สร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีด้วย 10 ประการ1. ยิ้มกับคนที่ต่ำกว่าและสูงกว่า ทั้งหมดที่กล่าวไปแล้วทั้ง 10 ข้อนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ หัวหน้าที่ดีควรมี เพราะมนุษยสัมพันธ์ที่ดีไม่เพียงแต่จะสร้าง ความสุขในองค์กรของตนเองแล้ว ทั้งเพื่อนร่วมงาน ตัวเอง และลูกน้อง ก็จะเกิดความรักใคร่ ไมตรีจิตที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์ ที่ทำงานร่วมกันนั้นถือว่าเป็นสัมพันธภาพที่มีคุณค่า ทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขทั้งปัจจุบันและอนาคต หนงั สืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ (E-Books) เรือ่ ง องคป์ ระกอบและ วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาปตั ตานี องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษยส์ มั พันธ์ หนว่ ยท่ี 4 องคป์ ระกอบและ องค์ประกอบของมนษุ ย์สัมพันธ์ การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคน
ไม่ว่าจะเป็น สำหรับองค์ประกอบของมนุษย์สัมพันธ์นั้น พรรณทิพย์ • การรู้จักตน โดยได้เสนอเป็นแผนภูมิแสดงองค์ประกอบของมนุษย์ รายวิชา มนษุ ย์สัมพันธ์และการทำงานเป็นทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องค์ประกอบและหลักการสรา้ งมนษุ ย์สมั พันธ์ 2 (ที่มา : พรรณทพิ ย์ ศริ ิวรรณบศุ ย์. 2550 : 86) รายวิชา มนุษย์สัมพนั ธแ์ ละการทำงานเปน็ ทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สมั พันธ์ 3 จ า ก ภ า พ ดั ง ก ล ่ า ว จ ะ เ ห็ น ไ ด ้ ว ่ า ม นุ ษ ย ์ สั ม พั น ธ ์ มี ➢ ในเร่ืองของการรู้จักตนน้ัน บุคคลควรต้องวิเคราะห์ตน ➢ การสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่นนอกจากจะเป็นแนวทางให้ ➢ ส่วนความเข้าใจในเร่ืองของสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานดีจะ
ซึ่งท้ังหมดดังกล่าวน้ันจะส่งผลต่อมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีใน รายวชิ า มนษุ ยส์ ัมพันธแ์ ละการทำงานเป็นทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ 4 ดังนั้น มนุษย์สัมพันธ์จะเกิดได้ต้องมีองค์ประกอบ 3 1. การเข้าใจตนเอง การเข้าใจตนเอง เป็นลักษณะการรู้จักตนเองอย่างแท้จริงว่า รายวิชา มนษุ ยส์ มั พนั ธแ์ ละการทำงานเปน็ ทีมในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สมั พันธ์ 5 2. การเขา้ ใจบุคคลอ่นื การเข้าใจบุคคลอื่น เป็นการเรียนรู้ธรรมชาติของคน เม่ือเราต้องการไปติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลใด เราต้องทราบ เ ม่ื อ เ ร า น ำ เ อ า บุ ค ค ล อื่ น ท่ี เ ร า ต ้ อ ง ก า ร ติ ด ต ่ อ สั ม พั น ธ ์ ม
า รายวชิ า มนุษย์สัมพนั ธ์และการทำงานเปน็ ทีมในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนุษย์สัมพันธ์ 6 3. การเข้าใจสงิ่ แวดล้อม การเข้าใจส่ิงแวดล้อม
