งานนำเสนอเรื่อง: "ขั้นตอนของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์"— ใบสำเนางานนำเสนอ:
1 ขั้นตอนของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์
2 ขั้นตอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์
3 ขั้นที่ 3 การปฏิบัติการโครงงาน
4 ขั้นที่ 4 การเขียนรายงาน โครงงาน
5 ขั้นตอนการทำโครงงาน
กิจกรรมที่ปฏิบัติ
6 การคิดหัวข้อเรื่องและการเลือกหัวข้อเรื่อง
7 เทคนิคในการคิดหาหัวข้อโครงงาน โดยผู้สอนจะต้องกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักคิดปัญหาด้วยตัวเอง โดยอาจเริ่มจากการตั้งคำถามง่าย ๆ ใกล้ตัวก่อน
8 การเลือกหัวข้อเรื่องในการทำโครงงาน ผู้เรียนจะต้องคิดและเลือกด้วยตัวของผู้เรียนเอง ซึ่งแหล่งที่มาในการที่จะเลือกเรื่องที่ทำโครงงานมาจากแหล่งต่าง ๆ พอสรุปได้ดังนี้ จากการอ่านหนังสือพิมพ์พบว่า มีคำทับศัพท์ที่มาจากภาษาต่างประเทศหรือคำย่อต่าง ๆ อยู่มาก ก็อาจจะทำโครงงาน
“สำรวจคำย่อและความหมายจากหนังสือพิมพ์” หรืออาจทำโครงงาน “คำทับศัพท์จากต่างประเทศที่พบเห็นและใช้ชีวิตประจำวัน”
9 จากการอ่านงานวิชาการต่าง ๆ เช่น ตำรา หนังสือพิมพ์ วารสาร งานวิจัย บทความหรือเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้ผู้เรียนเห็นปัญหาจากเนื้อหาวิชาการต่าง ๆ
ที่น่าสนใจและสามารถหยิบยกทำโครงงาน “สำรวจความพึงพอใจของครู-อาจารย์ สังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานต่อการใช้หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
10 จากการอ่านวารสารเกษตรต่าง ๆ พบว่า
มะกรูดกับมะนาวเป็นพืชที่มีความใกล้ชิดกัน สามารถนำมะนาวมาเสียบยอดบนต้นมะกรูดได้ ก็อาจจะทำให้ผู้เรียนนำวิธีการดังกล่าวไปใช้กับต้นไม้อื่น ๆ ที่มีความใกล้ชิดกัน และอาจนำมาเสียบยอดกันได้ เช่น ต้นชบากับกระเจี๊ยบเขียวอยู่ในตระกูลเดียวกันหรือต้นมะลิลาอยู่ในตระกูลเดียวกันกับต้นพุด ผู้เรียนก็เลยคิดทำโครงงานเรื่อง “การเสียบยอดกระเจี๊ยบเขียวบนต้นชบา” หรือ “การเสียบยอดมะลิลา บนต้นพุด”
11 เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้วให้นำมาปรึกษาหารือในกลุ่มคณะที่เราร่วมทำงานกัน
เมื่อเลือกหัวข้อเรื่องหรืออาจจะนำหัวข้อเรื่องหลาย ๆ หัวข้อมาปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาพร้อม ๆ กับคณะที่ทำร่วมกันก็ได้ หลังจากนั้นสิ่งที่ผู้เรียนควรทำต่อไปคือ การตั้งชื่อโครงงานซึ่งชื่อเรื่องของโครงงานจะเป็นสิ่งที่จะชี้ให้ผู้เรียนเข้าใจปัญหา วิธีการศึกษาของโครงงานนั้น ซึ่งชื่อเรื่องที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้
