แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน 3 รหัสวิชา ว22101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สาระที่ 3 หน่วยที่ 4 เรื่อง การสกัดด้วยตัวทำละลาย เวลา 2.00 ชั่วโมง ……………………………………………………………………………………………………. มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด 1. ทดลองและอธิบายการหลักการแยกสารด้วยวิธีการกรอง การตกผลึก การสกัด การกลั่น และ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหลักการแยกสารโดยวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย การสกัดโดยวิธีการกลั่นด้วยไอน้ำ 2. ออกแบบวิธีสกัดสารโดยการสกัดด้วยตัวทำละลายโดยเลือกใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสม 3. ยกตัวอย่างการแยกสารโดยการสกัดด้วยตัวทำละลายที่พบในชีวิตประจำวันและในอุตสาหกรรม เนื้อหา (รายละเอียดของเนื้อหาอยู่ในใบความรู้ที่ 32) - การแยกสาร :: การสกัดด้วยตัวทำละลาย การจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. ขั้นนำ 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสารที่มีสี กลิ่น รสชาติ ที่มีอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของพืช และรวมอยู่เป็นเนื้อเดียวกับส่วนต่าง ๆ ของพืช มีสารใดบ้าง ได้จากพืชชนิดใด เราจะมีวิธีแยกสารเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ในชีวิตประจำวัน ใครเคยแยกสารที่มีกลิ่นหอมจากส่วนต่าง ๆ ของพืชบ้าง ทำได้อย่างไร 2. ขั้นสอน 1. ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4-5 กลุ่มๆ ละ 4-5 คนและทำกิจกรรม7.2 จะแยกสารจากส่วนต่าง ๆ ของพืชได้อย่างไร กิจกรรม 7.2 จะแยกสารจากส่วนต่าง ๆ ของพืชได้อย่างไร จุดประสงค์ของกิจกรรม 1. อธิบายการแยกสารโดยวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย 2. เลือกใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสมในการสกัดสารจากส่วนต่าง ๆ ของพืช 3. เสนอแนะการใช้ประโยชน์จากสารที่สกัดได้จากส่วนต่าง ๆ ของพืช 4. ยกตัวอย่างการแยกสารโดยการสกัดด้วยตัวทำละลายที่พบในชีวิตประจำวัน เวลาที่ใช้ 80 นาที อภิปรายก่อนกิจกรรม 15 นาที ทำกิจกรรม 40 นาที อภิปรายหลังกิจกรรม 25 นาที วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี รายการ ปริมาณต่อ 10 กลุ่ม 1. ขมิ้นหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (หรือพืชอื่น ๆ ที่มีในท้องถิ่น)* 2. เส้นใยฝ้าย หรือเส้นใยจากพืชอื่น ๆ 3. เอทานอล 4. น้ำกลั่น 5. ขวดรูปกรวยขนาด 100 cm3 พร้อมจุกปิดปากขวดหรือหลอดทดลองขนาดใหญ่พร้อมจุกปิด) 6. บีกเกอร์ ขนาด 250 cm3 7. กรวยแก้วหรือกรวยพลาสติก 8. ถ้วยระเหย 9. ตะเกียงแอลกอฮอล์พร้อมที่กั้นลม และตะแกรงลวด 10. กระดาษกรอง 11. กระบอกตวงขนาด 10 cm3 12. เครื่องชั่ง 100 g 50 g 50 cm3 100 cm3 20 ชุด 20 ใบ 10 ชุด 20 ใบ 10 ชุด 10 แผ่น 10 ใบ 1 – 2 เครื่อง * อาจเลือกใช้พืชอื่น ๆ ที่มีในท้องถิ่น เช่น ขิงแก่ ใบเตย ตะไคร้หอม ดอกกระเจี๊ยบ เป็นต้น การเตรียมล่วงหน้า ให้เตรียมพืชในท้องถิ่นที่สนใจจะสกัดสารมากลุ่มละ 1 – 2 ชนิด 2. ครูอภิปรายก่อนทำกิจกรรมที่ 7.2 ตอนที่ 1 ขมิ้นที่จะใช้ ควรหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้การสกัดได้ผลดี โดยใช้น้ำสกัด เปรียบเทียบกับที่ใช้แอลกอฮอล์สกัดว่าตัวทำละลายชนิดใดจะสกัดสีจากขมิ้นได้ดีกว่ากัน ตอนที่ 2 ผู้เรียนนำพืชที่สนใจจะศึกษามากลุ่มละ 1 ชนิด แล้วอภิปรายร่วมกันว่า