แผนการ สอนภาษาอังกฤษ ป.4 Play and Learn doc

ปีการศึกษา

ชั้น

กลุ่มสาระ

ชั่วโมง 40

แผนการสอนโดย ครูศุภรัตน์ พ่วงกลิ่น และ ครูวรวุฒิ สดใส

ครูผู้สอน ครูศุภรัตน์ พ่วงกลิ่น และ ครูวรวุฒิ สดใส

กําหนดการรายชั่วโมง

แผนการ สอนภาษาอังกฤษ ป.4 Play and Learn doc
กำหนดการเรียนรู้รายชั่วโมง

ครูศุภรัตน์ พ่วงกลิ่น และ ครูวรวุฒิ สดใส
ภาษาอังกฤษ

ารเรียนการสอนภาษาอังกฤษ แบบฝึกออนไลน์ Projects: Play and Learn กระทรวงศึกษาธิการ ระดับชั้น ป.1 – ป.6       การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ แบบฝึกออนไลน์ Projects: Play and Learn กระทรวงศึกษาธิการ ระดับชั้น ป.1 – ป.6

แผนการ สอนภาษาอังกฤษ ป.4 Play and Learn doc

  ใบงานเสริม

โปรแกรมท่องศัพท์ ประกอบหนังสือเรียน Play and Learn 1, 2 ,3 และ 4 ของชั้นเรียน ป.2 ป.3 และ ป.4 จากเว็บ คณะบัญชี ม.พายัพ เชียงใหม่

หนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ 1 ชื่อ Projects : Play and Learn Student book 1

แผนการ สอนภาษาอังกฤษ ป.4 Play and Learn doc

ประกอบด้วยศัพท์ 273 คำ หากเด็ก ๆ ท่องกัน วันละ 10 คำ จันทร์ ถึง ศุกร์ ก็ได้ศัพท์ 50 คำ

หนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ชื่อ Projects : Play and Learn Student book 2

ประกอบด้วยศัพท์ 407 คำ  หากเด็ก ๆ ท่องกัน วันละ 10 คำ จันทร์ ถึง ศุกร์ ก็ได้ศัพท์ 50 คำ

หนังสือเรียนของชั้นประถมปีที่ 3 Projects: Play and Learn student book 3

แผนการ สอนภาษาอังกฤษ ป.4 Play and Learn doc

ได้นำศัพท์ในหนังสือ มาทำโปรแกรมท่องศัพท์  ประกอบด้วยศัพท์ 507 คำ

หนังสือเรียนของชั้นประถมปีที่ 4 Projects: Play and Learn Student’s book 4

การติดตั้ง ที่ลิงค์   http://freewareacpyu.blogspot.com/2013/10/play-and-learn-3-3.html

We use cookies on our website to give you the most relevant experience by remembering your preferences and repeat visits. By clicking “Accept”, you consent to the use of ALL the cookies.

1 แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวิชาภาษาองั กฤษ ระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 นางสภุ าพ หอมดี ตำแหน่ง ครู โรงเรยี นเทศบาล 2 ศรีบญุ เรอื ง กองการศึกษา เทศบาลเมอื งเลย จงั หวดั เลย กรมส่งเสริมการปกครองสว่ นท้องถิน่ กระทรวงมหาดไทย

1 มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความ คิดเหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้วี ดั ช้นั ปี ต 1.1 ป. 4/1 ปฏิบัตติ ามคำสง่ั คำขอร้องและคำแนะนำ (Instructions) ง่ายๆ ที่ฟงั หรืออา่ น ต 1.1 ป. 4/2 อ่านออกเสยี งคำสะกดคำอา่ นกล่มุ คำประโยคข้อความง่ายๆและบทพูดเขา้ จังหวะ ถูกต้องตามหลกั การอา่ น ต 1.1 ป. 4/3เลอื ก/ระบุ ภาพหรือสัญลกั ษณห์ รือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยคและ ข้อความสั้นๆที่ฟังหรืออ่าน ต 1.1 ป. 4/4 ตอบคำถามจากการฟงั และอ่านประโยคบทสนทนาและนทิ านงา่ ยๆ มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.2 มีทักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลขา่ วสาร แสดง ความรู้สกึ และความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตัวช้วี ดั ชน้ั ปี ต 1.2 ป. 4/1 พดู /เขยี นโต้ตอบในการส่ือสารระหวา่ งบคุ คล ต 1.2 ป. 4/2 ใชค้ ำสั่งคำขอร้องและคำขออนุญาตงา่ ยๆ ต 1.2 ป. 4/3 พดู /เขียนแสดงความตอ้ งการของตนเองและขอความชว่ ยเหลอื ในสถานการณง์ ่ายๆ ต 1.2 ป. 4/4 พดู /เขียนเพ่อื ขอและใหข้ ้อมูลเกีย่ วกบั ตนเองเพ่ือนและครอบครัว ต 1.2 ป. 4/5 พดู แสดงความรูส้ กึ ของตนเองเกีย่ วกบั เรอื่ งตา่ งๆใกล้ตวั และกจิ กรรมต่างๆตามแบบที่ฟัง มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่างๆ โดยการพูดและการเขยี น ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี ต 1.3 ป. 4/1 พูด/เขยี นให้ขอ้ มลู เก่ียวกับตนเองและเรื่องใกลต้ ัว ต 1.3 ป. 4/2 พดู /วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของสิง่ ต่างๆใกล้ตวั ตามท่ีฟงั หรืออา่ น ต 1.3 ป. 4/3 พูดแสดงความคดิ เหน็ ง่ายๆเก่ียวกับเร่อื งตา่ งๆใกล้ตัว

2 สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และ นำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ชีว้ ัดชนั้ ปี ต 2.1 ป. 4/1 พดู และทำท่าประกอบอย่างสุภาพตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ต 2.1 ป. 4/2 ตอบคำถามเกี่ยวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลองและชวี ติ ความเปน็ อยู่งา่ ยๆของ เจา้ ของภาษา ต 2.1 ป. 4/3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะสมกับวัย มาตรฐานการเรียนรู้ ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมขอ เจ้าของภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ชว้ี ดั ชั้นปี ต 2.2 ป. 4/1 บอกความแตกตา่ งของเสียงตัวอักษรคำ กลมุ่ คำ ประโยคและขอ้ ความของ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ต 2.2 ป. 4/2 บอกความเหมอื น/ความแตกต่างระหว่างเทศกาลและงานฉลองตามวัฒนธรรมของ เจา้ ของภาษากับของไทย สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธก์ ับกลุ่มสาระการเรียนรู้ อ่ืน มาตรฐานการเรียนรู้ ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และ เป็นพ้นื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน ตัวชว้ี ัดชั้นปี ต 3.1 ป. 4/1ค้นคว้า/รวบรวมคำศพั ทท์ เ่ี กีย่ วข้องกบั กลมุ่ สาระการเรียนร้อู ่นื และนำเสนอดว้ ยการพดู / การเขียน สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชมุ ชนและโลก มาตรฐานการเรียนรู้ ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และ สังคม ตวั ชี้วัดชน้ั ปี ต 4.1 ป. 4/1 ฟงั และพดู /อ่านในสถานการณท์ เี่ กดิ ขน้ึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเปน็ เครื่องมือพน้ื ฐานในการศึกษาตอ่ การประกอบอาชพี และการแลกเปลยี่ นเรียนร้กู ับสงั คมโลก ตวั ชี้วัดชั้นปี ต 4.2 ป. 4/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสบื ค้นและรวบรวมขอ้ มูลต่างๆ

3 คำอธบิ ายรายวชิ า วิชาภาษาองั กฤษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รหสั วชิ า อ14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ศึกษาวิเคราะห์ คำสงั่ คำขอรอ้ ง คำแนะนำ คำขออนุญาตทใ่ี ช้ในห้องเรยี น การอ่านออกเสยี ง สะกดคำ กลุม่ คำ ประโยค บทพูดเข้าจงั หวะ บทสนทนาที่ใชใ้ นการทักทาย นทิ านทีม่ ีภาพประกอบ ให้ ขอ้ มูลเก่ียวกับตนเอง สิ่งแวดล้อมและสังคมใกลต้ วั นำเสนอบทเพลง บทกวี การใชพ้ จนานุกรม หลกั การอา่ นออกเสยี ง รูปภาพสญั ลกั ษณ์ เครอ่ื งหมาย ความแตกตา่ งของเสียง ตวั อกั ษร คำ กลุ่มคำ และ ประโยค ความแตกต่างของภาษาและวฒั นธรรม ขนธรรมเนียมประเพณี เทศกาล งานฉลอง โดยใชก้ ระบวนการฟงั พูด อา่ น เขียน คิด การรวบรวมขอ้ มูล กระบวนการฝึกปฏิบัติ กระบวนการต้ังคำถาม กระบวนการทำงานกล่มุ กระการนำเสนอ และกระบวนการเสรมิ สร้าง คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ เพื่อใหเ้ กิด ประโยชน์ในการเรียนรแู้ ละพฒั นาทักษะทางภาษาองั กฤษ มี ความสามารถในการสื่อสาร การแก้ปัญหาเพื่อนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั และใชท้ กั ษะทางภาษาเช่ือมโยง กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อนื่ เพื่อเปน็ พน้ื ฐานในการเรียนภาษาในระดับทีส่ ูงขน้ึ ต. 1.1 ป. 4/1, ป. 4/2 ,ป. 4/3 ,ป. 4/4 ต. 1.2 ป. 4/1, ป. 4/2, ป. 4/3, ป. 4/4 ,ป. 4/5 ต. 1.3 ป. 4/1, ป. 4/2 ,ป. 4/3 ต. 2.1 ป. 4/1, ป. 4/2, ป. 4/3 ต. 2.2 ป. 4/1, ป. 4/2 ต. 3.1 ป. 4/1 ต. 4.1 ป. 4/1 ต. 4.2 ป. 4/1 รวม 20 ตัวช้ีวัด

4 โครงสร้างเวลาเรียนรายวชิ าภาษาอังกฤษ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ รหัสวชิ า อ14101 ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ลำดบั ที่ ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ เวลา (ชั่วโมง) 1 My School 2 My self 10 3 My Family 10 4 Free time 10 5 Travel 10 6 Food and drink 10 7 Interest 8 8 Shopping 6 9 Relationship with other 6 10 Weather 6 6 รวมเวลาเรยี นทง้ั สนิ้

5 โครงสร้างรายวชิ าภาษาอังกฤษ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ รหัสวิชา อ14101 ระดับช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ลำดบั ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา ที่ / ตวั ชว้ี ดั (ชั่วโมง) การอา่ นออกเสยี ง การเขยี น 1 My School ต1.1 ป4/1,ป4/2, คำ กลมุ่ คำ ประโยคคำสั่ง คำ 10 - Classroom ป4/3 ,ป4/4 ขอร้องและคำอนุญาต ประโยค Language ต1.3 ป4/1 คำถาม บอกเล่า ปฏิเสธ และ - School Objects ต3.1 ป 4/1 การสนทนาเกี่ยวกบั เหตกุ ารณใ์ น - Number and ต 4.1 ป4/1 โรงเรยี น การวาดภาพประกอบ Shape เร่ืองการเขยี นบรรยายภาพ - Position คำศัพท์ที่ใช้กับสาระการเรยี นรอู้ ่ืน - Famous Friend การอา่ นและเขียนจำนวน1-50 - Subject - Environment 2 My self ต1.1 ป4/1,ป4/2, การอา่ นอกเสยี ง การเขยี นคำ 10 กลุ่มคำ ประโยค และบอก 10 - The Body ป4/3 ความหมายคำศัพท์ เก่ียวกบั ตนเองโดยการใช้ คำสงั่ คำขอร้อง - Action ต1.2ป4/1,ป4/2, บทสนทนาง่ายๆ เพอ่ื ให้ขอ้ มูล เกี่ยวกับตนเอง - Name ป4/3 ป4/4 การอ่านออกเสยี ง คำ กลุ่มคำ - Age ต3.1 ป 4/1 คำทกั ทาย คำกลา่ วลา และ ประโยคง่ายๆในการให้ข้อมูล - Communication เกี่ยวกับตนเองและครอบครัว การใชป้ ระโยคถามตอบเพื่อให้ Greeting / Introduce ขอ้ มลู เก่ยี วกบั คนและสิ่งของ 3 My Family ต1.1 ป4/3, - Persons ต1.2 ป4/4 - Family Tree ต1.3 ป4/1 - Occupations ต3.1 ป 4/1 - Household Objects ต4.3 ป 4/1 - Pest

