ธุรกิจแบบ startup และ SMEs (Small and Medium Enterprise) ฟังผิวเผินทุกคนก็น่าจะเข้าใจไปในทางเดียวกันว่าเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาโดยมีเป้าหมายในการขายสินค้าและบริการ แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดปลีกย่อย จะเห็นได้ชัดเจนว่าธุรกิจ 2 แบบนี้มีความแตกต่างกัน หลาย ๆ ท่านที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตนเองอาจจะกำลังสับสนว่าควรเริ่มทำ startup หรือ SMEs ดี ในบทความนี้เลยอยากจะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการทำธุกิจ 2 ประเภทนี้ เพื่อที่จะได้เห็นภาพมากขึ้นว่า แบบไหนคือแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ สิ่งที่ทำให้ธุรกิจทั้งสองรูปแบบแตกต่างกันอย่างชัดเจนก็คือเรื่องของ “การเติบโตทางธุรกิจ” กับ “วิธีการหาเงินทุน” และ “ความเสี่ยงและผลตอบแทน” การเติบโตทางธุรกิจ(Image: entrepreneurshandbook.co) Startup เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วย ทำให้สามารถขยายตัวได้ในเวลาสั้น นอกจากนั้น Startup มักเริ่มต้นมาจากไอเดียใหม่ ๆ ที่ถูกคิดค้นเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ยังไม่ถูกแก้ไข ยิ่งมีนักลงทุนที่สนใจในไอเดียนั้น ๆ มากเท่าไหร่ อัตราการเติบโดก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นด้วยเงินลงทุนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีเป้าหมายที่จะเติบโตให้ได้อย่างน้อยปีละ 1,000% โดยหากได้น้อยกว่านั้น ถือว่าธุรกิจ Startup นั้น ยังไม่โต หรือยังไม่ประสบความสำเร็จ SME เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับการขยายกิจการทั่วไปที่ต้องมีการลงทุนเพิ่มในทรัพย์สิน เพิ่มจำนวนพนักงาน ซึ่งการที่ธุรกิจประเภทนี้จะขยายตัวได้โดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด จะต้องรอให้เกิดผลกำไรก่อนจึงจะนำมาลงทุนเพิ่มต่อไป SME มักจะมีเป้าการดำเนินการธุรกิจให้มีรายได้เติบโตอยู่ที่ปีละประมาณ 30%-50% หรือหากเป็นช่วงเกิดใหม่ก็อาจอยู่ที่ปีละ 100%-200% เป็นอย่างมาก วิธีการหาเงินลงทุน(Image: theindianwire.com) สำหรับ Startup ส่วนมากจะนิยมใช้การระดมทุนจากนักลงทุนที่สนใจในไอเดียธุรกิจเหมือน ๆ กัน โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นส่วนแบ่งเงินกำไรที่จะได้ในอนาคต นักลงทุนของ Startup นั้นมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่
ส่วน SME โดยมากเจ้าของธุรกิจจะเป็นผู้ลงทุนเอง หรืออาจกู้เงินมากจากธนาคารที่มีสินเชื่อสำหรับ SME หรือจากที่อื่น ธุรกิจประเภทนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้เติบโตรวดเร็วแบบ Startup ดังนั้นเงินลงทุนจาก Venture capitalist หรือนักลงทุนอื่น ๆ ไม่ได้มีความจำเป็นต่อ SME เท่าไหร่นัก ความเสี่ยงและผลตอบแทน(Image: eqs.com) จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า Startup มักจะเริ่มต้นเล็กมาก ๆ ด้วยไอเดียที่ต้องการจะสร้างสิ่งใหม่ในตลาด ไม่ว่าจะเป็น สินค้าใหม่ บริการรูปแบบใหม่ การตลาด โมเดลธุรกิจแบบใหม่ เราอาจจะพูดได้เลยว่ามันเป็นการเริ่มต้นตั้งแต่ 0 โดยที่ยังไม่แน่ใจว่าไอเดียของเราจะตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้น แน่นอนว่าการลงทุนทำ Startup ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่าธุรกิจขนาดเล็ก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การลงทุนทำ SME ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น แต่แค่การลงทุนทำธุรกิจที่มีโมเดลชัดเจนอยู่แล้ว หรือเริ่มต้นจากสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ในตลาดแต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะอย่างน้อยผู้ประกอบการณ์สามารถเรียนรู้จากคู่แข่ง จากโมเดลธุรกิจอื่น ๆ ได้ บทความนี้ หยิบยกเพียงส่วนต่างหลัก ๆ ระหว่าง Startup และ SME เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าในธรรมชาติของธุรกิจสองประเภทนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น เจ้าของธุรกิจจึงต้องพร้อมที่จะปรับตัวตลอดเวลาเพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่รอด อ้างอิง:
|