เครื่องซักผ้าไม่ปล่อยน้ำทิ้ง ซัมซุง

▲

สารบัญ Show

(10-05-2021) ซ่อมเครื่องซักผ้า samsung 11kg. รุ่น WA13P9 อาการ ไม่ปล่อยน้ำทิ้ง
Post navigation
สิ่งของที่ใช้
เคล็ดลับ
คำเตือน
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

▼

คลินิกช่างซ่อม ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เช่น ซ่อมเครื่องซักผ้า ซ่อมตู้เย็น ซ่อมตู้แช่ ซ่อม TV-LED , TV-LCD และ TV-Plasma

คลินิกช่างซ่อม ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า บางนา บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดแบ่งงานบริการออกเป็น 4 ส่วนคือ 1) งานซ่อมบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้า 2) งานติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า 3) งานทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า และ 4) งานขายสินค้าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการบริการ เปิดบริการทุกวัน ติดต่อ โทร.089-079-5691 Line ID : @changsom Facebook:https://www.facebook.com/FixItBangna/ และทางเว็บไซต์ http://www.clinic-changsom.com/

เบอร์โทร : 0890795691
อีเมล :

ส่งข้อความติดต่อร้าน

เกี่ยวกับร้านค้านี้

(10-05-2021) ซ่อมเครื่องซักผ้า samsung 11kg. รุ่น WA13P9 อาการ ไม่ปล่อยน้ำทิ้ง

Facebook iconFacebook
LINE iconLine

อาการ
ไม่ปล่อยน้ำทิ้ง

ทำการแก้ไขเรียบร้อยครับ

หลังจากแก้ไขเสร็จ
แนะนำให้ลูกค้า ล้างเครื่องด้วย
แต่ไม่สามารถถอดถังออกได้

เนื่องจากไม่ได้ล้างนานมาก
ทำให้ คราบจับตัวเป็นหินปูน
เกาะที่ก้นถังติดกับแกนถัง
แจ้งลูกค้าว่า
ถ้าจะดึงถังออก มีโอกาสตูดถังแตกสูงมาก

ลูกค้าไม่โอเค ที่จะให้เสี่ยง ดึงออก
จึงไม่ได้ล้าง
ประกอบคืนครับ

ดูเต็มๆ
>>> คลิกที่นี่ <<<

****************

ชมเพจ คลิกลิงค์
https://www.facebook.com/changtaesayclean

บริการอื่นๆ คลิกลิงค์
https://changtaesayclean.com/

Facebook iconFacebook
LINE iconLine

ถ้าเครื่องซักผ้าที่ใช้เกิดไม่ยอมระบายน้ำทิ้งขึ้นมา สาเหตุที่พบบ่อยมักเกิดจากการอุดตันหรือปั๊มน้ำเสีย ถ้าหาเจอแล้วว่าปัญหาเกิดจากอะไร ก็น่าจะลองซ่อมเองได้ แต่จะสำรวจและระบุปัญหาได้ ว่าอะไรทำให้เครื่องซักผ้าไม่ยอมระบายน้ำ ต้องเข้าถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องให้ได้ซะก่อน เพื่อสำรวจความเสียหายและการอุดตัน จากนั้นถึงจะกำจัดสิ่งอุดตันหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหายได้