12 ตั้งชื่อเรื่องให้ตรงกับเรื่องที่ศึกษา ซึ่งเมื่ออ่านชื่อเรื่องแล้ว ทำให้เราสามารถบอกได้ว่าเรื่องนั้นมีลักษณะวิธีการศึกษาอย่างไร - ศึกษาการใช้สารบอแรกซ์ในหมูยอชื่อดัง 5 ยี่ห้อ - เปรียบเทียบแป้งในยาสีฟันชื่อดัง 5 ยี่ห้อ - ตรวจหาแบคทีเรียชนิดโคลิฟอร์มในน้ำแข็งบด -
การสกัดสีจากดอกกุหลาบ - พริกขี้หนูกำจัดแมลงสาบ - สมุนไพรกำจัดเหา - ความรุนแรงของน้ำมันทอดอาหารหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
13 ตัวอย่างตารางวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกโครงงานของผู้เรียน
14 ตารางแสดงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกโครงงาน
15 การวางแผนโครงงานวิทยาศาสตร์
16 เพื่อให้ผู้เรียนตอบคำถาม 5W – 1H ได้ ผู้เรียนจะต้องวางแผนโดยต้องปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
17 ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ
เอกสารอ้างอิงผู้เรียนจะต้องจดข้อความหรือถ่ายเอกสารมาด้วยเพื่อจะได้นำไปเขียนเป็นบท เอกสารในการจัดทำเค้าโครงและการจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ พร้อมกับจดชื่อเอกสาร วารสาร หัวข้อเรื่องในวารสาร เอกสาร ชื่อผู้แต่ง สำนักพิมพ์ จังหวัด หรือประเทศที่พิมพ์ พ.ศ.ที่พิมพ์ และข้อความนั้นอยู่หน้าอะไรไว้ด้วยเพื่อจะได้ให้เกียรติแก่ผู้ที่ได้จัดทำเอกสาร วารสารนั้นไว้ในบรรณานุกรมของรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับสมบูรณ์
18 2. พิจารณาเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
19 ตัวอย่าง ผู้เรียนต้องการทำโครงงานเรื่อง
“เปรียบเทียบการใช้ปรอทแอมโมเนียในครีมกันแดดยี่ห้อดัง” ซึ่งโครงงานเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเคมีผู้เรียนก็จะต้องไปหาอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับสารเคมีซึ่งก็น่าจะเป็นอาจารย์ที่สอนวิชาเคมี หรือผู้เรียนทำโครงงานเรื่อง “ไฟเลี้ยวรถจักรยาน” ซึ่งโครงงานประเภทนี้เกี่ยวข้องกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์ อาจารย์ที่ปรึกษาก็ต้องเป็นอาจารย์ที่สอนฟิสิกส์หรือวิทยาศาสตร์ทั่วไป เป็นต้น นอกจากนี้อาจารย์ที่ปรึกษายังจะต้องมีหน้าที่แนะนำเทคนิควิธีการต่าง ๆ ในการค้นเอกสารจากห้องสมุด
ซึ่งอาจแนะนำให้ผู้เรียนไปศึกษากับบรรณารักษ์ห้องสมุดก็ได้ นอกจากนี้แล้วอาจารย์ที่ปรึกษาอาจจะต้องให้ความช่วยเหลือในการติดต่อห้องสมุดอื่น ๆ ในท้องถิ่นให้ผู้เรียนสามารถเข้าไปใช้บริการได้
20 3.
การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์
21 4) ที่มาและความสำคัญของโครงงาน (utility of project) อธิบายถึงความเป็นมาเกี่ยวกับปัญหาที่น่าสนใจจะศึกษาว่ามีความเป็นมาอย่างไร เหตุใดจึงเลือกทำโครงการนั้น มีเหตุจูงใจอะไร มีความสำคัญอย่างไร ผู้เรียนอาจจะหาหลักฐานต่าง ๆ ประกอบ ซึ่งอาจจะเป็นหลักการ ทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้องมาประกอบการสนับสนุนด้วยก็ได้ เป็นเรื่องที่คิดขึ้นมาใหม่หรือเป็นการศึกษาต่อยอดจากโครงงานเดิมที่มีผู้อื่นทำมาแล้ว
แต่ยังไม่ได้ศึกษาในบางเรื่องหรือเป็นการทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผลอีกครั้ง หรือเป็นเรื่องดัดแปลงจากเรื่องอื่น ๆ ต้องแสดงความเห็นด้วยว่าผู้ที่เคยศึกษามาแล้วเขาทำอย่างไรและในส่วนของเรานั้นทำอย่างไร
22 5) วัตถุประสงค์ของการศึกษา (objectives)
เป็นการกำหนดจำเพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไร โดยการเขียนเป็นข้อ ๆ โดยเขียนให้สอดคล้องกับสิ่งที่จะศึกษาหรือทดลอง เขียนให้ชัดเจน ไม่ยืดยาวและไม่ควรเขียนจุดประสงค์ไว้หลาย ๆ ข้อเกินความจำเป็นควรมี 1-2 ข้อก็เพียงพอ เพราะถ้ากำหนดไว้หลายข้อเวลาทำการทดลองจะต้องเป็นไปตามหัวข้อจุดประสงค์ หากทำไม่ครบทุกข้อก็จะทำให้โครงงานเรื่องนั้นไม่ประสบผลสำเร็จนั่นเอง
23 6) ขอบเขตของโครงงานที่ทำการศึกษา เป็นการระบุข้อจำกัดในการเก็บข้อมูล เช่น ระบุว่าหัวข้อเรื่องที่จะศึกษานี้จะศึกษาในเรื่องใดบ้าง จะไม่ศึกษาในเรื่องใดบ้าง
ประชากรหรือตัวอย่างในการทดลองหรือผู้ที่เราขอข้อมูลเป็นใคร มาจากที่ไหน อยู่ระดับใด จำนวนเท่าใด เพื่อเป็นข้อตกลงว่าจะทำเพียงแค่ที่กำหนดไว้เท่านั้น
24 7) สมมติฐานของการศึกษา (hypothesis) ถ้ามีเป็นการคาดคะเนผลการทดลองไว้ล่วงหน้า การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุผลโดยมีหลักการทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งมักเขียนเป็นข้อความมองเห็นแนวในการดำเนินการทดลองหรือตรวจสอบได้
25 8) วิธีดำเนินการ (procedures) เป็นการกำหนดขั้นตอนที่เราจะต้องศึกษาทดลอง โดยกำหนดวิธีการทดลอง ตามวัตถุประสงค์และขอบเขตของการศึกษาที่กำหนดไว้ทุกประการให้ระบุว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไร ลักษณะเป็นอย่างไร มีขนาดเท่าใด ทำด้วยอะไร จะหามาจากแหล่งใด จะจัดซื้อหรือขอยืมจากที่ใด ใช้ปริมาณเท่าใด มีแนวทางในการศึกษาหรือทำการทดลองอย่างไร จะมีการออกแบบการทดลองเป็นอย่างไร
มีการเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เก็บด้วยวิธีใด จากที่ไหนและอย่างไร มีการบันทึกข้อมูลด้วยวิธีการใด ข้อมูลที่เก็บมาได้จะทำการวิเคราะห์อย่างไร มีระยะเวลาในการดำเนินงานในแต่ละขั้นเท่าใด เมื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีวิธีการนำเสนอในรูปแบบใด
26 9)
ประโยชน์หรือผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทำโครงงานนี้ (expected outcome) ให้กำหนดเป็นข้อ ๆ ว่าประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับทั้งที่จะได้กับตนเอง เพื่อนหรือผู้อื่นให้ชัดเจนว่าเมื่อนำโครงงานเรื่องดังกล่าวแล้วจะได้รับประโยชน์อะไร ทั้งในเรื่องผลผลิต กระบวนการและผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ประโยชน์ด้านการเกษตรต่อเกษตรกร ในด้านการศึกษาเป็นเครื่องมือหรือแนวทางในการนำไปใช้ในบทเรียนที่กำลังเรียนในด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
