ธุรกิจซื้อขายสินค้า ธุรกิจซื้อขายสินค้า มีรายได้จากธุรกรรมซื้อสินค้าแล้วมาขายสินค้าให้กับลูกค้า จะอยู่ในรูปขายปลีก และขายส่ง การซื้อสินค้า ในธุรกิจของกิจการที่ขายสินค้ามีกิจกรรม 2 ด้าน คือ ด้านซื้อและด้านขาย ในธุรกิจขนาดเล็กบุคคลคนเดียวจะเป็นผู้ทำการจัดซื้อทั้งหมด แต่ถ้าเป็นกิจการขนาดใหญ่ผู้ที่มีหน้าที่ในการจัดซื้อสินค้าคือฝ่ายจัดซื้อ ขั้นตอนโดยสังเขปของการจัดซื้อสินค้า มีดังนี้ 1. ผู้จัดการของฝ่ายที่ต้องการสินค้าจัดทำใบขอซื้อ ส่งไปให้ฝ่ายจัดซื้อ 2. ฝ่ายจัดซื้อเลือกผู้ขายและจัดทำใบสั่งซื้อ ส่งไปให้ผู้ขาย 3. เมื่อผู้ขายได้รับใบสั่งซื้อ ก็จะจัดส่งสินค้าพร้อมกับใบกำกับสินค้ามาให้แก่ผู้ซื้อ 4. เมื่อสินค้าส่งมาถึงมือผู้ซื้อ ก็ต้องมีการตรวจสอบทั้งปริมาณ คุณภาพ และคูณลักษณะว่าถูกต้องหรือไม่ และจัดทำใบรับสินค้า เพื่อแสดงรายละเอียดของสินค้าที่รับ ส่วนลดการค้า ผู้ขายจะตั้งราคาสินค้าที่ขายไว้ในราคาสินค้า หรือในสมุดราคาสินค้าไว้เพียงราคาเดียว แต่เวลาขายจริงจะคิดราคาไม่เท่ากัน ส่วนที่ทำให้ราคาขายของสินค้าไม่เท่ากันของผู้ซื้อแต่ละราย คือ ส่วนลดการค้า ส่วนลดการค้า หมายถึงจำนวนเงินหรืออัตราร้อยละที่ผู้ขายยอมลดให้ผู้ซื้อจากราคาที่ตั้งไว้ส่วนลดการค้าเป็นรายการที่ไม่ต้องบันทึกบัญชีทั้งในสมุดบัญชีของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งผู้ซื้อจะบันทึกสินค้าที่ซื้อในราคาที่จ่ายเงินจริง ตัวอย่างที่ 1 ราคาสินค้าตั้งราคาไว้ 20,000 บาท ผู้ขายให้ส่วนลด 10% ราคาสินค้า 20,000 บาท หัก ส่วนลดการค้า (20,000 x 10/100) 2,000 บาท ราคาที่ขายจริง 18,000 บาท ทางด้านผู้ซื้อจะบันทึกบัญชี ดังนี้ เดบิต ซื้อ 18,000 เครดิต เงินสด 18,000 ทางด้านผู้ขายจะบันทึกบัญชี ดังนี้ เดบิต เงินสด 18,000 เครดิต ขาย 18,000 ตัวอย่างที่ 2 ราคาสินค้าตั้งราคาไว้ 20,000 บาท ผู้ขายให้ส่วนลด 5% และอีก 2% ราคาสินค้า 20,000 บาท หัก ส่วนลด 20,000 x 5/100 1,000 บาท คงเหลือ 19,000 บาท หัก ส่วนลด 19,000 x 2/100 380 บาท ราคาที่ขายจริง 18,620 บาท การส่งคืนสินค้า สินค้าที่ส่งมาชำรุดเสียหาย ผู้ซื้อก็จะส่งสินค้าเหล่านั้นคืนไป ซึ่งในบางครั้งผู้ขายก็อาจจะส่งสินค้าใหม่มาเปลี่ยน แต่ถ้าผู้ขายไม่ส่งสินค้ามาเปลี่ยนก็จะต้องลดยอดในบัญชีกรณีซื้อขายเป็นเงินเชื่อ หรือคืนเป็นเงินสดในกรณีซื้อขายเป็นเงินสด ส่วนการบันทึกบัญชี ผู้ซื้อจะบันทึกบัญชีก็ต่อเมื่อได้รับใบลดหนี้หรือใบหักหนี้จากผู้ขายเสียก่อน ใบลดหนี้จะเก็บไว้คู่กับในกำกับสินค้า เมื่อถึงเวลาชำระเงินจะได้นำไปหักจากยอดในใบกำกับสินค้า แต่ในบางครั้ง การคืนสินค้าหรือขอลดหนี้นั้น ผู้ซื้ออาจจะเป็นผู้จัดทำใบลดหนี้ขึ้นมาแล้วส่งให้ผู้ขายเพื่อขอลดหนี้ แล้วทางผู้ซื้อก็บันทึกบัญชีลดหนี้เลย โดยไม่รอให้ผู้ขายส่งใบลดหนี้มาให้ การส่งคืนสินค้าจะมีผลทำให้ยอดซื้อและยอดหนี้สินของผู้ซื้อลดลง โดยบันทึกในบัญชีส่งคืนและส่วนลด หรือบัญชีสินค้าคงเหลือแล้วแต่วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแต่ละวิธี ส่วนสดเงินสด ปกติการขายสินค้าเป็นเงินเชื่อผู้ขายก็มักจะกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อ ซึ่งอาจจะเป็น 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน และผู้ขายก็อาจจะกำหนดเงื่อนไขอีกว่า ถ้าลูกหนี้ชำระหนี้ภายในกำหนดที่ให้ไว้ก็จะให้ส่วนลดแก่ลูกหนี้ ส่วนลดนี้เรียกว่าส่วนลดเงินสด ลักษณะของเงื่อนไข มีดังนี้ 1/10, n/30 หมายถึง กำหนดชำระเงินตามราคาที่ปรากฏในใบกำกับสินค้าภายใน 30 วันนับจากวันที่ในใบกำกับสินค้า แต่ถ้าหากผู้ซื้อชำระเงินภายใน 10 วัน ก็จะได้ส่วนลด 1% ส่วนลดเงินสดแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. ส่วนลดรับ เป็นจำนวนเงินที่ผู้ซื้อได้รับจากผู้ขาย กรณีที่ผู้ซื้อชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการชำระเงิน ส่วนลดรับจะเป็นรายการที่ทำให้ต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาขายลดลง 2. ส่วนลดจ่าย เป็นจำนวนเงินที่ผู้ขายลดให้แก่ผู้ซื้อ กรณีที่ผู้ซื้อชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการชำระเงิน ส่วนลดจ่ายจะเป็นรายการที่ทำให้รายได้จากการขายสินค้าลดลง ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการขนถ่ายสินค้าที่ซื้อขายกัน ในกรณีซื้อขายสินค้า ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องตกลงกันในเงื่อนไขการซื้อขายเกี่ยวกับการส่งมอบและกรรมสิทธิ์ให้สินค้า ซึ่งในการกำหนดเงื่อนไขต่างกัน ก็จะทำให้ราคาสินค้าที่ตกลงซื้อขายกันมีราคาแตกต่างกันด้วยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการส่งมอบ เงื่อนไขในการขาย มีดังนี้ 1. FOB Shipping Point หมายถึง กรณีที่ผู้ขายจะรับผิดชอบในการส่งสินค้าไปถึงท่าเรือของผู้ขาย