เป็นการเรียนรู้ธรรมชาติของ • สภาพการณ์ นอกจากนี้แล้วองค์ประกอบของมนุษย์สัมพันธ์มักจะ รายวิชา มนุษยส์ ัมพันธ์และการทำงานเป็นทมี ในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสรา้ งมนษุ ย์สัมพันธ์ 7 หลักการสรา้ งมนษุ ยส์ ัมพันธ์
มนุษย์สัมพันธ์ เป็นส่ิงที่มีคุณค่ามีความสำคัญต่อการ หลกั การสร้างและรักษามนษุ ยส์ มั พันธ์ มดี ังน้ี 1. พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2. ทฤษฎลี งิ 3 ตวั ของขงจ้ือ รายวชิ า มนษุ ยส์ ัมพนั ธแ์ ละการทำงานเปน็ ทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษย์สัมพนั ธ์ 8 1. พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หวั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช คณุ ธรรมเครื่องยดึ เหนีย่ วจิตใจน้นั ➢ ประการหนึ่ง การให้ คือ การสงเคราะห์ช่วยเหลือกัน ➢ ประการที่สอง การมีวาจาดี คือ พูดแต่คำสัตย์ คำจริงต่อกัน ➢ ประการที่สาม การทำประโยชน์แก่กัน คือ ประพฤติปฏิบัติ ➢ ประการท่ีสี่ การวางตนให้สม่าเสมออย่างเหมาะสม คือ หมูค่ ณะนน้ั ยอ่ มจะมีความเจรญิ มน่ั คง รายวิชา มนษุ ย์สัมพนั ธแ์ ละการทำงานเปน็ ทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สมั พนั ธ์ 9 2. ทฤษฎีลงิ 3 ตวั ของขงจอื้ ขงจ้ือเป็นนักปราชญ์ชาวจีนท่ีได้รับการยกย่องนับถือมาก ➢ ลิงตัวท่ี 1 ปิดหู หมายถึง การหลีกเล่ียง หรือทำเป็นไม่ได้ยิน ➢ ลิงตัวท่ี 2 ปิดตา หมายถึง การหลีกเล่ียง หรือการไม่ใส่ใจดู ➢ ลิงตัวที่ 3 ปิดปาก หมายถึง การหลีกเล่ียงหรือการไม่พูดใน หลักคำสอนน้ีสามารถนำไปใช้ได้มากในเรื่องการสร้าง รายวิชา มนุษยส์ มั พันธ์และการทำงานเปน็ ทีมในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนษุ ย์สมั พนั ธ์ 10 3. หลัก “การรจู้ ักและเขา้ ใจตนเอง” การสร้างมนุษย์สัมพันธ์นั้นต้องเร่ิมต้นท่ีตนเองก่อน การ 3.1
ศึกษาตนเองให้เข้าใจตนเองอย่างแท้จริงว่าเป็นคน 3.2 ยอมรับและพรอ้ มที่จะแกไ้ ขปรับปรุงตนเองใหด้ ขี นึ้ 3.3 พิจารณาว่าสังคมยอมรับเราแค่ไหน เราควรพิจารณา 3.4 พิจารณาสุขภาพ ลักษณะนิสัยของตนเองก่อนร่วม 3.5 ยอมรับคำตำหนิจากผู้อ่ืนและพร้อมที่จะแก้ไขปรับปรุง 3.6 สรา้ งภาพพจนท์ ีด่ สี ำหรับตนเองและผู้อ่ืน 3.7 สรา้ งความเชอ่ื ม่นั ในตนเองใหเ้ กิดขึน้ 3.8 พยายามปรับตัวให้เขา้ กบั ผู้อื่น 3.9 มสี ติ ท้ังในขณะอยคู่ นเดียวและเม่อื อยู่กับผ้อู ื่น 3.10 รจู้ ักประมาณตน ไมห่ ลงตนหรอื เห่อเหมิ ตามผอู้ ่ืน 3.11 มองโลกในแงด่ ี มีอารมณ์ขนั รายวชิ า มนษุ ย์สมั พันธแ์ ละการทำงานเป็นทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสรา้ งมนษุ ย์สัมพันธ์ 11 4. หลัก “มนุษย์มคี วามคลา้ ยคลึงกัน” โดยธรรมชาติมนุษย์จะมีบางอย่างร่วมกัน เช่น มีความ 4.1 แสดงความเข้าใจในสิ่งท่ีเกิดข้ึน เช่น เข้าใจว่าเหตุใด 4.2