27 10) เอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (bibliography) บอกชื่อเอกสาร ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่ใช้ทำโครงงานเพื่อให้ผู้อื่นทราบว่าผู้เรียนศึกษาค้นคว้าข้อมูลมาจากแหล่งใดบ้าง
หากสนใจที่จะทำโครงงานในลักษณะเดียวกันในมุมมองอื่น ๆ ก็สามารถศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากแหล่งความรู้เหล่านั้น
28 3.2
ตัวอย่างเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์
29 1) สารไอโอดีน 2) น้ำสะอาด 3) ช้อนคนสาร 4) แก้วพลาสติก
30 3)หยดสารละลายไอโอดีน 2 หยดลงในแต่ละตัวอย่าง สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง
31 1 = สีม่วงจาง , 2 = สีม่วงเข้ม , 3 = สีดำ
32 ประโยชน์ของโครงงาน สามารถทดสอบเบื้องต้นว่ายาสีฟันยี่ห้อใดมีส่วนผสมของแป้งมากเกินไป และเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อยาสีฟันให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด
33 ตาราง แสดงผลการทดสอบปริมาณแป้งในยาสีฟัน 5 ยี่ห้อ
34 ตัวอย่างการตั้งคำถามของครู
35 คำถามของครู เค้าโครงของโครงงาน
36 คำถามของครู เค้าโครงของโครงงาน
37
การขออนุมัติทำโครงงาน
38 การปฏิบัติการโครงงานหรือการลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์
39
ในเบื้องต้นของเสนอว่า ผู้เรียนควรจะได้สุ่มการศึกษาทดลองก่อน โดยเลือกใช้วัสดุง่าย ๆ หรืออุปกรณ์ที่มีพอหาได้หรือมีอยู่ในห้องปฏิบัติการทำการศึกษาทดลองก่อนว่าน่าจะเป็นไปตามสมมติฐานที่กำหนดไว้ในเค้าโครงนั้นหรือไม่ หากเป็นไปได้จึงเริ่มปฏิบัติการทดลองจริงซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้เรียนต้องลงมือสำรวจรวบรวมข้อมูล ทำการทดลองหรือประดิษฐ์ (ขึ้นอยู่กับประเภทของโครงงานที่ทำ) เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับปัญหาที่สงสัย ความรู้หรือความจริงในเรื่องนั้น
40 ในระหว่างการศึกษา ทดลองหรือประดิษฐ์ อาจจะเกิดปัญหานานาประการ ได้แก่ เครื่องมือ อุปกรณ์ไม่ทำงาน สารเคมีอาจเสื่อมคุณภาพ การทดลองหรือการศึกษาอาจไม่เป็นไปตามที่คาดคิด ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มจะต้องร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น อาจเปลี่ยนอุปกรณ์ สารเคมี หรือเปลี่ยนวิธีการศึกษาแต่ในขณะเดียวกันผู้เรียนควรจะศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องในส่วนที่จะช่วยให้การทดลองหรือการศึกษาได้ผลดีมากขึ้น และจำเป็นที่จะต้องพบอาจารย์ที่ปรึกษาบ่อย ๆ เพื่อหาทางช่วยกันในการแก้ปัญหา
ตลอดจนปรึกษาหารือในด้านข้อมูลหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ได้จากการศึกษา
41 การปฏิบัติการโครงงาน ต้องใช้ทักษะกระบวนการที่สำคัญ 3 ประการ คือ
42 การเขียนรายงานโครงงาน
43 3. ส่วนประกอบตอนท้าย ได้แก่ บรรณานุกรมและภาคผนวก
44 ส่วนประกอบสำคัญของรายงานโครงงาน รายละเอียดของส่วนประกอบ
45 1.