6 ลำดับ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา ที่ (ช่ัวโมง) / ตวั ช้วี ัด 4 Free time 8 - Hobbies ต1.1 ป4/3, ป4/4 การออกเสียง การเขยี น คำ - Sports - Short story ต1.2 ป4/3 กลมุ่ คำ ประโยค ขอ้ ความส้นั ๆ and fable ประโยคคำสงั่ คำขอร้อง คำขอ อนุญาต การเขยี นเร่ืองบรรยาย ภาพ การวาดภาพประกอบเรอ่ื ง การอ่านเร่ืองสัน้ ๆ และนิทานทีม่ ี ภาพประกอบ การใช้คำศัพท์ เกี่ยวกบั กลมุ่ สาระอืน่ การรว่ ม กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม 5 Travel ต1.1 ป4/1, การอา่ นออกเสยี ง การเขียน 10 คำ กลุม่ คำ และบอกความหมาย - Direction ต1.3 ป4/2 คำศัพท์ การอา่ นบทความและ เรื่องสัน้ และสนทนาเพ่ือการขอ - Symbol ต1.3 ป4/2 และใหข้ ้อมูลเกยี่ วกับทิศทาง สถานที่ การอ่านตารางเดนิ รถ - Places / in ต2.1 ป 4/3 การอ่านเวลา และแผนที่ การถา่ ยโอนคำศัพท์กับภาพและ the town ภาพกับคำศพั ท์ การรว่ มกิจกรรม ทางภาษา - Time - Transportation 6 Food and drink ต1.1 ป4/1,ป4/3 การอ่านออกเสยี ง การเขียน- คำ 8 - Health ต1.2 ป4/5 กลุ่มคำ ประโยค และบอก - Likes / Dislikes ต1.3 ป4/5 ความหมายของคำศัพทเ์ กีย่ วกับ ต2.1 ป 4/1, ป 4/2 อาหารและเคร่อื งด่ืม สามารถสนทนา เพ่อื ขอและให้ ข้อมูลเกีย่ วกับอาหารและ เครือ่ งด่ืม การบอกความรู้สกึ ของ ตนเองเกี่ยวกบั สง่ิ ทช่ี อบ หรือไม่ ชอบ เขา้ ใจความแตกตา่ งของ ภาษาและวัฒนธรรม

7 ลำดบั ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา ท่ี / ตวั ช้วี ดั (ชว่ั โมง) การอ่านออกเสียง การเขียน คำ 7 Interest ต 1.1ป4/2 กลุ่มคำ ประโยค และบอก 6 - Animal ต 1.3ป4/1 ความหมายคำศัพทเ์ กีย่ วกบั สง่ิ ใกล้ - Color ต 3.1ป4/1 ตวั อ่านบทสนทนา เรอ่ื งส้นั 6 นิทานและ การพูดเพื่อขอและให้ 8 Shopping ต 1.1ป 4/1, ป 4/2 ขอ้ มูลเกยี่ วกบั สัตวร์ อบตวั เรา 6 - Clothes ต 1.2ป 4/2 และการบอกสตี า่ งๆ - Fruit ต 2.1ป 4/2 การอ่านออกเสียง คำ กล่มุ คำ 6 - Toys ต 2.2 ป 4/2 ประโยค และบอกความหมาย ต1.3 ป 4/1 คำศัพทก์ ารพูดสนทนา ใน 80 9 Relationship with สถานการณง์ ่ายๆเก่ียวกับการซื้อ other ต2.1 ป4/2,ป4/3 สนิ คา้ การถ่ายโอนภาษาองั กฤษ - Card ต2.2 ป4/2 เปน็ ภาพและสญั ลักษณ์เข้า - Festival ใจความเหมือนและความแตกตา่ ง ต2.1 ป4/ ต2.1 ป ของภาษาและวัฒนธรรม 10 Weather 4/2 การอา่ นออกเสียง การเขียน คำ - Seasons ต3.1 ป 4/1 กล่มุ คำ ประโยค บทสนทนา และบอกความหมายคำศพั ท์ รวมตลอดปี เกีย่ วกบั เทศกาล งานประเพณี เขา้ ใจความเหมือนและความ แตกต่างทางภาษาและประเพณี การเข้าร่วมกจิ กรรมทางภาษา การอา่ นออกเสยี ง การเขยี น คำ กลุม่ คำ ประโยค บทสนทนา เรอ่ื งส้ันและบอกความหมาย คำศัพทเ์ กย่ี วกับ ฤดกู าลต่างๆ สิง่ แวดลอ้ มและธรรมชาติ เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่าง และการเขา้ รว่ มกิจกรรมทางภาษา

8 Unit 1 School day รหสั วิชา/ชื่อรายวชิ าภาษาอังกฤษพน้ื ฐา กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 เวลาเรียน13ชั่วโมง ผสู้ อน นางสภุ าพ หอมดี โรงเรียนเทศบาล 2 ศรีบุญเรือง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1เขา้ ใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั 2. อา่ นออกเสยี งคำ สะกดคำ อา่ นกลมุ่ คำประโยค ข้อความงา่ ยๆและบทพูด เขา้ จังหวะถูกตอ้ งตามหลักการอา่ น 3. เลือก/ระบุภาพ หรอื สัญลักษณ์ หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยคและ ข้อความสั้นๆ ที่ฟังหรอื อา่ น 4.ตอบคำถามจากการฟังและอา่ นประโยคบทสนทนาและนิทานง่ายๆ มาตรฐาน ต 1.2มีทักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตัวชี้วัด 4. พดู /เขียนเพอื่ ขอและให้ข้อมูลเกย่ี วกับตนเอง เพื่อนและครอบครัว 5. พูดแสดงความรู้สกึ ของตนเองเก่ียวกับเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว และกจิ กรรมต่างๆ ตามแบบท่ีฟงั มาตรฐาน ต 1.3นำเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งต่างๆ โดยการพดู และ การเขียน ตัวชี้วดั 1. พูด/เขียนให้ข้อมลู เกย่ี วกบั ตนเองและเร่อื งใกลต้ ัว 2. พดู /วาดภาพแสดงความสัมพนั ธข์ องสงิ่ ตา่ งๆ ใกล้ตัวตามทฟี่ งั หรืออ่าน สาระที่ 2ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตัวช้ีวดั 3. เขา้ รว่ มกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่เี หมาะกบั วัย มาตรฐาน ต 2.2เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษากบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ชีว้ ดั 1. บอกความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความของ ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย สาระที่ 4ภาษากับความสัมพันธก์ ับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่างๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม ตัวช้วี ดั 1. ฟังและพูด/อ่านในสถานการณท์ ่เี กดิ ขนึ้ ในห้องเรียนและสถานศึกษา มาตรฐาน ต 4.2ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเปน็ เคร่อื งมือพน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และ การแลกเปลี่ยนเรยี นรูก้ ับสังคมโลก

9 ตวั ชว้ี ดั 1. ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสบื คน้ และรวบรวมข้อมูลตา่ งๆ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเรยี นรคู้ ำศัพท์เกี่ยวกบั วชิ า หอ้ งเรียน และชวี ิตประจำวัน การใช้ Present Simple Tense และ การออกเสียงคำศัพท์ทลี่ งท้ายดว้ ยเสียง /l/ ทำใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถพูดและเขยี นเกย่ี วกบั วิชาที่ชอบ วิชาและ หอ้ งเรยี นทเ่ี รียน และชีวิตในโรงเรยี นของตนเองได้ ซ่ึงเปน็ การเรียนรภู้ าษาอังกฤษเพ่ือนำไปใชส้ ื่อสารใน ชวี ิตประจำวัน 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - กลุ่มคำ ประโยคเดยี่ ว และความหมายเก่ียวกับตนเอง และโรงเรยี น - ประโยค บทสนทนา และเนื้อเร่อื งสั้นๆ ที่มภี าพประกอบ - คำศัพทแ์ ละประโยคทีใ่ ช้ขอและให้ข้อมลู เกยี่ วกับตนเอง ส่ิงใกล้ตวั และเพ่ือนเช่น A: What is your favourite subject? B: My favourite subject is English. A: What has she got on Monday at 11.00? B:She’s got maths. - ประโยคท่ีใชแ้ สดงความรสู้ กึ ชอบหรือไม่ชอบเก่ยี วกบั วิชาทเ่ี รียนพรอ้ มท้ังให้เหตุผลสน้ั ๆ ประกอบเชน่ He/She likes …..… . He/She doesn’t like…..… . I like …..… because …….. . - ประโยคและข้อความทีใ่ ชใ้ นการพดู ให้ข้อมลู เก่ยี วกบั ตนเอง - คำ กลุ่มคำทม่ี ีความหมายสัมพนั ธ์ของส่ิงต่างๆใกล้ตัวเช่น แผนภมู ิ Venn Diagram - กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เชน่ การเลน่ เกม การร้องเพลง - ความแตกต่างของเสียงตัวอกั ษรของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย - การใช้ภาษาในการฟงั /พดู ในสถานการณ์ท่เี กิดขน้ึ ในห้องเรียน - การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการรวบรวมคำศัพท์ท่ีเก่ยี วข้องใกลต้ วั จากสื่อและ แหลง่ การเรยี นรูต้ า่ งๆ - Present Simple Tense - Pronunciation: final sound /l/ 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4.1ความสามารถในการส่ือสาร 4.2ความสามารถในการคดิ - การคิดวิเคราะห์ - การคดิ อย่างสร้างสรรค์

10 5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - ซือ่ สัตยส์ จุ ริต - จิตสาธารณะ - มวี นิ ยั - มงุ่ ม่ันในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน - การพดู ถาม-ตอบเกีย่ วกับวิชาทีช่ อบ วชิ าและสถานที่ท่เี รียน - งานเขียนหัวขอ้ My favourite subject - การพูดแสดงความรู้สกึ เกย่ี วกับวชิ าที่ชอบ - การพูดนำเสนอเกีย่ วกับกิจวัตรประจำวันของตนเอง - งานเขยี นจดหมายถงึ ครูเกี่ยวกบั เพื่อนท่ีตนชอบ - การอ่านออกเสยี งความเรยี งท่ีกำหนด - งานเขียนเกีย่ วกับกิจวตั รประจำวนั ของตนเองใน 1 วนั - การรวบรวมคำศัพท์ใน Your word book 7. การวัดและการประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - ประเมนิ การทำแบบทดสอบ 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ - ประเมินการทำแบบฝึกหัด - สังเกตพฤติกรรมการเรียนร้ใู นช่วงการทำกิจกรรม 7.3 การประเมนิ หลงั การเรียน - ประเมินการทำแบบทดสอบ - ประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.4 การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการพดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั วชิ าท่ีชอบ วิชาและสถานท่ที เ่ี รียน - ประเมินงานเขียนหวั ข้อ My favourite subject - ประเมินการพดู แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับวชิ าทชี่ อบ - ประเมินการพูดนำเสนอเกี่ยวกับกจิ วัตรประจำวนั ของตนเอง - ประเมินงานเขียนจดหมายถงึ ครเู กย่ี วกบั เพ่ือนทตี่ นชอบ - ประเมนิ การอ่านออกเสยี งความเรียงท่ีกำหนด - ประเมนิ งานเขยี นเกีย่ วกบั กิจวัตรประจำวันของตนเองใน 1 วัน - ประเมินการรวบรวมคำศัพทใ์ น Your word book

11 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนบมาพร้อมน้ี - กิจกรรมนำสกู่ ารเรยี น - กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้ดงั - กิจกรรมรวบยอด 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น Smile ป. 4 6. อินเทอร์เนต็ 2. แบบฝึกหดั Smile ป. 4 7. ซองจดหมายและกระดาษเขยี นจดหมาย 3. Audio CD Smile ป. 4 8. กระดาษแขง็ 4. บัตรภาพ บัตรคำ บตั รตวั อักษร 9. แผน่ ป้ายขนาดใหญ่ที่เขียน Audio script 5. ตารางสำรวจวิชาทชี่ อบ

12 แผนการจัดการเรยี นรู้ Unit 1 School day (Lesson 1) 1.สาระสำคญั การเรียนร้คู ำศัพท์เก่ยี วกับวชิ าและหอ้ งเรยี นในโรงเรียนการใช้ Present Simple Tense และ การออกเสียงคำศัพท์ทลี่ งทา้ ยดว้ ยเสียง /l/ทำให้ผูเ้ รยี นสามารถพูดและเขียนเกยี่ วกบั วชิ าทชี่ อบ วชิ าและ ห้องท่ีเรียนได้ ซง่ึ เป็นการเรยี นรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือนำไปใช้สือ่ สารในชวี ิตประจำวนั 2. ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ออกเสียง สะกดคำ และระบุภาพ/บอกความหมายคำศัพทเ์ กยี่ วกบั วชิ าท่ีเรียนและ ห้องเรยี นได้(ต 1.1/2, ต 1.1/3) - พูดและเขยี นเพ่ือขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วชิ าท่เี รยี นได้(ต 1.2/4,ต 1.3/1,ต 4.1/1) - พดู แสดงความรู้สึกเก่ยี วกับวชิ าที่เรียนได้(ต 1.2/5) - อา่ นออกเสยี งคำศพั ท์ที่ลงท้ายด้วย /l/ได(้ ต 1.1/2,ต 2.2/1) - ใช้ Present Simple Tense ไดถ้ ูกต้อง(ต 1.1/4) - เลน่ เกมภาษาองั กฤษทกี่ ำหนดได้(ต 2.1/3) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง - กลมุ่ คำ ประโยคเดี่ยว และความหมายเกีย่ วกบั ตนเองและโรงเรียน - ประโยค บทสนทนา และเนื้อเรื่องส้นั ๆ ที่มีภาพประกอบ - คำศัพท์และประโยคทใี่ ชข้ อและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง สงิ่ ใกลต้ วั และเพื่อน เช่น A: What is your favourite subject? B: My favourite subject is English. A: What has she got on Monday at 11.00? B:She’s got maths. - คำและประโยคทใ่ี ช้แสดงความรสู้ ึกชอบหรอื ไมช่ อบเก่ียวกับวชิ าทเ่ี รยี นพร้อมท้ังให้ เหตผุ ลสนั้ ๆ ประกอบ เช่น He/She likes …..… . He/She doesn’t like…..… . I like …..… because …….. . - ประโยคและข้อความทีใ่ ช้ในการพูดให้ขอ้ มูลเก่ียวกับตนเอง - กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เชน่ การเล่นเกม - ความแตกต่างของเสียงตัวอักษรของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย - การใช้ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณ์ท่เี กดิ ขนึ้ ในห้องเรียน - Present Simple Tense - Pronunciation: final sound /l/