และผู้ซื้อต้องรับผิดชอบค่าขนส่งสินค้าและกรรมสิทธิ์ในสินค้าตั้งแต่ท่าเรือของผู้ขายจนถึงสถานที่ที่ผู้ซื้อกำหนดให้ไปส่ง 2. FOB Destination หมายถึง กรณีที่ผู้ขายจะรับผิดชอบค่าขนส่งและกรรมสิทธิ์ในสินค้าจะไม่โอนไปยังผู้ซื้อจนกว่าจะถึงสถานที่ที่ผู้ซื้อกำหนดให้ไปส่ง การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับค่าขนส่ง 1. กรณีที่ซื้อขายกันโดยเงื่อนไข FOB Shipping Point ผู้ซื้อจะบันทึกรายการโดย เดบิต ค่าขนส่งเข้า xxx เครดิต เงินสด xxx ส่วนผู้ขายไม่ต้องบันทึกบัญชี แต่ถ้าเป็นกรณีที่ผู้ขายจ่ายค่าขนส่งแทนผู้ซื้อไปก่อน ผู้ซื้อจะบันทึกรายการโดย เดบิต ค่าขนส่งเข้า xxx เครดิต เจ้าหนี้การค้า xxx ผู้ขายจะบันทึกรายการโดย เดบิต ลูกหนี้การค้า xxx เครดิต เงินสด xxx 2. กรณีที่ซื้อขายกันโดยเงื่อนไข FOB Destination ผู้ซื้อไม่ต้องบันทึกบัญชี ผู้ขายบันทึกบัญชีโดย เดบิต ค่าขนส่งออก xxx เครดิต เงินสด xxx แต่ถ้าเป็นกรณีที่ผู้ซื้อจ่ายค่าขนส่งแทนผู้ขายไปก่อน ผู้ซื้อจะบันทึกรายการโดย เดบิต เจ้าหนี้การค้า xxx เครดิต เงินสด xxx ผู้ขายบันทึกบัญชีโดย เดบิต ค่าขนส่งออก xxx เครดิต ลูกหนี้การค้า xxx ตัวอย่างที่3 บริษัท โท จำกัด ซื้อสินค้าจากบริษัท เอก จำกัด จำนวน 20,000 บาท มีเงื่อนไขการชำระเงิน 1/10, n/30 FOB Shipping Point บริษัท เอก จ่ายค่าขนส่งแทนบริษัท โท ไปก่อนจำนวน 500 บาท
จากผู้อย่างเดิม ถ้าเงื่อนไขในการซื้อขายเป็น 1/10, n/30 FOB Destination โดยบริษัท โท จ่ายค่าขนส่งแทนบริษัท เอก ไปก่อน
จะเห็นว่าการให้ส่วนลดการค้า จะให้เฉพาะค่าสินค้าเท่านั้น ส่วนค่าขนส่งที่จ่ายแทนกันนั้นไม่คิดส่วนลดให้แก่กัน รายได้จากการขาย รายได้หลักของธุรกิจซื้อขายสินค้า คือ รายได้จากการขายสินค้า จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อแล้ว โดยไม่คำนึงว่าจะได้รับเงินสดแล้วหรือไม่ ตัวอย่างที่ 4 งบกำไรขาดทุนของกิจการซื้อขายสินค้าของร้านสีทอง สำหรับงวด 1 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 25x1 มีดังนี้ ร้านสีทอง งบกำไรขาดทุน สำหรับงวด 1 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 25x1 ขาย (2,000 x @ 100) 200,000 หัก ต้นทุนสินค้าขาย (2,000 x @ 60) 120,000 กำไรขั้นต้น 80,000 หัก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (2,000 x @ 30) 60,000 กำไรสุทธิ (2,000 x @ 10) 20,000 การรับคืนสินค้า เมื่อผู้ขายส่งสินค้าไปให้ผู้ซื้อแล้วในการตรวจรับสินค้าทางผู้ซื้ออาจพบสินค้าที่ส่งไปชำรุดเสียหายอาจผิดขนาด หรือคุณภาพไม่ตรงกับที่ส่งให้ ในบางครั้งผู้ขายก็ต้องเปลี่ยนสินค้า หรืออาจจะไม่ต้องเปลี่ยนแต่ให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อ แต่ถ้าลูกค้าซื้อเป็นเงินสดต้องคืนเงินให้ลูกค้า การรับคืนสินค้าจะมีผลทำให้ยอดขายและยอดลูกหนี้ลดลง การบันทึกบัญชีจะใช้ใบลดหนี้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี โดยบันทึกในบัญชี รับคืนและส่วนลด วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือ วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือของธุรกิจซื้อขายสินค้า อาจทำได้ 2 วิธี คือ 1. การบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง (Perpetual Inventory Method) 2. การบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด (Periodic Inventory Method) การบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง จะบันทึกการรับจ่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นความเคลื่อนไหวของสินค้าอยู่ตลอดเวลา วิธีนี้กิจการจะได้ข้อมูลที่รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์เพื่อใช้ในการวางแผนและควบคุมเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือ เหมาะกับธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าที่มีราคาต่อหน่วยสูง และมีปริมาณน้อย บัญชีที่สำคัญเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่องได้แก่บัญชีสินค้าคงเหลือ และบัญชีต้นทุนสินค้าขาย บัญชีสินค้าคงเหลือ เป็นบัญชีประเภทสินทรัพย์หมุนเวียน ตามวิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง ในบัญชีสินค้าคงเหลือจะประกอบด้วย รายละเอียดดังนี้ ด้านเดบิต ประกอบด้วย 1. รายการซื้อสินค้า 2. รายการรับคืนสินค้าจากลูกค้า 3. รายการค่าขนส่งเข้า ส่วนทางด้านเครดิต ประกอบด้วย 1. รายการต้นทุนสินค้าที่ขายไป 2. รายการส่งคืนสินค้า 3. รายการส่วนลดรับที่ได้รับจากผู้ขาย ตัวอย่าง บัญชีสินค้าคงเหลือ มีดังนี้ บัญชีสินค้าคงเหลือ
