การพัฒนาระบบสารสนเทศเป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิค การศึกษา วิเคราะห์ และการออกแบบสารสนเทศขององค์กร ให้สามารถดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ (ไพบูลย์ เกียรติโกมล และณัฏฐพันธ เขจรนนท, 2551, น. 87) โดยจะเรียกวิธีการดำเนินในลักษณะนี้ว่า การวิเคราะห์และออกแบบระบบ (system analysis and design) เนื่องจากมีการศึกษาและวิเคราะห์ กระแส ข้อมูล ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลรับเข้า กระบวนการ ข้อมูล ส่งออก การพัฒนาโปรแกรม การติดตั้ง และการบำรุงรักษา ตลอดจนกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบในอนาคต หลักการพัฒนาระบบสารสนเทศความหมายของการพัฒนาระบบสารสนเทศเป็น กระบวนการสร้างระบบงานใหม่หรือปรับเปลี่่ยนระบบงานเดิมที่่ มีอยู่แล้วเพื่อใช้แก้ปัญหา หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหน่วยงาน และให้การทางานมีประสิทธิภาพตอบสนองตอความต้องการ ของผู้ใช้งานโดยอาจนำระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยในการดำเนินงาน คือการประมวลผลเรียบเรียง จัดเก็บข้อมูลเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้สารสนเทศที่ถูกต้องครบถ้วน สิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติในการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพ คือ1.คำนึงถึงเจ้าของระบบและผู้ใช้ระบบ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาระบบปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาระบบใหม่เกิดจากปัจจัยที่ เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน และผู้ใช้ทีมีความหลากหลาย ดังนั้นการ ที่ วิธีการพัฒนาระบบการใช้งานของระบบสารสนเทศในแต่ละองค์กรมีวิธีการใช้ที แตกตางกน เพราะมีการดำเนินธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะงาน โอภาส เอียมสิริวงศ์ (2555, น. 61) ได้แบ่งวิธีการพัฒนาระบบสารสนเทศออกเป็น 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ วัฏจักรพัฒนาระบบสารสนเทศวัฎจักรการพัฒนาระบบ (system development life cycle : SDLC) เป็นการแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมตาง ๆ ตั้งแต่เริมต้น จนถึงสิ้นสดโครงการ รูปแบบวัฏจักรการพัฒนาระบบจะมีความ หลากหลายตามการคิดค้นและพัฒนา จึงมีความแตกต่างใน รูปแบบ ปัจจุบันมีรูปแบบอยู่มากมายขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งาน 1.ทฤษฎีการวิเคราะห์และออกแบบระบบ การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) เป็นการศึกษา วิเคราะห์ และแยกแยะถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบ พร้อมทั้งเสนอแนวทางเสนอแนวทางแก้ไขตามความต้องการของผู้ใช้งาน read more 2.วัฎจักรการพัฒนาระบบงาน (System development Life Cycle : SDLC SDLCเป็นตัวย่อมาจากSystems Development Life Cycle ในการพัฒนาระบบสารสนเทศในองค์กรจะต้องมีการวิเคราะห์กระบวนการทํางานของ องค์กร เราเรียกว่าSystem development Life Cycle (SDLC) read more แผนภาพวงจรการพัฒนาระบบ (SDLC)ทฤษฎีการวิเคราะห์และออกแบบระบบ วงจรการพัฒนาระบบวงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle : SDLC) คือ กระบวนการทาง 2. ศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) 3. วิเคราะห์ (Analysis) 4. ออกแบบ (Design) 5. สร้างหรือพัฒนาระบบ (Construction) 6. การปรับเปลี่ยน (Conversion) 7. บำรุงรักษา (Maintenance) เป็นขั้นตอนสุดท้ายของวงจรพัฒนา รูปแบบวงจรการพัฒนาระบบมีการคิดค้นและพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย (ศรีไพร ศักดิ์รุ่งพงศากุล, 2549 : 308-320 ; ณัฎฐพันธ์ เขจรนันทน์, 2551 : 68-72 ; พรรณี สวนเพลง, 2552 : 303-308) ได้อธิบายถึงรูปแบบวงจรการพัฒนาระบบบางรูปแบบ ไว้ดังต่อไปนี้ 1.รูปแบบน้ำตก (Waterfall Model) เป็นรูปแบบที่นิยมมานานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีหลักการเสมือนกับน้ำตกซึ่งไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ เมื่อในอดีตในแต่ละขั้นตอนไม่สามารถย้อนกลับได้จึงเป็นจุดอ่อน จนปัจจุบันขั้นตอนการทำงานสามารถที่จะวนหรือย้อนกลับ (Iteration) ไปแก้ไขได้ หรือที่เรียกว่า Adapted Waterfall Model 2.รูปแบบวิวัฒนาการ (Evolutionary Model) วงจรการพัฒนาระบบในรูปแบบวิวัฒนาการมีแนวความคิดที่เกิดมาจากทฤษฎีวิวัฒนาการ โดยจะพัฒนาระบบจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในเวอร์ชั่น (Version) แรกก่อน จากนั้นจึงพิจารณาข้อดีและข้อเสียของระบบ หาข้อผิดพลาดโดยการทดสอบและประเมินระบบ จากนั้นมีการเริ่มกระบวนการพัฒนาระบบใหม่จนได้ระบบงานในเวอร์ชั่นที่ 2 เวอร์ชั่นที่ 3 เวอร์ชั่นที่ 4 และเวอร์ชั่นต่อๆ ไป จนกว่าจะได้ระบบที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ต้องมีการวางแผนกำหนดตั้งแต่เริ่มโครงการพัฒนาระบบให้ชัดเจน 3.รูปแบบค่อยเป็นค่อยไป (Incremental Model) วงจรการพัฒนาระบบในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไปมีลักษณะคล้ายคลึงกับรูปแบบวิวัฒนาการ แต่มีข้อแตกต่างกันตรงที่ระบบที่ได้ในแต่ละช่วง เนื่องจากระบบที่เกิดขึ้นในการพัฒนาขั้นแรกนั้นจะยังไม่ใช่ระบบที่สมบูรณ์ แต่เป็นระบบเพียงส่วนแรกเท่านั้นจากระบบที่ต้องการทั้งหมด จนเมื่อมีการพัฒนาในขั้นตอนที่ 2 จึงได้ระบบที่มีส่วนที่ 2 เพิ่มเติมเข้าไป และจะมีการเพิ่มส่วนอื่นๆ เข้าไปจนครบทุกส่วน จนกลายเป็นระบบที่สมบูรณ์ที่สุด 4.รูปแบบเกลียว (Spiral Model) วงจรการพัฒนาระบบในรูปแบบเกลียวจะมีลักษณะที่กระบวนการวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนา จะวนกลับมาในแนวทางเช่นเดิมเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ระบบที่สมบูรณ์ การพัฒนาระบบงานด้วยวงจรการพัฒนาในรูปแบบนี้มีความยืดหยุ่นมากที่สุด เนื่องจากกระบวนการทำงานใน 1 รอบไม่จำเป็นต้องได้ระบบ และระยะเวลาแต่ละขั้นตอนในแต่ละรอบนั้นจะใช้เวลาเท่าใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเท่ากันในทุกๆ รอบ และถ้าหากไม่มีความจำเป็น บางขั้นตอนอาจจะถูกข้ามไปก็ได้ |