13 4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด - การคดิ วเิ คราะห์ 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - ซือ่ สัตยส์ จุ รติ - มุ่งมนั่ ในการทำงาน - มจี ติ สาธารณะ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ 6.1 ชั่วโมงที่1-2 กจิ กรรมนำส่กู ารเรยี น 1. ครทู กั ทายนกั เรียนในห้องเรยี น และนักเรยี นทักทายครูโดยพรอ้ มเพรียงกนั 2. ครูชูกตี าร์ (ของจริงหรือรปู ภาพ) และทำทา่ เลน่ ดนตรี แล้วถามนกั เรียนคนหนึ่งวา่ Teacher: I like to learn music. What about you? What do you like? Somjai: I like English. Teacher: Very good! ครูส่มุ ถามนักเรียนคนอ่นื ๆ อีก 4-5 คน เกยี่ วกบั วชิ าทนี่ ักเรียนชอบ 3. นกั เรยี นเปิดหนังสือเรียน หนา้ 4 ขอ้ 1 What can you see?เพ่ือดภู าพห้องตา่ งๆ ภายใน โรงเรยี น แล้วตอบคำถามของครวู ่าเหน็ ห้องอะไรบ้าง และเหน็ อะไรในหอ้ งเหล่าน้ี Teacher: What do you see in this school? Students: (ชว่ ยกนั ตอบ) books, library, lab, blackboard, piano, violin, basketball, ball, desk,etc. ครเู ฉลยโดยการชน้ี วิ้ ไปตามห้องต่างๆ ในรปู และพูดวา่

14 Teacher: There are many rooms in our school:library, science lab,maths room,art room, music room, and gym. (ชน้ี ว้ิ ตามภาพ) ครูเขยี นคำศัพทเ์ ก่ยี วกับห้องเรียนตา่ งๆ บนกระดาน และอ่านออกเสียงให้นักเรยี นฟงั และอา่ น ออกเสยี งตาม 4. นักเรยี นอ่านออกเสียงคำที่กำหนดให้ ในหนงั สือเรยี น หนา้ 4 ข้อ 2Read, look and find. พรอ้ มๆ กัน แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย จากนนั้ ให้นักเรยี นหาคำศัพท์เหล่าน้จี ากภาพ แล้วให้ นักเรยี นบอกวา่ ภาพเหลา่ นอ้ี ยู่ที่ใด ครูคอยช่วยเหลือและตรวจสอบความถกู ต้อง 1 ball - in the gym 2 books - in the library 3 piano - in the music room 4 painting - in the art room 5 desk - in the classroom ครถู ามนักเรยี นว่าคำศัพท์เหล่านี้เก่ยี วข้องกับตวั เราอย่างไร นกั เรยี นช่วยกนั คิด จนได้คำตอบว่า เกย่ี วกับกิจวัตรประจำวนั ท่เี ราต้องทำหรอื พบเป็นประจำสม่ำเสมอ 5. ครสู อนคำศพั ท์ช่อื วชิ า โดยแสดงบัตรภาพท่สี ่ือถึงวิชาต่างๆ 9 ภาพ ดังนี้ maths, history, geography, P.E., English, science,computers,art, music และให้นักเรยี นบอกช่อื วิชาเป็น ภาษาไทยจากนน้ั ครูบอกช่ือวชิ าเป็นภาษาอังกฤษ 6. ครชู ูบตั รคำ 9 แผน่ อ่านออกเสยี งให้นักเรียนฟัง แล้วใหน้ กั เรยี นออกเสยี งตาม ดังน้ี English maths P.E. history computers geography music art science 7. นกั เรยี นช่วยกันจับคู่บัตรภาพและบตั รคำใหส้ ัมพันธ์กัน โดยครตู ิดบตั รภาพและบัตรคำที่สัมพนั ธก์ นั บนกระดานทลี ะคู่ จากนน้ั นักเรยี นอ่านออกเสยี งโดยพร้อมเพรยี งกัน 8. ครูบอกนักเรียนวา่ ใน Unit 1 Lesson 1 นี้ นักเรยี นจะไดเ้ รียนรคู้ ำศัพท์เก่ยี วกบั ชอ่ื วิชาตา่ งๆ และ ห้องเรียนภายในโรงเรียน ทบทวนเกยี่ วกับการใช้ Present Simple Tense และ Verb to beการ พูดถาม-ตอบเกี่ยวกับวชิ าท่ีชอบ วิชาทเี่ รยี นในตารางสอนและสถานท่ีทเ่ี รยี น Background Information P.E. ยอ่ มาจาก Physical Education แปลวา่ วชิ าพลศกึ ษา

15 กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้ 1. นกั เรียนดูภาพวิชาตา่ งๆ ใน Word box ในแบบฝกึ หดั แล้วใหน้ กั เรยี นบอกครวู า่ ภาพท่ีนกั เรยี นเหน็ คือวิชาอะไรในภาษาไทย music art P.E. maths science difficult easy library gym 2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มทำงาน กลุ่มละ 4-5 คน ช่วยกนั แต่งประโยคกลมุ่ ละ 5 ประโยค โดยมเี ง่ือนไขวา่ ใน ประโยคทแี่ ต่งแต่ละประโยค ต้องมีคำศัพท์ช่ือวชิ าและหอ้ งเรยี นอยู่ดว้ ยเช่น . 1) We study P.E. in the gym. 2) She speaks English in the classroom. 3) I play the violin in the music room. 4) We study science in the lab. 5) They study art in the art room. เมือ่ นักเรียนแตง่ ประโยคเสรจ็ แลว้ ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหน้าช้ัน 1 คน เพอื่ พูดประโยคที่ กลุ่มของตนแต่ง โดยครูช่วยแกไ้ ขประโยคทีน่ ักเรยี นแต่งผดิ 3. นกั เรียนดรู ูปภาพในกรอบ A-E ในหนงั สอื เรียน หน้า 5ขอ้ 2 Listen and number.โดยครชู น้ี ว้ิ ไป ทภ่ี าพทลี ะภาพ แลว้ ถามนักเรียนว่าคนที่นกั เรยี นเหน็ ในแต่ละภาพกำลงั ทำอะไร Teacher: What does he (she) do? (ชที้ ลี ะภาพจาก A-E) Students: He studies science. (ภาพ A) She plays the violin. (ภาพ B) She studies maths. (ภาพ C) He playsbasketball in the gym. (ภาพ D) She draws a picture in the art room. (ภาพ E) Teacher: Very good! กจิ กรรมรวบยอด 1. นักเรยี นดรู ูปภาพห้องเรยี นในแบบฝกึ หดั และดคู ำที่กำหนดให้ในกรอบ จากนั้นใหน้ ักเรียนอ่านออก เสยี งคำศัพท์ตามครู แลว้ นำคำศัพทด์ ังกล่าวไปเติมลงในช่องว่างท่สี มั พันธก์ บั ภาพ เสร็จแลว้ จงึ ช่วยกนั เฉลยคำตอบ 1 library 3 classroom 5 music room 2 science lab 4 artroom 6 gym 2. นกั เรียนเล่นเกม Mime Gesture โดยครขู ออาสาสมคั ร 6 คน ใหอ้ อกมาหนา้ ชั้นเรียน เพือ่ แสดง ท่าทางใบ้คำกรยิ าท่ีครูกำหนดให้ และให้นักเรยี นคนอนื่ ๆ ทายวา่ คำกริยาท่อี าสาสมัครดังกล่าวทำ ท่าทางใบ้น้นั สัมพนั ธก์ บั วชิ าอะไร เชน่ Teacher: What subject is he/she acting?

16 อาสาสมคั ร 1 ทำท่าเลน่ กตี าร์ และร้องเพลงแบบไม่มีเสียง โดยขยบั ปากไปมา Students: music อาสาสมัคร2 ทำทา่ กดแป้นพิมพ์ (keyboard) คอมพวิ เตอร์ คลิกเมาส์ (mouse) จอ้ งจอคอมพิวเตอร์ ขย้ีตา Students: computers อาสาสมัคร 3 ทำท่าเลน่ กีฬาบาสเกตบอล เลีย้ งลูกบาส เล็งและชตู้ ลูกบาสให้ เขา้ หว่ ง Students: P.E. อาสาสมคั ร 4 ทำท่านับเลขด้วยน้วิ มือ เกาศีรษะเปน็ บางครงั้ Students: maths อาสาสมคั ร 5 ทำทา่ ถือจานสีด้วยมือซา้ ย สว่ นมอื ขวาถอื พู่กัน แลว้ ทำทา่ ระบาย สภี าพ Students: art อาสาสมคั ร 6 ทำท่าทางเทของเหลวใส่ขวดแกว้ ที่อยู่ในมอื ทั้ง 2 ข้างไปมา (ผสม สตู รสารเคมี) Students: science Teacher: Excellent! 3. นกั เรียนแบ่งกลุ่มตามวิชาที่ตนชอบ และใช้ชื่อวชิ าดงั กล่าวตั้งชือ่ กล่มุ ของตนเอง เชน่ กลุ่ม P.E., กลมุ่ science ฯลฯ (จำนวนคนในกลุม่ อาจไม่เท่ากนั เชน่ กลุ่ม P.E. อาจจะมจี ำนวนสมาชิกมาก ท่สี ดุ ) สมาชกิ ในกลมุ่ ระดมความคิดเพ่อื หาเหตุผลว่าทำไมจึงชอบวิชาน้นั โดยครเู ขียนคำถามให้ นักเรียนบนกระดานดงั นี้ Why do you like (ชื่อวิชา)? Because I ………………. . เช่น A: Why do you like English subject? B: Because we want to speak English well. C: Because it is easy. D: Because we want to speak with foreigners. ในระหวา่ งการถาม-ตอบ ให้นักเรียนเขียนคำตอบใส่กระดาษ 1 แผน่ โดยระหว่างการทำกจิ กรรม ครู อนุญาตใหน้ ักเรยี นเปดิ พจนานกุ รมเพื่อค้นหาคำศัพท์ หรือปรกึ ษาครูได้ เสรจ็ แลว้ ครใู ห้แตล่ ะกลมุ่ ส่ง ตัวแทนออกมารายงานหน้าช้ันเรยี น เช่น - Our favourite subject is P.E. because it is fun. We are not in the classroom. We can play sport. - We like music because we like to sing. It is not difficult. We don’t have homework.

17 - Our favourite subject is art because we like painting. It is easy. - Our favourite subject is computers because we like to play games. We like technology. หมายเหตุ:สำหรบั วิชาคอมพวิ เตอร์ ครูควรเตือนนักเรยี นวา่ ไม่ใหเ้ ลน่ เกมมากเกนิ ไป และ การเล่นอนิ เทอรเ์ นต็ ควรอยใู่ นสายตาของผใู้ หญ่

18 บันทกึ ผลการสอน ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ปญั หาอุปสรรคการสอน ..................................................................................................................................................... ...................... ............................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. .............................................. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ...........................................ครูผู้สอน (นางสุภาพ หอมดี )

19 6.2 ช่ัวโมงที่3-4 กิจกรรมนำสกู่ ารเรยี น 1. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ 2 กลุ่ม แล้วให้นกั เรียนเลน่ เกม Hangman คำศัพทต์ อ่ ไปน้ี music, maths, science, difficult, library, Physical Educationโดยครูเลือกคำศพั ท์มาทลี ะ1 คำ แลว้ ขีดตาม จำนวนตวั อกั ษรของคำศัพท์แต่ละคำนั้น เชน่ คำวา่ music ครูขีด 5 ขดี ดังน้ี__ __ __ __ __แลว้ ให้ นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ผลัดกันทายตวั อักษร ถ้าทายถูกก็รอด ถ้าทายผดิ ก็จะถกู แขวนคอ โดยครูวาด รูปภาพคนถูกแขวนคอทีละส่วนดังนี้ หัว, ตัว, แขนซ้าย, แขนขวา, ขาซ้าย และขาขวา กลุ่มที่ถกู แขวน คอก็จะแพ้ 2. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของบทเรยี นน้ีให้นักเรียนทราบ กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้ 1. นักเรียนเปดิ หนังสือเรยี น หน้า 6 ข้อ 4 Ask your friends.และอา่ นออกเสยี งตามครู จากนั้นครู เขียนประโยคบนกระดาน ดังน้ี Pattern A: What is your favourite subject? B: My favourite subject is English. C: I like maths. ครอู ธบิ ายวา่ ให้นกั เรียนทำแบบสำรวจเก่ยี วกับวชิ าท่เี พอ่ื นชอบ (Survey Game) โดยครูแจก กระดาษซงึ่ เป็นตารางสำรวจให้นักเรียนคนละ 1 แผน่ และใหน้ ักเรียนถามคำถามเพื่อนเก่ียวกับวิชาท่ี เพ่ือนชอบตามตวั อย่างท่ีครเู ขียนใหบ้ นกระดาน โดยใหน้ ักเรยี นเขยี นชอื่ เพ่ือนทต่ี นเองถามคำถาม ลงในตารางและทำเครื่องหมาย  ลงในช่องรายวิชาตามข้อมูลท่ีได้รับ ตวั อยา่ Name maths art P.E. music science computers ง 1. Suchada  2. Malinee   3. Somchart  4. Decha 5. Siriwan 