บัญชีต้นทุนสินค้าขาย หรือบัญชีต้นทุนขาย เป็นบัญชีประเภทค่าใช้จ่าย ใช้สำหรับบันทึกต้นทุนสินค้าที่ขายออกไปโดยโอนต้นทุนออกจากบัญชีสินค้าคงเหลือไปเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อไปจับคู่กับบัญชีขายตามหลักการจับคู่ราบได้กับค่าใช้จ่าย ดังนั้นทุกครั้งที่มีการขายสินค้าจะต้องบันทึกบัญชีต้นทุนสินค้าขายด้วย เช่นเดียวกันถ้ามีการรับคืนสินค้าก็ต้องมีการลดบัญชีต้นทุนสินค้าขายออก ด้านเดบิตของบัญชีต้นทุนสินค้าขายจะบันทึกต้นทุนขายที่เกิดจากรายการขายสินค้า ส่วนทางด้านเครดิตบัญชีต้นทุนสินค้าขายจะบันทึกรายการรับคืนสินค้า ตัวอย่าง บัญชีต้นทุนสินค้าขาย มีดังนี้ บัญชีต้นทุนสินค้าขาย
ตัวอย่างที่ 5 การบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง 1. เมื่อซื้อสินค้า วันที่ 1 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลวงซื้อวิทยุ 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 3,000 บาท จากบริษัท สากลการค้า จำกัด เป็นเงินเชื่อ เงื่อนไข 1/10, n/30 การบันทึกบัญชีมีดังนี้ เดบิต สินค้าคงเหลือ xxx เครดิต เจ้าหนี้การค้า xxx บัญชีสินค้าคงเหลือ เป็นบัญชีประเภทสินทรัพย์อยู่ในหมวดสินทรัพย์หมุนเวียน 2. ค่าขนส่ง จากตัวอย่าง เมื่อวันที่ 1 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลวงจ่ายค่าขนส่งในการซื้อสินค้าจำนวน 500 บาท เดบิต สินค้าคงเหลือ xxx เครดิต เงินสด xxx การจ่ายค่าขนส่งนั้นจะบันทึกบัญชีเข้าบัญชีสินค้าคงเหลือ ทำให้ต้นทุนของสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 3. การส่งคืนสินค้าและจำนวนที่ได้ลด วันที่ 3 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลวงส่งวิทยุที่ซื้อมา 1 เครื่องคืนให้แก่ผู้ขายเนื่องจากชำรุด เดบิต เจ้าหนี้การค้า xxx เครดิต สินค้าคงเหลือ xxx กรณีที่กิจการส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายจะทำให้หนี้สินและสินค้าคงเหลือมียอดลดลง 4. การจ่ายชำระหนี้ และได้รับส่วนลดเงินสด วันที่ 11 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลวงชำระหนี้ให้แก่ บริษัท สากล การค้าจำกัด ทั้งหมด ซึ่งกรณีนี้ร้านบัวหลวงชำระหนี้ภายใน 10 วันตามเงื่อนไข ได้รับส่วนลดเงินสด การคำนวณหาส่วนลดเงินสด ซื้อสินค้า 30,000 หัก ส่งคืน 3,000 เหลือคงค้าง 27,000 หัก ส่วนลดรับ 1% 270 จำนวนเงินที่ต้องชำระ 26,730 บันทึกบัญชีดังนี้ เดบิต เจ้าหนี้การค้า 27,000 เครดิต เงินสด 26,730 สินค้าคงเหลือ 270 กิจการชำระหนี้ภายในกำหนดและได้รับส่วนลดจากผู้ขายจะทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง แต่ถ้ากรณีกิจการไม่ชำระหนี้ตามกำหนดที่ได้ส่วนลดก็จะต้องชำระหนี้เต็มจำนวน 5. การขายสินค้า วันที่ 16 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลวง ขายวิทยุให้แก่ลูกค้า 3 เครื่องเป็นเงิน 12,000 บาท เงื่อนไข 1/10,n/30 สินค้ามีต้นทุน 9,000 บาท เดบิต ลูกหนี้การค้า 12,000 เครดิต ขาย 12,000 เดบิต ต้นทุนสินค้าขาย 9,000 เครดิต สินค้าคงเหลือ 9,000 เมื่อกิจการใช้วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีการขายสินค้าจะต้องมีการบันทึกบัญชี 2 คู่ โดยคู่แรกจะบันทึกเกี่ยวกับรายได้คือค่าขาย ส่วนคู่ที่ 2 จะเป็นการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือทางด้านเครดิตเป็นการลดยอดสินค้า และเดบิตบัญชีต้นทุนสินค้าขายซึ่งเป็นบัญชีค่าใช้จ่าย สำหรับกรณีที่กิจการใช้สมุดรายวันเฉพาะในการบันทึกบัญชี การบันทึกต้นทุนสินค้าขายอาจจะบันทึกเดือนละครั้ง โดยบันทึกในสมุดรายวันทั่วไป 6. การรับคืนสินค้าและจำนวนที่ลดให้ วันที่ 20 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลวงได้รับใบลดหนี้จากลูกค้าที่ซื้อวิทยุ เป็นเงินเชื่อในวันที่ 16 กันยายน จำนวน 1 เครื่อง เดบิต รับคืนและส่วนลด 4,000 เครดิต ลูกหนี้การค้า 4,000 เดบิต สินค้าคงเหลือ 3,000 เครดิต ต้นทุนสินค้าขาย 3,000 ต้องบันทึกบัญชี 2 คู่ โดยคู่แรกเป็นการบันทึกรายการลดยอดขาย โดยบันทึกเดบิตบัญชีรับคืนและส่วนลด และเครดิตบัญชีลูกหนี้การค้า แต่ถ้ากิจการขายสินค้าเป็นเงินสด เวลารับคืนก็คืนเงินสดให้แก่ลูกค้า ส่วนคู่ที่ 2 จะเป็นการบันทึกบัญชีสินค้าที่รับคืนมา บัญชีรับคืนและส่วนลด เป็นบัญชีประเภทบัญชีปรับมูลค่าขาย จะนำไปแสดงโดยตัดยอดบัญชีขายเพื่อนำไปคำนวณหายอดขายสุทธิ 7. การจ่ายค่าขนส่งในการขาย วันที่ 17 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลาวงจ่ายค่าขนส่งในการขาย 400 บาท เดบิต ค่าขนส่งออก 400 เครดิต เงินสด 400 บัญชีค่าขนส่งออกเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จึงไม่นำไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนสินค้าขาย 8. การรับชำระหนี้ค่าสินค้าและให้ส่วนลดเงินสด วันที่ 26 กันยายน 25x2 ร้านบัวหลวง ได้รับชำระหนี้จากลูกค้าที่ซื้อสินค้าเมื่อวันที่ 16 กันยายน ทั้งจำนวน ภายในกำหนดเวลา และได้ให้ส่วนลดแก่ลูกค้า การคำนวณส่วนลดจ่าย ขาย 12,000 หัก รับคืน 4,000 คงเหลือ 8,000 หัก ส่วนลดจ่าย 1% 80 จำนวนเงินที่จะได้รับ 7,920 บันทึกบัญชีดังนี้ เดบิต เงินสด 7,920 ส่วนลดจ่าย 80 เครดิต ลูกหนี้การค้า 8,000 บัญชีส่วนลดจ่ายเป็นบัญชีประเภทบัญชีปรับมูลค่าขาย 9. การนำสินค้าไปใช้ส่วนตัว วันที่ 28 กันยายน 25x2 น.ส.บัว เจ้าของกิจการได้นำวิทยุ 1 เครื่องไปใช้ส่วนตัว เดบิต เงินถอน น.ส.บัว 3,000 เครดิต สินค้าคงเหลือ 3,000 การผ่านบัญชีจากสมุดรายวันทั่วไปยังบัญชีแยกประเภททั่วไปของบัญชีสินค้าคงเหลือ และบัญชีต้นทุนสินค้าขาย เป็นดังนี้ สินค้าคงเหลือ
