พัฒนาการของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตกที่มีผลต่อไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 1. อารยธรรมตะวันออกที่มีอิทธิพลต่อไทยสมัยรัตนโกสินทร์ อารยธรรมตะวันออก ได้แก่ อารยธรรมอินเดียและอารยธรรมจีนได้มีอิทธิพลต่อไทยสมัยรัตนโกสินทร์อย่างมาก โดยสามารถแยกอธิบายได้ ดังนี้ 1) อารยธรรมอินเดีย มีอิทธิพลต่อไทยสมัยรัตนโกสินทร์หลายด้าน ที่สำคัญ มีดังนี้ 1.1) ด้านศาสนา พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียและมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยก็ยังส่งผลมายังไทยสมัยรัตนโกสินทร์ด้วย ดังจะเห็นได้จากพิธีกรรมต่างๆ เช่น การบวงสรวง หรือการสร้างเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เพื่อทำพิธีโล้ชิงช้า (ตรียัมปวาย) ก็กลายเป็นพิธีสำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเช่นเดียวกับสมัยอยุธยา การสร้างรูปเคารพ เช่น พระพรหมที่โรงแรมเอราวัณ ก็มีผู้ที่นับถือไปกราบไหว้และบนบานกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ พระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ให้การรับรองพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ หรือพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ก็ได้มีความเกี่ยวข้องกับคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ส่วนอิทธิพลทางพระพุทธศาสนา ก็สามารถเห็นได้จากการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธสาสนาของชาวพุทธทั่วไป เป็นต้น 1.2) ด้านการปกครอง สำหรับคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูและพระพุทธศาสนาในเรื่องสมมติเทพ ทศพิธราชธรรม ก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการปกครองของไทยเหมือนกับสมัยก่อน 1.3) ด้านกฎหมาย กฎหมายธรรมศาสตร์ของอินเดียที่ไทยรับผ่านมอญก็ยังคงเป็นเค้าของกฎหมายตราสามดวง ซึ่งเป็นกฎหมายไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น 1.4) ด้านศิลปวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากวัดวาอาราม พระปรางค์ เจดีย์ต่างๆ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอรุณราชวราราม ซึ่งสร้างขึ้นอย่างสวยงาม เป็นต้น 1.5) ด้านวรรณกรรม ในสมัยรัตนโกสินทร์ได้มีการแปลวรรณกรรมอินเดียเป็นภาษาไทย เช่น รามเกียรติ์ เวตาล หรือศกุนตลา ซึ่งรัชกาลที่ 6 พระราชนิพนธ์ขึ้นก็มีเค้าโครงมาจากวรรณกรรมอินเดีย เป็นต้น 1.6) ด้านภาษา ได้แก่ ภาษาบาลี สันสกฤต ก็มีอิทธิพลต่อภาษาไทยเป็นอย่างมาก 1.7) ด้านอาหาร อาหารอินเดียซึ่งมีส่วนผสมของเครื่องเทศก็ได้รับความนิยมจากคนไทยด้วยเช่นกัน เช่น แกงกะหรี่ มัสมั่น โรตี ข้าวหมกไก่ เป็นต้น 2) อารยธรรมจีน ได้มีอิทธิพลต่อไทยสมัยรัตนโกสินทร์เช่นเดียวกับอารยธรรมอินเดียที่สำคัญ มีดังนี้ 2.1) ด้านศิลปวัฒนธรรม โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนก็เป้นที่นิยมนำมาสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น พระที่นั่งเวหาศน์จำรูป ที่พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น 2.2) ด้านวรรณกรรม มีการแปลวรรณกรรมอิงพงศาวดารจีนราชวงศ์ต่างๆ เป็นภาษาไทย ที่แพร่หลายที่สุด คือ เรื่องสามก๊ก แปลในสมัยรัชกาลที่ 1 ไซอิ๋ว แปลในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ สอนในเรื่องความรักชาติ ความเสียสละต่อส่วนรวม การทำความดี ความกตัญญูกตเวที เพื่อให้ผู้อ่านนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต 2.3) ด้านภาษา ภาษาจีนได้เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างมาก เช่น แต้จิ๋ว ตะเกียบ ห้าง ฮ่องเต้ อั้งยี่ โสหุ้ย ไต้ก๋ง เรือสามปั้น เป็นต้น 2.4) ด้านอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว เต้าหู้ เต้าเจี้ยว เต้าฮวย ก็ถือเป็นอาหารคาวที่คนไทยนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย 2. อารยธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อไทยสมัยรัตนโกสินทร์ ชาติตะวันตกได้เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการกับไทยสมัยรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา ซึ่งทำให้อารยธรรมตะวันตกได้เข้ามามีอิทธิพลต่อไทยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยสรุปได้ ดังนี้ 1) ด้านศาสนา โดยมิชชันนารีหรือหมอสอนศาสนาได้เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในไทยทั้งนิกายโปรเตสแตนต์และนิกายคาทอลิก ทำให้มีผู้เข้ารีตนับถือคริสต์ศาสนาเพิ่มมากขึ้น 2) ด้านการปกครอง รูปแบบการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่น การตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน สภาที่ปรึกษาในพระองค์ การปกครองแบบกระทรวง หรือแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยที่แพร่หลายในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็ได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตก 3) ด้านการแพทย์ มิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาในระยะแรก บางคนเป็นนายแพทย์หรือหมอรักษาคนไข้ โดยบุคคลสำคัญ เช่น หมอบรัดเลย์ หมอสมิท ได้ใช้วิธีการรักษาตามการแพทย์แผนใหม่ 4) ด้านศิลปวัฒนธรรม ได้แพร่หลายมากขึ้นในไทยภายหลังจากทำสนธิสัญญาเบาว์ริง พ.ศ. 2398 เป็นต้นมา เช่น การแต่งกายแบบสากลนิยม การรับประทานอาหารด้วยช้อนส้อม การนับเวลาแบบสากล การนับวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตลอดจนรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เช่น พระราชวังสราญรมย์ และในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่น พระที่นั่งวโรภาสพิมานในพระราชวังบางปะอิน พระที่นั่งอนันตสมาคม สาลาว่าการกระทรวงกลาโหม ศาลาว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น 5) ด้านวรรณกรรม เริ่มตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แปลวรรณกรรมตะวันตก เรื่อง Uncle’s Tom Cabin เป็นภาษาไทย ชื่อว่า “กระท่อมน้อยของลุงทอม” และในสมัยรัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงแปลวรรณกรรมเรื่อง The Merchant of Venice เป็นภาษาไทยในชื่อ “เวนิสวานิช” เป็นต้น 6) ด้านภาษา ได้รับการเผยแพร่จากบรรดามิชชันนารีที่เข้ามาในไทย เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาละติ ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการศึกษาภาษาของชาติตะวันตกจนถึงกับทรงจ้างชาวต่างชาติมาสอนพระราชโอรส พระราชธิดา รวมทั้งทรงส่งพระราชโอรสไปศึกษายังประเทศในทวีปยุโรปหลายพระองค์ 7) ด้านอาหาร ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เริ่มรับประทานอาหารตะวันตก โดยเริ่มจากราชสำนักก่อน โดยเฉพาะในงานพระราชทานเลี้ยงคณะทูตตะวันตก ต่อมาจึงแพร่หลายไปยังบ้านพระราชวงศ์ และขุนนางต่างๆ ปัจจุบันอาหารตะวันตก เช่น กาแฟ ขนมปัง ขนมเค้ก ได้เป็นที่นิยมรับประทานกันมาก เพราะสะดวก รวดเร็ว และมีขายอยู่ทั่วไปตามร้านค้าต่างๆ กล่าวโดยสรุป พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นการฟื้นฟูประเทศให้เหมือนเมื่อครั้งบ้านเมืองดี คือ ทำให้บ้านเมืองเหมือนในสมัยอยุธยาทั้งรูปแบบการปกครอง สังคม ศิลปวัฒนธรรม ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศอย่างกว้างขวาง และในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อถูกจักรวรรดินิยมตะวันตกคุกคามจึงได้ทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในทุกด้าน เพื่อให้ชาติไทยรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตก อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ราษฎรไทยก็มีสิทธิเสรีภาพตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเช่นเดิม |