20 เม่ือนกั เรยี นทำกิจกรรมเสรจ็ แลว้ ครูสมุ่ เรียกนกั เรียนชาย 3 คน และนักเรยี นหญิง 3 คน ให้ออกมา รายงานผลหน้าชัน้ เรียน ดังน้ี e.g. Student: Suchada likes maths. Malinee and Somchart like P.E. But Decha likes music. Siriwan likes computers. 2. ครูถามนักเรียนวา่ ใครมีตารางสอนบ้าง Teacher: Who’s got a timetable? Please show me. นกั เรียนที่มีชูตารางสอนของตนเองขนึ้ จากน้ันครูส่มุ หยิบตารางสอนของนักเรยี น1 คน มาแสดงให้ นกั เรยี นคนอ่ืนๆ ดู Teacher: This is a timetable. Students: Timetable (นกั เรยี นออกเสียงตามครู) เมอ่ื ครสู ังเกตว่านักเรยี นทกุ คนในชั้นเข้าใจความหมายของคำว่า “Timetable” ซึ่งแปลวา่ ตารางสอนแล้ว ครูให้นักเรยี นดูตารางสอนในหนงั สือเรียน หนา้ 6 ข้อ 5 Read, ask and answer.และอ่านคำศพั ท์ในตารางสอนพรอ้ มๆ กนั ถ้านักเรยี นยงั อา่ นไมค่ ล่อง ให้นกั เรียนอ่านตาม ครจู ากน้นั ให้ นกั เรียนจบั คกู่ ับเพ่ือนท่นี งั่ ติดกนั เพื่อฝกึ สนทนาถาม-ตอบเก่ยี วกับตารางสอน โดยดตู วั อย่าง จากในหนงั สือเรยี น หน้า 6ข้อ 5ดงั นี้ A: What has May got on Monday at 11.00? B: She’s got maths. A: Where does she do it? B: In the classroom. ครสู มุ่ เรยี กนักเรียน 3 คู่ ให้ออกมาพดู บทสนทนาหน้าช้ันเรียน โดยไม่ให้ซ้ำกับตัวอยา่ ง 3. ครูทบทวนการใช้ Present Simple Tense และ Verb to be ดังน้ี รปู แบบของ Present Simple Tense Singular Subject + v.เติม s Plural Subject + v. Verb to be ของ Present Simple Tense ไดแ้ ก่ is, am, are นกั เรียนชว่ ยกันคิดประโยค Present Simple Tense โดยครเู ขียนประโยคท่นี กั เรียนแต่งบน กระดาน และช่วยแกไ้ ขประโยคให้ถูกตอ้ ง เช่น - We learn English on Tuesday. - I come to school by bus everyday. - She gets up at six o’clock. - We play football in the afternoon. - I am a student. - We are happy. - She is in the classroom. นักเรียนอ่านประโยคบนกระดานตามครู แล้วคัดลอกส่ิงที่ครูอธิบายลงในสมุดของตน 4. ครูทบทวนการอา่ นเวลา และการใช้ prepositionsกบั เวลา ได้แก่ in, on และ at ดังน้ี

21 in - ใช้กับชว่ งเวลา เช่น ชว่ งเวลาเชา้ บ่าย คำ่ กลางคนื e.g. in the morning in the afternoon in the evening at night on - ใช้กบั วนั e.g. on Monday on Saturday at - ใชก้ ับเวลา e.g. at 8.30 at 9.00 at lunch time at noon at midnight 5. ครูให้นักเรยี นเปดิ หนงั สือเรียน และดูรปู ภาพในหนงั สือเรยี น หน้า 7ขอ้ 6Listen, read and circle ‘true’ or ‘false’. จากนัน้ ครถู ามคำถามนักเรยี น ด้วยคำถามต่อไปนี้ Teacher: Where is he? Students: He’s in the science lab. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพ่อื นข้างเคยี ง (Pair work) เพ่ืออา่ นประโยคทีก่ ำหนดให้ 4 ประโยค แลว้ ช่วยกันพจิ ารณาว่าถูกหรือผิด สดุ ท้ายครเู ฉลยโดยการอ่านประโยคท้ัง 4 แล้วให้นกั เรียนตอบวา่ true หรือ false 1 Jack is nine years old. false 2 Science is difficult for Jack. false 3 Jackdoes science in the lab. 4 Jack likes science. true true 6. ครูสอนการออกเสยี ง (Pronunciation) ตัวอกั ษรl /el/ ดงั นี้ ครูชูบัตรอกั ษร l และออกเสียงให้นกั เรยี นฟงั โดยครูบอกให้นกั เรยี นสงั เกตดูปากครู จากน้ันใหน้ ักเรยี นออกเสยี งตาม ครูบอกวธิ ีการออกเสยี งตัวอักษร lว่าใหน้ ักเรียนใชป้ ลายลิ้นแตะ คา้ งไว้ทห่ี ลงั ฟันบน ครูชบู ัตรภาพตอ่ ไปน้ี ด.ช. พอล ลูกบอล กำแพง แลว้ ออกเสยี งให้นักเรียนฟงั เพื่อให้ นักเรยี นฝึกออกเสียงคำศัพท์ท่ลี งท้ายด้วยตวั อักษร l Teacher: Paul, ball, wall นกั เรียนชว่ ยกนั ระดมสมองในการเปรียบเทียบตวั อกั ษร l ว่าออกเสียงใกลเ้ คยี งกบั ตวั อักษรตวั ใดใน ภาษาไทย สุดทา้ ยจึงสรุปวา่ ตวั อักษร l เทียบเทา่ กบั ‘ล’ ในภาษาไทยน่นั เอง แต่การออกเสียงไม่ เหมือนกนั เพราะตัวอักษร l ต้องใช้ปลายลิ้นแตะค้างไวท้ ีห่ ลงั ฟันบน นักเรยี นกล่มุ เดิมช่วยกนั คิดหาคำศัพท์อ่นื ๆ ทล่ี งท้ายดว้ ยเสยี ง /l/ แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทน ออกมารายงานหน้าช้ัน โดยครเู ขยี นคำตอบของนกั เรยี นแต่ละกลุ่มบนกระดาน เชน่ small, call, will, kill, hill, April, pencil, Bill, ill, etc. จากน้นั ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำศัพทด์ ังกล่าว

22 ตามครหู ลายๆ ครงั้ จนนักเรยี นสามารถออกเสยี งคำศัพท์ท่ีลงทา้ ยดว้ ย /l/ ได้คล่อง เสรจ็ แลว้ ครูให้ นักเรยี นคดั ลอกคำศพั ทด์ ังกล่าวลงในสมดุ ของตนเอง 7. นักเรียนดูรปู ภาพเด็กชายชลี้ กู บอลในหนงั สอื เรียน หน้า 7 Listen and say.และตอบคำถามครู Teacher: What do you see in the picture? (ชท้ี ภี่ าพในหนงั สือเรยี น) Students: A boy, a ball, a wall กิจกรรมรวบยอด 1. นกั เรียนอา่ นคำสงั่ ในหนังสือเรยี น หนา้ 7 ข้อ 7 Draw and write about your favourite subject.จากนนั้ ครูอธิบายภาระงาน“My favourite subject”ใหน้ ักเรยี นฟัง แลว้ แจกกระดาษแขง็ ขนาดเท่าไปรษณยี บตั รให้นักเรยี นทุกคน เพือ่ วาดภาพวชิ าทชี่ อบ และระบายสีให้สวยงาม แล้วให้ นักเรยี นเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง และวิชาท่ตี นเองชอบลงไป นักเรยี นอาจปรกึ ษากบั เพ่ือน ข้างเคยี งได้ และดูตวั อยา่ งการเขยี นจากที่ไดเ้ รยี นมาข้างต้น ตัวอยา่ ง รูปวาดของ Hello! My name is……………………………….…… . นกั เรียนที่ระบาย I am ……….. years old. I study at Wittaya สีเรียบร้อยแลว้ School. My favourite subject is English. It is easy for me. I’ve got English in the classroom. ครูสมุ่ เรียกนกั เรยี น 3-4 คน ใหอ้ า่ นผลงานของตนเองให้เพ่ือนๆ ฟังหน้าช้นั เรียน พร้อมทั้งแสดง ผลงานใหเ้ พ่ือนดู จากน้ันครูใหห้ ัวหน้าหอ้ งรวบรวมผลงานของเพอ่ื นๆในหอ้ งสง่ ครู 2. นกั เรยี นเลน่ เกม My Favourite Day โดยครแู จกแผน่ ตารางสอนเปล่าใหน้ ักเรยี นคนละ 1 แผน่ (Individual work) ให้นักเรยี นกรอกชื่อวชิ าและเวลาท่ีนกั เรียนเรียนตามจริงเปน็ ภาษาอังกฤษ ทง้ั 5 วัน นักเรยี นอาจปรึกษากบั เพื่อนขา้ งเคยี งหรือถามครูก็ได้ จากนัน้ ครใู ห้นักเรียนท่ีน่ังอยคู่ รึง่ ห้องฝ่ังซ้ายลุกจากทน่ี ัง่ เพ่ือเดินไปถามคำถามเพ่ือน 4-5 คน ที่นัง่ อยู่ครึ่งห้องฝ่งั ขวาว่าชอบ ตารางสอนวันใดมากทีส่ ุด และทำไม เสร็จแล้วให้นักเรียนอีกคร่งึ ห้องท่เี หลอื ลุกข้ึนไปถามบา้ ง เช่น A: What is your favourite day? B: My favourite day is Friday. A: Why do you like Friday? B: Because I study P.E. A: Thank you. ครสู ุ่มเรียกนกั เรียน 3 คู่ ใหอ้ อกมาสนทนาใหเ้ พ่อื นดูหน้าช้ันเรยี น จากนนั้ ให้นักเรยี นรวบรวม ตารางสอนมาสง่ ครู เพื่อให้ครูนำไปตรวจนอกช่วั โมงและให้คะแนนเกบ็ 3. ครเู ขียนตารางสอนของ Benในแบบฝึกหดั หน้า 6 ข้อ 5What has Ben got? Listen and write. บนกระดาน และถามวา่ Teacher: What’s this? (ช้ีไปทภ่ี าพตารางสอนบนกระดาน) Students: Timetable.

23 อน่ึง ครูอาจนำแผ่นปา้ ยขนาดใหญ่ทีเ่ ขยี น Audio scriptตดิ บนกระดานถา้ คิดว่ากจิ กรรมนย้ี ากหรอื เนอ้ื หายาวเกินไป การเห็นประโยคจะทำให้นกั เรยี นเข้าใจได้ดขี นึ้ TIMETABLE NAME: Ben Day/Time 9.30 10.30 11.00 12.00 1.30 2.30 Wednesday music maths art science BREAK LUNCH Thursday P.E. maths English English Friday art P.E. music maths 4. นกั เรยี นดตู ารางสอน ในแบบฝกึ หัด หนา้ 6ข้อ 6 Read and complete the sentences.แล้ว ใหน้ กั เรยี นอา่ นประโยคท่ีกำหนดให้ด้านลา่ งของตารางสอนโดยพร้อมเพรียงกนั จากนนั้ ใหน้ ักเรยี น จับคู่กบั เพื่อนขา้ งเคยี ง (Pair work) เพือ่ เติมคำลงในชอ่ งวา่ งโดยใชข้ ้อมลู จากในตารางสอนท่ี กำหนดให้เสร็จแลว้ ครูสมุ่ เรยี กนกั เรยี น 6 คใู่ ห้ยืนขึ้นอ่านประโยคทีเ่ ตมิ คำสมบรู ณ์แลว้ ทีละคู่ ค่ลู ะ 1 ข้อ(สมุ่ จากแถวหลัง) 1 On Monday Ben has got English at 11.00. 2 He has got science on Tuesday at 9.30. 3 On Wednesday he has got art at 1.30 in the art room. 4 On Monday he has got music at 1.30. 5 On Tuesday he has got music at 2.30. 6 Ben has got two science lessons a week. 5. นักเรยี นดภู าพเด็กผูห้ ญิงกำลังเลน่ ดนตรใี นแบบฝกึ หัด หน้า 7ขอ้ 7 Read and complete. Use the words in the box.จากนัน้ ครถู ามคำถามนักเรียน ดังน้ี Teacher: Where is she? (ชีท้ ีร่ ปู ภาพในแบบฝึกหดั ) Students: She is in the music room. Teacher: What’s she doing? Students: She’s playing the violin. นักเรียนนบั 1-6 ตอ่ ๆ กันไป แล้วจบั กลมุ่ กนั ตามหมายเลขทต่ี นนับ ซง่ึ จะได6้ กลุ่ม ทุกคนในกลมุ่ ชว่ ยกันนำคำศัพทท์ ี่กำหนดให้ไปเตมิ ลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง จากนน้ั จงึ ชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ 1 name 3 subject 5 difficult 2 years 4 easy 6 in