แสดงความเห็นใจในเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้น เช่น แสดง 4.3 ให้อภยั ในความผดิ พลาดที่ผอู้ น่ื กระทำ 4.4 มีความยืดหยุ่นในการทำงานหรือการดำเนินชีวิต ไม่ 4.5 รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา คือ การรู้สึกอย่างท่ีเขารู้สึก รายวชิ า มนษุ ยส์ มั พนั ธแ์ ละการทำงานเปน็ ทมี ในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษย์สมั พนั ธ์ 12 5. หลัก “มนษุ ย์มคี วามแตกตา่ ง” บุคคลโดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะร่วมกันในหลาย ๆ 5.1 แสดงความเข้าใจผู้อื่น เพราะผู้อ่ืนไม่เหมือนเราจึงทำ 5.2 แสดงความเห็นใจ เมื่อรู้ว่าคนอ่ืนไม่เหมือนเรา เรา 5.3 ยอมรับความแตกต่างด้วยความเข้าใจ ไม่ยึดติด จะทำ 5.4
ควรรู้จักสังเกตความต้องการของผู้อื่นว่าเขาต้องการ รายวชิ า มนุษยส์ มั พันธ์และการทำงานเป็นทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสร้างมนุษย์สัมพนั ธ์ 13 5.5 ให้อภัยในความผิดพลาด เราอาจจะคิดว่าเราเคย 5.6 มีความเกรงใจผู้อื่น เพราะบุคคลชอบส่ิงต่าง ๆ ไม่ 5.7 แยกตนออกมาเม่ือไม่สามารถยอมรับความแตกต่าง 5.8 ใหใ้ นส่งิ ทผ่ี ้อู น่ื พอใจ มิใช่ใหใ้ นสิ่งที่เราพอใจ 5.9 พยายามปรับตวั ให้เข้ากับผูอ้ ่นื เสมอ รายวิชา มนษุ ย์สัมพันธ์และการทำงานเป็นทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษย์สมั พนั ธ์ 14 6. หลัก “การใหค้ ณุ คา่ และศักดิ์ศรีแกผ่ อู้ ื่น” มนุษย์ทุกคนชอบการชมเชย ยกย่องให้เกียรติ และชอบสิ่งท่ี 6.1 จดจำชื่อและนิสัยใจคอ ตลอดจนส่ิงท่ีผู้อ่ืนชอบได้อย่าง 6.2 แสดงกิริยาวาจาสุภาพตอ่ ผูท้ ่ีเราตดิ ตอ่ ดว้ ย 6.3 ศึกษาส่วนดีเด่นของผู้อ่ืน และกล่าวถึงส่วนดีเด่นของเขา 6.4 พูดจาชมเชย ยกยอ่ งและใหเ้ กยี รติผอู้ ื่นดว้ ยความจรงิ ใจ 6.5 ยอมรับนับถือในฐานะมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะมีฐานะ 6.6 พดู ในสงิ่ ทีท่ ำให้ผู้อน่ื รสู้ กึ ภาคภมู ใิ จ 6.7 ยอมรับฟงั ความคดิ เห็น และยอมรับผู้อนื่ ใหอ้ ยูใ่ นกลุ่ม 6.8 ไมพ่ ดู จาและไม่แสดงกริ ิยาท่าทางดถู กู เหยียดหยามผอู้ น่ื 6.9 รูจ้ กั ขอบคุณและขอโทษตามควรแก่โอกาส 6.10 รู้จักไหว้หรือแสดงความเคารพ ตามควรแก่ฐานะและ 6.11 ร้จู กั วางตนให้เหมาะสมกับผทู้ เ่ี ราพบเห็น 6.12 รจู้ ักอดทนและควบคุมอารมณ์ได้ 6.13 เห็นคุณค่าของสิ่งของที่ผู้อื่นให้ โดยการเก็บรักษาส่ิง รายวชิ า มนุษย์สมั พันธแ์ ละการทำงานเป็นทมี ในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนษุ ย์สมั พันธ์ 15 7. หลัก “การจูงใจ” จากความเชื่อพื้นฐานทางจติ วิทยาที่ว่า “พฤติกรรมของมนุษย์ 7.1 รักที่จะเข้าไปหาผู้อ่ืนก่อน ไม่ว่าจะเข้าไปคุย ขอความ 7.2 รกั ท่ีจะตอ้ นรับ เม่ือมีผอู้ ืน่ มาหาหรอื เย่ียมเยยี น รายวชิ า มนุษยส์ มั พนั ธแ์ ละการทำงานเป็นทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนษุ ย์สมั พนั ธ์ 16 7.6 รู้จักทักทายปราศรัยผู้อื่นด้วยถ้อยคำสุภาพอ่อนหวาน 7.7 รู้จักให้ความช่วยเหลือในเร่ืองเล็ก ๆ น้อย ๆ
