Show
จากกระแสการพัฒนาบุคลากรที่มีการกล่าวถึงกันมากโดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจตก สะเก็ดเช่นนี้ เทรนการพัฒนาบุคลากรถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกระแสที่ยังไม่ตกยุคซึ่งองค์การ ต่างให้ความสำคัญมากขึ้นในทุกวันนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงคำว่าการพัฒนาบุคลากร มีผู้บริหารหลายคนมักสับสนว่าเป็นเรื่องเดียวกับการฝึกอบรมหรือไม่
หากถามว่าการฝึกอบรม หรือ Training เป็นเรื่องเดียวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development : HRD) หรือไม่ พบว่าการฝึกอบรมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่เป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ซึ่งศาสตร์ด้านการฝึกอบรมนั้นจะเกิดขึ้นมาก่อนมากกว่า 60 ปี โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตัวบุคคลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานใน ปัจจุบัน แต่การฝึกอบรมนั้นไม่ใช่เครื่องมือที่จะแก้ไขปัญหาความไม่พึงพอใจในการทำงาน อันเป็นผลมาจากการมีผลตอบแทนที่ได้รับลดลง หรือเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาความไม่พึงพอใจที่มีต่อระบบการทำงาน และเครื่องมือ (Tools) ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในองค์การ จะเห็นได้ว่าการฝึกอบรมเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบเพื่อการเรียนรู้ระยะสั้น โดยเน้นไปที่การปรับปรุงและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานปัจจุบัน ทั้งนี้การฝึกอบรมจะนำมาประยุกต์ใช้สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะอย่างที่แตกต่าง กันไป เช่น การจัดอบรมปฐมนิเทศพนักงานใหม่ การฝึกอบรมพนักงานที่จะต้องรับผิดชอบงานโครงการเฉพาะอย่าง เป็นต้น พบว่าการฝึกอบรมจะมีแนวคิดและหลักปฏิบัติที่แตกต่างไปจากแนวคิดของการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ ในแง่มุมของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาไม่ใช่ เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อการบริหารการเปลี่ยนแปลงในองค์การ และการสร้างความเจริญก้าวหน้าในสายอาชีพให้กับพนักงาน ทั้งนี้การพัฒนาหรือ Development นั้นจะมุ่งเน้นไปที่การกำหนด การสนับสนุน และการช่วยให้พนักงานมีโอกาสเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ซึ่งแนวคิดของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นจะช่วยทำให้พนักงานเป็นนักบริหาร งานที่เก่ง (Work Smarter) มากกว่าการเป็นบุคคลที่มุ่งแต่ทำงานหนักเท่านั้น หากเปรียบเทียบความแตกต่างกันระหว่าง Training และ HRD แล้ว พบว่า แนวคิดและหลักปฏิบัติของคำสองคำนี้แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ การฝึกอบรมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นมีนัยที่เหมือนและแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ นัยที่เหมือนกัน – เป็นแนวคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีความรู้ และความสามารถในการบริหารงานที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุเป้าหมายตามที่ผู้ บังคับบัญชาคาดหวังและต้องการ นัยที่แตกต่างกัน – การฝึกอบรมเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ระยะสั้น มีระยะเวลาและสถานที่ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน การฝึกอบรมมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดความรู้ (Knowledge) มากกว่าเป็นการฝึกทักษะ (Skill) ในการทำงาน