24 นกั เรียนฝึกอ่านเนอ้ื เร่ืองท่ีเติมคำสมบูรณแ์ ล้วภายในกลุ่มของตนเอง โดยให้นักเรียนทเี่ ก่งชว่ ยเหลือ นกั เรยี นที่อ่อนในการฝกึ อ่านจากนัน้ ครสู ุ่มเรียกนักเรียน 1 คน จากแต่ละกลุ่ม ให้ยืนข้ึนอ่านประโยค ทส่ี มบูรณ์และถูกต้อง ดังน้ี Hello, my name is Paula. I am nine years old. My favourite subject is music. It is easy. I don’t like maths. It’s difficult. I have got music in the music room. ครูใหน้ ักเรียนท้ังหอ้ งปรบมอื ให้กับนกั เรยี นที่สอนเพ่ือนในกลุม่ อา่ น ครูกระตุ้นให้นักเรยี นเหน็ ความสำคัญของการมีน้ำใจต่อผูอ้ ่ืน ไมเ่ หน็ แก่ตวั และให้นักเรียนท้ังหอ้ งปรบมือใหก้ ับตนเองท่ีมี ความพยายาม ฝึกฝนมุ่งมน่ั ในการอ่าน ถึงแม้ในตอนน้ีอาจจะยงั อ่านไม่คล่อง แต่ถา้ นักเรยี นพยายาม ฝึกฝนอยา่ งสมำ่ เสมอ กจ็ ะทำใหส้ ามารถอา่ นภาษาอังกฤษไดค้ ล่อง 6. นักเรียนเล่นเกม Rearrange sentences competition โดยครเู ตรยี มอปุ กรณ์การเล่นเกม ได้แก่ กระดาษ-แข็งสี 5 สี สำหรับ 5 ประโยค สีละ 1 ประโยค ครูเขียนประโยคตามแบบฝึกหัด หน้า 7ขอ้ 8 Put the words in the correct order.แล้วจงึ ใชก้ รรไกรตดั แบ่งประโยคออกเป็นคำๆ ครู เตรียมชดุ บัตรคำ ให้เพียงพอต่อจำนวนกลุม่ ของนกั เรียนซ่งึ จะถกู แบง่ ออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน (Group work) เมอ่ื นักเรยี นแต่ละกลุม่ ได้รับแจกชุดบัตรคำประโยค 5 ประโยค(ประโยคละ 1 สี)แล้วครูให้นักเรียนใน แต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั เรยี งแตล่ ะประโยคใหไ้ ด้ใจความสมบรู ณ์ และอยา่ ให้กลุ่มอน่ื ดู กลุ่มท่เี รยี งเสรจ็ ก่อน ให้เชิญครมู าดผู ลงาน ครูจดบันทกึ และใหค้ ะแนนกลุ่ม (คะแนนเกบ็ ) นักเรียนทีท่ ำงานเสรจ็ แล้วสามารถออกไปพักผ่อนนอกหอ้ งได้ชว่ั คราว และกลบั เข้าห้องเรยี น เมือ่ กลุ่มสุดท้ายรายงานครูเสร็จเรยี บร้อยครเู ฉลยประโยคทเี่ รียงถูกต้องบนกระดานดังน้ี 1 My name is Kim. 4 It is easy. 2 I am ten years old. 5 I’ve got maths in the classroom. 3 My favourite subject is maths. นักเรียนอ่านประโยคเหลา่ นต้ี ามครพู ร้อมๆ กนั จากนั้นครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันฝกึ อา่ นเองจนคลอ่ ง เสร็จแลว้ จงึ ให้แตล่ ะกล่มุ อ่านออกเสยี งประโยคทัง้ หมดอกี ครั้งทลี ะกลมุ่ ครูใหเ้ พ่อื นๆ ในช้ันช่วยกัน ปรบมอื ให้กลมุ่ ที่อา่ นได้ถูกตอ้ ง เสียงดังฟงั ชัด และพร้อมเพรยี งกนั มากทสี่ ุด 7. ครทู บทวนการออกเสียงคำศัพท์ที่ลงทา้ ยด้วย /l/ อกี คร้งั จากนน้ั ครูสอนการออกเสยี งคำศพั ท์ทีล่ ง ท้ายด้วย /n/ โดยการชูภาพข้าวโพดแลว้ พดู Teacher: corn, corn Students: พูดตามครู และดปู ากครูด้วย

25 ครูชูปากกา Teacher: pen, pen Students: พดู ตามครู นกั เรยี นสงั เกตวธิ ีการออกเสียง /n/ จากครู โดยครูพูดว่า “เอ็น เอน็ ” จากนัน้ ครูให้นักเรียนชว่ ยกัน คดิ และเปรียบเทยี บตวั อักษร n วา่ ออกเสยี งคล้ายกบั ตวั อกั ษรตัวใดในภาษาไทย ครูใหเ้ วลานักเรยี น แสดงความคดิ เห็น จนได้ข้อสรปุ วา่ เท่ากับเสยี ง “น” นัน่ เอง นกั เรยี นวงกลมคำศัพทท์ ่ีได้ยินจาก ครู เมือ่ ครูเฉลยคำตอบแลว้ ให้นักเรยี นออกเสยี งตามครูให้ ถกู ต้อง โดยครูสมุ่ เรียกนักเรียน 2-3 คน ให้ออกเสยี งใหเ้ พ่ือนๆ ในห้องฟงั เพ่ือตรวจสอบการออก เสยี งของนักเรยี น จากนั้นครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อช่วยกันคิดหา “วิชา” ที่ นอกเหนือจากที่ได้ยนิ มาแลว้ ในบทเรียนน้ีครูเขียนคำตอบบนกระดาน Thai - ภาษาไทย Agriculture - เกษตร Religion - ศาสนา Cooking - การทำอาหาร Dancing - นาฏศิลป,์ กิจกรรมเขา้ จงั หวะ นกั เรียนทุกคนช่วยกนั แปลความหมายของคำศัพท์เกี่ยวกับวชิ าเหลา่ นี้ ถา้ ไม่ทราบ ให้เปิดหาดูใน Dictionaryเสร็จแล้วให้นักเรียนคดั ลอกคำศัพทเ์ หล่านี้ลงในสมุดของตนเอง 7. การวดั และประเมินผล 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - ประเมนิ การทำแบบทดสอบ 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ - ประเมินการทำแบบฝึกหัด - สังเกตพฤติกรรมการเรียนรใู้ นช่วงการทำกิจกรรม 7.3 การประเมนิ หลังการเรียน - ประเมนิ การทำแบบทดสอบ - ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมนิ การพูดถาม-ตอบเกี่ยวกับวชิ าทีช่ อบ วิชาทเี่ รยี นและสถานที่ทเ่ี รียน - ประเมนิ งานเขยี นหวั ข้อ My favourite subject - ประเมินการพดู แสดงความรสู้ กึ เก่ียวกบั วิชาทีช่ อบ 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝกึ หัด 2. บตั รภาพ บตั รคำบตั รตวั อักษร 3. ตารางสำรวจวิชาที่ชอบ

26 บนั ทกึ ผลการสอน ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ปญั หาอปุ สรรคการสอน ..................................................................................................................................................... ...................... ............................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. .............................................. แนวทางการแก้ไขปญั หา ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอื่ ...........................................ครูผสู้ อน (นางสภุ าพ หอมดี )

27 แผนการจดั การเรียนรู้ Unit 1Schoolday(Lesson 2) 1. สาระสาคัญ การเรียนรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ชีวิตประจาวนั และโครงสร้างประโยคPresent Simple Tense ทาใหผ้ เู้ รียนสามารถพดู และเขียนเก่ียวกบั ชีวติ ในโรงเรียนของตนเองได้ ซ่ึงเป็นการเรียนรู้ภาษาองั กฤษ เพือ่ นาไปใชส้ ื่อสารในชีวติ ประจาวนั 2. ตัวชีว้ ดั /จุดประสงค์การเรียนรู้ - อา่ นออกเสียงคาและขอ้ ความส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น และระบุภาพตรงตาม ความหมายของประโยคได้ (ต 1.1/2, ต 1.1/3) - พดู และเขยี นใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ชีวติ ประจาวนั ของตนเองได(้ ต 4.1/1) - ฟังและอ่านจบั ใจความได้ (ต 1.1/4) - เขียนจดหมายเกี่ยวกบั เพอ่ื นของตนเองได้ (ต 1.3/1) - เขยี นแผนภมู ิเวนน์(Venn Diagram) เพื่อแสดงความสมั พนั ธ์ของส่ิงท่ีเพื่อนชอบได้ (ต 1.3/2, ต 4.2/1) - ใช้ Present Simple Tense ไดถ้ ูกตอ้ ง (ต 1.1/4) - เล่นเกมและร้องเพลงภาษาองั กฤษท่ีกาหนดได้ (ต 2.1/3) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง - กลุ่มคา ประโยคเดี่ยว และความหมายเกี่ยวกบั ตนเองและโรงเรียน - ประโยคและเน้ือเรื่องส้นั ๆ ที่มีภาพประกอบ - ประโยคและขอ้ ความที่ใชใ้ นการพดู ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง - คา กลุม่ คาท่ีมีความหมายสัมพนั ธ์ของส่ิงตา่ งๆใกลต้ วั เช่น แผนภูมิ Venn Diagram - กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมเช่น การเลน่ เกม การร้องเพลง - การใชภ้ าษาในการฟัง/พูดในสถานการณ์ที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียน - การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการรวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งใกลต้ วั จากสื่อและ แหล่งการเรียนรู้ตา่ งๆ - Present Simple Tense

28 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1ความสามารถในการส่ือสาร 4.2ความสามารถในการคิด - การคดิ วิเคราะห์ - การคิดอยา่ งสร้างสรรค์ 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - ซื่อสัตยส์ ุจริต - มุ่งมนั่ ในการทางาน - มีวินยั 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ 6.1 ช่ัวโมงท่ี5-6 กจิ กรรมนำสู่กำรเรียน 1. นกั เรียนทบทวนคาศพั ทใ์ น Unit 1 Lesson 1 ดว้ ยบตั รภาพและบตั รคา พร้อมนางานที่ไดร้ ับ มอบหมายมาส่งครู ครูแจกงานคนื แก่นกั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนตามคาบอก (Dictation) คาศพั ทท์ ่ีนกั เรียนไดเ้ รียนมาแลว้ ใน Lesson 1 2. ครูแสดงบตั รภาพที่สื่อถึงวชิ าตา่ งๆ และบตั รคา พร้อมอ่านออกเสียง แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านตาม ดงั น้ี English maths P.E. history computers geography music art science ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3 คน ใหอ้ อกมาหนา้ ช้นั เรียน เพื่อช่วยกนั จบั คบู่ ตั รภาพและบตั รคาให้ สมั พนั ธก์ นั นกั เรียนคนอ่ืนๆ ท่ีเหลือช่วยบอกใบไ้ ด้ แต่หา้ มพูดภาษาไทย Students: Yes./No./OK

29 3. ครูทดสอบนกั เรียนดา้ นโครงสร้างภาษาและคาศพั ท์ โดยการแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน เพื่อแตง่ ประโยคที่เกี่ยวกบั ช่ือวชิ าและหอ้ งเรียน กลุ่มละ 4 ประโยค นกั เรียนทกุ คนในแต่ ละกลุ่มช่วยกนั แต่งประโยค จากน้นั แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงาน โดยใหแ้ บ่งบทพูดกนั เพอ่ื นาเสนอใหค้ รบท้งั 5 คน Example: 1) We have got maths in the classroom. 2) You have got P.E. in the gym. 3) I have got science in the lab. 4) She has gotart in the art room. etc. 4. นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 8-15 อยา่ งคร่าวๆ แลว้ ตอบคาถามครูวา่ เห็นอะไรบา้ ง โดยครูให้ เวลานกั เรียน 3 นาทีในการทากิจกรรมน้ี Teacher: Class, what do you see on pages 8-15? Students: (ช่วยกนั ตอบ) Football, Harry, Maria, Ben, Anna, May, lab, party,etc. Teacher: (ชมเชย) Very good! 1 The boys are playing football in the playground. 2 I go to bed at night. 3 After school I do homework. 4 I eat in the cafeteria. 5 I get up at 7 o’clock in the morning. ครูเขียนเฉลยใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน และใหน้ กั เรียนตรวจคาตอบของตนเองดว้ ยความซื่อสัตย์ นกั เรียนที่ไดค้ ะแนนเกิน 4 ข้ึนไป (1 ขอ้ ถือเป็น 1 คะแนน) ถือวา่ ผา่ นจากน้นั ครูใหน้ กั เรียนอา่ น ประโยคที่สมบรู ณ์แลว้ ท้งั 5 ประโยคพร้อมๆ กนั สุดทา้ ยเพือ่ เป็นการตรวจสอบ ครูสุ่มเรียก นกั เรียน 5 คน ใหย้ นื ข้ึนอ่านประโยคดงั กลา่ วอีกคร้ัง คนละ 1 ประโยค

30 Background Information ทักษะกำรใช้คำถำม คือความสามารถในการใชค้ าพูดหรือประโยคที่มีแนวโนม้ ท่ี จะกระตนุ้ หรือดึง (elicit)การตอบสนองของผเู้ รียนออกมาจุดมุ่งหมายท่ีครูใชค้ าถามถาม นกั เรียนมีหลายประการดว้ ยกนั เช่นตอ้ งการทราบวา่ นกั เรียนเขา้ ใจหรือรู้เรื่องที่ครูสอน แลว้ หรือไม่เพียงไร นกั เรียนอ่านหรือทาการบา้ นท่ีกาหนดใหห้ รือไม่หรืออาจจะถามเพือ่ เร้าความสนใจหรือทาความกระจา่ งในจุดใดจุดหน่ึงโดยตรงก็ได้ การใชค้ าถามนบั วา่ เป็ น เร่ืองที่มีความสาคญั มากสาหรับการสอนในปัจจุบนั ท่ีผสู้ อนควรจะใชค้ าถามเป็นสื่อให้ ผเู้ รียนไดค้ ิดตามหรือเป็นส่ือในการใหผ้ เู้ รียนไดเ้ สาะแสวงหาความรู้ดว้ ยตวั ของเขาเองครู ควรใชค้ าถามเป็นสื่อตลอดเวลาไม่วา่ จะเป็นการสอนดว้ ยวิธีใด ที่มำ:http://gotoknow.org/blog/wareeratk/73574 5. ครูเขียนตวั อยา่ งประโยคบอกเลา่ (Affirmation sentence)ประโยคปฏิเสธ (Negative sentence) และประโยคคาถาม (Question) ในรูปของ Present Simple Tense บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียน ช่วยกนั บอกกฎ จากน้นั ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธและคาถามอยา่ งละ 1 ประโยค (Individual work) โดยพยายามนึกถึงส่ิงรอบตวั หรือสถานการณ์ใกลต้ วั มากท่ีสุด และมีเน้ือหาท่ีมี ความหมาย (make sense)โดยเขียนใส่กระดาษท่ีเตรียมไวเ้ สร็จแลว้ ครูเป่ านกหวีด และใหน้ กั เรียน ทกุ คนลกุ จากที่นง่ั เพอื่ วง่ิ ไปจบั ค่กู บั นกั เรียนท่ีอยอู่ ีกฝ่ังหน่ึง และรายงานประโยคบอกเลา่ และ ปฏิเสธของตน พร้อมท้งั ถามคาถามเพื่อนดว้ ยคาถามท่ีตนเองแตง่ ไว้ e.g. Dang: I like fruit.I don’t like vegetables. Do you like vegetables? Duang: Yes, I do. I don’t eat pork. I eat chicken. Do you eat chicken? Dang: No, I don’t. ครูคอยสงั เกตและจดบนั ทึกพฤติกรรมของนกั เรียนในช่วงการทากิจกรรมน้ี