เมื่อเขา 7.8 แสดงการมีน้าใจ การมีน้าใจ คือ ให้ความช่วยเหลือ 7.9 แสดงความเคารพ หรือเช่ือถอื ในเกยี รตขิ องผู้อนื่ 7.10 ให้สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ในโอกาสพิเศษ เช่น วัน 7.11 ให้ความสนใจแก่ผู้อื่น เช่น ฟังเรื่องท่ีผู้อื่นพูดอย่าง 7.12 เอาใจใส่ผู้อ่ืน เพื่อน บุคคลรอบข้างบ้าง เช่น รู้จัก รายวิชา มนษุ ย์สัมพันธ์และการทำงานเปน็ ทีมในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ 17 8. หลัก “การศกึ ษาบคุ คลทง้ั ตวั ” การศึกษาบุคคลท้ังตัว รวมความถึงสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนกับ 8.1 การติดต่อสัมพันธ์ หรืออยู่ร่วมกับผู้อ่ืนควรคำนึงถึง 8.2
พิจารณาเหตุการณ์หรือสถานการณ์ในขณะน้ัน เช่น 8.3 ศึกษาภูมิหลังของบุคคลที่ต้องติดต่อสัมพันธ์ด้วย เช่น 8.4 มีความยดื หยุ่น ไมเ่ คร่งครดั จนเกนิ ไป การศึกษาภูมิหลัง รายวิชา มนุษย์สมั พันธ์และการทำงานเปน็ ทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ 18 9. หลกั “การมผี ลประโยชนร์ ่วมกัน” ตามแนวคิดนี้ ผลประโยชน์ อาจหมายความถึง เงินทอง วัตถุ 9.1 รจู้ กั แบง่ ปนั ทั้งสิง่ ของและความคิด 9.2 รู้จกั ให้และรับตามความเหมาะสม ตามควรแก่โอกาส ไม่ 9.3 มคี วามเอ้อื เฟื้อและช่วยเหลือเมอื่ มีโอกาส 9.4 ตอบแทนความดขี องผ้อู ่ืนบา้ งตามสมควร 9.5 พยายามทำให้ผู้อ่ืนหรือคนรอบข้างมีความสุขเมื่ออยู่กับ รายวชิ า มนษุ ย์สมั พันธ์และการทำงานเป็นทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สัมพนั ธ์ 19
10. หลกั “ตนเองมีความสุข ผู้อืน่ มีความสุข เป็นแนวคิดการสร้างและรักษามนุษย์สัมพันธ์ตามหลักธรรม 10.1 มีความเมตตา คือ ให้ความรกั แกผ่ ้อู ืน่ 10.2 เขา้ ใจ เห็นใจ และใหอ้ ภยั แกผ่ ้อู ่ืน 10.3 มคี วามรบั ผิดชอบ 10.4 ซ่ือสัตย์ ตรงตอ่ เวลา
แต่ช่วยเหลอื ให้ผอู้ นื่ คลายทกุ ข์ โอกาสอันควร รายวชิ า มนุษย์สมั พันธ์และการทำงานเป็นทมี ในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สมั พนั ธ์ 20 การสรา้ งความสมั พันธท์ ี่ดี การสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆ ในสังคมนั้น ต้อง ครอบครัวเป็นกลุ่มท่ีมีขนาดเล็กที่สุดในสังคม มีหน้าที่สร้าง รายวชิ า มนษุ ย์สมั พันธ์และการทำงานเปน็ ทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนษุ ย์สัมพนั ธ์ 21 การสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับบุคคลในครอบครัวโดยอาศัย 1.1 หลักปฏบิ ตั ิของบดิ ามารดาตอ่ บุตร 1) ห้ามไม่ให้ชั่ว ต้องทำความดี และบิดามารดาต้อง 2) เล้ียงดูบุตร ให้ความรักความเมตตา
