สิ่งที่เหมือนกัน ของ การ ดูแล เสื้อผ้า ใยธรรมชาติ และ ใย สังเคราะห์

เส้นใยคือวัสดุประเภทหนึ่ง เช่น ด้ายหรือเส้นผมซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นใยทั่วตลอดทั้งเส้น เราสามารถแบ่งเส้นใยออกเป็นสองประเภทตามแหล่งที่มาคือเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ เส้นใยสังเคราะห์ถูกผลิตขึ้นโดยมนุษย์ด้วยวิธีการสังเคราะห์ทางเคมี ส่วนเส้นใยธรรมชาติถูกผลิตขึ้นจากสิ่งมีชีวิตโดยใช้ปฏิกิริยาทางเคมีเพียงเล็กน้อยหรือไม่ใช้เลย

ลักษณะของเส้นใยธรรมชาติ
เส้นใยธรรมชาติมีที่มาจากทั้งสัตว์และพืช เส้นใยพืชมีปริมาณเซลลูโลสมากกว่าโดยมักนำมาจากส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ผล, ใบ, ลำต้น  ส่วนเส้นใยสัตว์มีปริมาณโปรตีนมากกว่า มักนำมาจากขนสัตว์และขนนก เชือกที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น เชือกคอตตอนและเชือกมะนิลาจะมีความนุ่มกว่า, ดูดซับได้ดีกว่า, และเหมาะแก่การใช้งานมากกว่า อีกทั้งมีรูปลักษณ์ที่สวยงามจึงเหมาะแก่การใช้ตกแต่งภูมิทัศน์หรือตกแต่งสถานที่

ลักษณะของเส้นใยสังเคราะห์
เส้นใยสังเคราะห์ถูกผลิตขึ้นมาเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ต้องการพัฒนาเส้นใยธรรมชาติที่มาจากพืชและสัตว์ให้ดียิ่งขึ้น เส้นใยสังเคราะห์ถูกผลิตขึ้นมาจากโพลีเมอร์สังเคราะห์ของโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น สารเคมีจากปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมี สารประกอบทางเคมีต่าง ๆ ถูกนำมาใช้ในการผลิตเส้นใยสังเคราะห์หลากหลายชนิด ซึ่งมีการนำเส้นใยสังเคราะห์มาใช้งานในอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเส้นใยทั้งหมด และถึงแม้ว่าเส้นใยหลายชนิดที่ทำมาจากโพลิเมอร์สังเคราะห์จะถูกนำมาผลิตวัสดุที่มีประโยชน์มากมาย แต่ที่นิยมใช้งานกันมากก็คือสายรัดไนล่อน, สายรัดโพลีเอสเตอร์, และสายรัดโพรพิลีน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 98% ของปริมาณการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ทั้งหมด โดยสายรัดโพลีเอสเตอร์เพียงอย่างเดียวก็คิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 60%

ความแตกต่างระหว่างเส้นใยสังเคราะห์และเส้นใยธรรมชาติ
เส้นใยสังเคราะห์มีความทนทานมากกว่าเส้นใยธรรมชาติส่วนใหญ่และมีหลายสีให้เลือก นอกจากนี้สายรัดสินค้าที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ เช่น สายรัดไนล่อน, สายรัดโพลีเอสเตอร์, และสายรัดโพลีโพรพิลีนยังมีความแข็งแรงมากกว่า ทนทานกว่า และทนต่อรอยฉีกขาด, กรด, และรามากกว่าสายรัดที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ นอกจากนี้เส้นใยธรรมชาติยังชำรุดง่ายเนื่องจากผลิตจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ การเลือกใช้สายรัดที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่าเนื่องจากมีอายุการใช้งานที่นานกว่า เส้นใยสังเคราะห์จึงเหมาะแก่การใช้ผลิตสายรัดสินค้า, สายลากจูง, สายนิรภัย, แห, และวัสดุอื่น ๆ ที่ต้องสัมผัสกับน้ำเนื่องจากมีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบระหว่างเส้นใยสังเคราะห์กับเส้นใยธรรมชาติแล้ว เส้นใยสังเคราะห์จะทนน้ำและทนต่อคราบสกปรกได้มากกว่า

การใช้งานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
คุณไม่ควรนำสายรัดสินค้าเส้นใยสังเคราะห์มาใช้งานที่อุณหภูมิมากว่า 90 องศาเซลเซียสหรือน้อยกว่าลบ 40 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้การที่สายรัดสินค้าเส้นใยสังเคราะห์สัมผัสกับแสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินไปยังส่งผลต่อความแข็งแรงของสายรัด คุณควรขอคำแนะนำจากบริษัทผู้ผลิตว่าควรใช้งานหรือเก็บรักษาสายรัดสินค้าอย่างไรหากต้องการยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น

ความแข็งแรงและความทนทานของสายรัดสินค้าเส้นใยสังเคราะห์อาจเสื่อมสภาพได้จากการสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นของแข็ง, ของเหลว, หรือไอน้ำ คุณจึงควรสอบถามบริษัทผู้ผลิตก่อนที่จะนำสายรัดสินค้าไปใช้กับงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี

แหล่งที่มา
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Synthetic_fiber https://www.osha.gov/dsg/guidance/slings/synth-web.html https://www.uscargocontrol.com/shop/Rigging-Supplies-Hardware/Rope

13-inspectorateasia_co_th-MTTA-LAYLA

     เสื้อผ้าที่เรานำมาสวมใส่กันทุกวันนี้  มีเนื้อผ้าที่ผลิตมาจากใยที่หลากหลาย  ยิ่งในปัจจุบันนั้นมีการสังเคราะห์ใยขึ้นมาเพื่อให้มีคุณสมบัติที่ต้องการอย่างมากมาย  การที่เราจะได้เส้นใยนั้นต้องผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างกันไปแล้วนำมาทอเป็นผืนผ้าขนาดที่ต้องการก่อนที่จะนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้า  ซึ่งเส้นใยที่จะมาทำผ้านั้นได้มาจากธรรมชาติและการสังเคราะห์ขึ้นมาเอง  และมีคุณสมบัติที่ต่างกันไปด้วย  จึงนำมาใช้ประโยชน์ที่ต่างกัน  อย่างเช่น  ปลอกหมอน  ผ้าปู  เสื้อผ้าชนิดต่างๆ

     เส้นใยธรรมชาติ  เป็นเส้นใยที่ได้จากพืชและสัตว์  จากพืชจะมีราคาถูกกว่าจากสัตว์และมีจำนวนมากกว่าด้วยและนิยมใช้กันในบ้านเราเพราะว่าหาง่าย  เช่น  ฝ้าย  ลินิน  ป่าน  ปอ  ใยไผ่  นอกจากนั้นยังได้จากสัตว์ในบางชนิดเช่น  ไหม  ได้จากหนอนไหมมีราคาแพงได้เนื้อผ้าที่ดี  ในต่างประเทศก็มีจากขนแกะที่มีราคาสูง

          ใยฝ้าย : หรือว่า Cotton ที่นำใยฝ้ายมาปรับปรุง  นำไปตัดเป็นผ้าที่ใส่กันทุกวันนี้เป็นส่วนมาก  ผ้าที่ได้จากใยฝ้ายนั้นจะได้จากเมล็ดของฝ้ายเมื่อแห้งจะมีการแตกออกมาเป็นใยสีขาวมีความยาวที่แตกต่างกันแล้วจึงนำมาทอเป็นผ้า  ผ้าฝ้ายมีคุณสมบัติที่ดีและมีราคาถูก  มีความทนทาน  เรียบเป็นเงา  ดูดซับน้ำได้ดี  สามารถที่จะผสมกับกระบวนการในทางเคมีได้ผ้าที่มีคุณสมบัติตามความต้องการในแต่ละชุดที่เราต้องการอีกด้วย  เป็นผ้าที่ใช้ได้นาน  ย้อมสีติดได้ดี  ยากต่อการติดไฟ

         ใยลินิน : เป็นใยที่ได้จากต้นแฟล็กซ์  เป็นในผ้าที่ได้มีการค้นพบมามากกว่า 7,000 ปี  มาแล้วเป็นผ้าที่ใช้ในการห่อมัมมี่  ข้อดีคือ  ระบายอากาศได้ดีมาก  ดูซับเหงื่อได้ดี  แต่ยับง่าย

          ใยป่าน : ส่วนมากจากต้อนป่านเรมี  เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีมากจากประเทศจีน  สามารถปลูกได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  มีคุณสมบัติ  มีความทนทานต่อการซักรีด  เงา  แห้งเร็ว

         ใยไผ่ : ใยไผ่ได้จากต้นไผ่กำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากเป็นใยที่ดีต่อสุขภาพเหมาะสับหรับผ้าที่ใช้ในที่อับๆ  อย่างเช่นชุดชั้นใน  มีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรีย  ลดกลิ่นอับ  มีความยืดหยุ่น  ระบายอากาศได้ดี  ดูดซับเหงื่อดี  มีความเบา

          ใยไหม : ได้จากหนอนไหม  มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีนกว่า 2,00 ปีแล้ว  โดยจะนำหนอนที่เลี้ยงด้วยใบหม่อน  เมื่อหนอนจะทำรังมีใยออกมาเพื่อจะสร้างรัง  โดยจะนำหนอนไหมลงไปต้นน้ำแล้วจะทำการสาวปั่นเป็นเส้นใย  มีคุณสมบัติ  มีความเงางาม  ตักเสื้อผ้าได้ทรงออกมาสวย  ซึ้งทำให้มีราคาแพง

          ขนแกะ  : มักใช้ในเมืองหนาว  เนื่องจากเป็นใยที่ให้ความอบอุ่นดี  มีน้ำหนักที่เบา  ยืดหดได้ดีและมีราคาแพง

    ใยสังเคราะห์  เป็นใยที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองมีการปรับปรุงและชนิดที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป  ตามการใช้งานของเสื้อผ้านั้นๆ  ทั้งมีความ  เงา  ยืดหยุ่น  มีความทนทาน  แห้งง่าย  ในแต่ละชนิดก็มีราคาที่ถูกแพงต่างกันด้วย  อย่างเช่น  สแปนเด็กซ์  ที่เป็นยางยืดมีความทนทานมักใช้เป็นขอบยางของกางเองใน  โพลีเอสเตอร์  เป็นผ้าที่มีความเงา รีดง่าย ยับยาก  ใส่สบาย  แต่ซีดเร็วเป็นต้น

ลิงค์ที่มาข้อมูล : http://www.krabork.com/2015/05/28/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/#more-2780