31 Background Information Present Simple Tense – Affirmative Form (ประโยคบอกเล่า) เม่ือประธานเป็นเอกพจน์ กริยาตอ้ งเติม s/es เช่น 1) ถา้ กริยาลงทา้ ยดว้ ย y และหนา้ y เป็นพยญั ชนะ จะเปลี่ยน y เป็น i ก่อน แลว้ จึงเติม es เช่น They study. He studies. You cry. She cries. แต่ We play. He plays. 2)ถา้ กริยาลงทา้ ยดว้ ย o ใหเ้ ติม es หลงั กริยา เม่ือประธานเป็นเอกพจน์ เช่น I go. He goes. They do. She does. 3) ถา้ กริยาลงทา้ ยดว้ ย s, ss, sh, ch, x, zใหเ้ ติม es หลงั กริยา เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ เช่น We wash our hands. She washes her hands. They watch TV. He watches TV. You pass the exam. She passes the exam. Present Simple Tense – Negative Form (ประโยคปฏิเสธ) ใช้ does หรือ do เป็นกริยาช่วยในการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าใหเ้ ป็นประโยคปฏิเสธ รูปแบบ Subject + does/do + not + v.1. 1) ประธานเอกพจน์ (He, She, It) ใช้ does เช่น She does not do homework. 2) ประธานพหูพจน์ (We, You, They) ใช้ do เช่น You do not play tennis. 3) ข้อยกเว้นI ใช้ do เช่น I do not drink coffee. รูปยอ่ does not = doesn’t do not = don’t

32 Present Simple Tense - Question Form (ประโยคคาถาม) ใช้ does หรือ do เป็นกริยาช่วยในการทาใหเ้ ป็นประโยคคาถาม ดงั รูปแบบต่อไปน้ี รูปแบบ Does/Do + subject + v.1 + ? e.g. Does she go to bed at nine o’clock? Do you like maths? Do we learn English in the gym? การตอบ สามารถตอบได้ 2 อยา่ ง คือ Yes และ No แลว้ ตามดว้ ยประธาน และกริยาช่วย (do หรือ does ข้ึนอยกู่ บั ประธาน) e.g. Does he go to school by bus? - Yes, he does. (ถา้ ใช่) หรือ - No, he doesn’t.(ถา้ ไมใ่ ช่) Do you speak English? - Yes, I do. หรือ - No, I don’t. หมำยเหตุ: ถา้ ถาม You ตอบ Iเช่น Do you eat bananas? Yes, I do. ถา้ ถาม I ตอบ Youเช่น Can I eat these pears? Yes, you can. 6. ครูชูบตั รภาพใบหนา้ ด.ช.แฮร่ี (Harry) และรูปโรงเรียน แลว้ กล่าวกบั นกั เรียนวา่ Teacher: This is Harry. And this is his school. What does Harry do at school? นกั เรียนดูภาพกิจกรรมของ Harry ท้งั 5 ภาพ ในหนังสือเรียน หน้ำ 9 ข้อ 4 What does Harry do at school? Listen and number.ครูช้ีไปท่ีภาพทีละภาพ แลว้ ใหน้ กั เรียนตอบเป็นภาษาองั กฤษส้นั ๆ แตไ่ ดใ้ จความ Students: Harry eats. (ครูช้ีภาพ A) Harry plays the guitar. (ครูช้ีภาพ B) Harry goes home. (ครูช้ีภาพ C) Harry plays. (ครูช้ีภาพ D)

33 Harry is in the lab. (ครูช้ีภาพ E) ใหน้ กั เรียนฟังประโยค2รอบ และเรียงลาดบั รูปภาพตามประโยคที่ไดย้ นิ จากครูหลงั จบแตล่ ะ ประโยค เพื่อใหน้ กั เรียนตรวจทานคาตอบของตนเอง 1 Harry has got science in the morning. 2 At 9.30 he plays with his friends. 3 He has lunch at 12.00. 4 In the afternoon he plays the guitar in the music room. 5 He goes home at 4.00. เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ โดยครูตรวจคาตอบของนกั เรียนอีกคร้ัง และเขยี น คาตอบของนกั เรียนที่ถกู ตอ้ งแลว้ บนกระดาน จากน้นั ให้อ่านประโยคคาตอบพร้อมๆ กนั อีกคร้ัง 1E 2D 3A 4B 5C 7. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน (ชาย 1 คน และหญิง 1 คน)ออกมาหนา้ ช้นั เรียน เพื่อบอกเลา่ เก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั ของตนเอง ตามประเด็นที่ครูกาหนดใหบ้ นกระดาน ดงั น้ี (ครูเตรียมกบั นกั เรียน ท้งั 2 คนก่อนลว่ งหนา้ ) - เวลาต่ืนนอน - กลบั บา้ น - ไปโรงเรียน - เล่นกีฬา - รับประทานอาหารกลางวนั - กิจกรรมยามวา่ ง Boy: I wake up at 6 o’clock. I go to school by bus. I have lunch at noon. I go home at 4 o’clock. I play ping-pong. I like computer games. Dear: I wake up at 7 o’clock. I go to school on foot. I have lunch at noon. I go home at 4 o’clock. I like to swim. I like cooking. ครูถามนกั เรียนวา่ ด.ช. Boy และ ด.ญ. Dear มีอะไรที่คลา้ ยกนั เม่ือไดค้ าตอบวา่ Students: They have lunch at noon and go home at 4 o’clock.

34 ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สงั เกตกริยาในขอ้ ความวา่ เป็นอยา่ งไร โดยครูอาจอ่านคากริยาในขอ้ ความ ท้งั หมด โดยเนน้ เสียง /s/และ /z/เมื่อคาน้นั เติม s หรือ es เช่น goesเสียง /z/, likesเสียง /s/, plays เสียง /s/, likes, playsเสียง /s/, like, haveจนนกั เรียนไดข้ อ้ สรุปวา่ ประโยคในขอ้ ความดงั กล่าว อยู่ ในโครงสร้างของ Present Simple Tense ซ่ึงเมื่อประธานเป็นเอกพจน์ กริยาตอ้ งเติม s/es ดงั น้ี ประธานของประโยคเป็นเอกพจน์กริยาเติม s ประธานของประโยคเป็นพหูพจน์ กริยาช่อง 1 (ไม่เติม s) ประธานของประโยคเป็น I กริยาช่อง 1 (ไม่เติม s) ครูอธิบายเพมิ่ เติมวา่ วงกลม 2 วง ซ่ึงมีบางส่วนซอ้ นทบั กนั น้นั เรียกวา่ แผนภูมิเวนน์ (Venn Diagram) จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนอา่ นประโยค 3 ประโยค ในหนงั สือเรียน หน้ำ 9 หวั ข้อ Remember! พร้อมๆ กนั ครูช้ีใหน้ กั เรียนสงั เกตดูการเติม s หลงั คากริยาอีกคร้ัง Students: She plays tennis. (เนน้ ออกเสียง s) He plays football. (เนน้ ออกเสียง s) They like computers. Background Information both A & B Venn Diagramคอื ผงั วงกลมซอ้ นทบั ใชแ้ สดงลกั ษณะความเหมือนหรือ ความแตกต่างระหวา่ งของ 2 ส่ิง หรือมากกวา่ เก่ียวกบั คน เหตกุ ารณ์ สถานที่ หรือความคิด กจิ กรรมรวบยอด

35 1. นกั เรียนทบทวนคาศพั ท์ โดยดูภาพ 1-6 ท่ีกาหนดใหใ้ นแบบฝึ กหดั Match the pictures with the words. แลว้ จบั คู่ภาพเหล่าน้ีกบั คาศพั ท์ a-f ซ่ึงอยทู่ างดา้ นขวามือ โดยใหน้ กั เรียนโยงเส้นจบั คู่ รูปภาพกบั คาศพั ท์ เมื่อนกั เรียนทาเสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบคาตอบกบั เพ่ือนขา้ งเคยี ง จากน้นั ครูเขยี นเฉลยคาตอบบนกระดานเสร็จแลว้ ให้นกั เรียนช้ีนิ้วไปท่ีภาพทีละภาพ แลว้ อา่ น ออกเสียงคาศพั ทพ์ ร้อมๆ กนั ครูอาจสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน ใหล้ กุ ข้นึ อา่ นทีละคน เพ่ือเป็นการ ตรวจสอบ 1b 3a 5d 2e 4f 6c 2. นกั เรียนดูตวั อกั ษรในกรอบท่ีกาหนดให้ ในแบบฝึ กหัด Circle the words.แลว้ จบั กลุ่มกบั เพอื่ นที่ ตนชอบ กลมุ่ ละ 3 คน ช่วยกนั วงกลมตวั อกั ษรใหเ้ ป็นคาศพั ทท์ ่ีถูกตอ้ ง โดยครูบอกใบแ้ ก่นกั เรียน วา่ มีคาศพั ทซ์ ่อนอยทู่ ้งั หมด 9 คา เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ โดยครูเขียนคาตอบ ที่ถกู ตอ้ งบนกระดาน และใหน้ กั เรียนอา่ นคาตอบบนกระดานพร้อมๆ กนั ( morning Monday night bed cafeteria homework afternoon evening science 3. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมข้นั ก่อนฟัง โดยอ่านประโยคท่ีกาหนดให้ ในแบบฝึ กหดั หน้ำ 8 ข้อ 3 Listen and write. พร้อมกนั จากน้นั ครูเปิ ด CD/track 13 ใหน้ กั เรียนฟัง 2-3 คร้ัง และใหน้ กั เรียน เติมคาที่ขาดหายไปลงในช่องวา่ ง 1 The students are in the playground. 2 I do homework at 6 o’clock in the evening. 3 They’ve got science at 9.30 in the morning. 4 The students have lunch in the cafeteria. 5 I watch television at night. 6 I’ve got art in the afternoon.

36 4. นกั เรียนดูรูปภาพท่ีกาหนดให้ ในแบบฝึ กหดั What does May do at school? Put the pictures in order and say.จากน้นั เรียงรูปภาพดงั กล่าวใหถ้ กู ตอ้ งตามลาดบั เหตุการณ์ที่นกั เรียน คาดวา่ จะเป็นไปได้ เสร็จแลว้ ครูชูภาพใบหนา้ May แลว้ ถามนกั เรียนวา่ Teacher: Who is she? Students: She’s May. Teacher: What does May do at school? ครูช้ีท่ีภาพทีละภาพ จาก A- E Students: She eats lunch, studies P.E., goes home, plays, studiesscience. (ตอบตามภาพที่ครูช้ี ยงั ไม่เรียงลาดบั เหตุการณ์ตามเวลา) Teacher: Excellent! นกั เรียนทางานเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน ช่วยกนั แต่งประโยคใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ และเรียง เหตกุ ารณ์ตามลาดบั เวลา โดยเขยี นลงบนกระดาษ เมื่อทกุ กลุม่ พร้อม จึงส่งตวั แทนออกมาอา่ น ประโยคท่ีร่างไวท้ ีละกลมุ่ ครูจดบนั ทึกและใหค้ ะแนนแก่นกั เรียนทุกคน เพอื่ เป็นคะแนนเกบ็ ปลาย ภาค E, D, A, B, C (Suggested Answer) May’s got science at 9.30 am. She plays in the playground with her friends at 10.30 am. She has lunch at 12.00 am. At 1.00 pm in the afternoon she’s got P.E. She goes home at 3.30 pm. 5. ครูทบทวนเร่ือง Present Simple Tense อีกคร้ัง โดยเนน้ วา่ โครงสร้างประโยคบอกเลา่ ประธาน + กริยาช่องท่ี 1 ประธานเป็นเอกพจน์ (ยกเวน้ I, you) - กริยาเติม s/es ประธานเป็ นพหูพจน์ - กริยาช่อง 1 (ไม่เติม s) เช่น She listens to music. They play football. ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนแตล่ ะคน (Individual work) โดยใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคบอก เล่าท่ีกาหนดให้ ซ่ึงอยใู่ นรูปของ Present Simple Tense ในRead and compare.และใหเ้ วลา