ต้นทุนสินค้าขาย
การบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด เป็นวิธีการบันทึกบัญชีที่ไม่บันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือและบัญชีต้นทุนสินค้าขายในขณะที่มีการซื้อขายสินค้าจนกว่าจะถึงวันสิ้นงวดบัญชี ตามวิธีนี้บัญชีสินค้าคงเหลือจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างงวด และบัญชีต้นทุนสินค้าขายก็จะไม่มีการบันทึกตอนที่ขายสินค้าทุกครั้ง และในวันสิ้นงวดกิจการจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจนับสินค้าในวันสิ้นงวดเพื่อบันทึกในบัญชีสินค้าคงเหลือ และใช้ในการคำนวณต้นทุนสินค้าที่ขายไป บัญชีที่ต้องบันทึกแทนบัญชีสินค้าคงเหลือและบัญชีต้นทุนสินค้าขาย คือ บัญชีซื้อ บัญชีค่าขนส่งเข้า บัญชีส่งคืนและส่วนลดบัญชีส่วนลดรับ ธุรกิจที่เหมาะกับการบันทึกบัญชีวิธีนี้คือ ธุรกิจที่จำนวนสินค้าราคาต่อหน่วยค่อนข้างต่ำและขายเป็นจำนวนมาก บัญชีสินค้าคงเหลือตามวิธีบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด จะแสดงเฉพาะสินค้าคงเหลือยกมาจากงวดก่อนเท่านั้น ในระหว่างงวดจะไม่มีการบันทึกบัญชี สินค้าคงเหลือ ส่วนต้นทุนสินค้าขายในวิธีนี้ ไม่ได้บันทึกบัญชีต้นทุนของทุกครั้ง ดังนั้นหากต้องการทราบว่าต้นทุนสินค้าขายเท่ากับเท่าใด คำนวณหาได้ดังนี้ ต้นทุนสินค้าขาย : สินค้าคงเหลือต้นงวด xx บวก ซื้อ xx หัก ส่งคืนและส่วนลด xx ส่วนลดรับ xx xx ซื้อสุทธิ xx บวก ค่าขนส่งเข้า xx ต้นทุนซื้อระหว่างงวด xx ต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขาย xx หัก สินค้าคงเหลือปลายงวด xx ต้นทุนสินค้าขาย xx หรือ ต้นทุนสินค้าขาย = สินค้าคงเหลือต้นงวด + ซื้อ + ค่าขนส่งเข้า – ส่งคืนและส่วนลด – ส่วนลดรับ – สินค้าคงเหลือปลายงวด ตัวอย่างที่ 6 การบันทึกสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด (จากตัวอย่างเดิม) 1. เมื่อซื้อสินค้า เดบิต ซื้อ 30,000 เครดิต เจ้าหนี้การค้า 30,000 วิธีนี้จะบันทึกบัญชีซื้อแทนบัญชีสินค้าคงเหลือ บัญชีซื้อเป็นบัญชีชั่วคราวประเภทค่าใช้จ่าย และเป็นบัญชีหนึ่งที่ใช้คำนวณต้นทุนสินค้าขาย ส่วนการซื้อสินทรัพย์อื่นๆ จะไม่บันทึกในบัญชีนี้ แต่จะบันทึกบัญชีสินทรัพย์นั้นโดยตรง 2. ค่าขนส่งเข้า เดบิต ค่าขนส่งเข้า 500 เครดิต เงินสด 500 บัญชีค่าขนส่งเข้าเป็นบัญชีค่าใช้จ่าย และเป็นบัญชีหนึ่งที่จะต้องนำไปคำนวณต้นทุนสินค้าขาย 3. การส่งคืนสินค้าและจำนวนที่ได้ลด เดบิต เจ้าหนี้การค้า 3,000 เครดิต ส่งคืนและส่วนลด 3,000 บัญชีส่งคืนและส่วนลด เป็นบัญชีประเภทบัญชีปรับมูลค่าบัญชีซื้อ เป็นบัญชีหักจากบัญชีซื้อเพื่อลดยอดของบัญชีซื้อ ในการคำนวณหายอดซื้อสุทธิของกิจการ 4. การจ่ายชำระหนี้และได้รับส่วนลด เดบิต เจ้าหนี้การค้า 27,000 เครดิต เงินสด 26,730 ส่วนลดรับ 270 บัญชีส่วนลดรับเป็นบัญชีประเภทปรับมูลค่าบัญชีซื้อ และจะนำบัญชีนี้ไปหักจากบัญชีซื้อเพื่อลดยอดบัญชีซื้อในการคำนวณหายอดซื้อสุทธิ ซื้อ 30,000 หัก ส่งคืนและส่วนลด 3,000 ส่วนลดรับ 270 3,270 ซื้อสุทธิ 26,730 5. การขายสินค้า เดบิต ลูกหนี้การค้า 12,000 เครดิต ขาย 12,000 วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวดนั้นจะไม่ต้องบันทึกต้นทุนสินค้าขายในตอนขาย 6. รับคืนและส่วนลด เดบิต รับคืนและส่วนลด 4,000 เครดิต ลูกหนี้การค้า 4,000 วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือตามวิธีนี้ จะไม่มีการบันทึกต้นทุนสินค้าขาย และสอนค้าคงเหลือในตอนรับคืนสินค้า 7. จ่ายค่าขนส่งในการขาย เดบิต ค่าขนส่งออก 400 เครดิต เงินสด 400 บัญชีค่าขนส่งออกเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 8. การรับชำระหนี้และให้ส่วนลดจ่าย เดบิต เงินสด 7,920 ส่วนลดจ่าย 80 เครดิต ลูกหนี้การค้า 8,000 บัญชีส่วนลดจ่าย เป็นบัญชีปรับมูลค่าขาย 9. การนำสินค้าไปใช้ส่วนตัว เดบิต เงินถอน - น.ส.บัว 3,000 เครดิต ซื้อ 3,000 การคำนวณหาต้นทุนสินค้าขาย ร้านบัวหลวง มีสินค้าคงเหลือยกมา จำนวน 8,000 บาท และสินค้าคงเหลือปลายงวดตรวจนับได้และตีราคาได้จำนวน 26,230 บาท การคำนวณหาต้นทุนสินค้าขายได้ดังนี้ สินค้าคงเหลือต้นงวด 8,000 บวก ซื้อ (30,000 - 3,000) 27,000 หัก ส่งคืนและส่วนลด 3,000 ส่วนลดรับ 270 3,270 ซื้อสุทธิ 23,730 บวก ค่าขนส่งเข้า 500 ต้นทุนซื้อระหว่างงวด 24,230 ต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขาย 32,230 หัก สินค้าคงเหลือปลายงวด 26,230 ต้นทุนสินค้าขาย 6,000 การเปรียบเทียบการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือทั้ง 2 วิธี
การบันทึกบัญชีกรณีกิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจที่จดทะเบียนอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีขาย) จากผู้ซื้อทุกครั้งที่มีการขายสินค้า ส่วนในการซื้อสินค้า ถ้าซื้อสินค้าจากผู้ขายที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจจะต้องชำระภาษีซื้อแล้วได้ใบกำกับภาษี การบันทึกบัญชี มีดังนี้ 1. การซื้อสินค้า วันที่ 1 สิงหาคม 25x3 บริษัท ออดิโอ จำกัด ซื้อสินค้าจากบริษัท เอกชัย จำกัด 100,000 บาท เงื่อนไขการชำระเงิน 1/10, n/30 เดบิต ซื้อ 100,000 ภาษีซื้อ 7,000 เครดิต เจ้าหนี้การค้า 107,000 บัญชีภาษีซื้อเป็นบัญชีประเภทสินทรัพย์ พอสิ้นเดือนจะต้องปิดไปพร้อมกับบัญชีภาษีขาย เพื่อคำนวณหาว่าได้คืนภาษีหรือต้องชำระภาษีเพิ่ม 2. การส่งคืนสินค้า วันที่ 3 สิงหาคม 25x3 บริษัทออดิโอ จำกัด ส่งคืนสินค้าที่ซื้อจากบริษัทเอกชัย จำนวน 10,000 บาท เนื่องจากชำรุด ตามใบหักหนี้ เลขที่1101 เดบิต เจ้าหนี้การค้า 10,700 เครดิต ส่งคืนและส่วนลด 10,000 ภาษีซื้อ 700 3. การขายสินค้า วันที่7 สิงหาคม 25x3 บริษัทขายสินค้าให้แก่ร้านพิธาน จำนวน 120,000 บาทเงื่อนไขการชำระเงิน 1/10, n/40 ให้ส่วนลดการค้า 5% ภาษีขาย 7% ตามใบกำกับสินค้าเลขที่ 1178 เดบิต ลูกหนี้การค้า 121,980 เครดิต ขาย 114,000 ภาษีขาย 7,980 บัญชีภาษีขายเป็นบัญชีประเภทหนี้สิน ตอนสิ้นเดือนต้องปิดพร้อมกับภาษีซื้อ 4. การรับคืนสินค้า วันที่ 8 สิงหาคม 25x3 บริษัทรับคืนสินค้าจากร้านพิธาน จำนวน 14,000 บาท เนื่องจากส่งของผิดรุ่น ตามใบหักหนี้ เลขที่ 720 เดบิต รับคืนและส่วนลด 14,000 ภาษีขาย 980 เครดิต ลูกหนี้การค้า 14,980 5. การจ่ายชำระหนี้และได้รับส่วนลดเงินสด วันที่ 11 สิงหาคม 25x3 บริษัทจ่ายชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดให้แก่ บริษัท เอกชัย และได้รับส่วนลดตามเงื่อนไข เดบิต เจ้าหนี้การค้า 96,300 เครดิต เงินสด 95,400 ส่วนลดรับ 900 การคำนวณส่วนลด มีดังนี้ ซื้อ 100,000 หัก ส่งคืนและส่วนลด 10,000 คงเหลือ 90,000 ส่วนลดรับ 1% เท่ากับ 90,000 x 1% = 900 บาท 6. การรับชำระหนี้ และให้ส่วนลด วันที่ 17 สิงหาคม 25x3 บริษัทได้รับชำระหนี้ที่คงค้างทั้งหมดจากร้านพิธาน และได้ให้ส่วนลดตามเงื่อนไข เดบิต เงินสด 106,000 ส่วนลดจ่าย 1,000 เครดิต ลูกหนี้การค้า 107,000 การคำนวณส่วนลดจ่าย มีดังนี้ ขาย 114,000 บาท หัก รับคืนและส่วนลด 14,000 บาท คงเหลือ 100,000 บาท ส่วนลดจ่าย 1% เท่ากับ 100,000 x 1% = 1,000 บาท 7. การนำส่งภาษีในวันสิ้นเดือน เมื่อถึงวันสิ้นเดือนกิจการต้องปิดบัญชีภาษีซื้อและภาษีขายในกรณีที่ภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อก็ต้องชำระภาษีในส่วนที่แตกต่างโดยบันทึกบัญชีเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มค้างจ่าย หรือเจ้าหนี้กรมสรรพากร แต่ถ้ากรณีภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย จะบันทึกเดบิตบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่มรอรับคืนหรือลูกหนี้กรมสรรพากร เดบิต ภาษีขาย 7,000 เครดิต ภาษีซื้อ 6,300 ภาษีมูลค่าเพิ่มค้างจ่าย / เจ้าหนี้-กรมสรรพากร 700 ตัวอย่าง การบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง บริษัท เกษตรการไฟฟ้า จำกัด ได้จดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ในระหว่างเดือนเมษายน 25x5 มีรายการค้าเกิดขึ้น ดังนี้ เม.ย. 2 ซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อจาก หจก. สินไทย 50 หน่วย เป็นเงิน 100,000บาท เงื่อนไขในการชำระเงิน 2/10, n/40 ภาษีซื้อ 7% ตามใบกำกับภาษีเลข ที่ 7890 จำนวน 7,000 บาท 4 ส่งคืนสินค้าที่ซื้อจาก หจก. สินไทย 5 หน่วย เป็นเงิน 10,000 บาท เนื่องจากเป็นสินค้ามีตำหนิ ตามใบลดหนี้เลขที่ 112 12 จ่ายชำระหนี้ให้ หจก. สินไทย ทั้งสิ้น ได้รับส่วนลดตามเงื่อนไข 15 ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อให้ร้านนันทวัน 40 หน่วย ราคาหน่วยละ 3,000 บาท เงื่อนไข 1/10, n/30 ให้ส่วนลดการค้า 5% ภาษีขาย 7% ตามใบกำกับ ภาษีเลขที่ 1234 เป็นเงิน 7,980 บาท 19 รับคืนสินค้าที่ขายให้แก่ร้านนันทวัน 10 หน่วย เพราะชำรุด ตามใบลดหนี้ เลขที่ 412 23 จ่ายค่าโฆษณาให้แก่หนังสือพิมพ์ไทย 10,000 บาท เป็นเงินสด ภาษีซื้อ 7% 25 รับชำระหนี้จากร้านนันทวันทั้งสิ้น และให้ส่วนลดตามเงื่อนไข 30 ปิดบัญชีภาษีซื้อและภาษีขาย บันทึกบัญชีดังนี้ 25x5 เม.