1
ใช้มือกดสวิตช์ออก เพื่อเช็คการทำงาน. เครื่องซักผ้าจะไม่ระบายน้ำ ถ้าคิดว่าฝายังเปิดอยู่ คุณเช็คได้ว่าเซนเซอร์ของฝาเสียหรือเปล่า โดยหาชิ้นส่วนของฝาที่กดลงไปตอนฝาปิด จากนั้นกดสวิตช์แล้วฟังเสียงคลิก หรือเช็คไฟสัญญาณบอกว่า "ฝาปิด" ที่ตัวเครื่อง แล้วแต่รุ่นที่ใช้ ถ้าสวิตช์ไม่ทำงาน แสดงว่าสวิตช์ของฝาอาจจะเสีย ต้องเปลี่ยนใหม่
- คุณสั่งซื้อสวิตช์มาเปลี่ยนได้จากในเน็ต หรือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในละแวกบ้าน แต่ถ้าจ้างช่างมาเปลี่ยนให้ก็จะปลอดภัยที่สุด
2
ถอดปลั๊กเครื่องซักผ้า กันไฟดูดตอนเช็คสภาพชิ้นส่วน. ขยับเครื่องซักผ้าออกมาจากผนัง ให้เห็นสายไฟชัดๆ จากนั้นค่อยๆ ดึงปลั๊กออก ไม่ให้ไฟเข้าเครื่องซักผ้า จะได้ไม่ถูกไฟดูดระหว่างสำรวจและซ่อมแซมเครื่องซักผ้า[1]
- อย่าไปพยายามระบายน้ำ ถ้ายังไม่ถอดปลั๊กเครื่องซักผ้า จริงๆ แล้วก็ไม่อันตรายถึงตาย แต่ปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า
3
ใช้ถังน้ำหรือหม้อ วิดน้ำจากเครื่องซักผ้า. ต้องระบายน้ำออกจากเครื่องก่อนสำรวจและลงมือซ่อมแซม ขั้นแรกให้เอาเสื้อผ้าที่ยังอยู่ในถังซักออกมา จากนั้นเอาถังน้ำพลาสติกหรือหม้อใบใหญ่ วิดน้ำออกจากเครื่อง แล้วเอาไปเททิ้งในอ่างล้างจาน อ่างล้างหน้า หรืออ่างอาบน้ำก็ได้[2]
- วิธีนี้เป็นวิธีระบายน้ำจากเครื่องซักผ้าที่ง่ายที่สุดแล้ว ถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดซ่อม
- เอาเสื้อผ้าใส่ถังหรืออะไรใหญ่ๆ อ่างล้างจาน หรืออ่างอาบน้ำก็ได้ เพราะตอนนี้เสื้อผ้ายังเปียกโชก ถ้าวางบนพื้น บางวัสดุจะเสียหายได้
- จะถอดท่อแล้วต่อปลายให้น้ำไหลลงถังก็ได้ แต่ถังน้ำและท่อต้องอยู่ต่ำกว่าช่องที่เครื่องซักผ้า ไม่งั้นน้ำจะไม่ไหลออก
4
เช็คว่าแผงของเครื่องซักผ้าอยู่ที่ด้านหน้าหรือด้านหลัง. ปกติปั๊มน้ำจะอยู่ด้านล่างเครื่องซักผ้า ไม่ด้านหน้าก็ด้านหลัง ถ้าอยู่ด้านหน้า จะเห็นสกรูเล็กๆ 2 ตัวที่ด้านล่างของแผงหน้าเครื่องซักผ้า ถ้าไม่มีสกรู 2 ตัวนี้ แสดงว่าแผงที่ต้องไขจะอยู่ด้านหลังของเครื่องซักผ้า[3]
- ปกติเครื่องซักผ้าฝาบน แผงนี้จะอยู่ด้านหน้า
- ถ้าหาปั๊มน้ำของเครื่องไม่เจอ อ่านคู่มือเครื่องซักผ้าจะดีกว่า
5
ไขสกรูตัวล่างของด้านที่เข้าถึงได้. ใช้ไขควงค่อยๆ ไขสกรูออกมาทีละตัว วางพักไว้ในจุดที่ปลอดภัย ไม่ทำหล่นหาย เก็บมาประกอบคืนที่ได้ภายหลัง ระหว่างไขสกรู ให้จับแผงไว้กับที่ จะได้ไม่หลุดออกมาก่อนเวลาอันควร[4]
- สกรูพวกนี้ปกติจะอยู่ตรงมุมของแผง ทางด้านล่างของเครื่อง
- เครื่องซักผ้าบางรุ่นจะมีแผงสีดำเล็กๆ หรือบานพับที่ให้คุณเข้าถึงปั๊มน้ำได้โดยไม่ต้องไขออกมาทั้งแผง
6
เปิดแผงด้านล่างออกมา เพื่อปลดล็อคด้านบน แล้วถอดออกมาทั้งแผง. ให้ใช้สองมือจับด้านล่างของแผง แล้วค่อยๆ ยกขึ้น ระหว่างนั้นด้านบนของแผงจะปลดล็อคออกมาจากด้านบนของเครื่อง เสร็จแล้วค่อยๆ ถอดแผงไปเก็บไว้ก่อน[5]
- แผงนี้จะหนักหน่อย ต้องจับให้มั่น
7
เช็คว่าท่อระบายน้ำสีเทาหักงอเสียหายหรือเปล่า. จะเห็นว่ามีท่อ 3 ท่อติดอยู่กับด้านหลังเครื่องซักผ้า โดยที่ท่อระบายน้ำจะเป็นสีเทา ท่อน้ำร้อนสีแดง และท่อน้ำเย็นสีฟ้า ให้เช็คสภาพท่อสีเทา ว่าหักงอหรือบุบบี้หรือเปล่า เพราะแบบนั้นจะทำให้ระบายน้ำไม่ค่อยได้ ถ้าเช็คแล้วสภาพไม่ดี ให้ลองยืดท่อกลับมาตามเดิม หรือเปลี่ยนท่อใหม่จากผู้ผลิตหรือร้านวัสดุก่อสร้างปรับปรุงบ้าน[6]
- ถ้าเช็คแล้วท่อก็สภาพดี แสดงว่าท่อน่าจะตัน หรือมีส่วนอื่นที่เสียหาย
8
สำรวจปั๊มพลาสติกที่ติดอยู่กับท่อระบายน้ำ ด้านล่างของเครื่องซักผ้า. ปกติปั๊มจะอยู่ที่ฐานเครื่องซักผ้า ไม่ด้านหน้าก็ด้านหลัง เพื่อให้เช็คง่ายๆ โดยปั๊มที่ว่าจะเป็นทรงกระบอกกลม มีฐานต่อกับท่อระบายน้ำสีเทา และจะมีท่อต่อด้วย ปกติปั๊มจะเป็นสีใสหรือสีขาว แต่บางทีก็เป็นสีอื่น แล้วแต่เครื่องซักผ้ารุ่นที่ใช้[7]
- ถ้ามีคู่มือเครื่องซักผ้า จะมีรูปปั๊มไว้ใช้อ้างอิงได้
9
เช็คตัวปั๊มและท่อใกล้ๆ ว่ามีอะไรอุดตันหรือไม่. ค่อยๆ ถอดท่อจากปั๊ม เพื่อเช็คว่ามีอะไรอุดตันหรือเปล่า โดยส่องดูทั้งในปั๊มและท่อ ถ้าดูแล้วไม่มีอะไรอุดตัน ลองเอานิ้วแหย่เข้าไปว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือเปล่า ปกติที่ว่าอุดตันจะเป็นพวกผ้าชิ้นเล็กๆ หรือก้อนฝุ่นผ้า แต่บางทีก็เป็นของชิ้นเล็กๆ อย่างกระดุมหรือเหรียญ[8]
- ถ้าเป็นปั๊มใส จะส่องดูสิ่งอุดตันผ่านพลาสติกได้เลย
- ระวังน้ำไหลออกมาจากท่อหรือปั๊มตอนถอด
- จะติดแคลมป์รัดท่อตรงจุดที่ต่อกับเครื่องซักผ้าก็ได้ น้ำจะได้ไม่รั่วตอนเช็คท่อกับปั๊ม คุณหาซื้อแคลมป์รัดท่อได้ตามร้านขายอุปกรณก่อสร้างและต่อเติมบ้าน
10
เช็คสภาพปั๊ม ถ้าไม่ได้อุดตัน. ถ้าเช็คแล้วไม่มีจุดไหนอุดตัน ลองเอานิ้วแหย่เข้าไปในปั๊มดูว่าใบพัดหรือชิ้นส่วนไหนหักหรือเสียหายหรือเปล่า เช็คให้ทั่วพื้นผิวของปั๊ม ว่าไม่มีรอยแตก บิดเบี้ยว หรือชิ้นส่วนแตกหัก ถ้าปั๊มสภาพไม่ดี อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่[9]
- ถ้าไม่แน่ใจว่าปั๊มสภาพดีเป็นยังไง อาจจะเช็คยากหน่อย ให้สังเกตรูปปั๊มในคู่มือเครื่องซักผ้า แต่ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ เรียกช่างจะปลอดภัยที่สุด
11
ฟังว่ามีเสียงแปลกๆ หรือมีน้ำรั่วจากปั๊มหรือไม่. ปกติปั๊มที่เสียจะมีเสียงแปลกๆ หรือมีน้ำรั่วที่พื้นเป็นสัญญาณเตือน ซึ่งอาการพวกนี้ก็อาจยังคงอยู่หลังปั๊มเสีย แล้วแต่ปัญหา ถ้ากลัวปั๊มเสีย ลองเปิดเครื่องซักผ้าแล้วสังเกตดู ว่ามีเสียงแปลกๆ หรือมีน้ำรั่วไหม[10]
- ถ้าเคยได้ยินเสียงแปลกๆ ช่วงซักผ้ารอบก่อนๆ ให้คาดเดาไปก่อนเลยว่าปั๊มเสีย แล้วโทรตามช่างประปาหรือช่างซ่อมจากศูนย์ของผู้ผลิตจะดีที่สุด
โฆษณา