พบว่าผู้ที่รับผิดชอบบริหารงานการฝึกอบรมให้กับพนักงานในองค์การก็คือ หน่วยงานที่ดูแลงานบุคลากรของบริษัท อาจจะจัดตั้งเป็นฝ่ายหรือแผนกขึ้น แต่สำหรับแนวคิดของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นจะเป็นการพัฒนาความรู้ ทักษะ และทัศนคติของพนักงานให้ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นให้เกิดผลระยะยาวในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวบุคคล ทีมงาน และองค์การ สรุป ว่า เครื่องมือที่ถูกออกแบบและนำมาใช้เพื่อพัฒนาความสามารถและประสิทธิภาพของการ ทำงานของพนักงานนั้น มิใช่เป็นเพียงแค่การฝึกอบรมที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะต้องรับผิดชอบเท่านั้น ยังมีอีกเครื่องมือหนึ่งที่นอกเหนือจากการฝึกอบรมนั่นก็คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ถูกนำมาใช้โดยผู้บังคับบัญชาโดยตรงจะต้องเป็น บุคคลที่มีหน้าที่ในการนำเครื่องมือต่าง ๆ ของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาใช้ในการปรับปรุง การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่เชื่อมโยงผลผลิตที่เกิดขึ้นของ พนักงานต่อเนื่องไปยังผลผลิตของทีมงาน หน่วยงาน และผลผลิตขององค์การในที่สุด.... บทความโดย : oknation.net ประเด็นน่าสนใจ
หน้าที่ของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) นั้นไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องของการสรรหาพนักงานให้เข้ามาร่วมงานกับองค์กรเท่านั้น เพราะนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการการทำงานทั้งหมด ต่อจากนั้นฝ่าย HR จะต้องคอยบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลให้ดีที่สุด รวมถึงร่วมพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้ก้าวหน้าอยู่เสมอด้วย นั่นทำให้หนึ่งในหน้าที่สำคัญอีกอย่างของฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็คือ “การฝึกอบรมพนักงาน (Training)” ที่จะช่วยให้บุคลากรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อความก้าวหน้าของพนักงานแต่ละคน และความก้าวหน้าของบริษัทไปพร้อมกัน
ลักษณะของการฝึกอบรมในองค์กรการจัดฝึกอบรมในองค์กรนั้นอาจมีทั้งรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ บางครั้งอาจไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมาก ไม่จำเป็นต้องใช้สถานที่ในการจัด หรือไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรให้ยุ่งยาก ขณะเดียวกันก็มีการฝึกอบรมอย่างจริงจังที่ต้องมีการจัดการรายละเอียดมากมายด้วยเช่นกัน ซึ่งการฝึกอบรมในองค์กรนั้นมีลักษณะใหญ่ๆ ดังนี้ 1. การฝึกอบรมสำหรับการเริ่มต้นงานใหม่ (Orientation Training)การฝึกอบรมสำหรับพนักงานใหม่นี้มีอยู่ 3 ลักษณะใหญ่ๆ ที่ต้องใส่ใจรายละเอียดต่างกันไปดังนี้
Internship Program ปัจจุบันการฝึกงานสำหรับนิสิตนักศึกษาเริ่มมีความเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น บางองค์กรจัดโปรแกรมการฝึกงานที่เสมือนทำงานจริงไม่ต่างจาก Orientation Training เลย โดยนิสิตนักศึกษาจะได้ทดลองทำงานจริงไปพร้อมกับเรียนรู้องค์กร ตลอดจนฝึกอบรมในด้านต่างๆ โปรแกรมการฝึกงานที่จริงจังนี้บริษัทสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับทั้งคนภายนอกและเหล่าคนรุ่นใหม่ไปพร้อมกันด้วย ทั้งยังเป็นบททดสอบความสามารถที่ดี และองค์กรก็ใช้การฝึกงานนี้เป็นกระบวนการสรรหาพนักงานไปในตัว ใครที่มีศักยภาพก็มักจะได้จ้างงานต่อหลังจากเข้าโปรแกรมการฝึกงานเสร็จ ปัจจุบันมีโครงการฝึกงานที่เป็นจริงเป็นจังน่าสนใจมากมายหลากหลายสาขา บริษัทที่มีโครงการที่ดีก็ย่อมต้องมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และต้องทำการคัดเลือกไม่ต่างจากการคัดเลือกคนเข้าทำงานในบริษัทเลยทีเดียว โดยตัวอย่างของโครงการที่น่าสนใจก็ได้แก่
2. การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพเดิมให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น (Skill Development Training)การฝึกอบรมลักษณะนี้เป็นการเพิ่มพูนทักษะการทำงานของพนักงานให้ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กรโดยรวมด้วย การฝึกอบรมในส่วนนี้อาจเป็นการฝึกอบรบเฉพาะทางที่ไม่เหมือนกัน ฝ่าย HR ควรสั่งเกตศักยภาพของพนักงานแต่ละคน รวมถึงภาพรวมของแต่ละแผนก ว่าควรเสริมการอบรมตรงจุดใดด้วย 3. การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มเติมองค์ความรู้ใหม่ (Unfamiliar Knowledge Training)การฝึกอบรมลักษณะนี้คือการเสริมองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับพนักงานในองค์กร โดยควรเป็นองค์ความรู้ที่เขาไม่คุ้นเคยหรือมีทักษะมาก่อน ในขณะเดียวกันองค์ความรู้นั้นก็ควรเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานในบริษัท และทำให้องค์กรก้าวหน้าด้วย ฝ่าย HR ควรหูตากว้างไกลอยู่เสมอ สรรหาการอบรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์มาให้กับพนักงาน เพื่อให้พนักงานไม่หยุดอยู่กับที่ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีความก้าวหน้าก็ทำให้พนักงานมุ่งมั่นในการทำงานได้ยิ่งขึ้นด้วย Management Training อีกหนึ่งการอบรมที่สำคัญก็คือการอบรมระดับบริหารจัดการ เพราะบรรดาหัวหน้างานต่างๆ นอกจากจะต้องบริหารเรื่องงานแล้วยังต้องบริหารเรื่องบุคคลด้วย จริงอยู่ที่ว่าบางคนอาจเก่งเรื่องงานแต่ไม่เก่งเรื่องคน แต่ฝ่าย HR เองก็สามารถช่วยส่งเสริมสนับสนุนเรื่องนี้ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานบุคคลได้ดียิ่งขึ้น เพราะหัวหน้าที่ดีนั้นจะทำให้ลูกน้องอย่างทำงานร่วมด้วยไปนานๆ ลดอัตราการลาออก และทำให้ฝ่าย HR ทำงานได้สะดวกขึ้น ทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระในการบริหารงานบุคคลได้ดีอีกด้วย HR ที่มีข้อสงสัยหรือมีคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้Q. คิดว่าเราควรปรับแผนพัฒนาบุคคลอย่างไรบ้างในปี 2021 จากผลกระทบของ covid โควิคส่งผลกระทบกับเราในหลากหลายทางมาก ก็เลยต้องกลับมาจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่เราจะมาโฟกัสกันใหม่ เลยอยากฟังไอเดียจากเพื่อนๆ ในหลากหลายบริษัทว่ามีการปรับแผนไปอย่างไรบ้าง อะไรที่ยังคงทำอยู่และอะไรที่ต้องเปลี่ยนไปแบบพลิกหน้ามือคะ A. ควรมีการจัดสรรทรัพยากรใช้ให้มีความคุ้มค่า หมายถึง เงิน คน เครื่องจักร วัตถุดิบ และการบริหารจัดการ คนที่เป็นผู้บริหาร หัวหน้างาน หรือผู้ที่มีส่วนในการบริหารงาน จำเป็นจะต้องมีการวินิจฉัยองค์กร ว่าปัจจุบัน มีถานณ์การเป็นอย่างไร เพื่อวางแผนกับสถานการณ์โควิดซึ่งไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่… รูปแบบของการฝึกปฎิบัติงานในองค์กรรูปแบบของการฝึกปฎิบัติงานในองค์กรนั้นมีอยู่ 4 ลักษณะใหญ่ๆ ด้วยกัน ฝ่ายบุคคลสามารถพิจารณาให้ถ้วนถี่ว่ารูปแบบใดเหมาะกับการฝึกปฎิบัติงานในแต่ละคนหรือแต่ละตำแหน่งมากที่สุด การฝึกปฎิบัติงานไปพร้อมการทำงานจริง (On Job Training / OJT)การฝึกปฎิบัติงานลักษณะนี้คือการให้พนักงานคนนั้นๆ ได้ทดลองทำงานจริงไปพร้อมกับการเรียนรู้เลย โดยใช้ประสบการณ์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการทำงาน การฝึกปฎิบัติลักษณะนี้มักจะเหมาะกับธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยงสูง หรือไม่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทางมากนัก รวมถึงมีแนวโน้มในการสร้างความเสียหายน้อยให้กับสังคมหรือคนทั่วไป ข้อดี