37 นกั เรียน 5-6 นาที เลือกวงกลมคากริยาที่ถกู ตอ้ งในแต่ละประโยค เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ โดยครูเขยี นคาตอบท่ีถกู ตอ้ งบนกระดาน 1 like 3 listens 5 play 2 eat 4 read 6 writes ครูใหน้ กั เรียนตรวจคาตอบของตนเอง และแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ คนท่ีถูกมากกวา่ 5 ขอ้ ถือวา่ ผา่ น จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคท่ีถูกตอ้ งท้งั 6 ประโยค พร้อมๆ กนั โดยเนน้ ออกเสียง s หลงั คากริ ยาเมื่อประธานเป็ นเอกพจน์ นกั เรียนทาแบบทดสอบดว้ ยตนเอง (Individual work) เพื่อประเมินตนเองภายในระยะเวลาที่ครู กาหนด ครูเนน้ ใหน้ กั เรียนมีความซ่ือสตั ยส์ ุจริตและหยง่ิ ในศกั ด์ิศรีของตนเอง จึงไมค่ วรลอกงาน ของผอู้ ื่น จากน้นั ครูพูดเฉลยคาตอบ โดยใหน้ กั เรียนแลกกนั ตรวจแบบทดสอบกบั เพ่อื น ครูช้ีแจง ใหน้ กั เรียนทราบวา่ ตอบถูก 1 ขอ้ จะคิดเป็น 1 คะแนน ผใู้ ดถกู เกินกวา่ 8 ขอ้ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

38 บนั ทึกผลการสอน ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ปัญหาอปุ สรรคการสอน ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ แนวทางการแกไ้ ขปัญหา ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงช่ือ...........................................ครูผสู้ อน (นางสุภาพ หอมดี )

39 6.2 ช่ัวโมงท่ี 7-8 กจิ กรรมนำสู่กำรเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกม Memory game เพ่ือทบทวนคาศพั ทท์ ่ีนกั เรียนไดเ้ รียนมาแลว้ โดยเรียง บตั รภาพบนกระดานแถว A และบตั รคาบนกระดานแถวB ใหเ้ วลานกั เรียนในการจาประมาณ 30 วนิ าที จากน้นั ครูคว่าบตั รภาพบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คบู่ ตั รภาพกบั บตั รคาให้ตรงกนั 12 34 5 A ภาพโรง ภาพโรงยิม ภาพห้อง ภาพห้องสมดุ ภาพห้องศิลปะ (บตั รภาพ) อาหาร ดนตรี B gym library art room cafeteria music room (บตั รคา) ตัวอย่าง Student 1: A1 ภาพโรงอาหาร ค่กู บั B4 cafeteria 2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ในชว่ั โมงน้ีใหน้ กั เรียนทราบ กจิ กรรมพฒั นำกำรเรียนรู้ 1. นกั เรียนทดสอบความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลกั การเติม s ของ Present Simple Tense โดยอ่านประโยคที่ กาหนดใหC้ ircle the answers.แลว้ เขียนคาตอบที่ถกู ตอ้ งลงในสมดุ ของตนเอง ครูอธิบายให้ นกั เรียนฟังวา่ กิจกรรมน้ีถือเป็นการประเมินตนเอง จึงให้นกั เรียนทางานดว้ ยตนเองอยา่ งซื่อสัตย์ เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนแลกเปล่ียนสมุดกบั เพอ่ื นท่ีนงั่ ขา้ งๆ เพอ่ื สลบั กนั ตรวจ โดยครูเขียนคาตอบ ที่ถูกตอ้ งบนกระดาน ครูอธิบายวา่ คนที่ตอบถกู เกิน 5 ขอ้ ถือวา่ ผา่ น 1 like 3 listens 5 reads 2 play 4 go 6 make นกั เรียนอ่านประโยคที่ถกู ตอ้ งโดยเนน้ การออกเสียง s หลงั คากริยา ในขอ้ ที่มีประธานเป็นเอกพจน์ สุดทา้ ยครูสุ่มเรียกนกั เรียน 6คน ใหย้ นื ข้ึนอ่านประโยคที่ถกู ตอ้ งอีกคร้ัง คนละ 1 ประโยค 2. นกั เรียนเลน่ เกม Circle and the Blind โดยครูใหน้ กั เรียนทุกคนลุกจากที่นง่ั แลว้ แบง่ ออกเป็น 2 กล่มุ เท่าๆ กนั ตามความสมคั รใจ กลุ่มแรกจบั มือกนั ทาเป็นวงกลมวงใหญ่ และอีกกลมุ่ หน่ึงเขา้ มา อยใู่ นวงกลม กลุ่มที่อยภู่ ายในวงกลมจะถูกปิ ดตา เมื่อครูใหส้ ัญญาณโดยการเป่ านกหวีด ผทู้ ่ีอยใู่ น

40 วงกลมจะเลือกผทู้ ่ีจบั มือเป็นวงกลม (ตาบอดจบั ค่กู บั ตาดี) เมื่อไดค้ ูข่ องแต่ละคนแลว้ ครูแจก กระดาษใหค้ ลู่ ะ 1 แผน่ เพือ่ เขียนกิจวตั รประจาวนั ของตนในแต่ละวนั และเปรียบเทียบกบั กิจวตั ร ประจาวนั ของคตู่ นเอง จากน้นั จึงเขียนกิจวตั รของแต่ละคนลงในวงกลม 2 วง ซ่ึงซอ้ นกนั โดย ส่วนท่ีซอ้ นกนั คือกิจวตั รที่เหมือนกนั นกั เรียนสามารถดูตวั อยา่ งไดจ้ ากหนงั สือเรียน หนา้ 9 ขอ้ 5 ซ่ึงไดเ้ รียนมาแลว้ ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคู่ปรึกษากนั ในการทางาน โดยใหน้ กั เรียนร่างประโยคคนละ 5 ประโยค แตล่ ะ คู่ช่วยกนั เปรียบเทียบขอ้ มูลของคตู่ นเอง แลว้ จึงวาดวงกลม 2 วง และเติมขอ้ มลู ลงในวงกลม (อาจ ระบายสีวงกลมเพื่อความสวยงามและชดั เจน) จากน้นั ใหน้ กั เรียนฝึกพูด ครูใหน้ กั เรียนท่ีมีความ พร้อมก่อนออกมารายงานหนา้ ช้นั ตามความสมคั รใจ เช่น ด.ช.เคน และด.ญ.จอย ออกมาหนา้ ช้นั และโชวผ์ ลงานของคู่ตนเองใหเ้ พ่อื นๆ ดู พร้อมกบั พูดนาเสนอ Joy Ken - go to school - eats breakfast at 6.30 - eats breakfast at 7.00 by bus - plays badminton - plays baseball - have lunch - likes P.E. - likes English at noon Joy: I eat breakfast at 6.30. I play badminton. And I like P.E. (ช้ีนิ้วประกอบในวงกลมของตนเองขณะพดู ) Ken: I eat breakfast at 7.00. I play baseball. And I like English. (ช้ีนิ้วประกอบในวงกลมของตนเองขณะพดู ) Joy & Ken: (พูดพร้อมกนั ) We go to school by bus. We have lunch at noon. (ช้ีนิ้วประกอบในส่วนวงกลมที่ซอ้ นทบั กนั ) ครูใหค้ ะแนนการนาเสนอหนา้ ช้นั ของนกั เรียนแตล่ ะคู่ เพ่ือเป็นคะแนนเกบ็ 10 คะแนน

41 3. นกั เรียนเปิ ดหนังสือเรียน หน้ำ 10 ข้อ 7 Ask a partner and then tell the class. Use the words in the box.และอ่านบทสนทนาระหวา่ ง May และ Annaพร้อมกนั โดยครูใหน้ กั เรียนคร่ึงหอ้ งฝั่งซา้ ย เป็น May และนกั เรียนอีกคร่ึงหอ้ งฝ่ังขวาเป็น Anna Anna: May, do you like art? May: Yes, I do. Anna: Do you like maths? May: No, I don’t. นกั เรียนทกุ คนอ่านสรุปพร้อมๆ กนั ดงั น้ี Students: May likes art. She doesn’t like maths. ครูอธิบายสรุปเก่ียวกบั ประโยคคาถาม คาตอบ และปฏิเสธในรูปของ Present Simple Tense อีก คร้ัง และเนน้ ใหน้ กั เรียนระมดั ระวงั ในการใชป้ ระโยคบอกเล่าและปฏิเสธ เมื่อประธานของ ประโยคเป็ นเอกพจน์ 4. นกั เรียนจบั ค่กู บั เพือ่ นขา้ งเคียง เพื่อฝึกสนทนาดงั ตวั อยา่ งขา้ งตน้ โดยใหแ้ ต่ละคูผ่ ลดั กนั เป็นท้งั ผู้ ถามและผตู้ อบ ครูเดินสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ขณะนกั เรียนทากิจกรรม ตวั อย่ำง Jim: Pat, do you like science? Pat: Yes, I do. Jim: Do you like maths? Pat: No, I don’t. จากน้นั จึงขออาสาสมคั ร 3 คู่ ออกมาพูดบทสนทนาหนา้ ช้นั เรียน รวมท้งั สรุปผล เช่น Jim: Pat likes science. She doesn’t like maths. (ช้ีท่ี Pat) Pat: Jim likes P.E. He doesn’t like art. (ช้ีที่ Jim) เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนท้งั ช้นั ปรบมือใหก้ าลงั ใจ 5. นกั เรียนดูรูปภาพในหนงั สือเรียน หน้ำ 11 ข้อ 8 Listen, read and circle ‘true’ or ‘false’.แลว้ บอก ครูวา่ เห็นอะไรในรูปภาพบา้ ง Teacher: Class, what do you see in the pictures? Students: School, classroom, cafeteria, football, students, lunch,etc. ครูบอกนกั เรียนวา่ ในรูปภาพที่นกั เรียนเห็นเป็นกิจวตั รประจาวนั ของ Ben ในวนั จนั ทร์ จากน้นั ครู เปิ ด CD/track 16 ใหน้ กั เรียนฟัง 2-3 รอบ โดยใหน้ กั เรียนดูเน้ือหาในหนงั สือเรียนตามไปดว้ ย

42 Today is Monday. Ben goes to school at 8 o’clock. He’s got science and maths in the morning. He eats lunch at 11.30. In the afternoon, he’s got music and art. At break time, he plays football. He goes home at 4 o’clock. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน โดยแบ่งตามใบรายช่ือของนกั เรียน โดยใหน้ กั เรียน แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั ระดมความคดิ (Brainstorm) และตดั สินวา่ ประโยคท่ีกาหนดให้ (1-5) ถกู หรือผิด เพราะอะไร เสร็จแลว้ นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ โดยครูอ่านประโยค และนกั เรียนพูดวา่ ‘true’หรือ ‘false’ 1 Ben’s got music in the morning. false 2He’s got art in the afternoon. true 3Heplays football at break time. true 4Heeats lunch at twelve o’clock. false 5He goes home at four o’clock. true ครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ อ่านออกเสียงทีละกล่มุ ตามลาดบั ความพร้อมครูคอยสังเกตและใหค้ ะแนนตาม เกณฑท์ ี่ไดแ้ จง้ ไว้ เมื่อแตล่ ะกลุ่มอ่านเสร็จแลว้ ครูรวบรวมคะแนน และประกาศกล่มุ ท่ีชนะเลิศ และใหร้ างวลั เลก็ ๆ นอ้ ยๆ เพอื่ เป็นแรงจูงใจต่อไป เช่น ลกู อม ปากกา ดินสอ ยางลบ ฯลฯ 6. ครูทบทวนการใช้ have/have gotในประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคาถาม ในรูปของ Present Simple Tense ดงั น้ี have หรือ have gotใชใ้ นการแสดงความเป็นเจา้ ของหรือความหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกนั บอกเลา่ ประธานเอกพจน์ (ยกเวน้ I, you) + has/has got have/have got ประธานพหูพจน์ + ปฏิเสธ ประธานเอกพจน์ (ยกเวน้ I, you) + hasn’t got/doesn’t have ประธานพหูพจน์ + haven’t got/don’t have

43 Does +ประธานเอกพจน์ (ยกเวน้ I, you) + have…………? หรือ คาถาม Has + ประธานเอกพจน์ (ยกเวน้ I, you) + got………….? Do + ประธานพหูพจน์ + have………? หรือ Have +ประธานพหูพจน์ + got ………? Background Information คำกริยำ ‘have’ กบั ‘have got’ ต่ำงกนั อย่ำงไร ‘have’ กบั ‘have got’ คือคากริยาตวั เดียวกนั โดย‘have got’ เป็นภาษาองั กฤษแบบ องั กฤษ (British English) และมกั ใชใ้ นภาษาพดู หรือภาษาท่ีไม่เป็นทางการ (informal) มี ความหมายวา่ ‘มี’ (แสดงถึงความเป็นเจา้ ของ) เช่น I have 2 books. หรือ I have got 2 books. แต่คากริยา ‘have’และ ‘have got’น้นั มีความหมายมากกวา่ ‘มี’ อยา่ งที่คนุ้ เคยและ พบอยบู่ อ่ ยๆ คือ - ใชใ้ นความหมายวา่ ‘กิน’ หรือ ‘รับประทาน’ เช่น I have eggs for breakfast. I’ve got salad. - ใชเ้ ม่ือพูดถึงการเจ็บไขไ้ ดป้ ่ วย เช่น She has a headache.I’ve got a stomachache. - ใชเ้ ม่ือพดู ถึงการเรียน เช่น I have maths. I’ve got science. 7. ครูเตรียมพร้อมนกั เรียนในการทากิจกรรมWrite about your day. โดยใหน้ กั เรียนเลน่ เกม Who are you? เพื่อทบทวนคาศพั ทว์ นั ท้งั 7 วนั ใน 1 สปั ดาห์ โดยครูชูบตั ร คาดงั น้ี Sunday Monday Tuesday Wednesday Thursday Friday Saturday นกั เรียนอา่ นคาศพั ทว์ นั ท้งั 7 ในบตั รคาพร้อมๆ กนั จากน้นั ครูถามคาถามนกั เรียน (elicit) ดงั น้ี Teacher: How many days do you go to school? Students: Five days. Teacher: What are the days?