1
ใช้คีมปากแหลมคีบสิ่งอุดตันที่เห็นออกมา. แหย่คีมเข้าไปในปั๊มหรือท่อ หนีบวัตถุแปลกปลอมอุดตันนั้น แล้วค่อยๆ ดึงออกมาจากปั๊มหรือท่อ[11]
- ให้ดึงออกมาช้าๆ วัตถุนั้นจะได้ไม่หักหรือขาดติดอยู่ในปั๊ม หรือเสี่ยงทำปั๊มเสีย เพราะบางทีวัตถุแปลกปลอมก็ไปพันอยู่กับกลไกหมุนของปั๊ม
- ปกติจะดึงสิ่งอุดตันออกมาจากท่อได้ง่ายกว่า แค่ดึงก็ไหลตามออกมาแล้ว
2
ดึงลูกรอกใต้ปั๊มแล้วหมุน เพื่อให้หายอุดตันง่ายขึ้น. ลองคลำใต้เครื่องดู จะเจอลูกรอกเล็กๆ ใต้ปั๊มเลย เอาไว้หมุนกลไกข้างในปั๊ม พอดึงวัตถุแปลกปลอมออกจากปั๊ม ให้หมุนลูกรอกนี้ทวนเข็มนาฬิกาไปด้วย จะออกง่ายขึ้น[12]
- หมุนลูกรอกแล้วช่องให้ปั๊มไม่เสียหาย
- ถ้าหมุนปั๊มทวนเข็มแล้วไม่ช่วย ลองหมุนตามเข็มดู
3
ใช้งูเหล็ก หรือแปรงลวดทะลวงท่อ. ถอดท่อแล้วถือปลายข้างหนึ่งไว้ อีกข้างต่อลงถัง จากนั้นสอดแปรงลวดทะลวงเข้าไปในท่อ สอดไปเรื่อยๆ จนเจอสิ่งอุดตัน แล้วใช้มือหมุนแปรงลวดดันออกไป จะเห็นสิ่งอุดตันไหลลงมาในถัง[13]
- พอแก้ท่อตันได้แล้ว น้ำที่ค้างในท่อจะไหลออกมาในถังด้วย
4
ต่อท่อคืนปั๊มหลังหายตัน. สอดท่อกลับไปในช่องของปั๊มแล้วยึดไว้กับที่ตามเดิม เช็คว่าแน่นดีแล้ว ไม่งั้นท่อจะรั่วตอนเดินเครื่อง[14]
- เช็คดีๆ ว่าท่อไม่บิดอยู่หลังขจัดสิ่งอุดตัน เพราะถ้าท่อพับท่อบิด จะทำให้ระบายน้ำไม่ได้อีก
5
เสียบปลั๊กเครื่องซักผ้าแล้วดูว่าปกติหรือยัง. ทดสอบเครื่องก่อนประกอบฝาหลังกลับคืน ขั้นแรกให้ตั้งเครื่องลงไปที่พื้นตามปกติ ถ้าตอนแรกตะแคงไว้ ต่อมาเสียบปลั๊กเครื่องซักผ้า แล้วตั้งค่าซักแบบล้างน้ำ (rinse cycle) จากนั้นเดินเครื่องได้เลย ปล่อยเครื่องซักผ้าทำงานไป ทั้งล้างน้ำและปั่นแห้ง ดูว่าระบายน้ำได้ไหม[15]
- ถ้ายังไม่ระบายน้ำ แสดงว่ามีจุดที่อุดตันแล้วคุณเอาออกไม่ได้ หรืออีกทีคือปั๊มเสีย แนะนำให้เรียกช่างศูนย์หรือช่างประปามาจะดีกว่า
6
ถ้าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ให้ประกอบแผงคืน. ถอดปลั๊กอีกรอบก่อนจะประกอบแผงคืน จากนั้นจับด้านล่างของแผง แล้วค่อยๆ ยกด้านบนให้ล็อคเข้าที่ ให้ด้านบนเกี่ยวลงล็อคกับด้านบนของเครื่อง แล้วปิดแผงตามปกติ สุดท้ายไขสกรูเข้าตามมุม[16]
โฆษณา

