งหน่วยที่ผลิตเสร็จและหน่วยที่ผลิตไม่เสร็จ คือ งานระหว่างทำ การคำนวณต้นทุนที่ใส่เข้าไปในการผลิตจะเป็นต้นทุนของหน่วยที่ผลิตเสร็จและต้นทุนของงานระหว่างทำซึ่งต้นทุนต่อหน่วยจะไม่เท่ากัน เพราะจำนวนหน่วยบางส่วนผลิตสำเร็จและจำนวนหน่วยบางส่วนผลิตไม่เสร็จ จึงเกิดเป็นปัญหาในการคำนวณต้นทุนต่อหน่วย
ดังนั้นต้องทำให้จำนวนหน่วยของหน่วยที่ผลิตไม่เสร็จหรืองานระหว่างทำเป็นหน่วยเทียบเท่าหน่วยที่ผลิตเสร็จขั้นตอนการจัดทำงบต้นทุนการผลิต
ขั้นตอนการจัดทำงบต้นทุนการผลิต แบ่งเป็น 5 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 แสดงจำนวนหน่วยที่นำเข้าสู่การผลิตว่ามาจากไหนเป็นจำนวนเท่าใดและจำแนกมาเป็นจำนวนหน่วยนับได้ของหน่วยที่ผลิตเสร็จและหน่วยที่ผลิตไม่เสร็จ หรือหน่วยของงานระหว่างทำเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งจำนวนหน่วยที่ผลิตเสร็จจะโอนออกไปแผนกผลิตต่อไป หรือจะเป็นจำนวนสินค้าสำเร็จรูปเพื่อนำออกไปขาย สำหรับจำนวนหน่วยของงานระหว่างทำปลายงวดจะนำไปทำต่อเป็นจำนวนหน่วยของงานระหว่างทำต้นงวดของงวดการผลิตต่อไป
ขั้นที่ 2 การคำนวณหน่วยเทียบเท่าหน่วยที่ผลิตเสร็จ จะใช้กับหน่วยของงานระหว่างทำปลายงวดเพราะได้รับต้นทุนของปัจจัยการผลิตไม่ครบ 100 % ต้องคำนวณออกมาให้เป็นหน่วยเทียบเท่าหน่วยที่ผลิตเสร็จเป็นจำนวนเท่าใด สำหรับหน่วยที่ผลิตเสร็จมีจำนวนเท่าใด ก็จะเป็นหน่วยเทียบเท่าจำนวนนั้นเพราะได้รับต้นทุนของปัจจัยการผลิตครบ 100
%
ขั้นที่ 3 รวบรวมต้นทุนการผลิตที่นำเข้าสู่ช่วงการผลิตของวัตถุดิบ ค่าแรงและค่าใช้จ่ายการผลิตแต่ละแผนกการผลิตสำหรับงวดใดงวดหนึ่ง
ขั้นที่ 4 คำนวณต้นทุนต่อหน่วยเทียบเท่าหน่วยที่ผลิตเสร็จ โดยคำนวณมาจากต้นทุนที่นำเข้าสู่การผลิตหารด้วยหน่วยเทียบเท่า
หรือนำต้นทุนของปัจจัยการผลิตจากขั้นที่ 3 หารด้วยหน่วยเทียบเท่าจากขั้นที่ 2
ขั้นที่ 5 สรุปต้นทุนโดยคำนวณต้นทุนของหน่วยที่ผลิตเสร็จและโอนออก และต้นทุนของหน่วยงานระหว่างทำปลายงวด โดยใช้ข้อมูลจากขั้นที่ 2 และขั้นที่ 4
การคำนวณต้นทุนการผลิตกรณีมีงานระหว่างทำต้นงวด การคำนวณต้นทุนการผลิตกรณีมีงานระหว่างทำต้นงวด มี 2 วิธี คือ 1. วิธีถัวเฉลี่ย หรือ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Average หรือ