44 Students: Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday and Friday. Teacher: What about Saturday and Sunday? Students: We play games, watch TV, go shopping, stay at home,etc. (นกั เรียนแขง่ กนั ตอบ) Teacher: Excellent! ครูแจกกระดาษแขง็ ขนาดไปรษณียบตั รแก่นกั เรียน คนละ 1 แผน่ เลือกวนั ที่ตนเองชอบ 1 วนั แลว้ แต่งประโยคอยา่ งนอ้ ย 8 ประโยค เก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั ของตนเอง โดยดูตวั อยา่ งการเขยี นของ Ben ในหนงั สือเรียน หนา้ 11 ขอ้ 8และเขยี นลงทา้ ยเฉพาะอกั ษรตวั แรกของชื่อตนเอง ใหน้ กั เรียน ทางานคนเดียว (Individual work) แต่อาจถามเพื่อนหรือปรึกษาครูได้ ครูเนน้ ใหน้ ักเรียนมีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรรค์ และใช้ Present Simple Tense ใหถ้ กู ตอ้ ง โดยครูพยายามกระตุน้ ใหน้ กั เรียนมี ความมงุ่ มน่ั ในการทางานไม่ควรทอ้ ถอยเม่ือพบปัญหาหรืออุปสรรคในการทางาน ตัวอย่ำง 1 Today is Wednesday. I go to school at 7.30. I’ve got English and maths in the morning. I have lunch at noon in the cafeteria. In the afternoon, I’ve got P.E. and music. At break time, I drink school milk and play football. I go home by bus at 4.30. S. ตัวอย่ำง 2 Today is Sunday. I get up very late. I have breakfast at 10 o’clock. I do my homework in the morning. I have lunch at 12.30. In the afternoon, I watch TV with my mother. I play football with my father. I have dinner at 6 o’clock. D. เมื่อนกั เรียนทกุ คนเขยี นเสร็จแลว้ ใหน้ าผลงานของตนไปหยอ่ นลงในกลอ่ งกระดาษบนโตะ๊ ครู ครู เขยา่ กลอ่ ง 2-3 คร้ัง แลว้ ให้นกั เรียนแตล่ ะคนหยบิ ชิ้นงานออกจากกลอ่ งคนละ 1 ชิ้น อ่านชิ้นงาน แลว้ พยายามเดาและทายใหไ้ ดว้ า่ ชิ้นงานน้นั เป็นของใคร โดยพิจารณาดูจากกิจวตั รประจาวนั และตวั อกั ษรยอ่ ของช่ือจริง เจา้ ของผลงานตอ้ งไม่บอกใบใ้ ดๆ ท้งั สิ้น เพราะตนเองก็ตอ้ งเดาและทายช่ือผลงานท่ีตนจบั ไดเ้ ช่นกนั

45 เม่ือนกั เรียนมน่ั ใจแลว้ วา่ เป็นผลงานของใคร ให้เดินไปหาบุคคลน้นั (ควรทายไวใ้ นใจ 2-3 ราย) แลว้ อา่ นกิจวตั รประจาวนั ใหอ้ ีกฝ่ายฟัง ถา้ บุคคลน้นั ยอมรับวา่ เป็นกิจวตั รของตนเอง นกั เรียนจะ ได้ ดาวสีเขยี ว ส่วนเจา้ ของผลงานจะไดด้ าวสีแดง(ครูเตรียมกระดาษแขง็ ตดั เป็นรูปดาวสีเขียวและ สีแดง ใหค้ รบตามจานวนนกั เรียน) นกั เรียนทกุ คนตอ้ งสะสมดาวใหค้ รบท้งั 2 สี และนามาแสดงใหค้ รูดู จึงจะสามารถออกไปพกั ผอ่ น นอกหอ้ งเรียนได้ ครูคอยเดินสงั เกตรอบๆ หอ้ ง และจดบนั ทึกพฤติกรรมการเรียนรู้และ ความสามารถของนกั เรียนแตล่ ะคน กจิ กรรมรวบยอด 1. นกั เรียนทบทวนการใชค้ ากริยาใน Present Simple Tense อีกคร้ัง โดยเปิ ดแบบฝึ กหดั หน้ำ 10 ข้อ 6 Complete the sentences. Use the words in the box.โดยก่อนทา ครูดึงความสนใจของผเู้ รียน ดว้ ยการชูภาพของ Anna แลว้ ถามนกั เรียนดงั ตอ่ ไปน้ี Teacher: Class.....be quiet! Who is she? (ชูใบหนา้ Anna) Students: She’s Anna. Teacher: What does she do? (ช้ีที่ภาพในแบบฝึกหดั ) Students: She plays with her friends. นกั เรียนอ่านเน้ือเร่ืองท่ีกาหนดให้ แลว้ นาคาท่ีใหไ้ วเ้ ติมลงในช่องวา่ งใหส้ มบรู ณ์ จากน้นั ครูให้ นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ โดยครูเขียนคากริยาที่ถูกตอ้ งบนกระดาน เพ่อื ใหน้ กั เรียนตรวจ คาตอบของตนเองอีกคร้ังเสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนอา่ นเน้ือเร่ืองที่เติมคาสมบูรณ์แลว้ พร้อมๆ กนั 1 gets up 2 eat 3 go 4 plays 2. นกั เรียนเล่นเกม Triple Game (3 คน อลเวง) โดยครูใหน้ กั เรียนทุกคนยนื ข้ึน เมื่อครูเป่ านกหวีด นกั เรียนตอ้ งจบั กลุ่ม กล่มุ ละ 3 คน โดยมีขอ้ แมว้ า่ ตอ้ งมีท้งั นกั เรียนชายและหญิงอยใู่ นกลมุ่ ทกุ คน นาแบบฝึกหดั Smile ป. 4 ติดมือไปดว้ ย จากน้นั ครูให้นกั เรียน 1 คนในแตล่ ะกลมุ่ ถามคาถามเพือ่ น ซ่ึงเป็นนกั เรียนชาย 1 คน และนกั เรียนหญิง 1 คน เกี่ยวกบั วชิ าตา่ งๆ เหมือนดงั ตวั อยา่ งใน แบบฝึ กหัด หน้ำ 10 ข้อ 7Ask two friends. Then write yes or no.เช่น Student: Do you like computers? Boy: Yes, I do. Girl: No, I don’t.

46 เม่ือไดร้ ับคาตอบแลว้ นกั เรียนที่เป็นคนถามเขียนคาตอบของเพอื่ นส้นั ๆ วา่ Yes หรือ No ลงใน ตารางท่ีกาหนดให้ จากน้นั ถามคาถามขอ้ ท่ีเหลือจนครบ 3 ขอ้ เมื่อนกั เรียนไดย้ นิ สัญญาณนกหวดี จากครูอีกคร้ัง นกั เรียนทุกคนตอ้ งจบั กลมุ่ ใหม่ ซ่ึงสมาชิกในกลมุ่ ตอ้ งไม่ซ้ากบั กลุ่มเดิม และมีท้งั นกั เรียนชายและนกั เรียนหญิงอยภู่ ายในกล่มุ แลว้ ดาเนินกิจกรรมเช่นเดิม โดยครูกาหนดให้ นกั เรียนทกุ คนตอ้ งมีโอกาสเป็นท้งั ผถู้ ามคาถามและผตู้ อบ และจดบนั ทึกคาตอบลงในแบบฝึกหดั โดยเขียนชื่อเพ่ือนที่ตนถามลงไปดว้ ย จากน้นั จึงเติมประโยคที่กาหนดใหใ้ ตต้ ารางใหส้ มบรู ณ์ดว้ ย คาวา่ ‘likes’หรือ ‘doesn’t like’โดยอาศยั ขอ้ มูลจากคาตอบของเพ่อื นท่ีนกั เรียนไดถ้ ามเช่น 1)Ann is a girl in my class. She doesn’t like computers. She likesmusic. She doesn’t likemaths. 2)Ken is a boy in my class. He likes computers. He doesn’t like music. He likesmaths. นกั เรียนนาแบบฝึกหดั มาส่งครูทา้ ยชวั่ โมง เพ่ือครูจะไดร้ วบรวมนาไปตรวจในเวลาวา่ ง 3. นกั เรียนดูภาพกิจกรรมของ Anna ในแบบฝึ กหดั Listen and complete.จากน้นั อา่ นประโยคท่ี กาหนดให้ Anna’s Day 1 Anna’s first class is in the gym. She likes P.E.It’seasy. 2 Then, she goes to the classroom. She reads, writes and studies maths. 3 At 12 o’clock, she has lunch in the playground with her friends. 4 After lunch, she has got art and science. 5 After school, she goes home. She does homework but it’s difficult. 6 Shegoes to bed at 8.00 p.m. นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ ใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน และใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงโดยพร้อม เพรียงกนั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 6 คน ใหย้ นื ข้ึนอา่ นทีละคน เพอ่ื เป็นการตรวจสอบความสามารถใน การอา่ นของนกั เรียนอีกคร้ังหน่ึง 4. นกั เรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน เพื่อทาแบบฝึ กหัด Writeabout your day. Use the words and phrases in the box.โดยครูแจกกระดาษเปล่าใหแ้ ต่ละกลุ่ม กลุม่ ละ 1 แผน่ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เขยี นเกี่ยวกบั กิจวตั รประจาวนั โดยใชค้ าและวลีที่กาหนดให้ จากน้นั ครูใหก้ ลุม่ ท่ีเขียนเสร็จก่อน ออกมาอ่านใหเ้ พ่ือนฟัง พร้อมท้งั เขียนเฉลยคาตอบบนกระดาน

47 My school starts at 9.00. I study science and English in the morning. I’ve got science in the lab. In the afternoon, I study mathsand music. After school, I play football with my friends. I go home at 4.30. And I go to bed at 9.00 p.m.

48 บนั ทึกผลการสอน ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ปัญหาอุปสรรคการสอน ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ แนวทางการแกไ้ ขปัญหา ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงช่ือ...........................................ครูผสู้ อน (นางสุภาพ หอมดี )

49 6.3 ช่ัวโมงที่9-10 กจิ กรรมนำสู่กำรเรียน 1. ครูทบทวนส่ิงท่ีนกั เรียนไดเ้ รียนมาแลว้ โดยการถามคาถามเกี่ยวกบั ส่ิงที่นกั เรียนเรียนในแต่ละวนั - What subject have you got on Monday in the afternoon? - What subject have you got on Friday in the morning? - When have you got P.E.? 2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ในบทเรียนน้ีวา่ นกั เรียนจะไดท้ บทวนและฝึกซ้าในส่ิงที่เรียนมาแลว้ ใน Unit 1 โดยนกั เรียนจะไดพ้ ดู และเขยี นบอกเล่าเกี่ยวกบั ชีวติ ในโรงเรียนของตนเอง อ่านและ เขียนจดหมายถึงเพ่ือนทางจดหมาย และ e-mail กจิ กรรมพฒั นำกำรเรียนรู้ 1. นกั เรียนอ่านประโยคคาถาม ในหนังสือเรียน หน้ำ 12 ข้อ 1 Match the questions and answers. แลว้ ถามนกั เรียนวา่ คาถามขอ้ ใดท่ีตอบดว้ ย Yes หรือ No ได้ เมื่อไดค้ าตอบวา่ คาถามขอ้ 4 และ 5 แลว้ ครูถามวา่ คาถามขอ้ 5 Can you play basketball? ตรงกบั คาตอบขอ้ ใด เพราะอะไร เม่ือได้ คาตอบวา่ No, I can’t. เพราะมีคาวา่ can’t อยู่ ครูถามวา่ คาถามขอ้ 4 Do you like computers? น่าจะตรงกบั คาตอบขอ้ ใด นกั เรียนตอบวา่ ขอ้ a Yes, I do. เพราะเป็นคาตอบท่ีเหลืออย่ทู ่ีข้นึ ตน้ ดว้ ย Yes หรือ No จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่คาถามกบั คาตอบขอ้ ท่ีเหลือดว้ ยตนเองลงในสมุด เสร็จแลว้ ครูอา่ นประโยคคาถาม และใหน้ กั เรียนท้งั ช้นั อา่ นประโยคคาตอบขอ้ ท่ีสมั พนั ธก์ นั 1c 2e 3d 4a 5b สุดทา้ ยครูใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั ฝึกพูดถาม-ตอบ โดยใชค้ าถามท้งั 5 ขอ้ ในขอ้ 1 ครูเดินสังเกตขณะ นกั เรียนทากิจกรรม และสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ใหอ้ อกมาสนทนาหนา้ ช้นั เรียน 2. นกั เรียนจบั ค่กู บั เพ่อื น พดู คุยแลกเปลี่ยนขอ้ มูลเก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั ของตนเองตามความเป็น จริง โดยใชโ้ ครงสร้างประโยคที่กาหนดใหใ้ นหนังสือเรียน หน้ำ 12ข้อ2 Talk about your school day with your partner.ในการพดู คยุ ครูบอกนกั เรียนวา่ ครูจะสุ่มเรียกนกั เรียน 6 คน ใหอ้ อกมาพดู รายงานกิจวตั รประจาวนั ของตนเอง ดงั น้นั นกั เรียนทุกคนตอ้ งเตรียมพร้อม ฝึกซอ้ มการพูดใหด้ ี