ปัญหาโลกแตกสำหรับคนที่มีแผนจะซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียมสักหลัง คือความกังวลว่ารายได้ หรือเงินเดือนที่มีเท่านี้ จะสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ เรามีสูตรคำนวณพร้อมรวมเทคนิคกู้ซื้อบ้านให้ผ่านง่ายมาให้แล้ว Show
สูตรคำนวณรายได้กู้ซื้อบ้านก่อนที่จะคำนวณต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นว่า การที่จะกู้ซื้อบ้านแต่ละครั้ง ทางธนาคารจะมีเกณฑ์การพิจารณาในการปล่อยสินเชื่อดังนี้
ที่สำคัญคือ ผู้กู้สามารถแบกรับภาระหนี้ได้ไม่เกิน 40% ของรายได้ จากนั้นก็นำมาคำนวณร่วมกับเงินเดือน จะได้ยอดที่ผ่อนชำระต่อเดือน ยกตัวอย่างเช่น ผู้กู้มีเงินเดือน 15,000 บาท เมื่อนำมาคำนวณกับก้อนหนี้ 40% คือ 15,000 x 40% = 6,000 บาทเท่ากับว่าผู้กู้มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน จะสามารถผ่อนบ้านได้เดือนละ 6,000 บาท แต่ถ้าหากมีหนี้สินอื่นๆ เช่น ผ่อนรถ หรือผ่อนหนี้บัตรเครดิตอยู่เดือนละ 5,000 บาท ก็ทำให้ผู้กู้เหลือความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลง (6,000-5,000) เหลือเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น ส่วนวงเงินเฉลี่ยที่สามารถกู้ได้ เราสามารถคำนวณได้คร่าวๆ โดยใช้สูตรนี้ รายได้ของผู้กู้ x หนี้ 40% x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้นั่นคือ ผู้กู้มีรายได้ 15,000 บาท x หนี้ 40% x 150 = 900,000 บาทดังนั้นเมื่อนำฐานเงินเดือนมาคำนวณคร่าวๆ แล้วจะมีวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้เป็นวงเงินเฉลี่ยที่นำมาใช้คำนวณคร่าวๆ เพื่อให้ผู้กู้นำไปใช้วางแผนทางการเงินก่อนกู้ซื้อบ้านเท่านั้น เพราะการกู้ซื้อบ้านจากธนาคารจะมีการนำปัจจัยอื่นๆ มาใช้ในการคำนวณร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร ณ เวลานั้น ระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้ หรือนโยบายการปล่อยสินเชื่อของแต่ละธนาคารที่แตกต่างกันไป
นอกจากนี้ ควรเคลียร์หนี้สินเดิมที่มีไม่ว่าจะเป็น หนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ หรือสินเชื่อต่างๆ ให้มากที่สุดก่อนทำการกู้ซื้อบ้าน เพื่อมีความสามารถในการผ่อนบ้านได้สบายตัวขึ้น และไม่ทำให้ชีวิตลำบากจนเกินไปนั่นเอง ยิ่งถ้าเราผ่อนมากเท่าไร ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลง และหนี้ก็หมดเร็วขึ้นเท่านั้น เทคนิคกู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุยเมื่อเรารู้วงเงินคร่าวๆ ที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้แล้ว สิ่งที่ผู้กู้ควรเตรียมตัวก่อนยื่นเรื่องกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร คือ 1. ออมเงินให้พร้อมเพื่อเตรียมกู้ซื้อบ้านก่อนทำการกู้ซื้อบ้าน ผู้กู้ควรออมเงินเพื่อเตรียมพร้อม อย่างน้อยควรออมเงินให้ได้ 20% ของราคาบ้าน หรือคอนโดฯ ที่จะซื้อ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจอง ทำสัญญา และเงินดาวน์ 2. เคลียร์หนี้ เช็กประวัติเครดิตบูโรรักษาประวัติเครดิตให้ดี