ส่งเสริมให้บุตร 3) ให้การศึกษาแก่บุตร สนับสนุนให้เป็นคนเก่ง คนดี 4) มอบทรพั ยใ์ ห้ในเวลาอนั ควร 1.2 หลักปฏบิ ัตขิ องบุตรต่อบดิ ามารดา 1) ตอ้ งเคารพเช่อื ฟังบิดามารดา ปฏิบัตติ นเปน็ คนดี รายวชิ า มนุษย์สมั พนั ธ์และการทำงานเปน็ ทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนุษย์สัมพนั ธ์ 22 1.3 หลักปฏบิ ตั ขิ องสามีตอ่ ภรรยา 1.4 หลักปฏิบตั ิของภรรยาตอ่ สามี ปรนนิบัติสามี และดแู ลงานบ้านให้เรยี บรอ้ ย มั่นคงตามความสามารถ รายวชิ า มนุษยส์ มั พันธแ์ ละการทำงานเปน็ ทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสรา้ งมนุษย์สมั พนั ธ์ 23 การสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับบุคคลท่ัวไป มีวิธีการง่าย ๆ 1) จงยิม้ แยม้ แจม่ ใสกับทกุ คน 2) ต้งั ใจสนทนา เป็นผู้พดู -และผฟู้ งั ทดี่ ี 3) เจรจาไพเราะ พดู น่าฟงั ไมน่ นิ ทาวา่ ร้ายใคร 4) สงเคราะห์เกอื้ กูล มีนา้ ใจกบั ทกุ ๆ คน 5) จงรบู้ ทบาทและหน้าทีข่ องตนเอง มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องมีมิตร มีสหาย มีเพื่อน จะอยู่ลำพัง 1) มีความจริงใจต่อกัน คบหากันโดยไม่มุ่งหาประโยชน์ ไม่มี 2) มีความไวว้ างใจกัน การปิดบังหรอื ไม่ไว้วางใจจะทำให้คบ 3) ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน เพื่อนกัน-มิตรกันต้องช่วยเหลือกัน 4) มีความปรารถนาดีต่อกัน มีมุทิตาจิตท่ีดีต่อกัน ไม่มีจิตใจ 5) มีความใส่ใจต่อกัน รวมทั้งความเอ้ืออาทร ห่วงใย และ รายวชิ า มนุษยส์ มั พันธแ์ ละการทำงานเป็นทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสรา้ งมนุษย์สมั พันธ์ 24 การสรา้ งความสมั
พันธ์ที่ดีกับสงั คม/ชมุ ชน มวี ธิ กี าร ดงั น้ี การสรา้ งความสมั พันธท์ ดี่ ีกบั ส่งิ แวดล้อม มวี ิธีการ ดงั นี้ รายวชิ า มนษุ ย์สัมพันธ์และการทำงานเป็นทีมในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สมั พันธ์ 25 วธิ ีสร้างและรักษามนุษยส์ ัมพนั ธ์ การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกัน หมายถึง 1. สรา้ งความเปน็ กนั เอง ถ้าหากเราเป็นกันเองกับบุคคลอ่ืน เขาก็จะมีความรู้สึกเป็น 2. พดู จาดว้ ยความสุภาพอ่อนโยน การพูดจาสุภาพอ่อนโยนจะทำให้ผู้อื่นสบายใจ คำพูดท่ี รายวิชา มนษุ ย์สมั พนั ธ์และการทำงานเปน็ ทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนุษย์สัมพันธ์ 26 3. แสดงความร่าเรงิ แจ่มใส มีชีวิตชวี า การแสดงความร่าเริงแจ่มใส
ทำให้คนท่ีอยู่ใกล้หรือคนท่ี 1) ย้ิมเมือ่ พบปะกัน หัวเราะเม่ือมีเร่อื งตลก ขำขนั 4. ไม่เอาเปรียบผู้ทอี่ ยดู่ ้วยกัน รายวชิ า มนษุ ยส์ มั พันธ์และการทำงานเป็นทมี ในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษย์สมั พันธ์ 27 5. แสดงน้าใจ ควรดูแลให้ความช่วยเหลือกันโดยไม่ต้อง 6. ดูแลเอาใจใส่กัน เช่น ยามเม่ือเพ่ือนเจ็บป่วยก็ต้อง 7. เป็นที่ปรับทุกข์ของเพื่อนได้ คือ ต้องเป็นที่ไว้วางใจ 8. เม่อื ทำผดิ ต้องยอมรับผดิ และพร้อมที่จะแก้ไข 9. มคี วามอดทนตอ่ ความบกพร่องบางอยา่ งของเพอ่ื น 10. แสดงความจริงใจต่อกัน ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เมื่อมี รายวิชา มนุษย์สมั พนั ธ์และการทำงานเปน็ ทมี ในสำนกั งาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สัมพนั ธ์ 28 ขอ้ ควรระวังในการสรา้ ง
การสร้างมนุษย์สัมพันธ์เป็นการแสดงพฤติกรรมเพื่อให้ 1. ระวงั เรื่องการแสดงสีหน้า กริ ิยาท่าทาง น้าเสียงและการ 2. การโต้แย้ง การถกเถยี งเพ่อื เอาชนะ รายวชิ า มนษุ ยส์ มั พันธ์และการทำงานเป็นทมี ในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนุษย์สมั พันธ์ 29 9. การแสดงความเหน็ แก่ตวั มากกว่าการเหน็ แก่ส่วนรวม 10. การแสดงความโมโหฉุนเฉยี ว 11. การแสดงการเลอื กท่รี ักมกั ทช่ี งั 12. การแสดงอำนาจเหนือผูอ้ น่ื 13. การแสดงความไมแ่ นน่ อน ลงั เล 14. การโยนความผิดให้ผู้อนื่ 15. การแสดงความเปน็ ระเบยี บ จู้จจี้ ุกจิกเกินไป 16. การลมื นึกไปว่าผ้อู น่ื กม็ ีความสำคญั 17. การมอี คติ ลำเอียง โดยเฉพาะเชอ้ื ชาติ ศาสนา ฐานะ 18. การแสดงพฤติกรรมบางอย่างจนเคยชิน เช่น การนั่ง รายวิชา มนษุ ยส์ ัมพันธแ์ ละการทำงานเปน็ ทีมในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลกั การสรา้ งมนุษย์สมั พันธ์ 30 ขอ้ เสนอแนะในการสรา้ ง 1. ควรระวงั ในเร่ืองสุขภาพ การมีมนษุ ยส์ ัมพันธ์ 2. ควรระงับอารมณ์ไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะมีอารมณ์ค้างจาก 3. การปรับปรุงบุคลิกภาพภายนอกให้เหมาะสม เช่น 4. มีมารยาทในการติดต่อสัมพันธ์ คนท่ีมีมารยาทดีย่อม 5. ควรปรับปรุงการพูดจา ทงั้ การใช้ถ้อยสำนวน นา้ เสียง รายวิชา มนษุ ย์สมั พนั ธแ์ ละการทำงานเป็นทีมในสำนักงาน (30216 – 2006) องคป์ ระกอบและหลักการสร้างมนษุ ย์สมั พันธ์ 31 6. ควรรักษาสัญญา มีความรับผิดชอบต่อการพูดและการ 7. ควรรูจ้ ักใหแ้ ละรบั ทีเ่ หมาะสม 8. คำนึงถงึ ความตอ้ งการของผู้อน่ื เป็นสำคัญ 9. ควรให้ความสำคัญแกผ่ ้อู ืน่ ยง่ิ กวา่ ตน 10. ยิ่งใกล้ชิดสนิทกับใครมากเท่าไรควรเกรงใจเขาให้ 11. ไม่ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองจนลืมนึกถึง รายวชิ า มนุษย์สมั พันธแ์ ละการทำงานเป็นทีมในสำนักงาน (30216 – 2006) องค์ประกอบและหลักการสรา้ งมนุษยส์ มั พนั ธ์ บรรณานกุ รม ผุสดี พฤกษะวนั . (2548). มนษุ ยสัมพนั ธใ์ นการท างาน. กรุงเทพฯ : พัฒนาวิชาการ. วจิ ติ ร อาวะกลุ . (2542). เทคนิคมนษุ ยสมั พนั ธ.์ พิมพ์ครงั้ ที่ 8. กรุงเทพฯ: สรุ างค์ มันยานนท.์ (2542). เอกสารประกอบการสอนวชิ ามนษุ ยสัมพนั ธ.์ NovaBizz. มนษุ ยสมั พนั ธ์ Human Relations. (ออนไลน)์ รายวชิ า มนษุ ย์สมั พนั ธแ์ ละการทำงานเป็นทมี ในสำนกั งาน (30216 – 2006) ภาควชิ าการจดั การ |