ถ้าจะแยกสารที่มีสีหรือกลิ่นจากส่วนต่าง ๆ ของพืช จะใช้วิธีการแบบเดียวกับตอนที่ 1 ได้หรือไม่ พืชที่ผู้เรียนนำมาซึ่งมีในท้องถิ่นอาจเป็นตะไคร้หอม ใบเตย ขิง ดอกอัญชัน แก่นขนุน ดอกกระเจี๊ยบแดง ลำไยแห้ง ข่า มะตูม ผิวมะกรูด ผิวมะนาว กระชายดำ เป็นต้น ให้แต่ละกลุ่มระดมความคิดกันเพื่อกำหนดว่าจะใช้ส่วนใดของพืช ใช้ปริมาณเท่าไร ใช้สารใดเป็นตัวทำละลาย และใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ฯลฯ ตัวอย่างผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 1 ตัวทำละลาย สารตัวอย่าง ผลที่สังเกตได้เมื่อใช้น้ำ ผลที่สังเกตได้เมื่อใช้เอทานอล ของเหลวที่ได้ เมื่อนำไประเหยแห้ง ของเหลวที่ได้ เมื่อนำไประเหยแห้ง ขมิ้น มีสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นขมิ้นเล็ก น้อย มีสารสีเหลืองเป็น ผง จำนวนมาก มีสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นขมิ้น มีสารสีเหลืองจำนวนน้อย และมีของเหลวเป็นน้ำมันข้นเหลวอยู่เล็กน้อย 3. ครูให้ผู้เรียนอภิปรายผลหลังการทำกิจกรรมร่วมกันภายในกลุ่มโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทางจนได้ข้อสรุปว่า • สามารถสกัดสารที่มีสีหรือสารที่มีกลิ่นจากขมิ้นได้ด้วยตัวทำละลายต่าง ๆ • ปริมาณสารที่สกัดได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของพืชที่ใช้และปริมาณของตัวทำละลาย • ถ้าใช้ตัวทำละลายต่างชนิดกัน จะสกัดสารได้ต่างกัน -ตัวทำละลายต่างชนิดกันใช้สกัดสารได้ต่างกัน คือ น้ำสามารถสกัดสีจากขมิ้นได้ดีกว่าเอทานอล -ถ้าผสมน้ำและเอทานอลเข้าด้วยกัน สารที่สกัดได้ จะมีทั้งสีและกลิ่นรวมอยู่ด้วยกัน -การหั่นขมิ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำให้สกัดสารได้ดี ได้สารสีเหลือง หรือกลิ่นหอมออกมาขึ้น - สารที่สกัดได้จากขมิ้น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ทำเครื่องสำอาง ผสมในอาหาร เช่น ข้าวหมกไก่ ไก่ย่าง ปลาทอดขมิ้น แกงเหลือง เป็นต้น ส่วนกลิ่นอาจนำไปผสมในน้ำมันหม่องสมุนไพร ตัวอย่างผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ตัวทำละลาย สารตัวอย่าง ผลที่สังเกตได้เมื่อใช้น้ำ ผลที่สังเกตได้เมื่อใช้เอทานอล ของเหลวที่ได้ เมื่อนำไประเหยแห้ง ของเหลวที่ได้ เมื่อนำไประเหยแห้ง ขิงแก่ ของเหลวสีขาว ขุ่น มีกลิ่นขิง ได้สารสีเหลืองอ่อนเล็กน้อย(เป็นผง) ของเหลวสีเหลืองมีกลิ่นขิงปนกลิ่นเอทานอล ได้สารสีเหลืองเป็นผงจำนวนมาก ใบเตย ของเหลวสีเขียว อ่อน มีกลิ่น หอมใบเตย ได้สารสีเขียวเป็นผงจำนวนเล็กน้อย ของเหลวสีเขียว มีกลิ่นหอมปน กลิ่นเอทานอล ได้สารสีเขียวเป็นผงจำนวนมาก ตะไคร้หอม ของเหลวสีขาว ขุ่น แยกเป็น 2 ชั้นมีกลิ่นเฉพาะ ตัว ได้ของเหลวใส มีกลิ่นตะไคร้ ของเหลวสีเหลืองอ่อน ได้ของเหลวใสสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นตะไคร้ ดอกกระเจี๊ยบ ของเหลวสีแดง ได้สารสีแดงเป็นผง ของเหลวสีแดง ได้สารสีแดงเป็นผง • สามารถสกัดสารจากส่วนต่าง ๆ ของพืชได้ โดยอาศัยหลักการเกี่ยวกับการละลายของสารในตัวทำละลาย • ชนิดและปริมาณสารที่สกัดได้ ขึ้นอยู่กับชนิด ปริมาณ และส่วนต่าง ๆ ของพืชที่นำมาใช้ รวมทั้งชนิดและปริมาณของตัวทำละลาย • สารที่สกัดได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย - ในแต่ละท้องถิ่นอาจมีการสกัดสารด้วยตัวทำละลายจากพืชต่าง ๆ เช่น ใบเตย ดอกมะลิ ตะไคร้หอม ดอกกระเจี๊ยบ กระชายดำ ข่า ขิง แก่นขนุน ใบหูกวาง ใบสะระแหน่ ไพล พริก