1
สังเกตแผงเหล็กเล็กๆ ของเครื่องซักผ้า ที่มีเลขรุ่นเครื่องอยู่. ปกติแผ่นเหล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ นี้ จะอยู่ใต้ฝาหรือด้านบน ด้านข้าง ด้านหลังของเครื่อง ให้ใช้เลขรุ่นของเครื่อง เลือกปั๊มใหม่ให้ตรงกัน[17]
- คุณหาซื้อปั๊มมาเปลี่ยนได้จากในเน็ต ในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือติดต่อศูนย์ของผู้ผลิต
- เปลี่ยนปั๊มให้ถูกต้องอาจจะยากสักหน่อย ถ้าไม่แน่ใจตรงไหนให้จ้างช่างจะดีกว่า[18]}}
2
ถอดสายรัดใต้เครื่องซักผ้าจากด้านล่างปั๊ม. ยกเครื่องซักผ้าขึ้น ให้เห็นสายรัดที่ยึดปั๊มไว้กับมอเตอร์ จะเห็นแถบยางเส้นใหญ่สีดำ ที่วนรอบมอเตอร์ ตรงกลางและด้านล่างปั๊ม ก็ค่อยๆ ดึงสายนี้ออกจากปั๊ม ปล่อยให้ปั๊มห้อยอยู่ล่างเครื่องซักผ้า เพราะเอาไปใช้กับปั๊มใหม่ได้[19]
- ถ้าสายรัดนี้ก็ดูสภาพไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยนพร้อมกันเลย คุณหาซื้อได้ในเน็ต ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า และศูนย์ของผู้ผลิตเครื่องซักผ้า วิธีติดตั้งก็แค่พันรอบมอเตอร์และด้านล่างของปั๊ม
3