ข้อเสีย
CHECK!! การฝึกปฎิบัติงานแบบแยกส่วน (Off Job Training)การฝึกปฎิบัติงานลักษณะนี้มักจะเป็นการฝึกที่แยกส่วนจากการทำงานจริง ซึ่งมักเป็นการเตรียมตัวและฝึกฝนความชำนาญก่อนการเริ่มทำงานจริง การฝึกลักษณะนี้บางครั้งอาจเป็นเพียงการปูพื้นฐานความรู้ ระบบการทำงานในองค์รวม ก่อนที่แต่ละคนจะเริ่มทำงานจริง หรือบางครั้งก็เป็นการจัดการฝึกฝนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะความสามารถเฉพาะทางทั้งหลาย เพื่อเวลาทำงานจริงจะได้พร้อมและเกิดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด บางครั้งอาจจะเป็นการทำงานเสมือนจริง ในสถานการณ์ที่จำลองขึ้น หรือบางครั้งก็เป็นการอบรมการใช้เครื่องมือให้ถูกวิธี ก่อนที่จะลงมือปฎิบัติงานจริง เป็นต้น การฝึกปฎิบัติลักษณะนี้เหมาะกับงานที่มีความเสี่ยงสูง ต้องการความชัดเจน แน่นอน ตลอดจนงานที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต แต่บางครั้งองค์กรใหญ่ๆ ก็อาจมีการฝึกงานลักษณะนี้เป็นพื้นฐานในงานทุกรูปแบบอยู่แล้ว โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาในการเริ่มต้นงานใดๆ ข้อดี
ข้อเสีย
การฝึกปฎิบัติงานแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Development Job Training)ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลยิ่งขึ้น และทุกองค์กรต้องการประหยัดเวลาให้มากที่สุด การฝึกปฎิบัติงานในรูปแบบเรียนรู้ด้วยตนเองนี้จึงเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่าย HR (และฝ่ายต่างๆ) อาจจะจัดทำชุดการเรียนรู้ด้วยตัวเองไว้ให้พนักงานแต่ละแผนกเรียนรู้ไปตามความถนัดที่ต่างกัน หรืออาจเป็นการสร้างระบบ E-Learning แบบออนไลน์ ที่เป็นชุดการเรียนรู้ให้พนักงานทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองในทุกสถานที่ ทั้งนี้การทำ E-Learning มักเป็นความรู้พื้นฐานขององค์กรที่พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองแบบไม่ยากนัก หรือเป็นชุดเรียนรู้ที่จะช่วยเสริมทักษะสำหรับการทำงานในแต่ละตำแหน่งที่จะช่วยเพิ่งศักยภาพตลอดจนปรับความเข้าใจและระบบการทำงานให้ตรงกัน การฝึกปฎิบัติงานลักษณะนี้มักจะเหมาะกับงานทั่วๆ ไป ที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทักษะมากนัก ขณะเดียวกันก็เหมาะกับการเทรนด์ที่มีองค์ความรู้มากๆ เพราะใน E-Learning สามารถบรรจุความรู้ลงไปได้ และผู้เรียนสามารถย้อนกลับมาดูได้ตามต้องการ หรือใช้เวลาเรียนรู้ได้ตามต้องการ ข้อดี
ข้อเสีย
การฝึกปฎิบัติงานแบบผสมผสาน (Mixed Pattern Job Training)บางครั้งบางลักษณะงานอาจต้องการการฝึกฝนแบบผสมผสานทั้งแบบ การฝึกปฎิบัติงานไปพร้อมการทำงานจริง (On Job Training / OJT) หรือ การฝึกปฎิบัติงานแบบแยกส่วน (Off Job Training) เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมอย่างชำนาญและเริ่มต้นทำงานจริงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะสายงานที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ตลอดจนอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหลาย ที่การผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิดอาจสร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงในหลายมิติได้ นอกจากนี้องค์กรยุคปัจจุบัน (โดยเฉพาะองค์กรระดับใหญ่) ยังเสริมการฝึกปฎิบัติงานแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Development Job Training) เข้ามาด้วย ทั้งแบบบังคับให้เรียนรู้ตามตำแหน่งงาน และแบบศูนย์เรียนรู้รวมที่แชร์ความรู้ให้พนักงานสามารถเลือกเรียนรู้ได้ด้วยความสนใจของตนเอง และสิ่งที่ตัวเองต้องการพัฒนาศักยภาพให้ดีขึ้น ข้อดี