ส่วนใหญ่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลายในการสกัดบางชนิดใช้น้ำเย็น เช่น สกัดสีจากใบเตย กลิ่นหอมจากดอกมะลิ สีจากดอกอัญชัน บางชนิดสกัดด้วยน้ำร้อน เช่น สีจากดอกกระเจี๊ยบ กลิ่นหอมจากตะไคร้หอม สีจากแก่นขนุน ใบหูกวาง บางชนิดใช้เอทานอลสกัด เช่น ยาดองเหล้าสมุนไพร ไวน์กระชายดำ การใช้ประโยชน์จากสารที่สกัดได้ เช่น • นำสีที่สกัดได้จากแก่นขนุน มาย้อมเส้นใย หรือผ้าฝ้ายให้เป็นลวดลาย ใช้ตกแต่งอุปกรณ์ เครื่องใช้ • นำสีและกลิ่นหอมที่สกัดได้จากใบเตย ดอกมะลิ ดอกอัญชัน ดอกกระเจี๊ยบ ดอกกระดังงา ใช้ผสมทำอาหารคาว หวาน • นำน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จาก ขิง ข่า ไพล พริก ใบสะระแหน่ มาทำยาหม่อง • นำสารที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคที่สกัดได้จากส่วนต่าง ๆของพืช มาทำยาลูกกลอน หรือระเหยแห้งแล้วบรรจุแคปซูล 5. ครูให้ข้อเสนอแนะว่า อาจนำความรู้เกี่ยวกับการสกัดสารไปใช้ประโยชน์ เช่น นำสีไปย้อมเส้นใยฝ้าย ผักตบชวา ผสมในแชมพู สบู่ อาหาร นำน้ำมันหอมระเหยไปผสมในยาหม่อง ยาดม ลูกอมสมุนไพร และจัดแสดงผลงาน 6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ การใช้ตัวทำละลายสกัดสารออกจากส่วนต่าง ๆ ของพืช ตามรายละเอียดในบทเรียน รวมทั้งอภิปรายร่วมกันถึงวิธีการสกัดสารจากธรรมชาติ โดยใช้ไอน้ำร้อนจากการหุงต้ม ซึ่งเรียกวิธีการสกัดแบบนี้ว่า การสกัดโดยการกลั่นด้วยไอน้ำ และกล่าวว่า น้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากส่วนต่าง ๆ ของพืช สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ดังนี้ - กลิ่นหอมจากดอกไม้ ใบเตย ใช้ทำหัวน้ำหอม ผสมในอาหาร ทำให้มีกลิ่นหอม ผสมทำธูปหอม เทียนหอม - น้ำมันหอมระเหยจากขิง ข่า กระชาย ไพล พริก ใบสะระแหน่ (เมนทอล) ใช้ผสมทำยาดม ยาหม่อง ยาอม 7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหา เรื่อง การสกัดด้วยตัวทำละลาย ว่ามีส่วนไหนที่ไม่เข้าใจและให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น 3. ขั้นสรุป 1. ครูมอบหมายให้นักเรียนสรุปความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเนื้อหาที่ได้เรียนในวันนี้ แล้วร่วมกันสรุปความรู้ เรื่อง การสกัดด้วยตัวทำละลาย ตามรายละเอียดในใบความรู้ 2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาความรู้ เรื่อง การกลั่น ซึ่งจะเรียนในคาบต่อไปมาล่วงหน้า สื่อการเรียนการสอน 1. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน จำนวน 5 ข้อ 2. ใบความรู้ที่ 32 เรื่อง การแยกสาร :: การสกัดด้วยตัวทำละลาย 3. ใบงานที่ 31 เรื่อง การแยกสาร :: การสกัดด้วยตัวทำละลาย 4. อุปกรณ์และสารเคมีที่ใช้ในการศึกษาทดลอง การวัดผลประเมินผลการวัดผลประเมินผลด้าน วิธีการวัด เครื่องมือวัดเกณฑ์การผ่าน 1. ด้านความรู้ความเข้าใจ 1.วัดจากแบบทดสอบก่อน-หลังเรียน 1. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน 1. ตอบคำถามถูกมากกว่าหรือเท่ากับ 60% ข้อขึ้น 2.วัดจากการตอบคำถามตามใบงานที่ 31 2.ใบงานที่ 31 2. ตอบคำถามถูกมากกว่าหรือ เท่ากับ 60%ขึ้นไป 2. ด้านทักษะกระบวนการ ประเมินจากทักษะการปฏิบัติการ แบบประเมินด้านทักษะ(การทดลอง) ได้คะแนนในระดับ 2 ขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ การสังเกตพฤติกรรมความสนใจ และตั้งใจเรียน แบบสังเกตพฤติกรรมความสนใจและตั้งใจเรียน ได้คะแนนในระดับ 2 ขึ้นไป กิจกรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. |