Weighted Average Costing) จะรวมต้นทุนของงานระหว่างทำต้นงวดกับต้นทุนที่นำเข้าระหว่างงวดเป็นต้นทุนผลิตที่คิดเข้าแผนกทั้งหมดแล้วหารด้วยจำนวนหน่วยเทียบเท่าจะเป็นต้นทุนถัวเฉลี่ยต่อหน่วยหรือคำนวณจาก ต้นทุนต่อหน่วยเทียบเท่า = ต้นทุนของงานระหว่างทำต้นงวด + ต้นทุนระหว่างงวด
หน่วยเทียบเท่า 2. วิธีเข้าก่อน - ออกก่อน หรือ ผลิตก่อน - เสร็จก่อน (First-in, First-out หรือ Fifo) เป็นวิธีที่ต้องนำหน่วยที่ผลิตไม่เสร็จจากงวดที่แล้ว (งานระหว่างทำต้นงวด)
มาทำการผลิตให้เป็นหน่วยผลิตเสร็จเสียก่อนแล้วจึงนำหน่วยนำเข้ามาทำการผลิตต่อไปให้เป็นหน่วยผลิตเสร็จและงานระหว่างทำปลายงวด ต้นทุนต่อหน่วยจึงคำนวณจากต้นทุนการผลิตที่นำเข้าระหว่างงวดหารหน่วยเทียบเท่าหรือคำนวณจาก ต้นทุนต่อหน่วยเทียบเท่า = ต้นทุนระหว่างงวด
หน่วยเทียบเท่า
ตัวอย่าง 1. บริษัทดาวลูกไก่ จำกัด ผลิตสินค้าบันทึกบัญชีแบบต้นทุนช่วงการผลิตในแผนกกิจการใส่วัตถุดิบตอนต้นกระบวนการผลิตทั้ง 2 แผนก ส่วนต้นทุนแปรสภาพใช้อย่างสม่ำเสมอตามขั้นความสำเร็จ ในระหว่างเดือนพฤษภาคม ได้มีข้อมูลทำการผลิต ดังนี้
ปริมาณผลิต (หน่วย)
แผนกต้ม แผนกกลั่น งานระหว่างทำต้นงวด (ขั้นความสำเร็จ 60%) 50,000
งานระหว่างทำต้นงวด (ขั้นความสำเร็จ 30% )
30,000
หน่วยนำเข้า 100,000
90,000
หน่วยผลิตเสร็จและโอนออก 90,000
หน่วยผลิตเสร็จและโอนไปคลัง
80,000
งานระหว่างทำปลายงวด (ขั้นความสำเร็จ 80%) 60,000
งานระหว่างทำปลายงวด (ขั้นความสำเร็จ 10%)
40,000 ต้นทุนการผลิต (บาท) งานระหว่างทำต้นงวด
หน่วยรับโอน - 30,000
วัตถุดิบ
200,000 180,000
ต้นทุนแปรสภาพ
50,000 96,000 ต้นทุนผลิตระหว่างงวด วัตถุดิบ
250,000 300,000
ค่าแรง
100,000 60,000
ค่าใช้จ่ายในการผลิต 126,000
12,000
ให้ทำ งบต้นทุนการผลิตทั้ง 2 แผนกประจำเดือนพฤษภาคม โดยคิดแบบถัวเฉลี่ย
วิธีทำ แบบถัวเฉลี่ย
บริษัท ดาวลูกไก่ จำกัด
งบต้นทุนการผลิตแผนกต้ม
สำหรับงวด 1 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 25 X 1 ปริมาณการผลิต (หน่วย) หน่วยเทียบเท่า
หน่วยนับได้ วัตถุดิบ ต้นทุนเปลี่ยนสภาพ
งานระหว่างทำต้นงวด 50,000
หน่วยงานนำเข้า
100,000
รวม 150,000
หน่วยผลิตเสร็จและโอนออก 90,000 90,000 90,000
งานระหว่างทำปลายงวด
60,000 60,000 48,000
รวม
150,000 150,000 138,000ต้นทุนการผลิต (บาท) ต้นทุนรวม ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนเปลี่ยนสภาพ