ส่วนประกอบตอนต้นของรายงานโครงงาน
46 1.2 ปกใน 1.3 บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการและผลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปต่าง ๆ อย่างย่อ ๆ ประมาณ คำ ซึ่งไม่เกินครึ่งหน้ากระดาษ
47 1.4
กิตติกรรมประกาศหรือประกาศคุณูปการ
48 1.6 สารบัญ 1.6.1 สารบัญเรื่อง เป็นส่วนที่ระบุว่า ภายในเล่มรายงานโครงงานประกอบด้วยอะไรบ้าง โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ตามลักษณะการนำเสนอข้อมูลและเรียงลำดับ
49 สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ คำนำ บทที่ 1 บทนำ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน สมมติฐานของการศึกษา ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง คำนิยามศัพท์เฉพาะ ขอบเขตของการศึกษา สถานที่ทำการศึกษา
ระยะเวลาในการศึกษา บทที่ 2 เอกสารและหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา .
50 สารบัญ เรื่อง หน้า บทที่ 3 วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการดำเนินการทดลอง วัสดุ อุปกรณ์ วิธีการดำเนินการทดลอง บทที่ 4 ผลการทดลอง บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สรุปผลการศึกษา อภิปรายผลการศึกษา ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก
51 1.6.2 สารบัญตาราง การนำเสนอข้อมูลในรูปตารางเป็นการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลที่ได้ศึกษา อีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อความสะดวกในการค้นหา ควรจัดทำสารบัญตารางบอกลำดับที่ ชื่อและหน้า ตาราง หน้า 1. แสดงหรือศึกษา 2. แสดงหรือศึกษา
ฯลฯ 52 สารบัญภาพประกอบ ภาพประกอบ หน้า
53 2. ส่วนเนื้อหาของรายงานโครงงาน
54 2.1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา ในการเขียนจะกล่าวถึงสิ่งที่ต้องการศึกษาหาคำตอบ โดยนิยมเขียนในรูปความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตาม 2.1.3 สมมติฐานของการศึกษา เป็นการคาดคะเนคำตอบไว้ล่วงหน้า อาจถูกหรือผิดก็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุและมีผล
มีทฤษฎีวิทยาศาสตร์รองรับในการเขียนรายงานวิทยาศาสตร์ต้องมีสมมติฐานของการศึกษา ยกเว้นโครงงานประเภทสำรวจ
55 2.1.4 ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
56 2.1.5 ขอบเขตของการศึกษาเป็นการกำหนดว่าจะศึกษาเรื่องอะไร ภายใต้เงื่อนไขอย่างไร เป็นระยะเวลานานเท่าใด
57 2.1.7 สถานที่ทำการศึกษา ถ้าโครงงานประเภททดลองให้ เขียนบอกสถานที่ทำการทดลอง เช่น ห้องปฏิบัติการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
ถ้าเป็นโครงงานประเภทสำรวจให้เขียนขอบเขตหรือบริเวณที่ทำการสำรวจ เช่น บริเวณโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 2.1.8 ระยะเวลาที่ทำการศึกษา ระบุวัน เดือน ปี ที่ทำการศึกษาตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวันสิ้นสุดของโครงงาน
58 2.2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เป็นการศึกษาเอกสารหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง อาจเป็นหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการศึกษาค้นคว้าที่สอดคล้องกับหัวข้อเรื่องที่จะทำโครงงาน เช่น หัวข้อเรื่อง “กำจัดหนอนปลาร้าด้วยสมุนไพร” ความรู้หรือเนื้อหาสาระในบทเอกสารควรจะมี “สมุนไพรชื่อว่าหนอนตายยาก ชนิดของปลาที่นำมาทำปลาร้า วงจรชีวิตของหนอน งานวิจัยหรือโครงงานที่มีผู้ทำการศึกษาการกำจัดหนอนในปลาร้า”
และต้องมีการเขียนอ้างอิงแทรกในเนื้อหาที่กล่าวถึง เพื่อแสดงให้เห็นถึงแหล่งที่ค้นคว้ามาโดยจะใช้การอ้างอิงตามหลักของสถาบันใดก็ได้ แต่ต้องใช้เป็นรูปแบบเดียวกันตลอดทั้งเอกสาร ซึ่งผู้เขียนได้เขียนรายละเอียดไว้ในบทที่ 7
59 2.3 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการ ในส่วนนี้จะต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการดำเนินการทดลอง วัสดุ