ย. 2 เดบิต สินค้าคงเหลือ 100,000 ภาษีซื้อ 7,000 เครดิต เจ้าหนี้การค้า 107,000 4 เดบิต เจ้าหนี้การค้า 10,700 เครดิต สินค้าคงเหลือ 10,000 ภาษีซื้อ 700 12 เดบิต เจ้าหนี้การค้า 96,300 เครดิต เงินสด 94,500 สินค้าคงเหลือ 1,800 15 เดบิต ลูกหนี้การค้า 121,980 เครดิต ขาย 114,000 ภาษีขาย 7,980 15 เดบิต ต้นทุนสินค้าขาย 80,000 เครดิต สินค้าคงเหลือ 80,000 19 เดบิต รับคืนและส่วนลด 28,500 ภาษีขาย 1,995 เครดิต ลูกหนี้การค้า 30,495 19 เดบิต สินค้าคงเหลือ 20,000 เครดิต ต้นทุนสินค้าขาย 20,000 23 เดบิต ค่าโฆษณา 10,000 ภาษีซื้อ 700 เครดิต เงินสด 10,700 25 เดบิต เงินสด 90,630 ส่วนลดจ่าย 855 เครดิต ลูกหนี้การค้า 91,485 30 เดบิต ภาษีมูลค่าเพิ่มรอรับคืน/ลูกหนี้-กรมสรรพากร 1,015 ภาษีขาย 5,985 เครดิต ภาษีซื้อ 7,000 การบันทึกบัญชีกรณีภาษีหัก ณ ที่จ่าย การหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นบริการเสียภาษีวิธีหนึ่งของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องนำเงินภาษีที่หักไว้ส่งกรมสรรพากรภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงิน หรือภายใน7 วัน นับแต่วันที่จ่ายเงินขึ้นอยู่กับประเภทของเงินได้ ตัวอย่าง วันที่ 30 เมษายน 25x3 กิจการจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานคนหนึ่ง 10,000 บาท จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 500 บาท เดบิต เงินเดือน 10,000 เครดิต เงินสด 9,500 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 500 วันที่ 7 พ.ค. 25x3 นำภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งกรมสรรพากร เดบิต ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 500 เครดิต เงินสด 500 บัญชีภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นบัญชีหนี้สินหมุนเวียน กระดาษทำการสำหรับธุรกิจซื้อขายสินค้า แตกต่างจากที่เรียนมาแล้วเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสินค้าเท่านั้น ในกรณีที่กิจการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง จะมีบัญชีที่เพิ่มเติม ดังนี้ 1. บัญชีสินค้าคงเหลือในงบทดลองก่อนปรับปรุง จะเป็นยอดสินค้าคงเหลือปลายงวด และจะนำไปลงในช่องงบดุลทางด้านเดบิต 2. บัญชีขายเป็นบัญชีรายได้ แสดงในช่องงบกำไรขาดทุน ทางด้านเครดิต 3. บัญชีรับคืนและส่วนลดเป็นบัญชีปรับมูลค่าขายให้ลดลง แสดงในช่องงบกำไรขาดทุน ทางด้านเดบิต 4. บัญชีส่วนลดจ่ายเป็นบัญชีปรับมูลค่าขาย แสดงในช่องงบกำไรขาดทุนทางด้านเดบิต 5. บัญชีต้นทุนสินค้าขายเป็นบัญชีค่าใช้จ่าย แสดงในช่องงบกำไรขาดทุน ทางด้านเดบิต ตัวอย่าง การจัดทำกระดาษทำการ กรณีบันทึกสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง บริษัท สหกิจ จำกัด งบทดลองก่อนปรับปรุง วันที่ 31 ธันวาคม 25x2 เงินสด 130,000 ลุกหนี้การค้า 70,000 ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 500 สินค้าคงเหลือ 30,000 ค่าเบี้ยประกันจ่ายล่วงหน้า 20,000 อุปกรณ์สำนักงาน 100,000 เจ้าหนี้การค้า 10,500 ทุนเรือนหุ้น 300,000 กำไรสะสม 24,400 เงินปันผลจ่าย 10,000 ขาย 90,000 รับคืนและส่วนลด 1,000 ส่วนลดจ่าย 700 ต้นทุนสินค้าขาย 50,700 ค่าขนส่งออก 1,000 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั่วไป 425,400 425,400 ข้อมูลเพิ่มเติม 1. ค่าเบี้ยประกันภัยจ่ายล่วงหน้าคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 25x2 จำนวน 16,000 บาท 2. คิดค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์สำนักงาน 5% ต่อปี 3. ประมาณหนี้สงสัยจะสูญ 2% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ บริษัท สหกิจ จำกัด กระดาษทำการ สำหรับงวดปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 25x2
สำหรับกรณีที่กิจการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด จะทำกระดาษทำการได้ 2 แบบ คือ แบบไม่แสดงต้นทุนสินค้าขาย และแบบแสดงต้นทุนสินค้าขาย โดยแบบไม่แสดงต้นทุนสินค้าขายจะมีรายละเอียดดังนี้ 1. บัญชีสินค้าคงเหลือ ในงบทดลองก่อนปรับปรุง จะเป็นยอดสินค้าคงเหลือต้นงวดทีจะต้องโอนไปเป็นต้นทุนสินค้าขาย จะต้องนำไปแสดงในช่องงบกำไรขาดทุนทางด้านเดบิต 2. บัญชีซื้อเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายแสดงในช่องงบกำไรขาดทุนทางด้านเดบิต 3. บัญชีส่งคืนและส่วนลดเป็นบัญชีปรับมูลค่าซื้อให้ลดลงแสดงในงบกำไรขาดทุนทางด้านเครดิต 4. บัญชีส่วนลดรับเป็นบัญชีปรับมูลค่าซื้อ แสดงในช่องงบกำไรขาดทุนทางด้านเครดิต 5. บัญชีค่าขนส่งเข้าเป็นบัญชีค่าใช้จ่าย แสดงในงบกำไรขาดทุนด้านเดบิต 6. บัญชีสินค้าคงเหลือปลายงวดเป็นสินค้าที่ตรวจนับได้ในวันสิ้นงวด