ต้นทุนงานระหว่างทำต้นงวด 250,000 200,000 50,000
ต้นทุนผลิตระหว่างงวด
476,000 250,000 226,000
รวมต้นทุนคิดเข้าแผนก 726,000
450,000 276,000
หารด้วยหน่วยเทียบเท่า 150,000 138,000
ต้นทุนต่อหน่วยเทียบเท่า 5.00 3.00 2.00ต้นทุนต่อหน่วยที่ผลิต :
หน่วยที่ผลิตเสร็จและโอนออก
(90,000 x 5) 450,000
งานระหว่างทำปลายงวด :-
วัตถุดิบ (60,000 x 3) 180,000
ต้นทุนแปรสภาพ (48,000 x 2)
96,000
รวมต้นทุนงานระหว่างทำปลายงวด 276,000
รวมต้นทุนหน่วยที่ผลิต
726,000
ใบงานการบัญชีต้นทุน 2 (3201 – 2004)
1. บริษัท ทรายแก้ว จำกัด ผลิตสินค้าโดยใช้กระบวนการผลิตแบบต้นทุนช่วง โดยแบ่งการผลิตเป็น 2 แผนก คือ
แผนกตัดและประกอบ วัตถุดิบถูกเบิกใช้ครั้งเดียวตอนต้นในแผนกตัด ส่วนค่าแรงงานและค่าใช้จ่ายในการผลิตเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอตลอดกระบวนการผลิต บริษัทเริ่มทำการผลิตเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2556 มีรายละเอียดดังนี้
ปริมาณผลิต (หน่วย) แผนกตัด แผนกประกอบ
หน่วยนำเข้า 5,000 4,000หน่วยผลิตเสร็จและโอนออก 4,000 3,500
หน่วยผลิตเสร็จและคงอยู่ ? -
งานระหว่างทำปลายงวด-จำนวนหน่วย 600 500
-ขั้นความสำเร็จ 75% 60%
ต้นทุนการผลิต (บาท)
วัตถุดิบ 24,000 -
ค่าแรง 19,400 6,840
ค่าใช้จ่ายในการผลิต 5,820 3,040
ให้ทำ
งบต้นทุนการผลิต แผนกตัดและประกอบ ประจำเดือนตุลาคม 2556 พร้อมทั้งบันทึกต้นทุนการผลิตข้างต้นในสมุดรายวันทั่วไป 2. รายงานต้นทุนการผลิตในเดือนตุลาคม 2556 ของ บริษัท พระจันทร์ยิ้ม จำกัด ผลิตสินค้าในระบบต้นทุนช่วง วัตถุดิบถูกใส่ตอนต้นกระบวนการผลิตทุกแผนก ส่วนต้นทุนแปรสภาพใช้อย่างสม่ำเสมอตามขั้นความสำเร็จ
ปริมาณการผลิต(หน่วย) แผนกตัด แผนกประกอบ
งานระหว่างทำต้นงวด (ขั้นความสำเร็จ 70%) 2,000
งานระหว่างทำต้นงวด (ขั้นความสำเร็จ 40%) 1,200
หน่วยนำเข้า 10,000 8,000
หน่วยผลิตเสร็จและโอนออก 8,000 7,000
งานระหว่างทำปลายงวด (ขั้นความสำเร็จ 30%) 4,000
งานระหว่างทำปลายงวด (ขั้นความสำเร็จ 80%) 2,200
ต้นทุนการผลิต (บาท)
งานระหว่างทำต้นงวด :-
หน่วยรับโอน - 7,200
วัตถุดิบ 8,900 800
ค่าแรง 3,160 1,100
ค่าใช้จ่ายในการผลิต 1,700 420
ต้นทุนการผลิตระหว่างงวด :-
วัตถุดิบ 53,500 9,600
ค่าแรง 13,400 20,700
ค่าใช้จ่ายในการผลิต 5,200 6,210