หนังแท้มันคืออะไรน่าาาา.....🐄🐂🐑 **** หนังแท้จริงๆ แล้วมีหลายชนิดและหลายประเภท เช่น หนัง จิงโจ้ หนังนกกระจอกเทศ... Show หากพูดถึง “ หนังแท้ ” หลายคนอาจนึกถึงพวก หนังวัว , หนังแกะ , หนังจระเข้ หรือหนังงู ใช่แล้วครับ เพราะหนังของสัตว์จำพวกนี้สามารถนำมาทำเป็น กระเป๋าหนัง , รองเท้าหนัง , และเสื้อหนังแท้ ๆ ให้เราได้ใช้กันตั้งแต่อดีต จนมาถึงปัจจุบันกันเลยทีเดียว ซึ่งเราสามารถนำหนังแต่ละประเภทมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้ โดยการแบ่งเป็น 2 จำพวกหลัก ๆ นั่นก็คือ หนังดิบเป็นหนังที่ได้มาจากสัตว์ที่ตายแล้ว โดยนิยมนำเอาหนังดิบมาใช้ทำเป็น หนังกลอง และหนังตะลุง หนังฟอกเป็นการนำ หนังดิบ มาฟอกแบบชนิดต่าง ๆ เช่น “ การฟอกฝาด ” จะใช้ส่วนประกอบจาก พืช อย่างเช่น เปลือกไม้ , เนื้อไม้ , ผลจากต้นไม้ และรากไม้ การฟอกฝาดจะ ทำด้วยมือ และใช้เวลา แช่หนัง ในบ่อฟอกนานถึง 2 เดือน , ” การฟอกโครม “ เป็นการฟอกที่ทำในถังหมุนซึ่งจะใส่สารเคมีพวกเกลือของโครเมียม เช่น โครมิก ( Chromic ) เป็นตัวฟอก และการฟอกโครมเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เนื่องจากสารเคมีราคาถูก , ใช้เวลาในการฟอกไม่นาน กระบวนการฟอก ทำให้หนังนั้นมีสีสันที่สวยงาม , ผิวเรียบอ่อนนุ่ม , ได้ความหนาตามที่ต้องการและหนังไม่เน่าเปื่อย ซึ่งกระบวนการฟอกนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดของหนังสัตว์และการใช้งานด้วยเช่นกัน ลักษณะที่ชัดเจนของหนังแท้ จะมีรูขุมขนของผิวและลวดลายที่เป็นธรรมชาติ ท้องของหนังจะเป็นเส้นใย และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ หนังแท้นี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชั้น คือ Grainเป็นหนังผิวชั้นบนสุดซึ่งมีลวดลาย และรูขุมขนที่ยังคงชัดเจน เป็นหนังที่มี คุณภาพดีที่สุด เหมาะสำหรับใช้ เป็นส่วนหน้าของชิ้นงาน Splitหรือ หนังท้อง เป็นหนังชั้นกลางที่ถูกปาดผิวชั้นบนออกไป ส่วนมากนิยมแปรรูปเป็นหนัง Nubuck , Suede เป็นที่ได้รับความนิยมเพราะเป็นหนังที่ยังคงมีคุณภาพดีสามารถใช้งานได้หลากหลายและมีราคาที่ถูกกว่าหนังผิว Liningหนังท้อง เป็นชั้นล่างสุดของหนังแท้ ส่วนมากถูกนำไปแปรรูปเป็นหนังกลับ หรือ ส่วนซับในของกระเป๋า เพราะมี ราคาที่ถูกและระบายอากาศได้ดี หนังแท้ แต่ละชนิดจะถูกนำมาใช้ประโยชน์แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและลักษณะของตัวหนัง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้ เครื่องหนัง – นูบัค ( Nubuck leather )นิยมนำหนัง “ ชั้นกลาง ” ( Split ) มาทำเป็นเครื่องหนัง โดยผ่านกระบวนการฟอกแบบพิเศษ ไม่มีการลง น้ำมันทำให้หนังยังคงสภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเอามือสัมผัสจะมีขนสั้น ๆ ให้ความรู้สึกที่นุ่ม , มีความทนทานที่สูง ส่วนใหญ่นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องแต่งกายและเฟอร์นิเจอร์
เครื่องหนัง – กลับ ( Suede leather )นิยมนำหนัง “ ชั้นกลาง ” ( Split ) กลับหนังด้านในของหนังออกมาเป็นหนังบริเวณหน้าท้อง โดยผ่านกระบวนการฟอกโครม ทำมาจากหนังสัตว์ โค , กระบือ , แกะ และแพะ ซึ่งมีเส้นใยสานกันอยู่แน่นอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อสัมผัสจะมีความนุ่ม มีลักษณะขนฟู , ผิวมีความเรียบสม่ำเสมอ , ไม่มีตำหนิรอยแผล ส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นรองเท้าหนังกลับ , กระเป๋าหนังกลับ
เครื่องหนัง – ออยล์ ( Oiled leather )นิยมนำหนังผิว “ ชั้นบน ” ( Grain ) ผ่านกระบวนการฟอกด้วยน้ำมันธรรมชาติ มีผิวสัมผัสที่นุ่มมือสามารถกันการซึมซับของน้ำได้เป็นอย่างดี ในสมัยโบราณหนังออยล์จะมีวิธีการย้อมด้วยไขมันจากสมองของวัว เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีสารเคมีหรือน้ำมันสังเคราะห์ และส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นกระเป๋าสตางค์
เครื่องหนัง – ชามัวร์ ( Chamois leather )นิยมใช้หนังผิว “ ชั้นบน ” ( Grain ) ของเลียงผาหรือแกะภูเขา ผ่านกระบวนการฟอกด้วยน้ำมันจากสัตว์ทะเล มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี, ผิวนุ่ม ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนระหว่างใช้งาน มีราคาสูง ส่วนใหญ่นำมาเช็ดทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ แต่ปัจจุบันนิยมนำแพะมาทำเป็นหนังแทน เพราะเลียงผามีน้อยและหายาก
เครื่องหนัง – นัปป้า ( Nappa leather )นิยมนำหนังผิว “ ชั้นบน ” (Grain) ของหนังวัว โดยผ่านกระบวนการฟอกโครม มีผิวสัมผัสที่เรียบ , เนื้อนิ่มส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็น กระเป๋า , ร้องเท้า , โซฟาและเฟอร์นิเจอร์
อ้างอิง : http://ideaconnex.com/kaarduuaelraksaahnang-satw/ https://www.thaisabuy.com/fashion/suede-shoes-care/ https://www.vanchada.com/บทความ-ร้านกระเป๋าหนังแท้/หนังแท้-ออยล์พูลอัพ-คืออะไร https://en.wikipedia.org/wiki/Chamois_leather https://www.lastoncare.com/blogs/handbag-cleaning-and-care/5-different-types-of-leather-you-should-know |