ข้อเสีย
การอบรมเชิงปฎิบัติการ (Workshop) การฝึกฝนปฎิบัติการที่กำลังได้รับความนิยมและกระจายไปยังทุกสายงานมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ “การอบรมเชิงปฎิบัติการ (Workshop)” ซึ่งการฝึกฝนลักษณะนี้มักจะอยู่ระหว่าง การฝึกปฎิบัติงานไปพร้อมการทำงานจริง (On Job Training / OJT) กับ การฝึกปฎิบัติงานแบบแยกส่วน (Off Job Training) คือมักจะเป็นคอร์สเสริม เพิ่มเติมความสามารถ อาจไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมที่เป็นหลักหรือเป็นจริงเป็นจังนัก แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นคอร์สเร่งด่วนที่เป็นจริงเป็นจังและจำเป็นสำหรับบางสายงานได้เช่นกัน การทำ Workshop นี้มักเป็นกิจกรรมพิเศษที่ไม่ได้ทำร่วมกับการทำงานจริง และมักจะใช้เวลาไม่นานเท่ากับการฝึกปฎิบัติงานแบบแยกส่วน รวมถึงใช้เวลาไม่นานในการเตรียมงานสำหรับสร้างกิจกรรมฝึกฝนในรูปแบบนี้ด้วย หัวใจสำคัญของการทำ Workshop ก็คือการได้ลงมือทำงานจริง หรือลงมือทดลองปฎิบัติจริง ที่ไม่ใช่แค่การนั่งฟังบรรยายเฉยๆ และทำให้การฝึกฝนปฎิบัติการนั่นไม่เกิดความน่าเบื่อ CHECK!! ทำไมต้องมีการฝึกอบรมโลกยุคนี้หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเร็วมาก องค์ความรู้หลายอย่างก็เปลี่ยนอย่างว่องไวไปตามกัน ตลอดจนการแข่งขันของบริษัทต่างๆ ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นการฝึกอบรมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะแต่ละองค์กรต่างก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่สุดอยู่เสมอ วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม
ประโยชน์ของการฝึกอบรม
บทสรุปการฝึกฝนอบรม (Job Training) สำหรับพนักงานนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะกระบวนการนี้จะทำให้พนักงานเกิดความเข้าใจในการทำงาน ปฎิบัติงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ หากไม่มีการฝึกฝนอบรมเลยอาจเกิดผลเสียขึ้นต่องานได้เช่นกัน และเกิดผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อองค์กรในที่สุด ในขณะเดียวกันการฝึกฝนอบรมเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงานได้มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอนั้นก็มีความจำเป็นเช่นกัน นอกจากพนักงานจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแล้ว องค์กรก็จะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นด้วย และหน้าที่ในการดูแลการฝึกฝนอบรมต่างๆ นั้นถือเป็นภาระกิจสำคัญของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ที่จะไม่หยุดนิ่งในการหยุดพัฒนาบุคลากรตลอดจนองค์กรด้วยเช่นกันคุณกำลังหาข้อมูลบริการและผลิตภัณฑ์ HR อยู่ใช่หรือเปล่า? HR Explore แพลตฟอร์มแรกในไทยที่รวบรวมข้อมูล HR Products & Services มากที่สุด มาพร้อมระบบเปรียบเทียบราคาเพื่อช่วยตัดสินใจ จะเป็น SMEs หรือธุรกิจใหญ่ ที่นี่มีครบ ! สนับสนุนทรัพยากรมนุษย์และการเติบโตขององค์กร เราเชื่อในการพัฒนาตัวเองเพื่อพัฒนาโลก เรานำเสนอ Content คุณภาพเกี่ยวกับเทรนด์การบริหารงานบุคคล เทคโนโลยีในแวดวง HR และกรณีศึกษาเจ๋งๆจากองค์กรที่น่าสนใจ |