แสดงในช่องงบดุลทางด้านเดบิต เพื่อที่จะแสดงเป็นสินทรัพย์ของกิจการ และในด้านเครดิตในช่องงบกำไรขาดทุน ตัวอย่าง การจัดทำกระดาษทำการ กรณีบันทึกสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด บริษัท สหกิจ จำกัด งบทดลองก่อนปรับปรุง วันที่ 31 ธันวาคม 25x2 เงินสด 130,000 ลูกหนี้การค้า 70,000 ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 500 สินค้าคงเหลือ 40,000 ค่าเบี้ยประกันจ่ายล่วงหน้า 20,000 อุปกรณ์สำนักงาน 100,000 เจ้าหนี้การค้า 10,500 ทุนเรือนหุ้น 300,000 กำไรสะสม 24,400 เงินปันผลจ่าย 10,000 ขาย 90,000 รับคืนและส่วนลด 1,000 ส่วนลดจ่าย 700 ซื้อ 40,000 ส่งคืนและส่วนลด 1,200 ส่วนลดรับ 1,100 ค่าขนส่งเข้า
3,000 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั่วไป 12,000 427,700 427,700 ข้อมูลเพิ่มเติม 1. ค่าเบี้ยประกันภัยจ่ายล่วงหน้าคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 25x2 จำนวน 16,000 บาท 2. คิดค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์สำนักงาน 5% ต่อปี 3. ประมาณหนี้สงสัยจะสูญ 2% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ 4. สินค้าคงเหลือปลายงวดตรวจนับได้ 30,000 บาท บริษัท สหกิจ จำกัด กระดาษทำการ สำหรับงวดปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 25x2
แบบแสดงต้นทุนสินค้าขาย มีรายละเอียดคือ 1. ในช่องรายการปรับปรุง จะต้องปรับปรุงรายการที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณหาต้นทุนสินค้าขายโดย เดบิต บัญชีส่งคืนและส่วนลด ส่วนลดรับ และเครดิต บัญชีสินค้าคงเหลือต้นงวด ซื้อ และบันทึกสินค้าคงเหลือปลายงวดที่ตรวจนับได้ ในช่องเดบิต เมื่อปรับปรุงแล้วก็จะได้ต้นทุนสินค้าขาย แสดงในช่องเดบิต 2. เมื่อปรับปรุงรายการตามข้อ 1 แล้วจะได้รายการต่างๆ ในช่องงบทดลองหลังปรับปรุง บริษัท สหกิจ จำกัด กระดาษทำการ สำหรับงวดปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 25x2
งบกำไรขาดทุนของธุรกิจซื้อขายสินค้า งบกำไรขาดทุนของกิจการที่ซื้อขายสินค้าจะแตกต่างกับงบกำไรขาดทุนของกิจการให้บริการ กิจการซื้อขายสินค้าจะแสดงรายละเอียดของรายการต่างๆ เป็นหลายขั้นตอน โดยในขั้นตอนแรกจะแสดงว่าในการขายสินค้านั้นมีกำไรหรือขาดทุนชนิดนี้เท่าใด โดยนำยอดขายสุทธิหักด้วยต้นทุนสินค้าขาย จากนั้นจึงหักด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายหรือภาษีเงินได้อื่นๆ กรณีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง “งบกำไรขาดทุน” บริษัท สหกิจ จำกัด งบกำไรขาดทุน สำหรับงวด 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 25x2 ขาย 90,000 หัก รับคืนและส่วนลด 1,000 ส่วนลดจ่าย 700 1,700 ขายสุทธิ 88,300 หัก ต้นทุนสินค้าขาย 50,700 กำไรขั้นต้น 37,600 หัก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าขนส่งออก 1,000 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั่วไป 12,000 ค่าเบี้ยประกัน 4,000 ค่าเสื่อมราคา-อุปกรณ์สำนักงาน 5,000 หนี้สงสัยจะสูญ 900 22,900 กำไรสุทธิ 14,700 กรณีการบันทึกบัญชีสินค้าแบบสิ้นงวด บริษัท สหกิจ จำกัด งบกำไรขาดทุน สำหรับงวด 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 25x2 ขาย 90,000 หัก รับคืนและส่วนลด 1,000 ส่วนลดจ่าย 700 1,700 ขายสุทธิ 88,300 หัก ต้นทุนสินค้าขาย สินค้าคงเหลือต้นงวด 40,000 ซื้อ 40,000 หัก ส่งคืนและส่วนลด 1,200 ส่วนลดรับ 1,100 2,300 ซื้อสุทธิ 37,700 บวก ค่าขนส่งเข้า 3,000 ต้นทุนซื้อสินค้าระหว่างงวด 40,700 รวมต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขาย 80,700 หัก สินค้าคงเหลือปลายงวด 30,000 50,700 กำไรขั้นต้น 37,600 หัก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าขนส่งออก 1,000 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั่วไป 12,000 ค่าเบี้ยประกัน 4,000 ค่าเสื่อมราคา-อุปกรณ์สำนักงาน 5,000 หนี้สงสัยจะสูญ 900 22,900 กำไรสุทธิ 14,700 งบดุล งบดุลของกิจการที่ซื้อขายสินค้าไม่ว่าจะบันทึกบัญชีโดยวิธีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง หรือบรรทุกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด จะทำเหมือนกันทั้ง 2 วิธี บริษัท สหกิจ จำกัด งบกำไรขาดทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 25x2 สินทรัพย์ สินทรัพย์หมุนเวียน เงินสด 130,000 ลูกหนี้การค้า 70,000 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 1,400 68,600 สินค้าคงเหลือ 30,000 ค่าเบี้ยประกันจ่ายล่วงหน้า 16,000 รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 244,600 ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ อุปกรณ์สำนักงาน 100,000 หัก ค่าเสื่อมราคาสะสม-อุปกรณ์สำนักงาน 5,000 95,000 รวมสินทรัพย์ 339,600 หนี้สินและส่วนของเจ้าของ หนี้สินหมุนเวียน เจ้าหนี้การค้า 10,500 ส่วนของผู้ถือหุ้น ทุนเรือนหุ้น 300,000 กำไรสะสม 24,400 บวก กำไรสุทธิ 14,700 รวม 39,100 หัก เงินปันผลจ่าย 10,000 29,100 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 329,100 รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 339,600 การปิดบัญชีสำหรับธุรกิจซื้อขายสินค้า ทำการปิดบัญชีเมื่อตอนสิ้นงวด ในสมุดรายวันทั่วไป และผ่านบัญชีไปยังสมุดบัญชีแยกประเภท ดังนี้ 1. กรณีบันทึกบัญชีสินค้าแบบต่อเนื่อง ปิดบัญชี ดังนี้ 1.1 ปิดบัญชีขายเข้าบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน 1.2 ปิดบัญชีต้นทุนสินค้าขาย บัญชีรับคืนและส่วนลด ส่วนลดจ่าย และบัญชีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เข้าบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน 1.3 ปิดบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุนเข้าบัญชีกำไรสะสมด้านเครดิต (กรณีกำไร) หรือด้านเดบิต(กรณีขาดทุน) 1.4 ปิดบัญชีเงินปันผลจ่ายเข้าบัญชีกำไรสะสมด้านเดบิต การปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไปมีดังนี้ จากตัวอย่างโจทย์ บริษัท สหกิจ จำกัด 25x2 ธ.ค. 31 เดบิต ขาย 90,000 เครดิต สรุปผลกำไรขาดทุน 90,000 เดบิต สรุปผลกำไรขาดทุน 75,300 เครดิต ต้นทุนสินค้าขาย 50,700 รับคืนและส่วนลด 1,000 ส่วนลดจ่าย 700 ค่าขนส่งออก 1,000 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั่วไป 12,000 ค่าเบี้ยประกัน 4,000 ค่าเสื่อมราคา-อุปกรณ์สำนักงาน 5,000 หนี้สงสัยจะสูญ 900 เดบิต สรุปผลกำไรขาดทุน 14,700 เครดิต กำไรสะสม 14,700 เดบิต กำไรสะสม 10,000 เครดิต เงินปันผลจ่าย 10,000 2. กรณีบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวดมี 2 กรณี ดังนี้ 2.1 กรณีปิดบัญชีโดยไม่แสดงบัญชีต้นทุนสินค้าขาย มีดังนี้ 2.1.1 ปิดบัญชีขาย ส่งคืนและส่วนลด และส่วนลดรับ เข้าบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน และบันทึกสินค้าคงเหลือปลายงวดที่ตรวจนับ ได้ 2.1.2 ปิดบัญชีสินค้าคงเหลือต้นงวด รับคืนและส่วนลด ส่วนลดจ่าย ซื้อ ค่าขนส่งเข้า และบัญชีต่างๆ เข้าบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน 2.1.3 ปิดบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน เข้าบัญชีกำไรสะสมด้านเครดิต (กรณีกำไร) หรือด้านเดบิต (กรณีขาดทุน) 2.1.4 ปิดบัญชีเงินบันผลจ่ายเข้าบัญชี กำไรสะสมด้านเดบิต การปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป มีดังนี้ 25x2 ธ.ค. 31 เดบิต สินค้าคงเหลือ (31 ธ.ค. 25x2) 30,000 ขาย 90,000 ส่งคืนและส่วนลด 1,200 ส่วนลดรับ 1,100 เครดิต สรุปผลกำไรขาดทุน 122,300 เดบิต สรุปผลกำไรขาดทุน 107,600 เครดิต สินค้าคงเหลือ (1 ม.ค. 25x2) 40,000 รับคืนและส่วนลด 1,000 ส่วนลดจ่าย 700 ซื้อ 40,000 ค่าขนส่งเข้า 3,000 ค่าขนส่งออก 1,000 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั่วไป 12,000 ค่าเบี้ยประกัน 4,000 ค่าเสื่อมราคา-อุปกรณ์สำนักงาน 5,000 หนี้สงสัยจะสูญ 1,200 เดบิต สรุปผลกำไรขาดทุน 14,700 เครดิต กำไรสะสม 14,700 เดบิต กำไรสะสม 10,000 เครดิต เงินปันผลจ่าย 10,000 2.2 กรณีปิดบัญชี โดยแสดงบัญชีต้นทุนสินค้าขาย 2.2.1 ปิดบัญชีส่งคืนและส่วนลด ส่วนลดรับ สินค้าคงเหลือต้นงวด ซื้อ และค่าขนส่งเข้า บันทึกสินค้าคงเหลือปลายงวดที่ตรวจนับ ได้ และบันทึกต้นทุนสินค้าขาย 2.2.2 ปิดบัญชีขายเข้าบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน 2.2.3 ปิดบัญชีต้นทุนสินค้าขาย รับคืนและส่วนลด ส่วนลดจ่ายและบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ เข้าบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน 2.2.4 ปิดบัญชีสรุปผลกำไรขาดทุน เข้าบัญชีกำไรสะสมด้านเครดิต (กรณีกำไร) หรือด้านเดบิต (กรณีขาดทุน) 2.2.5 ปิดบัญชีเงินปันผลจ่ายเข้าบัญชีกำไรสะสมด้านเดบิต 25x2 ธ.ค. 31 เดบิต สินค้าคงเหลือ (31 ธ.ค.) 30,000 ต้นทุนสินค้าขาย 50,700 ส่งคืนและส่วนลด 1,200 ส่วนลดรับ 1,100 เครดิต สินค้าคงเหลือ (1 ม.ค.) 40,000 ซื้อ 40,000 ค่าขนส่งเข้า 3,000 เดบิต ขาย 90,000 เครดิต สรุปผลกำไรขาดทุน 90,000 เดบิต สรุปผลกำไรขาดทุน 75,300 เครดิต ต้นทุนสินค้าขาย 50,700 รับคืนและส่วนลด 1,000 ส่วนลดจ่าย 700 ค่าขนส่งออก 1,000 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั่วไป 12,000 ค่าเบี้ยประกัน 4,000 ค่าเสื่อมราคา-อุปกรณ์สำนักงาน 5,000 หนี้สงสัยจะสูญ 1,200 เดบิต สรุปผลกำไรขาดทุน 14,700 เครดิต กำไรสะสม 14,700 เดบิต กำไรสะสม 10,000 เครดิต เงินปันผลจ่าย 10,000 |