ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน แฟ้มภาพ คนส่วนใหญ่มักไม่แน่ใจว่าความเครียดคืออะไร อย่างใดจึงเรียกว่าเครียด หรือรู้ตัวได้อย่างไรว่าตนเองเครียด บางคนอาจจะโดนความเครียดรุมเล่นงานโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ การที่จะรู้ว่าตนเองหรือคนรอบข้างเครียดหรือไม่ ลองสำรวจพฤติกรรมการดำเนินชีวิตตามปกติดูว่ามีอะไรผิดแปลกไปบ้าง ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือการแสดงออกทางอารมณ์ คนที่เครียดมักจะหงุดหงิด ฉุนเฉียว โมโหร้ายมากกว่าที่เคยเป็น ระงับอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ หากเป็นยามปกติเมื่อมีสิ่งมากระทบจิตใจ ส่วนมากมักจะควบคุมตนเองได้ รู้จักคิดกลั่นกรองหาเหตุผล แต่ตอนที่อยู่ในภาวะเครียด ความควบคุมตนเองจะน้อยลง ฉะนั้น บางครั้งจะแสดงออกรุนแรงมากกว่าที่ตนเองเคยเป็น โกรธง่าย โมโหง่าย ฉุนเฉียวง่าย ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้มากขึ้น สำหรับการแสดงออกทางกาย ความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนสารทุกข์ออกมาคือ อะดรีนาลิน สตีรอยด์ เมื่อฮอร์โมนเหล่านี้เข้าสู่กระแสหมุนเวียนเลือดจะนำไปสู่อวัยวะสำคัญต่างๆ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงการทำงานของอวัยวะสำคัญๆ รวนเรไปหมด ผลของความเครียด ดังที่กล่าวไปแล้วว่าฮอร์โมนสารทุกข์ที่หลั่งในขณะเกิดความเครียดนั้นส่งผลสู่อวัยวะสำคัญๆของร่างกาย ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของการทำงาน ดังนี้
ที่กล่าวมาล้วนเป็นผลของความเครียดต่อร่างกาย หากไม่ได้รับการบำบัดหรือคลายเครียด ความเครียดอาจจะสะสมทำให้เป็นโรคจิตโรคประสาทได้ หากเป็นไม่มากก็อาจแค่วิตกกังวล นอนไม่หลับ แต่ถ้าเป็นมากก็อาจจะเป็นโรคประสาทได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ทั่วทั้งโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 และสภาวะความผันผวนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ ข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน จนเกิดความเครียดสะสมและส่งผลกระทบต่อชีวิตในหลายด้าน ดังนั้นการทำความเข้าใจและรู้วิธีรับมือกับความเครียดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดี มารู้จักโรคเครียดกันก่อน โรคเครียด คือ ภาวะการเผชิญกับความกดดันจากเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของร่างกายและจิตใจ โดยร่างกายจะหลั่งสารสื่อประสาทที่ทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยสภาวะการสู้หรือหนี (Fight-or-Flight) ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ กล้ามเนื้อหดตัว และความดันโลหิตสูง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเครียดจะรู้สึกกังวล ฟุ้งซ่าน หวาดระแวงกับสถานการณ์กระตุ้น และอาจถึงขั้นฝันร้ายได้ โดยปกติจะมีอาการประมาณหนึ่งเดือน แต่หากนานกว่านั้นอาจจะกลายเป็นโรคเครียดหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ หรือ PTSD ได้ อาการของโรคเครียด โดยปกติแล้วผู้ป่วยจะมีอาการทันทีหลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งแบ่งระดับอาการได้ 4 ระดับ 1. ความเครียดต่ำ - รู้สึกเบื่อหน่าย ตอบสนองเชื่องช้า ขาดแรงกระตุ้นในการใช้ชีวิต 2. ความเครียดระดับปานกลาง – อารมณ์ขุ่นมัว ไม่ร่าเริงแจ่มใส วิตกกังวล ระดับนี้ยังเป็นความเครียดในระดับปกติ สามารถหากิจกรรมช่วยผ่อนคลายได้ 3. ความเครียดระดับสูง - เป็นความเครียดที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์รุนแรง เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม เช่น อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ปวดท้อง นอนไม่หลับ เป็นต้น 4. ความเครียดระดับรุนแรง – ก่อให้เกิดความผิดปกติและเกิดโรคต่าง ๆ เช่น มีอาการทางจิต มีความบกพร่องในการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรเข้าพบแพทย์ ผลกระทบของความเครียดต่อร่างกาย ความรู้สึกและพฤติกรรม โดยทั่วไปความเครียดมักเริ่มต้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน และสะสมจนแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ • ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย o กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้ปวดหลัง ปวดต้นคอ มีปัญหาเกี่ยวกับเอ็นตามกล้ามเนื้อ o ร่างกายตื่นตัวมาก ทำให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น มือเท้าเย็น เหงื่อออกตามฝ่ามือ เวียนศีรษะ ปวดไมเกรน หายใจไม่สุดและเจ็บหน้าอก o อ่อนเพลีย และแรงขับทางเพศลดลง o ปวดท้องและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร o มีปัญหาการนอน ฝันร้าย นอนไม่หลับ นอนไม่เต็มอิ่ม o ผมร่วง o หนังตากระตุก • ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ o วิตกกังวล ฟุ้งซ่าน o รู้สึกกดดันอยู่เสมอ และตื่นตัวง่ายกว่าปกติ o ไม่มีสมาธิ รวมถึงไม่มีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ แม้จะเป็นสิ่งที่ชอบทำก็ตาม o ซึมเศร้า รู้สึกเหงา โดดเดี่ยว o อารมณ์แปรปรวนง่าย • ความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม o รับประทานอาหารมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าปกติ o โกรธง่าย อารมณ์ฉุนเฉียวและก้าวร้าวรุนแรง o สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติดอื่น ๆ o ปลีกวิเวก ไม่เข้าสังคม ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง o ทำกิจกรรมต่าง ๆ และเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง o มึนงงหลงลืม ไม่มีสติหรือไม่รับรู้การมีอยู่ของตัวเอง สมาธิสั้น วิธีการรักษาและการป้องกัน · สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจว่าแตกต่างไปจากปกติหรือไม่ · ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการมองสิ่งต่าง ๆ ให้เข้าใจ และมองหาพลังบวกจากสิ่งที่เกิดขึ้น · ฝึกทักษะการสื่อสาร บอกความต้องการและความรู้สึกกับคนใกล้ชิดหรือเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้น · ปรับสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ได้บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น · หากิจกรรมที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจและผ่อนคลายความเครียด · หากไม่สามารถจัดการความเครียดด้วยตัวเองได้ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินระดับอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในการรับมือและจัดการความเครียดแตกต่างกันออกไป และพลังใจก็คือเชื้อเพลิงสำคัญในการขับเคลื่อนพลังกาย การหมั่นสำรวจและดูแลจิตใจของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิตสามารถตรวจสุขภาพจิตใจออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/MindHealth แหล่งที่มาของข้อมูล · โรงพยาบาลบำรงราษฎร์ ·
โรงพยาบาลเปาโล · โรงพยาบาลเพชรเวช · เว็บไซต์พบแพทย์ |