อุปกรณ์ในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้มักจะประกอบไปด้วยเครื่องมือ เครื่องใช้ สารเคมีและสิ่งที่ใช้ในการศึกษา วัสดุ อุปกรณ์ประเภทเดียวกันควรเขียนเรียงตามลำดับไปจนครบ แล้วเขียนวัสดุอุปกรณ์ตัวอื่นต่อไป วิธีดำเนินการทดลอง เป็นการอธิบาย ลำดับ ขั้นตอนของการศึกษาอย่างละเอียด
60 2.4 บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน เป็นการนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกต หรือจดบันทึกรวบรวมไว้จากการศึกษาค้นคว้า รวมทั้งเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย ซึ่งข้อมูลที่ได้มี 2 ลักษณะ คือ ข้อมูลเชิงปริมาณ อาจจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลในรูปตาราง หรือแผนภูมิก็ได้
โดยพิจารณาความเหมาะสมกับจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลเชิงคุณภาพ อาจเขียนในลักษณะข้อความบรรยายสั้น ๆ หรือมีภาพประกอบข้อมูลด้วยก็ได้ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้โดยง่าย
61 2.5 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
62 3.
ส่วนประกอบตอนท้ายของรายงานโครงงาน
63 3.2 ภาคผนวก ก่อนถึงภาคผนวกควรมีหน้าบอกให้วางคำ “ภาคผนวก” ไว้กึ่งกลางหน้ากระดาษและนับหน้านี้รวมกับหน้าอื่นด้วย แต่ไม่ต้องใส่หมายเลขกำกับในส่วนนี้
เป็นการนำส่วนที่บันทึกหรือข้อมูลที่ได้จากการศึกษาที่ต้องการแสดงเพิ่มเติม เช่น สูตรคำนวณ สูตรอาหาร เป็นต้น 64 การนำเสนอโครงงาน การนำเสนอโครงงาน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นำเสนอ
กระบวนการทำงานและผลผลิตที่เกิดจากการกระทำโครงงาน เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง และบุคคลอื่น ๆ ได้ทราบถึงเบื้องหลังการทำงานของผู้เรียนว่าเป็นอย่างไร จะต้องใช้ความพยายาม ความอดทนมากเพียงใด กว่าจะได้ผลงานหรือความรู้เรื่องนี้
65 ผลดีของการเรียนรู้โครงงานคือ การฝึกทักษะและวิธีการนำเสนอผลงาน เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำได้อย่างไร เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งจะนำไปสู่ขั้นที่ 6 ของโครงงานคือ การพัฒนาโครงงานต่อเนื่อง ผลดีของการนำเสนอโครงงานคือ
ทำให้ผู้เรียนกล้าแสดงออก มีไหวพริบปฏิภาณ ในการตอบคำถามผู้อื่น มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และเกิดความภาคภูมิในความสำเร็จของตนเอง นับเป็นแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่จะพัฒนาการทำงานของตนเองให้ดีขึ้น โดยไม่ต้องให้ครูหรือผู้ปกครองมาบังคับ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งของการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางคือ ความรับผิดชอบเป็นผู้นำในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (self-directed learning)
66
การนำเสนอโครงงาน ทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้
67 ขอนำเสนอรูปแบบการนำเสนอโครงงานที่นิยมใช้กันทั่วไปเพียง 2 รูปแบบ คือ
68
1.1 หัวข้อที่จะนำเสนอในแผนโครงงานประกอบด้วย
69 1.2 ขนาดของแผงโครงงาน สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดแผงโครงงานวิทยาศาสตร์ที่จะส่งเข้าประกวด คือ แผงโครงงานจะต้องประกอบด้วย 3 ด้าน คือ ด้านหลัง และด้านข้าง 2 ด้าน
ส่วนด้านหน้าเปิดให้ผู้ชมสามารถชมผลงานได้สะดวก แผงทั้ง 3 ด้านใช้ติดภาพแผนภูมิ คำอธิบาย หากมีสิ่งอื่นประกอบให้วางไว้บนโต๊ะตามความเหมาะสม แผงโครงงานมาตรฐานมีขนาดความกว้างยาว ดังนี้ แผ่น ก 1 ก 2 ขนาด 60 X 60 เซนติเมตร, แผ่น ข ขนาด 60 X 120 เซนติเมตร ติดบานพับระหว่าง แผ่น ก 1 กับ ข กับ ก 2 มีห่วงรับและขอสับทำมุมประมาณ 100 องศากับแผ่นกลาง สามารถพับเก็บได้ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย
70 ข ก2 60 ซม 120 ซม ก1 ภาพ แผงโครงงานวิทยาศาสตร์ขนาดเล็ก
71 1.3 การจัดทำแผงโครงงานและวิธีการนำเสนอ 72 2.