เพิ่มอัตรากู้ผ่าน หากว่าเรามีประวัติเครดิตบูโรไม่ค่อยดี เช่น ชำระหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด การผ่อนชำระต่างๆ ไม่ตรงเวลา ก็จะติด Blacklist หรือเป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะเกินไป เมื่อธนาคารประเมินความสามารถในการผ่อนชำระก็ไม่พอที่จะส่งค่างวด เป็นผลให้ไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อกู้ซื้อบ้านไปด้วย 3. เตรียมเอกสารให้พร้อมธนาคารจำเป็นต้องใช้เอกสารต่างๆ เพื่อนำไปใช้พิจารณาในการกู้ซื้อบ้านทุกครั้ง ได้แก่ เอกสารจัดแจงรายได้
เอกสารเกี่ยวกับผู้กู้
4. หาผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน
หากไม่แน่ใจว่ารายได้ของตนเองคนเดียวจะเพียงพอต่อการขออนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้านในฝัน การหาผู้กู้ร่วมจะช่วยเพิ่มวงเงินในการกู้ซื้อบ้านได้สูงขึ้น โดยผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้ในฐานะที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันหรือบิดามารดากู้ร่วมกับลูก หรือสามีภรรยา ในกรณีที่แต่งงานกันแล้ว แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน ผู้กู้ร่วมก็ต้องแสดงหลักฐานอื่นๆ ประกอบ เช่น ทะเบียนบ้านที่แสดงว่าปัจจุบันอยู่ด้วยกัน หรือถ้ามีลูกก็ต้องแสดงใบเกิดที่ระบุชื่อพ่อแม่ ถ้าหากมั่นใจแล้วว่าสามารถบริหารจัดการหนี้สินได้ไม่ลำบาก มีเงินออมพร้อมกู้ซื้อบ้าน และเตรียมตัวด้านอื่นๆ ไว้พร้อมแล้ว ก็เดินหน้าขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารได้เลย เงินเดือนเท่าไร กู้บ้าน 4 ล้านตารางเปรียบเทียบเงินเดือนและวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้. ซื้อบ้าน5ล้านผ่อนเิแนเท่าไรตัวอย่าง หากเราต้องการซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท โดยให้เงินดาวน์ 10% ก็คือ 500,000 บาท ดังนั้นก็จะต้องขอกู้จากธนาคารที่วงเงิน 4,500,000 บาท และหากธนาคารคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 5% ต่อปีแบบคงที่ และขอระบุระยะเวลาผ่อน 30 ปี ซึ่งคำนวณแล้วจะได้อัตราการผ่อนขั้นต่ำที่ 24,200 บาท ต่อเดือน ดังนั้นรายได้ขั้นต่ำของเราที่ควรต้องมีก็ไม่ ...
ผ่อนบ้าน 3 ล้าน เดือนเท่าไรก่อนจะไปถึงต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ ถ้าซื้อบ้าน 3 ล้าน ลองมาดูเรื่องเงินเดือนกันก่อน ตามระเบียบในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารโดยทั่วไป จะยอมรับภาระหนี้รวมทั้งหมดของผู้กู้ไม่เกิน 40% ของรายได้ หากใช้หลักเกณฑ์ในการคำนวณเงินผ่อนบ้านคร่าว ๆ ล้านละ 7,000 บาทต่อเดือน สำหรับบ้าน 3 ล้านบาท ก็จะผ่อนเดือนละ 21,000 บาท
บ้านผ่อนเดือนเท่าไรหากพิจารณาจากภาระการผ่อนชำระเป็นตัวตั้ง และคิดย้อนกลับไปเป็นราคาบ้าน โดยปกติแล้วเราควรผ่อนชำระไม่เกิน 30-50% ของรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น หากมีรายรับหลังหักค่าใช้จ่าย 20,000 บาทต่อเดือน หมายความว่า เรามีกำลังผ่อนบ้านอยู่ประมาณ 6,000-10,000 บาทต่อเดือน
|