ไขสกรู 3 ตัวออกจากฐานปั๊มที่ยึดไว้. สกรูจะอยู่ด้านบนของฐานปั๊ม ลงไปด้านล่างของเครื่อง ให้ใช้ไขควงไขสกรูที่ว่าออกมา แล้วยกปั๊มที่เสียออกจากเครื่องซักผ้า ทิ้งไปได้เลย[20]
- อาจจะต้องเก็บสกรูไว้ก่อน เผื่อต้องใช้ติดตั้งปั๊มใหม่ แต่ส่วนใหญ่ปั๊มใหม่ก็จะมีสกรูติดมาอยู่แล้ว
4
ไขสกรูยึดปั๊มในเครื่องซักผ้า. ติดตั้งปั๊มใหม่ในเครื่องซักผ้า ตรงจุดเดิมของปั๊มเก่า แล้วไขสกรู 3 ตัวยึดปั๊มใหม่ไว้กับที่ ไขให้แน่นๆ จนแน่ใจว่าปั๊มยึดอยู่กับที่แล้ว[21]
- ปั๊มใหม่ต้องตรงกันกับรูสกรูเดิมของเครื่องซักผ้า ถ้าไม่ตรงต้องเช็คอีกทีว่าเลือกปั๊มมาตรงรุ่นเครื่องซักผ้าหรือเปล่า
5
ต่อท่อกับปั๊มใหม่. ต่อปลายท่อระบายน้ำสีเทาที่ช่องของปั๊ม เช็คว่ายึดดีแล้ว ไม่มีน้ำรั่วตอนเดินเครื่อง[22]
- บางปั๊มจะมีท่อเพิ่มเติม ถ้าเครื่องซักผ้ามีท่อที่ 2 ก็ให้ต่อช่องที่ 2 ของปั๊ม
6
ติดตั้งสายรัดให้ปั๊มใหม่. สายรัดปั๊มจะอยู่ล่างเครื่องซักผ้า ติดกับมอเตอร์ ให้ยกเครื่องขึ้น เพื่อให้พันสายรัดกับปั๊มใหม่ได้ ปั๊มจะได้ระบายน้ำได้ตามปกติ[23]
- อย่าลืมทดสอบปั๊มก่อนเปิดเครื่องซักผ้า
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

ถังน้ำหรือหม้อ
แคลมป์รัดท่อ
ไขควง
คีมปากแหลม
ปั๊มน้ำ (ถ้ามี)

เคล็ดลับ

สงสัยตรงไหนให้อ่านคู่มือเครื่องซักผ้า จะตรงจุดที่สุด
เตรียมถังน้ำและผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาดไว้ให้พร้อม เพราะระหว่างซ่อมแซม น้ำอาจจะยังไหลออกมาจากเครื่องซักผ้า
ถ้าตะแคงเครื่องซักผ้าพิงไว้กับอะไรที่แข็งแรง อย่างถังสีหรืออิฐบล็อก จะทำให้เห็นและเข้าถึงชิ้นส่วนต่างๆ ได้สะดวกกว่า[24]

โฆษณา

คำเตือน

ต้องถอดปลั๊กเครื่องซักผ้าและทุกเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนลงมือซ่อมแซมเสมอ!
ถ้าไม่แน่ใจตรงไหน หรือไม่มีประสบการณ์มากพอ ไม่แนะนำให้ลงมือซ่อมแซมแก้ไขด้วยตัวเอง เรียกช่างจะปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินที่สุด

โฆษณา