การนำเสนอโครงงานการด้วยนิทรรศการ
73 2.1 รูปแบบของการจัดนิทรรศการโครงงาน
74 1. ชื่อโครงงาน ชื่อผู้ทำโครงงาน ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
75 2.2 การจัดนิทรรศการแสดงโครงงาน ควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้ 76 การพัฒนาโครงงาน
การพัฒนาโครงงาน เป็นผลมาจากการทำโครงงานเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ทำโครงงานจะต้องทบทวนโครงงานที่ทำว่ายังมีประเด็นเรื่องใดที่น่าศึกษาต่อจากเรื่องที่ทำแล้ว เพื่อการศึกษาค้นคว้าที่สมบูรณ์ โดยทำเป็นโครงงานใหม่ อาจจะทำในรูปแบบบูรณาการทั้ง 8 กลุ่มสาระก็ได้ เช่น โครงงานเรื่องกล้วย กล้วย
77 ในขณะที่ผู้เรียนกลุ่มหนึ่ง กำลังทำโครงงานเรื่องสารพัดหยวกกล้วย ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ก็ทำโครงงานเกี่ยวกับเรื่องกล้วยในประเด็นอื่น ๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องกล้วยได้ครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
และขยายโอกาสให้ผู้เรียนได้ต่อยอดโครงงานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
78 ตารางที่ 3.5 โครงงานต่อเนื่อง เพื่อบูรณาการกับกลุ่มอื่น ๆ
79 คำถามทบทวน( 10 คะแนน) 1.จากแนวคิดของนักการศึกษาที่ว่า “การคิดและเลือกหัวข้อของปัญหาเป็นขั้นตอนที่ยาก นักการศึกษาคิดว่าเพราะเหตุใด 2. ขั้นตอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์มี 7 ขั้น อะไรบ้างพร้อมอธิบายกิจกรรมสั้นๆ 3.
นักศึกษาคิดว่าเมื่อได้หัวข้อโครงงานมาแล้วทำไมต้องใช้ตารางวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกโครงงาน 4. จงอธิบาย “5W – 1H” พอสังเขป 5. การเขียนเค้าโครงของโครงงานนั้นมีรายละเอียดอะไรบ้างอธิบาย 6. นักศึกษายกตัวอย่างเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์มา 1 โครงงาน 7. นักศึกษายกตัวอย่างคำถามของครูที่ช่วยกระตุ้นความคิดของของผู้เรียนในการเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ 8. การเขียนรายงานโครงงานนั้นจะต้องประกอบไปด้วยส่วนสำคัญ 3 อะไรบ้าง
อธิบายสั้นๆ 9.หลักเกณฑ์ในการจัดแผงโครงงานวิทยาศาสตร์ตามสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยนั้นได้กำหนดไว้อย่างไร เขียนเป็นภาพ 10. นักศึกษาสรุปขั้นตอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์เป็น concept mapping
80 จบขั้นตอนของการทำโครงงานแล้วจ้าต่อไปพบกับความรู้และทักษะกระบวนการที่ใช้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ |