Grainy leather คือหนังอะไร

หนังแท้มันคืออะไรน่าาาา.....🐄🐂🐑 **** หนังแท้จริงๆ แล้วมีหลายชนิดและหลายประเภท เช่น หนัง จิงโจ้ หนังนกกระจอกเทศ...

Posted by กระเป๋าหนังจระเข้แท้ หนังกระเเบนแท้ หนังวัวแท้ By Anas Genuine leather on Monday, December 16, 2019

หากพูดถึง “ หนังแท้ ” หลายคนอาจนึกถึงพวก หนังวัว , หนังแกะ , หนังจระเข้ หรือหนังงู  ใช่แล้วครับ เพราะหนังของสัตว์จำพวกนี้สามารถนำมาทำเป็น กระเป๋าหนัง , รองเท้าหนัง , และเสื้อหนังแท้ ๆ  ให้เราได้ใช้กันตั้งแต่อดีต จนมาถึงปัจจุบันกันเลยทีเดียว  ซึ่งเราสามารถนำหนังแต่ละประเภทมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้  โดยการแบ่งเป็น 2 จำพวกหลัก ๆ นั่นก็คือ

หนังดิบ

เป็นหนังที่ได้มาจากสัตว์ที่ตายแล้ว โดยนิยมนำเอาหนังดิบมาใช้ทำเป็น หนังกลอง และหนังตะลุง

หนังฟอก

เป็นการนำ หนังดิบ มาฟอกแบบชนิดต่าง ๆ เช่น “ การฟอกฝาด ”  จะใช้ส่วนประกอบจาก พืช  อย่างเช่น  เปลือกไม้ , เนื้อไม้ , ผลจากต้นไม้ และรากไม้ การฟอกฝาดจะ ทำด้วยมือ และใช้เวลา แช่หนัง ในบ่อฟอกนานถึง 2 เดือน ,  ” การฟอกโครม “ เป็นการฟอกที่ทำในถังหมุนซึ่งจะใส่สารเคมีพวกเกลือของโครเมียม เช่น โครมิก ( Chromic ) เป็นตัวฟอก และการฟอกโครมเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก  เนื่องจากสารเคมีราคาถูก , ใช้เวลาในการฟอกไม่นาน  กระบวนการฟอก  ทำให้หนังนั้นมีสีสันที่สวยงาม , ผิวเรียบอ่อนนุ่ม , ได้ความหนาตามที่ต้องการและหนังไม่เน่าเปื่อย  ซึ่งกระบวนการฟอกนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดของหนังสัตว์และการใช้งานด้วยเช่นกัน

ลักษณะที่ชัดเจนของหนังแท้ จะมีรูขุมขนของผิวและลวดลายที่เป็นธรรมชาติ ท้องของหนังจะเป็นเส้นใย และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์  ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ  หนังแท้นี้  สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชั้น คือ

Grain

เป็นหนังผิวชั้นบนสุดซึ่งมีลวดลาย  และรูขุมขนที่ยังคงชัดเจน เป็นหนังที่มี  คุณภาพดีที่สุด  เหมาะสำหรับใช้ เป็นส่วนหน้าของชิ้นงาน

Split

หรือ หนังท้อง เป็นหนังชั้นกลางที่ถูกปาดผิวชั้นบนออกไป ส่วนมากนิยมแปรรูปเป็นหนัง  Nubuck , Suede  เป็นที่ได้รับความนิยมเพราะเป็นหนังที่ยังคงมีคุณภาพดีสามารถใช้งานได้หลากหลายและมีราคาที่ถูกกว่าหนังผิว

Lining

หนังท้อง เป็นชั้นล่างสุดของหนังแท้ ส่วนมากถูกนำไปแปรรูปเป็นหนังกลับ หรือ ส่วนซับในของกระเป๋า เพราะมี ราคาที่ถูกและระบายอากาศได้ดี

หนังแท้ แต่ละชนิดจะถูกนำมาใช้ประโยชน์แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและลักษณะของตัวหนัง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ  ได้ดังนี้

เครื่องหนัง – นูบัค ( Nubuck leather )

นิยมนำหนัง “ ชั้นกลาง ” ( Split )  มาทำเป็นเครื่องหนัง  โดยผ่านกระบวนการฟอกแบบพิเศษ  ไม่มีการลง น้ำมันทำให้หนังยังคงสภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ  เมื่อเอามือสัมผัสจะมีขนสั้น ๆ ให้ความรู้สึกที่นุ่ม , มีความทนทานที่สูง  ส่วนใหญ่นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องแต่งกายและเฟอร์นิเจอร์

  • พื้นผิว : มีขนสั้นๆ ที่อ่อนนุ่ม
  • น้ำหนัก : ปานกลาง
  • ระบายอากาศ : ดีมาก
  • ความทนทาน : 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับวิธีของการใช้งาน
  • ความชื้นและเชื้อรา : อ่อนแอต่อความชื้น ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย
  • ริ้วรอย : ผิวสัมผัสเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย (แค่ใช้นิ้วลูบรอยเบาๆ รอยก็จะหายไป)
  • ราคา : มีราคาสูงกว่าประเภทหนังกลับ

เครื่องหนัง – กลับ ( Suede leather )

นิยมนำหนัง “ ชั้นกลาง ” ( Split )  กลับหนังด้านในของหนังออกมาเป็นหนังบริเวณหน้าท้อง โดยผ่านกระบวนการฟอกโครม ทำมาจากหนังสัตว์ โค , กระบือ , แกะ และแพะ  ซึ่งมีเส้นใยสานกันอยู่แน่นอย่างเป็นธรรมชาติ  เมื่อสัมผัสจะมีความนุ่ม มีลักษณะขนฟู , ผิวมีความเรียบสม่ำเสมอ , ไม่มีตำหนิรอยแผล ส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นรองเท้าหนังกลับ , กระเป๋าหนังกลับ

  • พื้นผิว : ผิวหนังนิ่ม และมีความยืดหยุ่นที่พอดี
  • น้ำหนัก : ปานกลาง
  • ระบายอากาศ : ดีมาก
  • ความทนทาน : 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน
  • ความชื้นและเชื้อรา : ไม่ทนต่อความชื้นและดูดซับของเหลวได้ไว ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย
  • ริ้วรอย : เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย
  • ราคา : ราคาถูกกว่าประเภทหนังนูบัค

เครื่องหนัง – ออยล์ ( Oiled leather )

นิยมนำหนังผิว “ ชั้นบน ” ( Grain )  ผ่านกระบวนการฟอกด้วยน้ำมันธรรมชาติ มีผิวสัมผัสที่นุ่มมือสามารถกันการซึมซับของน้ำได้เป็นอย่างดี ในสมัยโบราณหนังออยล์จะมีวิธีการย้อมด้วยไขมันจากสมองของวัว  เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีสารเคมีหรือน้ำมันสังเคราะห์  และส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นกระเป๋าสตางค์

  • พื้นผิว : มีผิวที่หนา มีความนุ่มและลื่นมือ
  • น้ำหนัก : ค่อนข้างสูง
  • ระบายอากาศ : ได้ดี
  •  ความทนทาน : 15 – 20 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  • ความชื้นและเชื้อรา : ทนต่อความชื้นได้ดี เกิดเชื้อราได้ยาก
  • ริ้วรอย : ป้องกันการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
  • ราคา : แพงกว่าประเภทหนัง Suede และ Nubuck

เครื่องหนัง – ชามัวร์ ( Chamois leather )

นิยมใช้หนังผิว “ ชั้นบน ” ( Grain )  ของเลียงผาหรือแกะภูเขา ผ่านกระบวนการฟอกด้วยน้ำมันจากสัตว์ทะเล มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี, ผิวนุ่ม ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนระหว่างใช้งาน มีราคาสูง ส่วนใหญ่นำมาเช็ดทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ แต่ปัจจุบันนิยมนำแพะมาทำเป็นหนังแทน เพราะเลียงผามีน้อยและหายาก

  • พื้นผิว : ผิวเรียบนุ่ม
  • น้ำหนัก : ปานกลาง
  • ระบายอากาศ : ได้ดี
  • ความทนทาน : 15 – 20 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  • ความชื้นและเชื้อรา : ดูดซับน้ำได้ดีและเกิดเชื้อราได้ง่าย
  • ริ้วรอย : ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
  • ราคา : ราคาสูงกว่าหนังประเภทอื่น

เครื่องหนัง – นัปป้า ( Nappa leather )

นิยมนำหนังผิว “ ชั้นบน ” (Grain)  ของหนังวัว โดยผ่านกระบวนการฟอกโครม  มีผิวสัมผัสที่เรียบ , เนื้อนิ่มส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็น กระเป๋า , ร้องเท้า , โซฟาและเฟอร์นิเจอร์

  • พื้นผิว : มีความหนา ผิวเนื้อนิ่ม
  • น้ำหนัก : ปานกลาง
  • ระบายอากาศ : ได้ดี
  • ความทนทาน : 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  • ความชื้นและเชื้อรา : ป้องกันความชื้นได้เป็นอย่างดี
  • ริ้วรอย : ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
  • ราคา : ถูกกว่าหนังแท้ประเภทอื่น

อ้างอิง :

http://ideaconnex.com/kaarduuaelraksaahnang-satw/

https://www.thaisabuy.com/fashion/suede-shoes-care/

https://www.vanchada.com/บทความ-ร้านกระเป๋าหนังแท้/หนังแท้-ออยล์พูลอัพ-คืออะไร

https://en.wikipedia.org/wiki/Chamois_leather

https://www.lastoncare.com/blogs/handbag-cleaning-and-care/5-different-types-of-leather-you-should-know